apotheker เขียน:แลกเปลี่ยนมุมมองดูบ้างนะครับ
เมื่อวานนั่งคุยกับเมียเรื่องอนาคตของลูก เค้าบอกว่าอยากให้ลูกเรียนวิศวะ เพราะเก่งคำณวน ผมถามว่าแน่ใจหรือ เพราะเห็นคนจบวิศวะมายืนขายยาหลังเคาน์เตอร์อยู่ก็หลายคน ถ้าวิชาชีพเค้าดีจริงทำไมไม่ทำงานในฟิลด์ที่ร่ำเรียนมาล่ะ ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
ผมยอมรับนะว่าเราอาจจะเป็นรอง แพทย์ ทันตแพทย์ ในเรื่องของรายได้หรือการยอมรับทางสังคม แต่เราก็ไม่หนีไปจากอันดับ3 ในสายวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไม่หนีไปจากอันดับ3ในทุกสายด้วยละมั้งถ้าเอามาเรียงกันถึงความนิยม แล้วจะบอกว่าอาชีพที่อยู่อันดับ3อยู่ปลายหุบ มันก็ดูจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไปไหมครับ
ในสายงานโรงพยาบาล เภสัชได้เข้าไปใช้ทุนมาเป็นเวลากว่า10ปี งานเภสัชกรรมในโรงพยาบาลพัฒนาไปมากครับ เมื่อ10ปีก่อนเราอยู่แต่ในห้องจ่ายยา ตอนนี้เราเริ่มขึ้นไปบนวอร์ดบ้างแล้ว แม้จะยังไม่ค่อยได้รับการยอมรับที่ดีนักแต่ก็เริ่มต้นไปได้หลายก้าวแล้ว
ในสายดีเทล ผมเห็นเด็กจบใหม่ๆไปทำงานบ.ยาก็ยังรับอยู่เยอะนะครับ ออริจินัลทำงานคงไม่เหลี่ยงเลี้ยงเหมือนเมื่อก่อน แต่รายได้ก็ไม่น้อยไฟเซอร์นี่ว่ากันว่ารวมเบ็ดเสร็จก็แตะ6หลัก สมัยผมทำนี่5หลักปลายๆก็แจ่มแล้ว
ในสายร้านยา เราไม่ค่อยพัฒนาไปจากเดิมสักเท่าไหร่ หมอตี๋ก็ยังเต็มบ้านเต็มเมือง ขณะที่ยอดขายยาในร้านยาก็โดนเบียดจากนโยบายประชานิยมทำให้รายได้ไม่อู้ฟู่ แต่ก็ยังมีน้องที่เปิดใหม่ๆแล้วได้กำไรเดือนหลายแสนอยู่แม้จะไม่มากแต่ก็มี ขึ้นอยู่กับว่าคุณหาblue oceanเจอหรือเปล่า ถ้า ไม่ดีจริงคนที่ไม่ใช่เภสัชเค้าจะกระเหี้ยนกระหือรืออยากเปิดร้านยากันอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หรือ
สายโรงงาน มีเสียงบอกมาจากสายข่าวของผมว่า ถ้าเภสัชไม่สนใจงานสายนี้มากๆเข้า อีกหน่อยเนื้อชิ้นนี้ก็จะถูกเฉือนไปให้สายวิทย์เคมีแล้ว เพราะหาเภสัชมาทำยายาก ไปเน้นด้านฟาร์มแคร์กันหมด
สรุปแล้วผมว่าวิชาชีพไหนๆตอนนี้เวลานี้ก็เหนื่อยกว่าเดิมหมดแหละครับ ไม่เฉพาะเภสัช แต่พวกเราก็ยังคงรั้งอันดับ3ของตารางไว้ได้ ไม่ได้ถึงกับไปยืนอยู่ปลายหุบหรอกมั้ง
เป็นมุมมองที่น่าสนใจครับ,
วิเคราะห์ได้ว่า..เป็นมุมมองของคนประสบผลสำเร็จในวิชาชีพ
ซึ่งคนประสบความสำเร็จจะเป็นคนจำนวนน้อยในหมู่คนไม่ประสบความสำเร็จเสมอ!!

ฝากมุมมองของผมไปคุยต่อวันนี้อีกละกันครับ (ถ้าแม่บ้านยังอยากจะคุยต่อ )
วิศวะ..(ขอพูดถึงหน่อยในฐานะที่เป็นนักเรียนวิดวะเก่า และยังได้ติดต่อเพื่อนๆวิศวกรอยู่บ้าง!)
..ก็พอๆกับเภสัชแหละครับ เดี๋ยวนี้เปิดกันเยอะมาก มีทั้งมหาลัย และวิทยาลัยเทคนิคที่ยกฐานะขึ้นมาสอนระดับปริญญาตรี
จำนวนสถาบันที่สอนวิศวะฯมากกว่าจำนวนสถาบันที่สอนเภสัชฯแน่นอน แรงงานวิศวะที่ออกสู่สังคมไทยน่าจะเกินสองเท่าของแรงงานเภสัชฯ
..เดี๋ยวนี้เวลาเค้าถามกันว่าเป็นวิดวะสาขาไหน?, เค้าไม่ตอบแค่"ไฟฟ้า/คอมฯ/โยธา/เครื่องกล/อุสาหกรรม/สิ่งแวดล้อม" เหมือนสมัยที่ผมกะท่านอโปเรียนกันแล้วครับ,
เพราะเดี๋ยวนี้เค้าลงลึกไปมากกว่านั้นเยอะแล้ว ยกตัวอย่างเดี๋ยวนี้มีวิศวกรไม้, วิศวกรเหล็ก, วิศวของเสีย, ...(เยอะแยะ ชื่อแปลกๆ, ไม่เคยได้ยิน!!)
เรื่องเภสัชฯใช้ทุน..
..จำนวนเภสัชฯที่จบแล้วไปทำงานในหน่วยงานรัฐน้อยมากนะครับ ถ้าเทียบกับคนที่ไม่ได้เข้ารับราชการ
และปัญหาเรื่องตำแหน่งบรรจุเป็นข้าราชการก็ยังมะงุมมะงาหราแก้ปัญหาอยู่เลย!
(บางครั้งและหลายครั้งผมก็ยังแอบตั้งคำถามบ่อยๆว่า "ยังมีเภสัชฯใช้ทุนอยู่เหรอ?")
เรื่องเภสัชฯขึ้นวอร์ด..
..อีกนานครับ
..ในปัจจุบันเภสัชรพ.ก็ยังต้องถูกสั่งให้ไปรุมกันอยู่ที่ห้องยาโอพีดีเป็นส่วนใหญ่เหมือนเดิม
ระหว่างปัญหาจากการที่รพ.ถูกตำหนิว่าคนไข้รับยาโอพีดีไม่ทัน กับปัญหาที่จะถูกประเมินว่าไม่มีเภสัชอยู่บนไอพีดี..ผู้บริหารรพ.เลือกแก้ปัญหาที่โอพีดีก่อนแน่ๆ
(นี่ยังไม่พูดถึงการที่ตัวเภสัชฯเองไม่อยากขึ้นไปบนไอพีดีอีกนะครับ)
..เป็นเรื่องที่ผู้หลักผู้ใหญ่คาดหวังว่าจะเป็นที่เชิดหน้าชูตาของวิชาชีพเรา (ทำไงได้หละ..ก็เข็นฟาร์มดีออกมาแล้วนี่นา ก็ต้องผลักดันกันสุดตัวหละครับ)
ดีเทลที่ได้เงินดีๆ..
..น่าจะนับตัวได้นะครับ, มีไม่เยอะแน่นอน
..เภสัชฯดีเทลที่จะมีรายได้เยอะ ต้องเก่งจริงๆเท่านั้น!
ร้านยา..
..นับวันจะมากขึ้นเรื่อยๆ, เพิ่มทีละเยอะๆด้วย!!
..ไม่ใช่เพียงเภสัชฯเองที่จะกระเหี้ยนกระหือรือเปิดร้าน, นายทุน/คนมีเงินที่ไม่ใช่เภสัชฯก็มีอารมณ์เดียวกันคือกระหือรือที่จะเปิดร้านขายยา แถมเปิดทีละหลายๆร้านซะด้วย
(เมื่อวานคุยกับน้องเภสัชฯที่เคยทำงานด้วยกัน เค้าบอกว่า
-ปีที่แล้วที่จ.อยุธยา, มีร้านยาเปิดใหม่ภายในปีเดียว ๘๐ ร้าน!!!,เจ้าของรายเดียวเปิดทีละสี่ห้าร้าน!!
-ที่จังหวัดที่เค้าอยู่ทางอีสาน มีพ่อของนักศึกษาเภสัชฯที่ยังเรียนไม่จบเปิดร้านยาสองคูหาใหญ่บะเริ่มเทิ่ม ตกแต่งพร้อมขายรอลูกจบแล้วมาทำ
โดยที่ตอนนี้อาใบจากเซลยาที่เป็นเภสัชฯมาแขวนไปพลางก่อน)
สายโรงงาน..
..ปกติก็ไม่ค่อยมีใครครอยากเป็นเภสัชฯโรงงานอยู่แล้ว,
และยังคงจะมีเภสัชกรที่ตัดสินใจเข้าสู่อาชีพสายนี้ไม่มากคนเหมือนเดิม
สรุป..
..ถ้าเป็นการนับคะแนนกอล์ฟ,
ที่๑ ของตาราง จบรอบสุดท้ายที่สกอร์ -๑๐ , มีหนึ่งคน
ที่๒ ของตาราง จบรอบสุดท้ายที่สกอร์ -๙ , มีหนึ่งคน
แต่
ที่๓ ของตาราง จบรอบสุดท้ายที่สกอร์..สแควร์พาร์ , มีสองคน (ถ้าใครตีหลุดโบกี้ไปซักหลุม, ตกจากอันดับสามของตารางแน่นอน!!)
