พยายามจะสรุปเนื้อหามาให้
แต่มีปัญหาเรื่องเวลาและเน็ตช้ามาก
อีกอย่างคือคณะทำงานก็ยังไม่ได้สรุปเนื้อหาทั้งหมด
ขออนุญาตเล่าคร่าวๆนะครับ
อันที่จริงผมก็เห็นใจทีมงานของ อย.ที่นำเสนอร่าง พรบ.ยานะครับ
คงมีปัจจัยหลายๆอย่างที่ทำให้ทิศทางมันเปลี่ยนไป
เช่น กระแสเดิมที่จะกำหนดพื้นที่ที่ต้องมีใบสั่งยา
จนเกิดกระแสลุกลาม ระหว่างวิชาชีพ
และล่าสุดก็ถูกเร่งให้ต้องรีบทำร่างเพื่อให้ทันเข้า ครม.
แต่สิ่งหนึ่งที่อยากสะท้อนคือ
เมื่อมีปัจจัยหลายๆอย่างมาเกี่ยวข้อง
ทีมงานจำเป็นต้องหาแนวร่วม ร่วมคิด ร่วมพิจารณา เป็นทุน และผนังให้พิง
ไม่งั้นมันก็จะออกมาแบบที่หลายๆคนอาจจะไม่เห็นด้วย
ร่างใหม่
ประเด็นแรกจะมีการกำหนดคณะกรรมการยาแห่งชาติ(แต่ดันอยู่ภายใต้ พรบ.ยา แต่ไม่ใช่ พรบ.ยาแห่งชาติ

)
และมีการกำหนด คณะกรรมการเฉพาะเรื่อง 3 คณะ(ยาแผนปัจจุบันสำหรับมนุษย์ , ยาแผนไทยและยาแผนทางเลือกสำหรับมนุษย์ , ยาสำหรับสัตว์)
ตรงนี้คณะทำงาน พิจารณาในโครงสร้างว่า การตั้งใครเข้ามาต้องมีเหตุผล และเกี่ยวข้อง รวมทั้งต้องก่อให้เกิดการถ่วงดุลย์ในลักษณะที่เป็นธรรมและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคจริงๆ ไม่ใช่ตั้งตามประเพณี นอกจากนี้การมอบอำนาจให้รัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งบางตำแหน่ง จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีการเมืองมาแทรกแซงประเด็นที่2มีการแบ่งประเภทยา เป็น ยาทั่วไป ยาควบคุมโดยผู้ประกอบวิชาชีพ ยาควบคุมตามใบสั่งยา
ตรงนี้คณะทำงานเห็นว่า การแบ่งต้องมีเหตุผล การประกาศให้ผู้ประกอบวิชาชีพสาขาต่างๆสามารถจ่ายยาตามประเภทต่างๆได้มากขึ้น ในขณะที่วิชาชีพเภสัชกรรม ซึ่งถือว่าเป็วิชาชีพเฉพาะด้านยานั้น จะมีผลกระทบอย่างไร และมันเป็นธรรมหรือไม่ ประเด็นที่ 3ผู้ประกอบวิชาชีพสามารถผลิตยาได้สำหรับคนไข้ของตน (เฉพาะการแบ่งบรรจุยาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว
คณะทำงานเห็นว่า ยังมีความไม่ชัดเจน บางคนบอกว่าถอยหลังลงคลองด้วยซ้ำ เช่น ถ้าจะเอาครีมที่ได้รับการขึ้นทะเบียน 2-3 ชนิดมาผสมแล้วแบ่งบรรจุจะได้หรือไม่ พรบ.เดิมยังไม่ให้ขนาดนี้ การแบ่งบรรจุยาหรือผลิตยา คงไม่ได้แค่เครื่องกวนเครื่องผสมเท่านั้น องค์ความรูในการผลิตยาอย่างถูกมาตรฐานเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงด้วย เรื่องนี้ไม่เห็นด้วยอย่างแรง ประเด็นที่4มีการแบ่ง ผู้เกี่ยวข้องในร้านยาเป็น 3 คน
1.ผู้รับอนุญาต
2.ผู้ดำเนินการ (เภสัช)
3.ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการ(เภสัช)
โดย 2 และ 3 อาจจะเป็นคนเดียวกันได้ ทั้งนี้เพื่อให้ 2.ต้องรับผิดชอบด้วย ในกรณีที่ 3 ไม่อยู่ (ส่วนหนึ่งจะล้อกับสถานพยาบาล)
ตรงนี้คณะทำงานยังมองผลกระทบ ทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งจะศึกษารายละเอียดต่อไปอีกเพื่อหาความชัดเจนครับประเด็นที่ 5การส่งเสริมการขาย จะกระทำได้เฉพาะกับผู้ประกอบวิชาชีพโดยตรง ซึ่งต้องไม่มีการให้เงินหรือผลประโยชน์ตอบแทน และต้องเป็นไปในหลักเกณฑ์ที่กำหนด
ตรงนี้คณะทำงานมองว่า แม้ว่าจะมองว่ามีการกำหนดเกณฑ์ในการควบคุม แต่อีกด้านก็สะท้อนว่า จะเปิดช่องให้มีการส่งเสริมการขายหรือเปล่า ยังมีอีกหลายประเด็นครับ
ขนาดผมนั่งประชุม ยังต้องเดินออกมาเพื่อคลายสมองเลย มันตื้อไปหมด

จริงๆแล้วเห็นใจ และ
พยายามจะเข้าใจคนที่ร่างนะครับ
แต่อยากให้มองว่า การระดมสมองเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกๆฝ่ายเป็นสิ่งจำเป็น
เสมือนเป็นการจัดการความรู้ ยุคนี้สังคมต้องเข้ามามีส่วมร่วม ทั้งร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมประเมิน ยังไง ขอให้รับฟังความคิดเห็นจากหลายๆส่วนเพื่อสร้างสิ่งที่ดีที่สุดก็แล้วกัน
จบแค่นี้ก่อนนะครับ
ตั้งแต่เข้ามาประชุมคณะทำงานชุดนี้
อารมณ์ขันมันทำท่าจะหายไปหมดน่ะ

ต้องขอแรงไปชาร์ทอารมณ์ช่วงปีใหม่ก่อนนะครับ
