แพทย์ไร้พรมแดนชี้ 'อีโบลา' ระบาดจนอยู่เหนือการควบคุมแล้ว!!

[kiatisak]

19 พ.ย. 57 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐมนตรีสาธารณสุขของอินเดียแถลงว่า ผลการทดสอบของศูนย์ควบคุมโรคแห่งชาติ และสถาบันไวรัสวิทยาของอินเดีย ระบุว่า ตัวอย่างของเหลวที่ได้จากชายชาวอินเดีย วัย 26 ปีรายหนึ่ง ซึ่งเดินทาง มาถึงสนามบินนิวเดลี ของอินเดีย เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยในเชื้ออสุจิ มีเชื้อไวรัส จึงทำการกักไว้ที่ศูนย์ควบคุมโรคในสนามบิน เพื่อสังเกตอาการ นอกจากนั้นยังแนะนำให้ชายคนดังกล่าวงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์หรือให้สวมถุงยางอนามัย ในระยะเวลา 90 วัน เนื่องจากอาจแพร่เชื้อได้

ทั้งนี้ทราบว่าชายชาวอินเดียรายนี้ เพิ่งเดินทางมาถึงอินเดีย โดยในเอกสารระบุว่าเขาเดินทางมาจากประเทศไลบีเรีย ซึ่งถึงแม้จะเป็นประเทศที่ถูกระบุว่า ปลอดจากอีโบลาแล้ว แต่ก็จะต้องถูกกักบริเวณไว้จนกว่าจะไม่พบเชื้อไวรัสในร่างกาย โดยในอีก 10 วันข้างหน้า หลังจากตรวจร่างกายเบื้องต้นไปแล้ว จะต้องตรวจสอบเชื้อไวรัสในร่างกายอีกครั้ง


http://www.naewna.com/inter/131514

[kiatisak]

หน่วยกาชาดหวั่นเชื้ออีโบลากลับมาระบาดในแอฟริกาตะวันตกอีกรอบ หลังสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ช่วงหนึ่ง พร้อมเผชิญปัญหาการจ้างพนักงานลงปฏิบัติการในพื้นที่เป็นไปอย่างลำบาก เนื่องจากเกรงอันตรายจากการติดเชื้อ

http://morning-news.bectero.com/interna ... beVUs.dpuf

[kiatisak]

ยูเอ็นแถลงคุมอีโบลาได้กลางปีหน้า

นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติเปิดเผยในระหว่างการประชุมร่วมกันระหว่างองค์การอนามัยโลกหรือดับเบิลยูเอชโอ (WHO) และธนาคารโลกรวมถึงกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ (IMF) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี ของสหรัฐฯโดยระบุว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาซึ่งคร่าชีวิตประชาชนไปแล้วกว่า 5 พันคนจะสามารถควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จได้ไม่เกินช่วงกลางปีหน้า ถ้าหากประชาคมโลกให้ความร่วมมือกันในการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมรณะอย่างรวดเร็วและทันท่วงที

อย่างไรก็ตามเลขาธิการสหประชาชาติยังเตือนว่า ถึงแม้ว่าอัตราของผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลารายใหม่จะลดน้อยลงในหลายพื้นที่ทางตะวันตกของแอฟริกา แต่การเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อในประเทศมาลีถึง 6 คนก็ยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด สอดคล้องกับนายแอนโทนี บันบิวรี หัวหน้าคณะทำงานเพื่อการตอบสนองฉุกเฉินต่ออีโบลาแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอ็มอีอีอาร์ที่เตือนว่า หนทางการสู้รบเพื่อเอาชนะโรคดังกล่าวยังอยู่อีกไกล

ด้านองค์กรอนามัยโลกเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากเชื้อไวรัสอีโบลานับตั้งแต่การแพร่ระบาดระลอกใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาพุ่งขึ้นไปถึง 5,459 คนและมีรายงานผู้ติดเชื้อทั้งหมด 15,351 คนแล้ว

http://www.thairath.co.th/clip/8465

[kiatisak]

อิตาลีพบผู้ติดเชื้ออีโบลารายแรก

แพทย์อิตาลีติดเชื้ออีโบลา หลังเข้าช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อในเซียร์รา ลีโอน

แพทย์ชาวอิตาลีที่เข้าไปช่วยเหลือในเซียร์รา ลีโอน ติดเชื้อไวรัสอีโบลา และเดินทางกลับมารักษาตัวที่อิตาลี จึงถือเป็นคนไข้อีโบลารายแรกของอิตาลี

รัฐมนตรีกระทรงสาธารณสุข ออกมายืนยันกับครอบครัวของแพทย์ชาวอิตาลีคนดังกล่าวว่า ขณะนี้แพทย์คนดังกล่าวยังสบายดี โดยยังไม่มีอาการไข้หรืออาการอื่นๆ ในคืนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น

ทั้งนี้ เอ็นจีโอ อีเมอร์เจนซี หน่วยงานที่แพทย์ชาวอิตาลีทำงานอยู่ เปิดเผยว่า สถานการณ์ในเซียร์รา ลีโอนยังคงพบการแพร่ระบาดของเชื้ออย่างหนักอยู่ โดยยังคงพบผู้ป่วยถึงวันละ 100 ราย

http://m.posttoday.com/articlestory/331975/0005

[kiatisak]

คนงานเซียร์ราลีโอน ทิ้งศพผู้ป่วยอีโบลาเกลื่อน ประท้วงไม่ได้เงินค่าเสี่ยง โดย ไทยรัฐออนไลน์ 26 พ.ย. 2557 05:50 593 ครั้ง Tweet


คนงานซึ่งมีหน้าที่ฝังศพผู้ป่วยอีโบลาในเซียร์ราลีโอน ทิ้งศพผู้เสียชีวิตไว้ในที่สาธารณะ เพื่อประท้วงที่พวกเขาไม่ได้รับเงินค่าความเสี่ยง...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คนงานซึ่งมีหน้าที่ฝังศพผู้ป่วยอีโบลา ในเมืองคีนีมา ประเทศเซียร์ราลีโอน ก่อเหตุทิ้งศพผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัส อีโบลา เอาไว้ในที่สาธารณะ เพื่อประท้วงที่พวกเขาไม่ได้รับเงินค่าความเสี่ยงในการจัดการกับศพผู้เสียชีวิตจากไวรัสมรณะชนิดนี้

ข่าวระบุว่า เหล่าคนงานทิ้งศพผู้เสียชีวิต 15 ร่างเอาไว้ในที่ต่างของโรงพยาบาลหลักของเมืองคีนีมา เช่นศพหนึ่งถูกทิ้งไว้ที่ห้องสำนักงานผู้จัดการโรงพยาบาล และอีก 2 ศพอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าโรงพยาบาล หลังจากพวกเขาไม่ได้รับเงินค่าความเสี่ยงประจำเดือนต.ค.และเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา

ในเวลาต่อมา มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ที่ประท้วงถูกไล่ออกแล้ว แต่นาย ซีดี ยาห์ยา ตูนิส โฆษกของศูนย์ตอบสนองอีโบลาแห่งชาติ ออกมาชี้แจงว่า พวกเขาไม่ได้ถูกไล่ออกเพราะประท้วง แต่จากการขาดความรับผิดชอบ ด้วยการจัดการศพผู้เสียชีวิตอย่างขาดมนุษยธรรมอย่างยิ่งยวด

อย่างไรก็ตาม นายตูนิสระบุด้วยว่า จะเป็นต้องมีการสอบสวนว่าเหตุใดคนงานจึงยังไม่ได้รับเงินค่าความเสี่ยง เพราะรัฐบาลเซียร์ราลีโอนและธนาคารโลกได้ส่งเงินส่วนนี้ให้แก่ทีมจัดการสาธารณสุขท้องถิ่นแล้ว

ทั้งนี้ ล่าสุดศพผู้เสียชีวิตถูกนำไปประกอบพิธีฝังเรียบร้อยแล้ว แต่คนงานบางส่วนยังไม่ยุติการประท้วง โดยเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ เคยเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ของคลินิกสำหรับรักษาผู้ป่วยอีโบลาในเมือง โบ ทางใต้ของประเทศ ก่อเหตุประท้วงด้วยเหตุผลเดียวกันนี้มาแล้ว

[kiatisak]

โฆษกสหประชาชาติระบุว่าสาธารณสุขของมาลีเปิดเผยว่าพบผู้ติดเชื้ออีโบลารายใหม่ 2 คนในประเทศ ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 8 ราย

วันนี้(26พ.ย.) โฆษกสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้ออีโบลารายใหม่ 2 รายในประเทศมาลี ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้ออีโบลาทั้งหมด 8 รายแล้วในประเทศ โดยกรณีการติดเชื้อดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนที่ยูเอ็นจะเปิดสำนักงานแห่งใหม่เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา โดยสำนักงานแห่งนี้จะให้การสนับสนุนความพยายามของประเทศมาลีในการต่อสู้และควบคุมการระบาดของอีโบลา

สำหรับมาลีเป็นประเทศล่าสุดที่พบการติดเชื้ออีโบลา โดยผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตจากอีโบลา 5 ราย อาจเริ่มต้นจากอิหม่ามอายุ 70 ปีที่เดินทางกลับมาจากกินี ซึ่งเป็นจุดการระบาดแรก

ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนจาก WHO เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขมาลี จะพบปะเจ้าหน้าที่จากกินีเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการข้ามพรมแดน สำหรับความพยายามควบคุมการระบาดร่วมกัน ขณะเดียวกัน คณะทำงานฉุกเฉินเพื่อรับมือกับเชื้อไวรัสอีโบลาแห่งสหประชาชาติ (UNMEER) จะเปิดสำนักงานในเมืองบามาโก เมืองหลวงของมาลีในวันนี้ เพื่อให้การสนับสนุนรัฐบาลมาลี สำนักข่าวซินหัวรายงาน

[kiatisak]

เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-องค์การอนามัยโลก (WHO)เผยในวันเสาร์ (29 พ.ย.) ระบุยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสมรณะ “อีโบลา” ล่าสุดพุ่งสูงเป็นอย่างน้อย 6,928 รายแล้ว ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 16,169 รายในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก

ข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลกที่มีการเผยแพร่ออกมาในช่วงรอยต่อของคืนวันศุกร์ (28) และเช้าวันเสาร์ (29) ตามเวลาท้องถิ่นของนครเจนีวาในสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ WHO ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้ออีโบลาได้เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 1,000 คนนับตั้งแต่ที่มีการเผยแพร่รายงานครั้งก่อนเมื่อช่วง 48 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ และพบว่า “ผู้เสียชีวิตรายใหม่” ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศ “ไลบีเรีย”

อย่างไรก็ดี รายงานล่าสุดขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในความเป็นจริงแล้วยอดผู้เสียชีวิตและจำนวนผู้ติดเชื้ออีโบลาที่แท้จริงอาจมีจำนวนสูงกว่านี้อีกมาก แต่อุปสรรคสำคัญอยู่ที่ความพยายามในการปกปิดข้อมูลของหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความยากลำบากในการลงเก็บข้อมูลในพื้นที่ที่พบการระบาด โดยเฉพาะใน 3 ประเทศแถบแอฟริกาตะวันตกทั้งกินี ไลบีเรีย และ เซียร์ราลีโอน

หากจำแนกเป็นรายประเทศ ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ไลบีเรียเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากเชื้ออีโบลาสูงที่สุดที่ 4,181 คน รองลงมาคือเซียร์ราลีโอน 1,463 คน ขณะที่กินีซึ่งเป็นประเทศแรกที่พบการระบาดของเชื้ออีโบลาตั้งแต่ช่วงต้นปี มีจำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุดที่ 1,284 ราย

ขณะเดียวกัน ไลบีเรียยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงที่สุดอีกเช่นเดียวกัน คือ 7,244 คน ตามมาด้วยเซียร์ราลีโอนและกินีที่มีผู้ติดเชื้อ 6,802 คนและ 2,123 คนตามลำดับ

[kiatisak]

WHO วิตกหนัก !!! ยอดผู้เสียชีวิตอีโบลาพุ่งเกือบ 7,000 ราย !!

องค์การอนามัยโลกเกิดวิตกกังวลเป็นอย่างมาก หลังยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้ออีโบลา พุ่งขึ้นสูงเกือบ 7,000 รายแล้ว หลังมีการรายงานผู้เสียชีวิตตกค้างราว 1,200 ราย

วันนี้(30 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้ออีโบลานั้น พุ่งขึ้นสูงเกือบ 7,000 รายแล้ว หลังมีการรายเงินผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 1,200 คน จากรายงานครั้งก่อนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 6,928 ราย

ด้านองค์การอนามัยโลก หรือ WHO กล่าวว่า จำนวนที่พุ่งสูงขึ้นมากนั้น เนื่องมาจากมีการรวมเอาผู้เสียชีวิตตกค้าง ไม่ได้รายงานมาก่อนหน้านี้เป็นจำนวนมาก ขณะที่ล่าสุด มีผู้ที่ถูกระบุว่าติดเชื้ออีโบลาแล้ว รวมทั้งสิ้นกว่า 16,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก ที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง

[kiatisak]

The head of the UN Ebola response mission in West Africa has told the BBC there is still a "huge risk" the deadly disease could spread to other parts of the world.

Tony Banbury declined to say if targets he had set in the fight against Ebola, to be achieved by Monday, had been met.

The targets were for the proportion of people being treated and for the safe burial of highly infectious bodies.
The UN boss was speaking in Freetown, one of the worst affected areas.

On Sunday in Sierra Leone's capital, bulldozers were clearing large areas for a new burial ground.

At the clearance site, near a rubbish tip, car after car was arriving with bodies, and several hundred workers were digging graves.




In October, Mr Banbury told the UN Security Council that by 1 December, "70% of all those infected by the disease must be under treatment and 70% of the victims safely buried if the outbreak is to be successfully arrested".

This interim goal - the ultimate UN goal is zero Ebola deaths - was set to try to bend down the upward curve in the graph of cases.
Mr Banbury said the 70% targets were being met in "the vast majority" of areas in the three worst-affected countries - Guinea, Sierra Leone and Liberia.

"But in some areas", he said, "including here in Sierra Leone - especially in the capital Freetown and in the town of Port Loko - we are falling short. And it is in those areas where we really need to focus our assets and our capabilities".

More than 6,000 people have now died from Ebola, the vast majority in this corner of West Africa, and over 16,000 have been infected. The latest figures show that between 200 and 300 people are still dying every week.

But Mr Banbury said the situation would have been even worse if the UN had not intervened:

"Early on we adopted a strategy to get this crisis under control which involves treatment centres, safe burials and community mobilisation. That strategy is working."

The American UN boss added that, even so, "there is a huge risk to the world that Ebola will spread. It may spread around this sub-region, or someone could get on a plane to Asia, Latin America, North America or Europe... that is why it is so important to get down to zero cases as quickly as possible".

[kiatisak]

มีผู้เสียชีวิต 3 ศพเพราะไวรัสไข้หวัดนก เอช5เอ็น1ในประเทศอียิปต์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6 ศพแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงไคโรประเทศอียิปต์ เมื่อวันที่2ธ.ค.ว่ากระทรวงสาธารณสุขของอียิปต์แถลงว่ามีผู้เสียชีวิต 3ศพเพราะไวรัสไข้หวัดนกเอช5เอ็น1ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมดในปีนี้เพิ่มเป็น 6ศพแล้วจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกทั้งหมด 11รายด้วยกันในปีนี้

กระทรวงสาธารณสุขระบุอีกว่า ผู้เสียชีวิตเพราะไข้หวัดนก3รายล่าสุดเป็นชายวัย 40ปีและหญิงวัย29ปีอาศัยอยู่ในจังหวัดมินยาทางตอนกลางของประเทศและ อีกรายนั้นเป็นหญิงวัย25ปี ที่เมืองเบนิซุเอฟ ทางใต้ของกรุงไคโรนอกจากนั้นแล้วยังพบเด็กวัย2ขวบซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในจังหวัดมินยานั้นติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกเอช5เอ็น1

องค์การอนามัยโลกได้ประกาศเตือนว่าการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกจะปะปนอยู่กับสัตว์ปีกหากคนไปสัมผัสกับสัตว์ปีกที่ติดเชื้อไวรัสก็อาจจะติดเชื้อได้นอกจากนั้นแล้วการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เอช5เอ็น1ในคนนั้นเกิดขึ้นน้อยมากและยังไม่มีการแพร่ระบาดจากคนไปสู่คนด้วย

ไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช5เอ็น1ในประเทศอียิปต์นั้นส่วนใหญ่พบในพื้นที่ชนบททางตอนใต้ของประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงซึ่งเป็นแม่บ้าน และจะฆ่าสัตว์เลี้ยงเช่น ไก่ มาปรุงอาหารในบ้านของตัวเอง

[kiatisak]

แพทย์ไร้พรมแดนจวกยูเอ็นยับ!!! ปัดการดูแลอีโบลาให้องค์กรการกุศล!!

องค์กรแพทย์ไร้พรมแดน จวกการทำงานของสหประชาชาติยับ ถึงการผลักภาระการรับมือกับเชื้ออีโบลาให้กับองค์กรการกุศล ย้ำชัด ไม่ได้รับแม้กระทั่งการช่วยเหลือเท่าที่จำเป็น


วันนี้(3 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์กรแพทย์ไร้พรมแดน ได้ออกมาวิจารณ์ถึงการทำงานของสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น อย่างหนัก โดยกว่าวว่า ยูเอ็นผลักภาระการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลาให้กับ องค์กรการกุศล รวมถึงแพทย์และพยาบาลอาสาสมัคร โดยเฉพาะในประเทศที่มีการระบาดหนังอย่าง กีนี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน ไม่ได้รับแม้กระทั้งความช่วยเหลือเท่าที่จำเป็น
การออกมาวิจารณ์ครั้งนี้ สวนทางกับรายงานของยูเอ็นที่เคยออกมาประเมินว่า สถานการณ์การระบาดของเชื้ออีโบลาเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

[kiatisak]

อีโบลาคร่าคน เกือบเรือนหมื่น
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 4 ธ.ค. 2557

องค์การอนามัยโลกแจ้งด่วนว่า โรคระบาดมฤตยูอีโบลาได้สังหารผู้คนไปถึง 6,928 คนแล้ว

ยอดผู้เสียชีวิตได้สูงขึ้นเกินเรือนพัน เมื่อองค์การได้รายงานเมื่อหนที่แล้ว ซึ่งรวมยอดผู้เสียชีวิตจากการระบาดเมื่อก่อนหน้าที่ไม่มีการแจ้งด้วย แม้ว่ายอดผู้ป่วยในไลบีเรียจะลดลง แต่ในเซียร์ราลีโอนกลับสูงขึ้น หากคิดรวมกัน ยอดผู้ป่วยในกินี เซียร์ราลีโอน และไลบีเรีย ก็เกิน 16,000 รายไปแล้ว

[kiatisak]

แพทย์เซียร์ราลีโอนติดเชื้ออีโบลาเป็นรายที่ 11

สื่อต่างประเทศรายงาน พบแพทย์ชาวเซียร์ราลีโอนติดเชื้ออีโบลาเป็นรายที่ 11 จากการระบาดในช่วงปี 2014

http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0 ... 88-11.html

[kiatisak]

อนามัยโลกล้มเหลว......อนามัยโลกเปิด เผยข้อมูลตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยด้วยโรคอีโบลาเมื่อวันศุกร์ว่า ติดเชื้อกว่า 16,000 คน และเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 7,000 ศพ

เมื่อ 2 เดือนก่อน องค์การอนามัยโลกมีแผนหยุดการระบาดของไวรัสอีโบลาในประเทศแอฟริกาตะวันตก โดยกำหนดเป้าหมายแยกผู้ป่วยออกมาจากคนปกติให้ได้ร้อยละ 70 และฝังศพเหยื่ออย่างปลอดภัยให้ได้ร้อยละ 70 ในสามประเทศที่มีการระบาดอย่างหนักคือ กินี, ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน ไม่เกินวันที่ 1 ธันวาคม แต่ปรากฏว่า มีเพียงกินีชาติเดียวที่มีแนวโน้มเข้าสู่เป้าหมายของอนามัยโลก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อนามัยโลกประสบความล้มเหลว ไม่สามารถดำเนินแผนการได้ตรงตามเป้าหมาย

โดยที่ไลบีเรีย ผู้ป่วยราวร้อยละ 23 เท่านั้นที่ถูกแยกตัวออกมา และผู้เสียชีวิตร้อยละ 26 ถูกฝังได้อย่างถูกต้อง เช่นเดียวกับในเซียร์ราลีโอน ผู้ป่วยราวร้อยละ 40 ถูกแยกตัวออกมา และร้อยละ 27 ของผู้เสียชีวิตถูกฝังอย่างเหมาะสม ซึ่งไม่ตรงตามเป้าหมายของอนามัยโลก หลังอีโบลาระบาดครั้งแรกในกินีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จนควบคุมไม่อยู่ ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทางสาธารณสุขเมื่อเดือนสิงหาคม

ดร.บรูซ เอลวาร์ด รองผู้อำนวยการฝ่ายฉุกเฉินของอนามัยโลกยอมรับเมื่อไม่นานนี้ว่า การบรรลุถึงเป้าหมายเป็นเรื่องยาก หากเราไม่สามารถทำได้ใน 60 วัน เราต้องขยายเวลาเป็น 90 วัน อันดับแรก ประชาชนจะล้มตายอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเราจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในงานที่รับผิดชอบ

อย่างไรก็ ดี เมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ มีความคืบหน้าบางอย่างเกิดขึ้นเกี่ยวกับการควบคุมไวรัสอีโบลา เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยลดลงในไลบีเรีย และตัวเลขผู้ป่วยทรงตัวในกินี แต่ในบริเวณพื้นที่กรุงฟรีทาวน์ของเซียร์ราลีโอน และเขตทางตอนเหนือของประเทศ ยังมีผู้ติดเชื้ออีโบลาเพิ่มขึ้น

แอนโธนี บันบิวรี เจ้าหน้าที่อนามัยโลกฝ่ายจัดการอีโบลากล่าวว่า มีการกำหนดเป้าหมายวันที่ 1 ธันวาคมในหลายพื้นที่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ทุกวันนี้ยังมีคนติดเชื้ออีโบลาจำนวนมาก และล้มตายเป็นจำนวนไม่น้อย แต่ถึงแม้การกำหนดเป้าหมายประสบความสำเร็จ อนามัยโลกและองค์กรอื่นก็ยังเชื่อว่า อีโบลายังทำให้มีคนป่วยเพิ่มอีกในประเทศแอฟริกาตะวันตก และเป็นไปได้ที่อาจมีการระบาดไปทั่วจนกว่าจะถึงปีหน้า

อนามัยโลกเปิด เผยข้อมูลตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยด้วยโรคอีโบลาเมื่อวันศุกร์ว่า ติดเชื้อกว่า 16,000 คน และเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 7,000 ศพ โอเยวาเล โทโมรี แห่งมหาวิทยาลัยไนจีเรีย ซึ่งเป็นคณะกรรมการฉุกเฉินอีโบลาของอนามัยโลก บอกว่า ความล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายในวันที่ 1 ธันวาคม ทำให้อีโบลาจะแพร่ระบาดหนักยิ่งขึ้น เราต้องเพิ่มความพยายามอีกเท่าตัวเพื่อลดการระบาดและควบคุมไวรัส

ใน ที่สุด อนามัยโลกมีแผนการใหม่ในการบรรลุเป้าหมายแยกตัวผู้ป่วยและจัดหาที่ฝังศพ เหยื่ออีโบลาอย่างปลอดภัยเป็นวันที่ 1 มกราคมปีหน้า ดร.เดวิด เฮย์แมนน์ ผู้เชี่ยวชาญอีโบลาที่ก่อนหน้านี้ทำงานให้อนามัยโลกกล่าวว่า เราหวังว่า สิ่งที่เราเห็นในไลบีเรียจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่น่าเสียดายที่อีโบลาอาจลุกลามจนแพร่ระบาดในประเทศใหม่ สิ่งที่อันตรายสุดคือตอนนี้ผู้คนเริ่มคิดว่า โรคอีโบลาได้หยุดระบาดแล้ว

เมื่อ ต้นเดือนพ.ย. สหรัฐประกาศลดขนาดและจำนวนของคลินิกอีโบลา ที่ตอนแรกให้สัญญาว่า จะสร้างในไลบีเรีย แต่ต่อมาอ้างว่า สถานการณ์เปลี่ยน จำนวนผู้ป่วยลดลง อย่างไรก็ตาม บันบิวรี บอกว่า ความแตกต่างของวิกฤติไวรัสอีโบลาในพื้นที่
ต่าง ๆ คือเตียงใหม่ และว่า การหยุดโรค
อีโบลาจะต้องต่อสู้อย่างหนักและยาวนาน แต่ตอนนี้เรากำลังมาถูกทางแล้ว

ใน ปีหน้า บริษัทผู้ผลิตยาชั้นนำหลายแห่งของโลก จะนำวัคซีนต้านอีโบลามาใช้กับผู้ป่วยในแอฟริกาตะวันตก หลังจากมีการทดลองในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่อย่างน้อยโลกก็ได้พยายามคิดค้นตัวยามารักษาโรคอีโบลา.

http://www.dailynews.co.th/Content/Arti ... 5%E0%B8%A7

[kiatisak]

อนามัยโลกล้มเหลว......อนามัยโลกเปิด เผยข้อมูลตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยด้วยโรคอีโบลาเมื่อวันศุกร์ว่า ติดเชื้อกว่า 16,000 คน และเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 7,000 ศพ

เมื่อ 2 เดือนก่อน องค์การอนามัยโลกมีแผนหยุดการระบาดของไวรัสอีโบลาในประเทศแอฟริกาตะวันตก โดยกำหนดเป้าหมายแยกผู้ป่วยออกมาจากคนปกติให้ได้ร้อยละ 70 และฝังศพเหยื่ออย่างปลอดภัยให้ได้ร้อยละ 70 ในสามประเทศที่มีการระบาดอย่างหนักคือ กินี, ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน ไม่เกินวันที่ 1 ธันวาคม แต่ปรากฏว่า มีเพียงกินีชาติเดียวที่มีแนวโน้มเข้าสู่เป้าหมายของอนามัยโลก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อนามัยโลกประสบความล้มเหลว ไม่สามารถดำเนินแผนการได้ตรงตามเป้าหมาย

โดยที่ไลบีเรีย ผู้ป่วยราวร้อยละ 23 เท่านั้นที่ถูกแยกตัวออกมา และผู้เสียชีวิตร้อยละ 26 ถูกฝังได้อย่างถูกต้อง เช่นเดียวกับในเซียร์ราลีโอน ผู้ป่วยราวร้อยละ 40 ถูกแยกตัวออกมา และร้อยละ 27 ของผู้เสียชีวิตถูกฝังอย่างเหมาะสม ซึ่งไม่ตรงตามเป้าหมายของอนามัยโลก หลังอีโบลาระบาดครั้งแรกในกินีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จนควบคุมไม่อยู่ ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทางสาธารณสุขเมื่อเดือนสิงหาคม

ดร.บรูซ เอลวาร์ด รองผู้อำนวยการฝ่ายฉุกเฉินของอนามัยโลกยอมรับเมื่อไม่นานนี้ว่า การบรรลุถึงเป้าหมายเป็นเรื่องยาก หากเราไม่สามารถทำได้ใน 60 วัน เราต้องขยายเวลาเป็น 90 วัน อันดับแรก ประชาชนจะล้มตายอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเราจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในงานที่รับผิดชอบ

อย่างไรก็ ดี เมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ มีความคืบหน้าบางอย่างเกิดขึ้นเกี่ยวกับการควบคุมไวรัสอีโบลา เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยลดลงในไลบีเรีย และตัวเลขผู้ป่วยทรงตัวในกินี แต่ในบริเวณพื้นที่กรุงฟรีทาวน์ของเซียร์ราลีโอน และเขตทางตอนเหนือของประเทศ ยังมีผู้ติดเชื้ออีโบลาเพิ่มขึ้น

แอนโธนี บันบิวรี เจ้าหน้าที่อนามัยโลกฝ่ายจัดการอีโบลากล่าวว่า มีการกำหนดเป้าหมายวันที่ 1 ธันวาคมในหลายพื้นที่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ทุกวันนี้ยังมีคนติดเชื้ออีโบลาจำนวนมาก และล้มตายเป็นจำนวนไม่น้อย แต่ถึงแม้การกำหนดเป้าหมายประสบความสำเร็จ อนามัยโลกและองค์กรอื่นก็ยังเชื่อว่า อีโบลายังทำให้มีคนป่วยเพิ่มอีกในประเทศแอฟริกาตะวันตก และเป็นไปได้ที่อาจมีการระบาดไปทั่วจนกว่าจะถึงปีหน้า

อนามัยโลกเปิด เผยข้อมูลตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยด้วยโรคอีโบลาเมื่อวันศุกร์ว่า ติดเชื้อกว่า 16,000 คน และเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 7,000 ศพ โอเยวาเล โทโมรี แห่งมหาวิทยาลัยไนจีเรีย ซึ่งเป็นคณะกรรมการฉุกเฉินอีโบลาของอนามัยโลก บอกว่า ความล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายในวันที่ 1 ธันวาคม ทำให้อีโบลาจะแพร่ระบาดหนักยิ่งขึ้น เราต้องเพิ่มความพยายามอีกเท่าตัวเพื่อลดการระบาดและควบคุมไวรัส

ใน ที่สุด อนามัยโลกมีแผนการใหม่ในการบรรลุเป้าหมายแยกตัวผู้ป่วยและจัดหาที่ฝังศพ เหยื่ออีโบลาอย่างปลอดภัยเป็นวันที่ 1 มกราคมปีหน้า ดร.เดวิด เฮย์แมนน์ ผู้เชี่ยวชาญอีโบลาที่ก่อนหน้านี้ทำงานให้อนามัยโลกกล่าวว่า เราหวังว่า สิ่งที่เราเห็นในไลบีเรียจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่น่าเสียดายที่อีโบลาอาจลุกลามจนแพร่ระบาดในประเทศใหม่ สิ่งที่อันตรายสุดคือตอนนี้ผู้คนเริ่มคิดว่า โรคอีโบลาได้หยุดระบาดแล้ว

เมื่อ ต้นเดือนพ.ย. สหรัฐประกาศลดขนาดและจำนวนของคลินิกอีโบลา ที่ตอนแรกให้สัญญาว่า จะสร้างในไลบีเรีย แต่ต่อมาอ้างว่า สถานการณ์เปลี่ยน จำนวนผู้ป่วยลดลง อย่างไรก็ตาม บันบิวรี บอกว่า ความแตกต่างของวิกฤติไวรัสอีโบลาในพื้นที่
ต่าง ๆ คือเตียงใหม่ และว่า การหยุดโรค
อีโบลาจะต้องต่อสู้อย่างหนักและยาวนาน แต่ตอนนี้เรากำลังมาถูกทางแล้ว

ใน ปีหน้า บริษัทผู้ผลิตยาชั้นนำหลายแห่งของโลก จะนำวัคซีนต้านอีโบลามาใช้กับผู้ป่วยในแอฟริกาตะวันตก หลังจากมีการทดลองในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่อย่างน้อยโลกก็ได้พยายามคิดค้นตัวยามารักษาโรคอีโบลา.

http://www.dailynews.co.th/Content/Arti ... 5%E0%B8%A7