pharjung เขียน:py106 เขียน:ทำดาแหละครับ ทำงานก็มีเครียดบ้าง แต่ส่วนใหญ่สนุกนะการตรวจ GMP เนี่ย...
มันมักจะเครียดก็ตอนที่โรงงานพูดอย่างไปอีกอย่าง หรือเล่นตุกติกน่ะ
นอกนั้นก็ไม่เครียดมากครับ ใช้สมองเยอะ แต่การตรวจนี่เน้นคิดสร้างสรรค์ด้วย (จริงๆนะเอ้า...)
ว่าแต่โรงงานซอย 7A นี่จำไม่ได้หรอกคับ ว่าแต่ใช่โรงงานที่ภาษาไทยขึ้นต้นด้วย "ไ" ภาษาอังกิดขึ้นต้นด้วย "B" รึเปล่า
แต่ถึงจะใช่ก็จำมะได้หรอกจ้า เพราะโรงนี้ไปบ่อย
การตรวจต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์!!
อันนี้สงสัยค่ะพี่ มันต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ด้วย......อืม....หมายถึงการคิดคำถามเพื่อให้โรงงานนั้นคาย.ความจริงหรือเปล่าคะ??
ถ้าอย่างนี้ คงต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากๆๆ เลยล่ะค่ะ เพราะน้องคิดว่า....การที่จะจับให้ได้ไล่ให้ทันยากเอาการ.......
เพราะโรงงานเขาก็ต้องส่งมือโปรตามประกอบอยู่แล้ว คงไม่ปล่อยให้เด็กน้อยไม่ประสามาตอบกะพี่แน่นอน
ส่วนโรงงาน ...ใช่ค่ะ ภาษาไทย "ไ" และภาษาประกิต "B" น้องทำงานอยู่ ตอนที่ฟังสรุปเห็นหน้าพี่แว่บๆ ก็คิดๆ อยู่ว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหน??
แต่....เฮ้อ...ตอนนี้กำลังคิดจะเรียนต่อแล้วล่ะค่ะ เพราะทำงานกับคนบางทีก็เหนื่อยใจ เจอพวก
ต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่าง มันเหนื่อยใจมากเลยพี่......ตอนในที่ประชุมก็รับปากทุกอย่าง
แต่พอไปขอให้ทำให้ เอาเข้าจริง บ่ายเบี่ยงโยกโย้สารพัด เหนื่อยใจมากๆเลยค่ะพี่..........
พี่เคยเจอคนแบบนี้บ้างไหมคะ?? แล้วพี่แก้ปัญหาอย่างไร??
(ปล.พี่เก่งอังกฤษจัง อยากเก่งบ้างง่ะ

)
อืม... ถามว่าใช้ความคิดสร้างสรรค์ยังไงน่ะเหรอ ก็ใช้ตรงที่ว่าปกติหลักเกณฑ์ GMP มันเป็นหลักเกณฑ์ที่ dynamic น่ะ เขียนไว้ไม่มี fix ตายตัว ดิ้นได้ขึ้นกับภาวะโรงงานแต่ละโรง ต้องคิดสร้างสรรค์นะ เวลาตรวจ ถ้าดันไปเอา maximum requirement มาใช้ก็ไม่ถูกใช่ไหมล่ะ ในเมื่อ GMP เป็น minimum requirement นี่นา... มันก็เลยต้องคิดๆๆ แล้วก็ใช้ judgement สูงมาก หัวต้องคิดเรื่องความเสี่ยงตลอดเวลา แถมต้อง manage เวลาให้ดี อย่าให้โรงงานเอาปัญหาเล็กๆมาถ่วงเวลาทำให้ไม่ได้ดูในจุดที่มีความเสี่ยงมาก เป็นต้น... โอย.. มากมาย... ส่วนเรื่องต้องพยายามทำให้คายความจริงหรือไม่ ปกติไม่ได้ทำแบบนั้นหรอกนะ เพราะว่าเวลาตรวจเราก็แจ้งล่วงหน้า บอกคนที่จะมาล่วงหน้า แถมบอกอีกว่าจะดูอะไรที่ไหนเมื่อไหร่ น้องคงพอเห็นเลาๆได้ว่า ปกติแล้วทาง อย เข้าใจว่าการทำงานมันต้องมีข้อผิดพลาดหรือการหย่อนยานเกิดขึ้น รวมถึงความไม่พร้อมต่างๆ การที่เราบอกเรื่องต่างๆ ที่คล้ายๆจะไม่ควรบอกไปนั้น ไม่ได้เป็นแค่ทำตามสากลนะ แต่นั่นย่อมหมายถึงการที่ทางผู้ตรวจต้องการให้โรงงานได้มีเวลาเตรียมตัว เตรียมพร้อม โดยเรามีความเชื่อมั่นว่าเภสัชกรส่วนใหญ่จะพยายามอย่างเต็มความสามารถในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ GMP อยู่แล้ว... ดังนั้นการไปตรวจ GMP รอบปกติจึงเป็นการไปตรวจเชิง positive ครับ ส่วนการตรวจเชิง negative นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อมีข้อสงสัยในประเด็นใดๆมาเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเกิดระหว่างการตรวจปกติ หรือตั้งใจมาตรวจเพื่อสืบสวน (investigational inspection) ก็ตาม พวกนี้จะไม่มีการแจ้งล่วงหน้าแล้วครับ เพราะว่าเด๋วหลักฐานหายได้ อิอิ...
อ่อ อีกเรื่องนะ โรงงานเห็นพี่เป็นเด็กแล้วส่งเด็กไม่ประสามาบ่อยไป ฮี่ๆๆ
เรื่องบ่ายเบี่ยงนี่ก็ธรรมดา อย่าคิดมาก เราเป็นลูกน้องเค้า คงบอกได้แค่นี้ล่ะ อย่าคิดมาก อย่าเอาตัวเองไปผูกกับที่ทำงานมาเกินไปมันไม่ดี ก็เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้ อย่างนั้น ผลไม่ดีมันก็ขึ้นกับโรงงานเอง ไม่ได้อยู่กับตัวของเรา โดยจรรยาบรรณแล้ว เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดครับ เป็นเภสัชกรอาชีพ ต้องทำตัวเป็น professional นะ พี่ว่าการที่เบื่องานแล้วเรียนต่อนี่น่ะ มันไม่ใช่ทางออกที่ดีเลย เพราะเพื่อนๆ พี่เป็นยังงี้มาแล้วหลายคน เห็นผลหลังจากไปเรียนแล้วไม่คิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกซักเท่าไหร่
เรื่องภาษาอังกฤษนั้นไม่ยากเลยที่จะแนะนำ แต่ยากปฏิบัติคับ ง่ายๆ คือ อยู่กับมันให้ได้มากที่สุด นานที่สุด เพลงอังกิดเอย หนังสือพิมพ์ นิยาย ไรก็ได้ พยายามอยู่กับมันเยอะๆไว้นั่นล่ะดี เด๋วจากความสนิทก็พัฒนาไปเป็นความรักเอง.....อิอิ
ตอนนี้พี่อาจจะเข้ามาตอบไม่ได้บ่อยมาก เพราะพี่ก็เพิ่งจะลาเรียน ตอนนี้เพิ่งมาถึงอังกฤษได้ไม่นาน... ที่ลาเรียนนี่ก็เพราะว่าอยากเพิ่ม qualification ให้ตัวเองแล้วก็เป็นความฝันที่จะมาเรียนยังต่างประเทศมานานแล้ว ทำงานมาหลายปีทุนไม่เข้า (เข้าแต่งาน) พี่เลยแบมือก้มกราบที่บ้านขอมาเรียน...(เวอร์ไปไหมนิ)... เด๋วคงได้รู้ด้วยตัวเองแหละว่าการที่เรามาด้วยความคิดแบบนี้จะส่งผลต่างไปจากเพื่อนๆ ที่เบื่องานแล้วหนีไปเรียนหรือไม่... เพราะพี่ไท้ได้เบื่องาน... แต่คิดอยากจะทำงานเลยมาเรียนครับ...
