หลังจากอ่านเฉลยเหตุการณ์สมมติกันไปแล้ว มาดูวิธีเอาตัวรอดจากเหตุการณ์จริงกัน
How To - วิธีเอาตัวรอดในยามคับขัน (
http://www.pantip.com/cafe/book_stand/gadget/s4710.html)
ในช่วงเวลาที่เราได้ออกเดินทางท่องเที่ยวผจญภัย ไปในสถานที่ซึ่งแปลกหูแปลกตา บ่อยครั้งที่เรารู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับความงดงามที่อยู่ตรงหน้า จนพาลลืมนึกถึงอะไรอย่างอื่นไปเสียหมด......... บ่อยครั้ง การเดินทางก็มักไม่เป็นดังที่ฝันเอาไว้ อาจเนื่องจากปัญหาเล็กน้อยที่มากวนใจ ไปจนถึงเหตุการณ์ร้ายที่ไม่คาดฝัน บางทีตั้งตัวไม่ทันจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดก็มี
สถานการณ์จากเหตุไม่คาดฝันนี้เอง อาจทำให้ใครหลายคนหวาดกลัวต่อการเดินทาง จนพลาด ทริป สำคัญๆ ไป แต่ในทางกลับกันหากเราไม่ประมาทและเรียนรู้ที่จะรับมือกับสถานการณ์อันคับขันแล้ว เรื่องร้ายต่างๆ ก็คงเป็นสิ่งที่เติมสีสันให้กับการเดินทาง แถมยังกลายเป็นเรื่องตื่นเต้นเก็บไปเล่าให้เพื่อนๆ และคนใกล้ชิดฟังอย่างภูมิใจอีกด้วย
รถจมน้ำ
พยายามเปิดหน้าต่างรถทันที ทางที่ดีถ้าขับรถใกล้บริเวณที่เป็นแม่น้ำให้เปิดกระจกขับรถ แต่ถ้าไม่สามารถเปิดกระจกหน้าต่างรถได้ ให้พยายามใช้วัสดุแข็งๆ ทำให้กระจกแตก จากนั้นหนีออกมาจากรถให้ได้ในขณะที่รถยังลอยอยู่ ซึ่งเมื่อรถตกน้ำ จะจมลงสู่พื้นล่างด้วยความรวดเร็ว แต่ถ้าไม่สามารถทั้งเปิดหน้าต่างและทำให้กระจกแตกได้ ให้เตรียมกลั้นหายใจไว้ รอจนน้ำเข้ามาในรถถึงระดับศีรษะ พอความดันน้ำด้านนอกกับด้านในรถมีปริมาณเท่ากัน เราจะสามารถเปิดประตูรถได้
โคลนดูด
หาไม้ท่อนยาวติดมือไปด้วย ถ้าจมโคลนดูดให้วางท่อนไม้บนผิวโคลน ค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นไปอยู่บนท่อนไม้ (พยายามลอยตัวบนโคลนให้ได้) ด้วยการวางแผ่นหลังอยู่บนแนวของท่อนไม้ โดยต้องพยายามสร้างสมดุลบนท่อนไม้นั้นให้ได้ จากนั้นจึงค่อยๆ วางตัวเองขวางท่อนไม้ ดึงเท้าออกทีละข้างแล้วเคลื่อนตัวเองไปขอบบ่อด้านที่ใกล้ที่สุด โดยพยายามเคลื่อนไหวอย่างช้าที่สุด
เผชิญหน้าสิงสาราสัตว์
งู - ถ้าต้องเผชิญหน้ากับงู ให้พยายามถอยหลังออกมาช้าๆ ทิ้งระยะห่างกับงูให้มากกว่าความยาวครึ่งหนึ่งของลำตัวงู เนื่องจากงูต้องใช้ส่วนหนึ่งของลำตัวขดอยู่บนพื้นนั่นเอง แต่ถ้าถูกงูรัดให้พยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด เนื่องจากงูจะยิ่งรัดแน่นถ้าการเคลื่อนไหวรุนแรง พยายามจับบริเวณหัวงูไว้ให้ได้แล้วแกะการขดตัวของงูจากปลายข้างใดข้างหนึ่ง จากหัวหรือหาง
หมี - ให้อยู่นิ่งที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ห้ามไม่ให้หนีขึ้นต้นไม้หรือปีนขึ้นที่สูง การตอบโต้หากหมีเข้ามาทำร้าย ให้เลือกบริเวณตาหรือจมูกเป็นเป้าหมาย
เสือหรือสิงโต - ห้ามวิ่งหนีเป็นอันขาด พยายามทำให้ร่างกายดูใหญ่โตกว่าปกติ เช่นการกางเสื้อคลุมออก ยืนนิ่งแต่ให้ตะโกนเสียงดัง แล้วพยายามหาทางถอยหลังหนีออกไปให้ไกล
ฉลาม - ควรตอบโต้ด้วยการชกไปที่บริเวณตาหรือเหงือกของฉลาม หรือไม่เช่นนั้นให้ใช้วิธีทุบไปบริเวณปลายแหลมบริเวณใบหน้า ทั้งนี้ให้ระวังเลือดที่ออกจากร่างกาย แม้แต่ประจำเดือน เพราะฉลามจะได้กลิ่นชัดเจน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉลาม มันอาจมาปรากฎตัวโดยไม่ได้ตั้งใจทำร้าย ถ้าดำน้ำให้หลีกเลี่ยงการลอยตัวอยู่บนผิวน้ำ เนื่องจากฉลามจะรู้สึกได้ว่านี่คือเหยื่อของมัน
จระเข้ - ถ้าต้องเผชิญหน้ากับจระเข้ที่บนบก ควรหาทางไปยืนอยู่บนหลังของมันแล้วกดน้ำหนักไปบนบริเวณหลัง จระเข้จะไม่มีแรงหันกลับมากัดเราได้เลย แต่ถ้าถูกจระเข้งับ ต้องหาวิธียังยั้งไม่ให้จระเข้หมุนหรือกลิ้งตัว เพราะอาจทำอันตรายให้กล้ามเนื้อของเราฉีกขาด ด้วยการพยายามหนีบให้จระเข้หุบปาก
ทาก - พกเกลือไว้ให้เต็มกระเป๋า หรือจะใช้เป็นสเปรย์น้ำเกลือก็ได้ โรยปูนขาวให้รอบเต้นท์ ขากางเกงสีขาว หรือสีเนื้อจะช่วยให้สังเกตทากได้ ถุงเท้าไม่เคยกันทากได้ ให้ใส่ถุงกันทากทำจากผ้าฝ้ายดิบที่มีขายตามร้าน ถ้าถูกทากกัด เราจะไม่รู้สึกเจ็บ ไม่รู้สึกอะไรเลย ถึงแม้เท้าขอเราจะโชกเลือดแค่ไหนก็ตาม
หลงทางหลงป่า
เมื่อรู้ตัวว่าหลงทาง ให้พยายามเดินย้อนกลับออกมา สังเกตด้วยการเดินตามลำน้ำหรือสันเขา เพราะผู้ที่จะสามารถให้ความช่วยเหลือได้ จะได้มองเห็นได้ง่าย อาจสังเกตรอยเท้าของตัวเอง แต่ถ้าไม่รู้จะเลือกทิศไหนในการออกเดิน พยายามขึ้นไปสู่ที่สูงเพื่อที่จะมีโอกาสได้มองเห็น หากเป็นทะเลทราย ให้อยู่บริเวณใกล้กับพาหนะ ไม่ควรทิ้งรถเพื่อออกเดิน ถ้าต้องเดินให้เตรียมอุปกรณ์บางอย่างไปด้วย อาทิแผนที่ ไฟแช็คหรือไม้ขีดไฟ มีดพก กระจกหรือโลหะสำหรับทำสัญญาณส่ง เข็มทิศ นกหวีด ฯลฯ ให้เดินช้าๆ และพักบ่อยๆ เพื่อป้องกันการสูญเสียความร้อน พยายามหาแหล่งน้ำดื่ม ลำต้น ผลและดอกของตะบองเพชรสามารถรับประทานเพื่อดับกระหายได้ดี โดยฉีกบริเวณก้าน แล้วเคี้ยวที่แกนโดยไม่ต้องกลืน
เรือล่ม
พยายามอยู่บนเรือให้ได้นานที่สุด ให้น้ำท่วมถึงระดับเอวแล้วจึงก้าวไปยืนอยู่บนแพช่วยชีวิต โดยติดภาชนะใส่น้ำไปด้วย เพื่อไม่ให้ขาดน้ำสะอาดสำหรับดื่ม หากต้องลอยคออยู่ในน้ำหรือทะเล ถ้าติดไฟฉายหรือเข็มทิศไปได้ด้วย เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง ทั้งนี้ให้พยายามลอยคอเข้าหาฝั่ง พยายามหาวิธีส่งสัญญาณเผื่อมีเครื่องบินบินผ่านมาหรือเรือที่แล่นผ่านมาในบริเวณดังกล่าว อาจจะใช้แสงสะท้อนจากกระป๋องอลูมีเนียม หรือใช้นาฬิกาข้อมือที่เป็นโลหะก็ได้
ออกซิเจนหมดถัง
ถ้ามีเพื่อนให้ส่งสัญญาณให้เพื่อนรู้ด้วยการชี้ไปที่ถังอากาศ พอมีคนเข้ามาช่วยให้ใช้เรกูเลเตอร์ (ที่หายใจจากถังอากาศ) สลับกันโดยสูดหายใจกันคนละ 2 ครั้งแล้วค่อยๆ ว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำพร้อมๆ กัน ระหว่างว่ายขึ้นไปให้หายใจออกแล้วผลัดกันสูดหายใจจากถัง แต่ถ้าต้องช่วยเหลือตัวเองเพียงลำพัง ให้อมเรกูเลเตอร์ไว้ มองตรงขึ้นด้านบนเพื่อให้ทางเดินหายใจทำงานสะดวก ค่อยๆ ว่ายขึ้นผิวน้ำช้าๆ โดยหายใจออกให้ต่อเนื่องด้วยการค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ ไม่เช่นนั้นจะเกิดอาการเส้นเลือดโป่งพอง
กระโดดจากที่สูงสู่พื้นน้ำ
ให้เลือกกระโดดบริเวณร่องน้ำ ให้สังเกตจากเป็นบริเวณที่ห่างจากริมฝั่ง เนื่องจากน้ำจะมีความลึกพอ อย่าลืมระวังตอม่อสะพานหรือเสาเนื่องจากใต้น้ำอาจมีกองหินหรืออิฐ โดดโดยเอาเท้าลง ไม่ควรเอาหัวลงเนื่องจากอันตรายมาก จัดลำตัวให้อยู่ในแนวดิ่ง บีบขาให้ชิดกัน ปล่อยให้เท้าสัมผัสน้ำก่อน ในขณะเดียวกันต้องเกร็งก้นด้วย เกร็งแผ่นหลังเอาไว้โดยใช้มือปกป้องอวัยวะที่สำคัญของร่างกายเอาไว้ เมื่อตัวจมน้ำแล้วให้กางแขนขาออกให้กว้างที่สุด พยายามสะบัดขึ้นลงเพื่อพยุงตัวเองขึ้นสู่ผิวน้ำ และป้องกันการกระแทกกับพื้นด้านล่าง หรือป้องกันหากบริเวณนั้นน้ำอาจไม่ลึกพอ
หนีไฟไหม้
อย่างที่ทราบกันดีว่าเราควรก้มตัวลงต่ำกว่าควันไฟแล้วใช้วิธีคลาน หากหาผ้าชุบน้ำติดมาปิดปากและจมูกจะช่วยบรรเทาการสำลักควันไฟได้ดี พึงระวังการเปิดประตู หากที่จับหรือประตูมีความร้อนต้องระวังเปลวไฟที่จะพุ่งเข้ามาด้วย ให้พยายามหาทางออกที่ใกล้ที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากติดไฟอยู่ในอาคารสูง หลีกเลี่ยงการใช้ลิฟท์ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ทั้งสิ้น ใช้บันไดหนีไฟและพยายามออกมาจากตัวอาคารให้เร็วที่สุด ด้วยบันไดหนีไฟภายนอกอาคารจะดีที่สุด
หลบจากแผ่นดินไหว
ให้พยายามอยู่บริเวณช่องทางเดิน ห่างหน้าต่างเอาไว้ถ้าอยู่ในอาคาร ครัวเป็นสถานที่อันตรายที่สุด ถ้าตึกกำลังสั่นไหวอย่าวิ่งลงชั้นล่างหรือออกไปข้างนอกทันที แต่ถ้าอยู่ภายนอกให้อยู่ห่างจากตัวอาคาร สายไฟแรงสูงและให้ห่างจากสิ่งของที่จะตกลงมา แต่ถ้ากำลังขับรถให้หยุดรถเสียก่อน ขับรถออกจากบริเวณรถมาก อย่าจอดใต้สะพานหรือสะพานลอย แม้แต่เสาไฟฟ้า ให้อยู่ในรถจนแผ่นดินหยุดไหว แล้วคอยสังเกตรอยแยกบนทางเท้า พยายามสวมใส่รองเท้าพื้นแข็งและหนาเพื่อป้องกันการเหยียบเศษแก้ว ฯลฯ
อย่าลืมว่าของทุกอย่างในโลกนั้นมีสองด้านเสมอ สิ่งที่ปลอดภัยที่สุด.......... อาจเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดก็ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การควบคุมสติของเราเอง บางคนรู้ถึงวิธีการแก้ปัญหายามขับคันอย่างถ่องแท้ แต่พอเกิดเหตุร้ายขึ้นจริงๆ กลับทำอะไรไม่ถูก นั่นแหละที่อันตรายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดเสียอีก