เมจิก พี เขียน:เภสัชกรที่เป็นผู้มีหน้าที่ปฎิบัติการ บุคคลิกและการทำงานต้องดูน่าเชื่อถือ ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์(รวมทั้งวาทะศิลป์ด้วย)จรรยาบรรณและคุณธรรม เป็นบุคคลากรที่มีคนยกย่องนับถือในชุมชน เป็นระดับหัวแถวในหน่วยงาน เภสัชกรไม่ใช่พนักงานอ๊อฟฟิต การใช้กฎระเบียบของพนักงานอ๊อฟฟิต(รวมทั้งการใช้พนักงานอ๊อฟฟิตที่ไม่ได้รู้เรื่องวงการยาหรือวงการร้านยามาคัดเภสัชเข้าทำงาน)มากำหนดในการรับเภสัชเข้าทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่่องจำกัดอายุ การกำหนดเพศ(เภสัชกรสามารถเรียนรู้งานชายงานหญิงสินค้าชายสินค้าหญิงและทำได้ดีโดยเพศไม่ใช่อุปสรรค) การเก็บค่ารับประกันความเสี่ยง เป็นต้น มันเป็นเรื่องของการรับพนักงานอ๊อฟฟิต มันต้องใช้กฎเกณฑ์ให้ถูกกับเรื่อง เปรียบเหมือนมีมีด1เล่มใช้หั่นผัก ก็จะใช้ตัดต้นมะม่วงด้วย ตัดผ้าด้วย ตัดสังกะสีด้วยในเล่มเดียวกันแล้วมันถูกไหมล่ะ ไอ้หลักบริหารเดิมๆความคิดเดิมๆที่ไม่แยกแยะว่าใครเป็นใครมันก็ผิดแต่แรกแล้ว มันไม่มีใครแย้งก็เลยจมปลักอยู่ในวงจรอุบาท ไม่มีใครกล้าคิดนอกกรอบ มัวแต่ไปเชื่อไอ้หลักบริหารที่ฝังหัวกันมานาน ไอ้หลักบริหารพวกนั้นถ้ามันดีจริงมันจะบริหารจนเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งได้อย่างไร แล้วยังวิกฤติทางเศรษฐกิจในกรี๊ซอีกล่ะ อย่างทีบอกเรื่องการกำหนดอายุ ถามว่าถ้าเราจะติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง หลักสามัญสำนึกง่ายๆ เราอยากติดต่อกับผู้มากประสบการณ์แต่ดูอาวุโสหรือไม่ เวลาญาติผู้ใหญ่ป่วยอยากพบอาจารย์หมอไหม เอารถไปซ่อมอยากได้ช่างเด็กหรือช่างมากประสบการณ์ ประสบการณ์ในแต่ละงานมันต้องใช้เวลาสร้างสม คนมีประสบการณ์และความสามารถมันก็ต้องดูมีอายุ และเมื่อเขายังมีสุขภาพดี มันก็ไม่ใช่ปัญหาในการทำงาน กลับยิ่งทำให้งานดูน่าเชื่อถือในสายตาของประชาชนทั่วไป อย่างที่บอกไว้แต่แรกว่าเภสัชกรเป็นบุคคลากรที่มีคนยกย่องนับถือในชุมชน เป็นระดับหัวแถวในหน่วยงาน บุคคลิกและการทำงานต้องดูน่าเชื่อถือ การที่ผู้มีอำนาจในหน่วยงานบางหน่วยไม่แยกแยะว่างานไหนคือหน้าที่ของเภสัชกร งานไหนคือหน้าที่ของผู้ช่วย มีการสั่งให้เภสัชต้องเช็ดโน่นนี่นั่น ต้องออกมาเต้นเรียกแขกเข้าร้าน ถามว่ามันใช่หน้าที่ไหม ด้วยความไม่รู้จักบทบาทที่แท้จริงของเภสัชกร กูมีอำนาจกูก็สั่งไป พี่น้องเภสัชกรไทยถ้าท่านยังทำงานกับคนพวกนี้ต่อไป มันจะเป็นตราบาปให้กับเภสัชรุ่นหลัง เพราะพวกนี้มันก็จะสั่งให้เภสัชไม่ว่าจะหน้าไหนต้องทำแบบนี้เพราะมันคิดว่านี่ก็คือหน้าที่เภสัช เสื่อมเกียรติและศักดิ์ศรีเภสัชกรในความคิดของผมครับ
ผมติดตามกระทู้นี้ เพราะเป็นประโยชน์ในการปรับโครงสร้างเงินเดือนให้กับน้องเภสัช รวมถึงข้อมูลทัศนคติในการ "ทำงาน" ของเด็ก Gen นี้
แต่พักหลังๆ รวมถึงเนื้อความที่ผม quote มา.....ผมเริ่มสับสนกับจุดยืนของ เจ้าของกระทู้อ่ะนะครับ และรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับเด็ก
เอาแต่ใจเอาแต่ได้ อีโก้สูง....และที่สำคัญมัน"สุดโต่ง"
- กำหนดลักษณะงาน (Job description) ให้ชัดเจน เช็ด/กวาดถู/ ต้องทำด้วยสมัครใจหรือน้ำใจ ......ผมเห็นด้วย
- มีระบบการชี้วัดผลการปฏิบัติงาน เพื่อปรับเงินเดือนได้อย่างเป็นรูปธรรม ......ผมเห็นด้วย
- มีการจัดให้มีสวัสดิการ อย่างน้อยตามข้อกำหนดพื้นฐานของกฎหมาย แรงงาน ......ผมเห็นด้วย
ทั้งหมดที่ผมเขียนมา มันคือ "การบริหารจัดการ" ....หรือที่คุณเรียกตามที่คุณเข้าใจว่า "กฎระเบียบของพนักงานอ๊อฟฟิต"
การบริหารจัดการ ที่เอื้อประโยชน์ต่างตอบแทน ในธุรกิจค้าปลีกที่ต้องดำเนินการภายใต้การควบคุมของกฎหมาย ทุกฉบับ
ไม่ใช่แค่ พรบ.ที่เกี่ยวข้องแค่ยา
ดังนั้น ทุกคนภายใต้การบริหารจัดการจึงเท่าเทียมกันด้วยศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์
แต่แตกต่างกันด้วย อำนาจหน้าที่ตามคุณสมบัติ ที่กฎหมายรับรองให้คุณก็แค่เลือกหน่วยงาน เลือกองค์กร เลือกร้านที่ "การบริหารจัดการ" มันเหมาะสมกับทรรศนคติในการทำงาน/ใช้ชีวิตของคุณ
การที่ออกมาบอกว่าตนเองนั้นแตกต่างกว่าคนอื่น เพื่อที่จะขอรับการบริหารฯที่เอื้อประโยชน์ต่อตนเองเท่านั้น
....ดูแล้วไม่ใช่วิทีการแก้ปัญหาเลยครับ
ผมจะยกตัวอย่างให้อ่านนะครับ
1. ถ้าร้านของผม พนักงานทุกคน ตั้งแต่ ผู้ช่วยเภสัชกร,PC,แม่บ้าน และพนักงานส่งของ ต้องวางเงินประกันรัพย์สินเสียหาย/สูญหาย
คำถาม : ตำแหน่งงาน เภสัชกร จำเป็นต้องวางเงินประกันเหมือนพนักงานตำแหน่งอื่นๆหรือไม่ ?
2. ที่ต้องมีการวางเงินประกัน ดังกล่าว เพียงเพราะผมต้องการให้พนักงานทุกคน มีความรับผิดชอบต่อทรัพย์สินส่วนรวมภายในร้าน
เมื่อเลิกจ้าง ก็มีการมอบคืนเงินให้เต็มจำนวน
คำถาม : กฎระเบียบข้อนี้ ถือเป็นการเอาเปรียบพนักงานหรือไม่ ?
เพศ/อายุ ก็เช่นกันผมไม่คิดว่ามันเป็นปัญหาของผู้ประกอบวิชาชีพส่วนใหญ่นะครับ เพราะการแก้ไขปัญหามันง่ายนิดเดียว
"คนเหมาะกับงาน งานที่เหมาะกับคน"....สัญญาจัดจ้าง คือสัญญาต่างตอบแทนโดยสมัครใจนะครับ อย่าลืม
แล้วรบกวนนิดนึงนะครับ กระทู้นี้ประเด็นชัดเจน คือการพูดคุยกันในเรื่องของรายได้ ผลตอบแทน อย่าเอาคำว่า
"จรรยาบรรณและคุณธรรม" เข้ามาเกี่ยวโยง หรือเพื่ออ้างอิงให้วิชาชีพถูกตีมูลค่าสูงขึ้นเลยครับ ถ้าจำกันไม่ได้
ผมจะอัญเชิญให้อ่านอีกครั้งนะครับ
ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตน เป็นที่สอง
ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง
ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ตัวท่านเอง
ถ้าท่านทรงธรรมแห่งอาชีพ ไว้ให้บริสุทธิ์
พระบรมราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนก