demand/supplyไม่น่าจะเป็นตัวควบคุมเรื่องทั้งหมด
(ไม่งั้นจังหวัดที่ขาดเภสัชกรอย่างนครพนมคงมีคนมาตื้อไปทำเอกชนแย่งตัวกันวุ่นเลย

)
แล้วdemand ที่ว่าก็มีความรับรู้ไม่ตรงกัน อีกทั้งยังสร้างให้เพิ่มได้
หรือกระทำการใดๆให้ดุลยภาพเปลี่ยนไปโดยจากกฏอื่นๆที่เคยเป็นตัวแปรคงที่
เป็นข้อแม้ที่ถูกควบคุมอยู่
การรับรู้ข้อมูลข่าวสารการทำงานรอบข้าง/ อำนาจการต่อรอง /กฏหมายคุ้มครองวิชาชีพ/ ค่านิยมการให้คุณค่าเภสัชกร
ความต้องการใหม่ๆที่ถูกสร้าง(Quality needs)/ ศักยภาพIQของเภสัชกรใหม่ๆและความสามารถในการจำแนกจัดเกรดจากสังคม
เหล่านี้ล้วนเป็นเนื้อหาในการก่อตัวขององค์กรที่จะมามีบทบาทแกนนำหรืออะไรสักอย่างตามที่กระทู้ถามหาเผื่อเริ่มให้คนรุ่นถัดไป
ไม่ไช่แค่หางานเอกชน2-3 หมื่น
องค์กรเหล่านี้อาจสอคล้องกับการกระจายอำนาจจากสภาฯ สมาคมฯสู่ท้องถิ่นหรือไม่ก็ได้
ส่วนตัวคิดว่าที่จะลดsupply คุมกำเนิดการผลิตเภสัชกรมันไม่แฟร์กับประชาชนส่วนที่ยังยากที่จะเข้าถึงเภสัชกร
และกีดกันผู้ที่ต้องการจะเรียนเป็นเภสัชกร
เพิ่มคุณค่า/ขยายDemandเป็นส่วนสร้างสรรกว่า
