สนใจใฝ่หาทางดับทุกข์เหมือนกัน ต่างกันตรงที่ว่าเริ่มสนใจตั้งแต่สมัย ม.2 (14-15 ขวบได้)
มันรู้สึกทุกข์จัง เหนื่อยจังกับการมีชีวิตอยู่ ทั้งๆที่ชีวิตสบายมากๆ ไม่ต้องทำไรเลยนอกจากเรียน
มีข้าวกิน เสื้อผ้าไม่ต้องซัก งานบ้านไม่ต้องทำ นอนตื่นกี่โมงก็ได้ แม่ใจดี พ่อตามใจ
แล้วเราต้องตอบแทนสิ่งดีๆให้ท่านด้วยการเรียนให้ดี เป็นคนดี เรียนให้พ่อแม่ภูมิใจปลื้มใจ...(เหนื่อยมาก)
ลึกๆ ก็พยายามแสวงหาความหมายของการเกิดมาบนโลกนี้ .... เราจะเกิดมาทำไม เกิดเพื่ออะไร
มาเรียนๆๆๆ ทำงานๆๆๆๆ เก็บเงินไว้ใช้ตอนแก่ แล้วก็ได้แก่สมใจ แล้วก็ต้องตาย ไม่เห็นจะมีอะไรเลย
ขวนขวายแทบตาย สุดท้ายจะยาจกหรือเศรษฐี จะดอกเตอร์หรือจบ ป.4 ก็ตายอยู่ดี ไม่มีอะไรเอาไปได้
(แอบคิดเล่นๆ คนตายตั้งแต่เด็กๆนี่โครตคุ้ม ไม่ต้องเรียน ไม่ต้องเก็บเงิน เพราะสุดท้ายทุกคนก็ตายอยู่ดี ตายเร็วคุ้มสุดๆ

ความคิดมักจะสวนทางกับคนที่แสวงหาแต่ความสุขจากภายนอก จากการเที่ยว จากของกินดีๆ จากเสื้อผ้าอาภรณ์
เรารู้สึกว่างั้นๆ มันไม่ใช่สุขสุดๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่อยากได้สุดๆ จนกลายเป็นคนไม่ติดแบรนด์เนม ใช้แค่พออยู่ได้
ผ่านมา 15 ปี (อายุ 30 ปี) ถึงได้เจอหนทาง.........เจอสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้เมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว
ทั้งๆที่ก็เคยถือศีล (ถือบ้างไม่ถือบ้าง) เคยนั่งสมาธิ (แต่ไม่ถูกหลักเท่าไหร่) และก็เคยคิดว่าตัวเองมีปัญญา 55555
แต่การได้ไปปฏิบัติธรรม 8 วัน ที่วัดป่าเจริญราช เมื่อศีล+สมาธิ+ปัญญาอย่างแท้จริง ก็ทำให้เจอคำตอบที่รอมากกว่า 15 ปีซะที^^
เข้าใจแล้วว่าพระพุทธเจ้านิพพานได้ยังไง.........หลักการ ง่ายๆ จริงๆ แต่ทำยากมากกกกกกกกกกกกกก T T