ลูกช้างชูคบเพลิงลงชื่อหน่อยครับ

[WinXP]

2210... เหมือนกันเนอะ!!

[WinXP]

ตอนที่พี่ถ่ายรูปนางรำขันโตก
แล้วถามว่าหนุ่มๆหายไปไหนหมด
ผมรู้ว่าเค้าไปไหนกัน
กลุ่มหนึ่งไปกินเหล้า
อีกกลุ่มไปจับนก
ไม่ใช่ก้อใกล้เคียงหละ

[size=24px]ถูกต้องเลยครับ! เพราะขณะนั้นเน็ตยังไม่มี
คาราโอเกะ! ก็ไม่เคยรู้จัก..มือถือก็ยังไม่เกิด..
มีแต่ร้านคาเฟ่ซึ่งเปิดกลางคืน ตอนนั้นหลิวๆคาเฟ่ดังที่สุด..
เพราะอยู่ใกล้ๆหอพักด้วย ถ้าเภสัชฯชายคนไหน
ไม่เคยไปนั่งฟังเพลงจิบเหล้า จีบนักร้อง จีบเด็กเสริฟ
ถือว่าเชยที่สุดน่ะ! [/size]

[kohboy]

สมัยนี้
1.มีอินเตอร์เนต
2.มีคาราโอเกะ

สมัยนั้น
1.การติดต่อ ใช้วิธีเขียนจดหมายเป็นหลัก ถ้าด่วนมากใช้โทรเลข
2.มีคาเฟ่ กับไนท์คลับเต้นรับ ที่ฮิตที่สุด น่าจะเป็นประตูเหล็ก เจ้าของชื่อ ปู่แก้ว
อีกที่ น่าจะเป็นแถวต้นโพธิ์ใกล้ๆกาดสมเพชร

พี่ครับถามหน่อย ต้นหลิวนี่ใช่ร้านที่อยู่โรงแรมภูซาง รึป่าวคับ

[WinXP]

พี่ครับถามหน่อย ต้นหลิวนี่ใช่ร้านที่อยู่โรงแรมภูซาง รึป่าวคับ

หลิวหลิวคาเฟ่..อยู่ที่ตึกเดียวกันกับโรงหนังฟ้าธานี..
ถนนห้วยแก้ว หน้าปากซอยหอพักเภสัชฯครับ!
แต่เดี๋ยวนี้ปิดตายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ซึ่งเมื่อก่อน
เจริญมาก..เมื่อก่อนถนนหลังม.ช.พอเริ่มหัวค่ำก็เงียบมาก
แทบไม่มีรถวิ่งทีเดียว..ผิดกับปัจจุบันนี้หน้ามือเป็นหลังมือเลย

[kohboy]

พี่คนที่มาช่วยเสริมเคยไปบ่อยซิท่า
5555 ล้อเล่ง (แต่เรื่องจริง)

ปู่แก้ว ฉายาจริงๆ คือ ปู่แก้วปันต๋น (แปลว่า นายแก้วผู้มีหลายลักษณะในคนๆเดียว)

ส่วนแถวต้นโพธิ์ ตอนปี27พวกผมเรียกแถวทัศนีย์

มีอีกเรื่องอยากโพสเพิ่มเติม คือที่มีคนโพสเรื่อง ตุ้บอี้ด อีกชื่อนึงคือ โป้กอี้ด เป็นชื่อที่ตั้งตามกิจกรรมการฆ่าหมู พยางค์แรกคือเสียงทุบหัวหมู ส่วนพยางค์หลัง เป็นเสียงหมูร้อง เรื่องนี้คิดทีไร เสียวทุกที แต่เครื่องในทอดที่นั่นอร่อยมากนะครับ กินกับน้ำพริกตาแดง หรือน้ำพริกกะปิที่มีมะเขือเปราะเป็นก้อนๆใส่ไว้ด้วย กินคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ ลำขนาด ถ้าเอาแบบเต็มสูตรต้องมีฟองน้ำมันจิ้มด้วย ฟองนี้ภาษานักกินเรียกว่า ปวก

[bkksiam]

"กาดสมเพชร" ผมไปจ่ายกับข้าวประจำเพื่อมาปรุงที่หอ ไก่ไทยสด 1/4 ตัว ราคา 5 บาท เอามาผัดกะเพรากินกับ roomate อิ่ม อร่อยเหาะ

สมัยโน้นมีตลาดเล็กๆอยู่ระหว่าง ปั๊มสมเพชรกับโรงเรียนยุพราช ร้านอยู่ทางขวามือ
มีร้านข้าวแกงจานละ 1 บาท ในขณะที่ที่อื่นจานละ 2 บาท

ส้มตำหลังสถานีตำรวจวัดพระสิงห์ จานละ 2 บาท ดังมากในสมัยนั้น

สมัยนั้นอีกตอนค่ำหลังอาหารนิยมดื่มสุราแม่โขง 1 กั๊ก (ครึ่งแบน) 7 บาท
น้ำแข็ง 1 ถุง โซดา 2 ขวด ขี่รถเครื่องกลับหอ (หลังศูนย์วิจัยประสาท) นั่งนอกระเบียงห้องพัก ละเลียดไป มองดอยสุเทพไป มองหมู่ดาว มีความสุขแต้ๆ

[WinXP]

สมัยนั้นอีกตอนค่ำหลังอาหารนิยมดื่มสุราแม่โขง 1 กั๊ก (ครึ่งแบน) 7 บาท
น้ำแข็ง 1 ถุง โซดา 2 ขวด ขี่รถเครื่องกลับหอ (หลังศูนย์วิจัยประสาท) นั่งนอกระเบียงห้องพัก ละเลียดไป มองดอยสุเทพไป มองหมู่ดาว มีความสุขแต้ๆ

ของผมมี Room-mate ร่วมห้อง 4 คน มีเตียงนอน 3 ชั้น 1ชุด (แบบทหารเกนณ์น่ะ) และเตียงเดี่ยว 1 เตียง วิธีที่ใครจะได้เตียงไหนก็ยุติธรรมดีคือใช้วิธี " อีตบแปะ ใครน้อยออก "
ผู้ชนะแรกสุดก็มีสิทธิ์เลือกเตียงนอนก่อนตามลำดับกันไป..ตอนอยู่ด้วยกันสนุกมากเพราะหลังเลิกสอบ ส่วนใหญ่ก็ทุกอาทิตย์แหละ ไม่ว่าจะเป็นการสอบเก็บคะแนนเล็กๆน้อย หรือสอบใหญ่ก็จะมีการสังสรรค์กัน ถ้าต้นเดือนหน่อยก็รวบรวมเงินคนละนิดหน่อยแต่อเมริกันแชร์นะพากันไปกินที่ "ร้านวีระลาบเป็ด" ...แต่ถ้าไม่มีเงินก็ไปซื้อแม่มา 1 แบน (แม่โขงฮะ!) โซดา น้ำแข็ง พร้อมกับแกล้มอย่างดีคือ..... ถั่วลิสงทอดที่เขาแพ็คใส่ถุงๆละ 1 บาทมา 3 ถุงก็เยี่ยมแย้วล่ะครับ [size=24px]วิธีการกินก็แสนจะสนุกมากคือเอาเหล้า 1 แบน โซดา น้ำแข็ง ผสมลงไปในกระติกย่อมๆแล้วคนให้เข้ากันดี พอชิมให้ได้รสตรงสเปคคอ แล้วก็เวียนเทียนวนกันกินโดยใช้หลอดดูดเท่านั้น[/size] และมีข้อแม้คือแต่ละรอบที่จะดูดต้องหายใจเข้าและออกให้เต็มที่แล้วดูดถึงจะได้กินเยอะๆ พอหมดแรงหรือต้องหายใจแล้วก็เป็นคิวของคนต่อไป..มันส์และให้รสชาติมากทีเดียวสำหรับวิธีกินเหล้าอย่างนี้..
[size=24px]แต่บางครั้งก็มีเทวดามาโปรดอยู่บ่อยๆ..คือพวกพี่ๆที่ทำงานดีเทลพาไปนั่งคาเฟ่ สวนอาหาร ก็ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยเลยครับ หุ หุ!! [/size]

[kohboy]

อีกตำนานนึงที่อยากฟัง
คือเรื่องของ ไอ้โท้ รูปปั้นหน้าหอ
พี่ๆเล่าให้ฟังหน่อยครับ
ผมเข้าไปก็เห็นเค้าแล้ว จำชื่อจริงไม่ได้ จำได้แต่ชื่อเล่น

[apotheker]

กรีกยุคโบราณได้สร้างเทพเจ้าและเทพไว้หลายองค์ ชื่อของเทพเหล่านั้นจะถูกบันทึกลงในตำรับยายุคแรกๆ เทพ
ที่สำคัญคือ" เทพเอสกลีเพียส" เป็นเทพแห่งการแพทย์ สัญลักษณ์คือ งูพันไม้เท้า ที่เรียกขานกันว่า 'คาดูซีอุส'(caduceus)
ปัจจุบันยังคงใช้เป็นสัญญลักษณ์ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ในยุคกรีกโบราณงานแพทย์ถูกปฏิบัติโดยแพทย์ฆราวาสที่ไม่ใช่
หมอพระ เป็นแพทย์ที่มุ่งต่อการศึกษาไม่ยึดติดกับศาสนาที่ชื่อว่า บุตรเทพเอสคลีเพียส ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาในโบสถ์วิหาร
ที่สร้างเป็นเกียรติให้แก่ เอสคลีเพียส การรักษาเต็มไปด้วยบทสวดมนต์และสรรเสริญและความลึกลับดำเนินเป็นไปเวลาหลาย
วันมีการอดอาหารและอาบน้ำ มันทำให้อารมณ์ผู้ป่วยสงบเยือกเย็น (การอดอาหารจนกระเพาะว่างมันอาจช่วยให้ตัวยาสมุนไพร
ออกฤทธิ์ได้ดี หลังจากได้อาบน้ำชำระกายแล้วจะเช้าไปในห้องศักดิ์สิทธิ์ นอนลงบนกองเลือดของสัตว์บูชายัญที่ถูกสังเวยและ
หมอจะปรากฎกายในรูปเทพเอสคลีเพียสในตอนกลางคืนด้วยงูบูชาที่ถูกสังเวย จะปลุกคนไข้ให้ตื่นโดยมีผู้ช่วยหมอ เป็นการ
แทรกความฝันของคนไข้ปฏิบัติทุกๆ วัน ถ้าคนไข้หายป่วย ก็จะมอบรูปปั้นส่วนของร่างกายที่รักษาหายให้แก่วิหารเป็นการ
สักการะ



ประมาณ 400 ปีก่อนคริตศักราช มีชาวกรีกนามว่า "ฮิปโปเครติส" สร้างปรากฏการณ์ทางแพทย์ออกจากไสยศาสตร์
และความเชื่องมงายทางศาสนา เขาเน้นว่าการแพทย์เป็นเรื่องของศาสตร์และศิลป์ ฮิปโปเครติส ได้รับการขนานนามว่า เป็น
บิดาของการแพทย์สมัยใหม่ การสั่งสอนของเขาเน้นในเรื่อง การอดอาหาร การดำรงวิถีชีวิตที่ควร การออกกำลังกาย การได้รับ
แสงแดดและน้ำอย่างพอเพียง เขาวางหลักการทางแพทย์ไว้ว่า "สิ่งสำคัญคือการรักษาที่ไม่ก่อเกิดอันตราย" ฮิปโปเครติส เชื่อว่า
ธาตุทั้ง 4 คือ ไฟ,น้ำ,ดิน,ลมเป็นตัวแทนร่างกายของมนุษย์ แทน น้ำย่อยสีเหลือง yellow bile ,น้ำเหลือง phlegm, น้ำย่อยสีดำ
black bile และเลือด สุขภาพของคนอยู่ที่ภาวะสมดุลย์ของธาตุทั้งสี่ หรือ 'cardinal juices' นั้นคือความเข้มแข้งในร่างกาย
เมื่อเกิดภาวะไม่สมดุลย์ทำให้คนเกิดเจ็บป่วย สุขภาพสามารถฟื้นฟูได้โดย ทำให้ร่ายกายหลั่งส่วนเกิน 'juices' ออกมาในรูป
ของการเอาเลือดออกมา ,ให้ยาถ่าย,ใช้ยาขับปัสสาวะ,การขับเหงื่อ ,ทำให้อาเจียน โดยยาถ่าย จะใช้ aniseed,asses'milk
และเม็ดละหุ่ง ส่วนพืชสมุนไพรที่ใช้ขับปัสสาวะ คือ parsley,thyme ,fennel และ celery ตำราของฮิปโปเครติสกล่าวถึงพืช
ที่ใช้รักษาถึง 300 ถึง 400 กว่าชนิด หลังยุคฮิปโปเครติสก็มาถึงยุคอริสโตเตลมีความพยายามจัดทำบัญชีรายการพืชที่ใช้
ทางยาลูกศิษย์อริสโตเติลที่รู้จักกันในนาม 'ทรีโอฟราตุส' (Theophratus) เป็นนักพฤกษศาสตร์ได้แต่งตำราของเขาเกี่ยวกับ
ต้นไม้ ให้ความรู้ทั้งในด้านการแพทย์และพฤกษศาตร์ได้ถูกถ่ายทอดในเวลาต่อมา ในยุคศตวรรษแรก ชาวกรีกจะเป็นผู้บุกเบิก
เภสัชตำรับสมัยใหม่และมีอิทธิพลอยู่ในด้านตำรายาสมุนไพร เป็นเวลามากกว่าหนึ่งพันปี ตำราที่ชื่อว่า

[apotheker]

ส่วนฮิปโปเครติสหรือ"ท่านโท้ว"หน้าหอพักคณะเภสัช จะมีมาแต่สมัยใดอันนี้คงต้องตามพี่ๆแล้วหละครับ แต่ที่ผมสงสัยคือไม่รู้ว่าตอนนี้ ยังอยู่หรือเปล่า

[kohboy]

ยอดเยี่ยม
ได้มาเร็วดีจริง ขอบคุณคร้าบบบบ
นี่ถ้าผมอยู่ใกล้ มช. ผมจะเรียนให้อาจารย์ที่เป็นรองคณบดีฝ่ายกิจการนสภ. พริ้นต์ไปติดที่บอร์ดหอเภสัช ให้น้องๆได้อ่านหน่อย(ท่านรอง ยังเป็นรุ่นเดียวกันกับคุณอโปรึป่าวอะ)

[WinXP]

เรื่องของ ไอ้โท้ รูปปั้นหน้าหอ ผมไม่ทราบแน่ชัดแต่ที่เห็นในตอนนั้นรุ่นพี่ๆช่วยกันเอาเชือกคล้องคอมันเพื่อดึงให้มันล้ม แต่มันก็ไม่สดุ้งสะเทือน เลยพี่ๆบางคนก็เอาบุหรี่ไปใส่ในปากของไอ้โท้และหาหมวกมาใส่ให้...ดูมันเท่ไม่เบา

ป.ล.รุ่นพี่ๆบอกว่ารูปปั้นไอ้โท้..มันไม่เกี่ยวกับเภสัชฯน่ะ!

[apotheker]

หอพักคณะเภสัชจาก google earth ครับ ทราบมาว่าเดี๋ยวนี้มีการสร้างหอเพิ่มเติมรู้สึกว่าจะเป็นที่เห็นอยู่ด้านหลังหอเก่านะครับ แยกเป็นหอชายและหญิง ปิดตำนาน "มนต์รักข้างบันได" ไปเรียบร้อยแล้ว