
เริ่มกันตั้งแต่การ Present ตัวเองด้วย Resume Profile ซึ่งสำคัญมาก สำหรับการสมัครงาน และมีผลต่อการได้งานสูงมาก เทคนิคคือ
1. ควรใช้ English Format Only** ไม่ต้องสนว่า บริษัทที่เราสมัครเป็นไทย/ต่างชาติ
2. เขียนให้กระชับ ข้อมูลสำคัญต้องครบ และมีจุดขาย
- เริ่มตั่งแต่ ชื่อ-สกุล ภูมิลำเนา เบอร์โทรติดต่อได้สะดวก email การศึกษา (หากมีเกียรตินิยม ให้ใส่ด้วย) ประสบการณ์การทำงาน(ขอให้ใส่ Job description บรรยายลักษณะงานไปด้วยคร่าวๆ) รวมถึงระยะเวลาที่ปฏิบัติงานในตำแหน่ง/องค์กรนั้นๆ, กิจกรรมต่างๆ (จะบ่งบอกว่าเราสามารถทำงานกับคนอื่นได้ **เน้นสำหรับน้องๆที่ไม่มีประสบการณ์การทำงาน ขายจุดนี้ให้มากที่สุด), รางวัล/ความภาคภูมิใจ (เน้นเชิงวิชาการ หรือหากเป็นด้านกีฬา ควรเป็นรางวัลระดับเขต/ภาค/ประเทศ, การได้รับทุนต่างๆ), ทักษะด้านภาษา(สำคัญ**อย่างยิ่งในปัจจุบัน อย่างน้อยต้องมีพื้นภาษาอังกฤษ แนะนำให้สอบ TOEIC ไว้เป็นพื้นฐาน บริษัทส่วนใหญ่ require 550 ขึ้นไป และหากมีพื้นฐานภาษาที่สามด้วยจะดีมาก), ทักษะการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ (ใส่ไปให้หมดเท่าที่ทำได้จริง) , บุคคลอ้างอิง (แนะนำ ให้เป็นบุคคลที่เกี่ยวกับกับสายวิชาชีพนั้นๆ , เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่เราเคยร่วมงานหรือรู้จัก)
3. หลังจากมี Resume ที่ดีแล้ว ให้มองหาช่องทางการส่ง Resume ของเรา
- Internet web site หางานต่างๆ
- หนังสือพิมพ์
- คนรู้จัก
พยายามบอกคนใกล้ตัว และประกาศให้โลกรู้ว่าคุณกำลังมองหางานอยู่ แล้วโอกาสจะมาถึง
4. รอ ............... บางคนเคยถามว่า ต้องรอนานแค่ไหน ถึงจะรู้ว่าเค้าสนใจ
- ตามประสบการณ์ >> ไม่เกิน 1 สัปดาห์ หลังส่งใบสมัคร (โดยทั่วๆไป) แต่บางที่เป็นเดือน ค้าบบบพี่น้อง
- ระหว่างรอ อย่าอยู่เฉยๆ กลับไปที่ข้อ3 มองหาตำแหน่งงานว่างอยู่เรื่อยๆ แล้วส่ง Resume ไป ไม่ต้องกลัวว่าจะเหมือนหว่าน แต่ให้คำนึงถึงว่า ตำแหน่งงานที่เราส่ง Resume ไป เป็นตำแหน่งที่เราสนใจและอยากทำจริงๆ
5. หลังมีการติดต่อกลับจากบริษัท
- นัดหมายสัมภาษณ์งาน >> หากเป็นน้องๆที่จบใหม่ อาจจะไม่มีปัญหาเรื่องเวลามากนัก เพราะเป็นช่วงหางานอย่างเดียว การนัดหมายให้นายจ้างเสนอก่อนว่าเค้าสะดวกเมื่อไหร่(เพราะนั่นหมายถึงเค้าได้คิดล่วงหน้ามาแล้วว่าคนที่จะสัมภาษณ์เค้าสะดวกวัน/เวลานี้)
>> หากเป็นคนที่ทำงานอยู่ แล้วถูกนัดสัมภาษณ์งานที่อื่น ให้เค้านัดหมายก่อน แล้วดูตามเวลาการทำงานของเราว่าสามารถลาได้มั้ย หรือสามารถหาใครทำงานแทนในช่วงวัน/เวลานั้นได้หรือไม่ หากไม่สะดวก ให้บอกเค้าไปตามตรงว่าจะติดต่อกลับไป หรือ ลองถามในวันที่เราสะดวกไปเลย ซึ่งโดยส่วนมากเป็นเวลาทำการที่เราต้องทำงานอยู่แล้ว เราอาจต้องคิดมากขึ้นหน่อยว่า ตำแหน่งงานที่เราจะไปสัมภาษณ์ ประกอบกับบริษัทนั้นๆ เราอยากได้จริงๆ หรือสนใจจริงๆ ให้เรา drive ตัวเอง จัดการให้ลงตัว แต่ไม่แนะนำ**หากจะไปสัมภาษณ์มันทุกที่ โดยที่คุณต้องเสียเวลาในการทำงานให้กับบริษัทที่คุณทำอยู่ในปัจจุบันในหลายๆครั้ง
6. การเข้าสัมภาษณ์งาน- เตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อม สำเนาต่างๆ บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน transcript รูปถ่าย 1 นิ้ว Resume ใบประกอบโรคศิลป์ เป็นต้น
- การแต่งกายในวันไปสัมภาษณ์ ผู้ชาย ควรใส่ชุดสีเข้ม ใส่สูทได้จะดีมาก เชิ้ตผูกไทค์สีเข้ม** กางเกงเข้ม ทำผมอย่างให้ยุ่ง หรือรกรุงรัง รองเท้าหนังเท่านั้น
>> ผู้หญิง คล้ายๆผู้ชาย เน้นโทนสีเข้ม เพื่อให้คุณดูภูมิฐาน ใส่สูทได้จะดีมาก ไม่ควรใส่ dress ควรเป็นชุดแยกชิ้น เชิ้ต กับ กระโปรงสีเข้ม รองเท้าคัทชูหุ้มส้น แต่งหน้าอ่อนๆ อย่าไปแบบหน้าโทรมๆ ใครผมยาวให้รวบให้เรียบร้อย ไม่ปล่อยรุงรังเหมือนจะไปเดินแบบ
- ศึกษาเส้นทางการเดินทางให้ดี โทรไปถามเค้าได้หากไม่แน่ใจ
- ไปถึงสถานที่ก่อนเวลานัดหมายอย่างน้อย 30-60 นาที เพื่อกรอกใบสมัครทุกอย่างของบริษัทเค้า และเตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์
- ก่อนเข้าห้อง ให้เคาะประตูด้วย หากมีประตู อย่างน้อย 3 ครั้ง ตามมารยาท หลังเปิดประตูเข้าไป อย่าก้มหน้า หรือหันหลังให้ผู้ที่นั่งรอสัมภาษณ์เด็ดขาด ให้สบตา กวาดสายตา สบตาให้ครบทุกคนอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆ ปิดประตู
- ก่อนนั่ง ให้วางกระเป๋าบนพื้นไปเลย อย่าวางบนโต๊ะ ให้วางเฉพาะแฟ้มหรือเอกสารบางอย่างบนโต๊ะได้เท่านั้น และขออนุญาตก่อนนั่งลง หรือรอให้เค้าเชิญเรานั่งก่อน อย่างพรวดพราดเข้าไปแล้วนั่งเลย
- เวลานั่ง ไม่ควรหลังติดเก้าอี้ เพราะจะดูสบายเกินไป ไม่นั่งเท้าเก้าอี้
- สบตาผู้สัมภาษณ์ทุกท่าน แล้วยิ้ม
- เวลาตอบคำถาม หากไม่เข้าใจ ฟังไม่ทัน ให้ทวนคำถามอีกครั้ง (เป็นเทคนิคให้เรามีเวลาคิดเล็กน้อย) แต่ไม่ควรใช้บ่อย เพราะถ้าบ่อยเค้าจะคิดว่าเราไม่ตั้งใจฟังได้
- เวลาตอบคำถามอะไรก็ตาม ให้ตอบตรงประเด็น เช่น ถ้าเค้าถามว่าเดินทางมาที่นี่ยังไง ควรตอบว่า ขึ้น BTS แล้วต่อมอเตอร์ไซค์เข้ามาค่ะ เพราะทราบว่าแถวนี้รถติดมาก ไม่ควรตอบว่า รถติดมากเลยค่ะ เลยต้องนั่ง BTS เพราะกลัวไม่ทัน (แบบที่2 ตอบเกินคำถาม และไม่ตรงประเด็นอีก)
- เวลาตอบคำถาม ไม่ควรใช้คำติดปากเช่น เอ่อ.... อย่างงี้...... รู้งี้..... เค้าว่า..... หนูคิดว่า.... เราคิดว่า..... เอิ่ม..... เออใช่.... อุ๊ยลืม... ***ห้ามหลุดปากเด็ดขาด ถ้าติดคำพวกนี้ ให้ซ้อมกับใครก็ได้ก่อนไป
- เกือบทุกที่ ที่จะมีคำถามว่า คุณมีดีอะไรที่เป็นจุดขายของคุณ ให้ตอบให้กระชับ แสดงให้เค้าเห็นว่าเรามีทักษะเหมาะกับตำแหน่งงานนี้ เช่น ถ้าเป็นตำแหน่งระดับหัวหน้างาน/ผู้จัดการ ควรขายเรื่อง ทักษะการบริหารจัดการ ทักษะการสื่อสาร หรือแม้แต่ทักษะการบรรยายต่างๆ เป็นต้น ไม่ควรตอบแบบหว่านๆ ชั้นมีทุกอย่างง ขับรถได้ เล่นกีฬาเป็น แบบนี้ไม่ใช่จุดขายในตำแหน่งงาน เพราะฉะนั้นให้ศึกษามาก่อนว่าตำแหน่งที่ไปสัมภาษณ์ต้องการทักษะด้านไหนเป็นพิเศษ**
- พอสัมภาษณ์เสร็จ เค้ามักจะเปิดโอกาสให้เราซักถาม เราสามารถถามได้ โดยใช้คำถามแบบชาญฉลาด เช่น อยากทราบเกี่ยวกับ Scope ความรับผิดชอบของงานในตำแหน่งนี้เพิ่มเติม เป็นต้น ไม่ควรถามว่า จะให้เงินเดือนเท่าไหร่ ตั้งแต่แรก เพราะหากเค้าสนใจเราจริงๆ เค้าจะ Offer นำเสนอให้เรา และเปิดโอกาสให้เรา defense ได้ภายหลังเอง
7. หลังสัมภาษณ์- รอแค่ไหนว่าได้หรือไม่ได้ -> บางบริษัทจะบอกเลยว่าหลังสัมภาษณ์ 1 สัปดาห์จะโทรแจ้ง แต่ถ้าเค้าไม่ได้บอก โดยทั่วไป 2สัปดาห์ น่าจะต้องทราบ หากตำแหน่งงานนั้นด่วน (สังเกตจากประกาศว่า Urgent!!) แต่ถ้าไม่ด่วน บางตำแหน่งอาจเกิน 1 เดือนก็มี
8. หากสัมภาษณ์แล้วได้งาน
- ได้หลายที่ : ลองพิจารณาหลายๆอย่าง หากเป็นตำแหน่งเดียวกัน อาจพิจารณาถึงโอกาสก้าวหน้าในหน่วยงานนั้นๆ ชื่อเสียงบริษัท สวัสดิการ การเดินทางต่างๆ ประกอบกัน
- ได้ที่ไม่ถูกใจ : อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ รอโอกาสที่อื่นๆ ก่อน เพราะหากตกลงเข้าไปแล้ว เราก็ควรให้เครดิตทำงานร่วมกับเค้าสักระยะ
- ถูกใจใช่เลย : ให้คุณคุยรายละเอียดข้อตกลง สวัสดิการ ผลตอบแทนต่างๆกับนายจ้างให้ชัดเจน รวมถึงการประเมินผลงานต่างๆ
สุดท้ายขอให้ทุกคนโชคดี มีชัย ได้งานที่เราตัวเองรัก ชอบ และสนุกกับมัน
