โดย kiatisak » 01 มิ.ย. 2013, 01:00
หมอรามาฯเฝ้าระวัง 3 โรครับเออีซี"ไข้หวัดใหญ่-คอตีบ-วัณโรค"
วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16:00:27 น.
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 31 พฤษภาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงาน "มติชน เฮลท์แคร์ 2013 สู้โรคไร้พรมแดน พญ.สิริอร วัชรานานันท์ โรงพยาบาล (รพ.) รามาธิบดี กล่าวเสวนาพิเศษเรื่อง "รู้จักเทคโนโลยีใหม่ ป้องกันภัยโรคไร้พรมแดน"
พญ.สิริอรกล่าวว่า โรคติดต่อมีหลายชนิด ที่พบมากคือไข้หวัดใหญ่ คนทั่วไปเข้าใจผิดว่าหายได้เอง จึงไม่ทันได้ระวังตัวหรือรีบไปพบแพทย์ ซึ่งความจริงแล้วมีความรุนแรงมาก อาจเสียชีวิตได้ และไข้หวัดใหญ่ยังมีการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่เรื่อยๆ เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมามีการระบาดมาก คือไข้หวัด 2009 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไข้หวัดใหญ่มีการพัฒนาตัวเองตลอดเวลา แม้ประเทศไทยมีการระบาดไม่รุนแรง แต่ในต่างประเทศ อย่างล่าสุดประเทศจีนมีการระบาดรุนแรง คือสายพันธุ์ H7 N9 มีผู้เสียชีวิตแล้ว 40 ผู้ป่วยกว่า 100 ราย ดังนั้นหากเราไม่มีภูมิคุ้มกัน การระบาดจะเกิดขึ้นได้ง่ายและรุนแรงมาก ถือเป็นโรคที่ใกล้ตัว
พญ.สิริอรกล่าวต่อว่า โรคที่ต้องเฝ้าระวังอีกโรคคือ โรคคอตีบ ในประเทศไทยมีการระบาดชัดเจนเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2555 ที่ จ.เลย เพชรบูรณ์ และสุราษฎร์ธานี ผู้ป่วยจะมีแผลรุนแรงในคอ จมูก และหลอดอาหาร สาเหตุเกิดจากไม่ได้รับวัคซีนป้องกัน โดยเฉพาะผู้ที่เกิดก่อน พ.ศ.2520 จะมีโอกาสได้รับเชื้อมากและเป็นโรคนี้ได้ ขณะนี้การระบาดไม่ได้รุนแรง แต่ปัญหาคือโรคนี้ไม่เจอมาเป็นเวลานาน อาจมีการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอื่น ทำให้รักษาไม่ถูกต้อง และอีกโรคคือวัณโรค เป็นโรคใกล้ตัว กระจายเชื้อได้เร็วมาก จากการไอจาม มีการระบาดได้ง่าย ทั้ง 3 โรคนี้เป็นปัญหาในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากพบได้บ่อยและมีการกระจายตัวในประเทศไทย
"สำหรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ประเทศต่างๆ มีความเจริญทางการแพทย์ต่างกัน เป็นเรื่องดีที่จะทำให้มองเห็นการพัฒนาการแพทย์กว้างขึ้น นอกจากนี้ แรงงานต่างชาติจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น จึงมีโอกาสพบโรคใหม่ๆ หรือโรคที่ไม่เคยเจอมานานแล้วมากขึ้น อย่างโรคเท้าช้าง ที่แม้อาจจะเจอไม่มากตามแนวชายแดน แต่มีโอกาสจะเจอได้ หรือจะเป็นโรคมาลาเรียที่อาจเจอในแรงงานต่างด้าว โรคไข้เลือดออก ที่ยังเจอได้บ่อย และมีแนวโน้มจะเจอเพิ่มขึ้น และโรคหัดที่มีโอกาสเจอเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้เป็นโรคที่ต้องจับตาเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ดังนั้นทรัพยากรทางการแพทย์มีเพียงพอหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องเตรียมตัวรับมือ ถืเป็นนโยบายแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการการเฝ้าระวังโรคระบาดอยู่แล้ว ขณะที่มหาวิทยาจะมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อบูรณาการระบบการทำงานร่วมกัน" พญ.สิริอรกล่าว และว่า สำหรับประชาชนมีหลักการเตรียมตัวง่ายๆ ในการดำเนินชีวิต คือ "กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ" เป็นเรื่องที่ทำได้ปกติ ติดตามข่าวสารเพื่อเฝ้าระวังโรค และการป้องกันด้วยการรับวัคซีน อย่างวัคซีคไข้หวัดใหญ่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ได้ง่าย ซึ่ง รพ.รามาธิบดี ได้มาให้บริการฟรีที่งานมติชน เฮลท์แคร์ ควรรับวัคซีนปีละครั้ง โดยเฉาะกลุ่มผู้สูงอายุควรได้รับวัคซีน
