|
ห้องเภสัชกร
โดย kohboy » 15 มิ.ย. 2010, 12:04
ตัวอย่างคำเกริ่นนำ..
ปัจจุบัน..
..คนเป็นหมอ ..ถ้าไม่เก่งจริง ก็ต้องตะเกียกตะกายให้เก่ง , ถ้าเป็นแค่หมอหกปี..ก็เป็นได้แค่เลเบอร์ค่าตัวแพงในห้องตรวจโอพีดี
..คนเป็นหมอฟัน ..ถ้าไม่เก่งจริงก็ยังอยู่ได้ แต่ก็ต้องตะเกียกตะกายให้เก่งกว่าเดิมเพื่อให้ตัวเองโดดเด่นกว่าหมอฟันคนอื่นๆ
..คนเป็นเภสัชกร ..กำลังจะเป็นคนชั้นล่างถึงกลางในสังคมไทย
เกริ่นนำแค่นี้ก่อนครับ,
คงจะเป็นบล้อครุ่นสุดท้าย คงจะเป็นบล้อคที่ผมจะเขียนไว้ในภาวะที่ยังเรียกตัวเองว่า.."เภสัชกร",
"กับเกือบยี่สิบปีในวิชาชีพนี้,มีอยู่มีกินเลี้ยงตัวเลี้ยงครอบครัวด้วยวิชาชีพเภสัชกรรม,ตะเกียกตะกายมีชีวิตรอดมาได้ด้วยวิชาชีพเภสัชกรรม, เห็นการเปลี่ยนแปลงของแทบจะทุกภาคส่วนของกลุ่มมนุษย์ที่เรียกตัวเองว่าเภสัชกรไทย...
...ฯลฯ กับวงการนี้!!
...
...เกาะบอยจะพยายามเขียนให้ถึงตอนจบในปี๕๓นี้ครับ"
โปรดติดตามด้วยความระทึก นะครับ คุณภก.และภญ.
(ปล.เภสัชกรที่ใจไม่แข็งพอ..โปรดทำใจก่อนอ่าน!)
-

kohboy
-
- โพสต์: 1437
- ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2006, 14:51
โดย ruralphar » 15 มิ.ย. 2010, 12:32
ก็ถ้าคณะเภสัชทั้งหลายยังผลิตเภสัชกรกันแบบอุตสาหกรรม มีรอบบ่าย รอบค่ำ รอบเสาร์ อาทิตย์แบบนี้ มันก็เป็นอย่างที่เจ้าของกระทู้ว่านั่นแหละครับ
-
ruralphar
-
- โพสต์: 146
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2007, 09:45
โดย kohboy » 15 มิ.ย. 2010, 13:16
ruralphar เขียน:ก็ถ้าคณะเภสัชทั้งหลายยังผลิตเภสัชกรกันแบบอุตสาหกรรม มีรอบบ่าย รอบค่ำ รอบเสาร์ อาทิตย์แบบนี้ มันก็เป็นอย่างที่เจ้าของกระทู้ว่านั่นแหละครับ
มีการกล่าวถึงเรื่องประมาณนี้แล้วนะครับที่ลิ้งค์นั้น, ผ่านไปแล้วสี่ตอนคือ http://thelegendkohboy.multiply.com/journal/item/78/78๑. ที่ยืนของเภสัชกรไทย ... ๒.รายได้ของเภสัชกร ... ๓.ความเป็นปึกแผ่น/ความแน่นเหนียวในวิชาชีพ/ความรักกันในวิชาชีพ ระหว่างเภสัชกรไทยด้วยกันเอง ... ๔.๑ อดีตคือยุคที่ใบประกอบโรคศิลปะหาได้ง่ายๆ , ใบประกอบฯราคาไม่แพง ๔,๒ ปัจจุบันคือยุดที่..การมีใบประกอบฯคือการมีเงิน, ใบประกอบฯมีราคาแพง, เภสัชฯไร้ใบประกอบคือเภสัชฯไร้ค่า!!เชิญดูรายละเอียดตามลิ้งค์นะครับ http://thelegendkohboy.multiply.com/journal/item/78/78ปล. แอดมินส่งบิลไปเก็บเงินที่เกาะช้างนะครับ อิอิ 
-

kohboy
-
- โพสต์: 1437
- ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2006, 14:51
โดย white-blue » 15 มิ.ย. 2010, 13:44
ruralphar เขียน:ก็ถ้าคณะเภสัชทั้งหลายยังผลิตเภสัชกรกันแบบอุตสาหกรรม มีรอบบ่าย รอบค่ำ รอบเสาร์ อาทิตย์แบบนี้ มันก็เป็นอย่างที่เจ้าของกระทู้ว่านั่นแหละครับ
เรื่องนี้ผมก็เคยแสดงความเห็นในนี้หลายครั้งแล้ว ว่าไม่เห็นด้วยกับการมีภาคพิเศษบ้าง ม เอกชน บ้าง หลายคนก็เห็นด้วย แต่ก็มีหลายคน ที่หาว่าคนทื่ไม่เห็นด้วย ใจแคบ เห็นแก่ตัวบ้าง ก็ว่ากันไป แต่ถ้ายังขยันเปิดกันแบบนี้ก็.............คิดเอาเองแล้วกัน เภสัชกรที่ทำงานอยู่ รพ เอกชน คงพอรับรู้ความรู้สึกได้นะ ว่า ศักดิ์ศรีระหว่าง แพทย์ กับ เภสัชกร ใน รพ เอกชนมันเป็นยังไง หรือไม่จริง ว่ามา
เพราะแสวงหา...มิใช่เพราะรอคอย
เพราะเชี่ยวชาญ...มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ...มิใช่เพราะโชคช่วย
ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"
-
white-blue
-
- โพสต์: 350
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ค. 2009, 11:32
โดย kohboy » 15 มิ.ย. 2010, 14:02
white-blue เขียน:ruralphar เขียน:ก็ถ้าคณะเภสัชทั้งหลายยังผลิตเภสัชกรกันแบบอุตสาหกรรม มีรอบบ่าย รอบค่ำ รอบเสาร์ อาทิตย์แบบนี้ มันก็เป็นอย่างที่เจ้าของกระทู้ว่านั่นแหละครับ
เรื่องนี้ผมก็เคยแสดงความเห็นในนี้หลายครั้งแล้ว ว่าไม่เห็นด้วยกับการมีภาคพิเศษบ้าง ม เอกชน บ้าง หลายคนก็เห็นด้วย แต่ก็มีหลายคน ที่หาว่าคนทื่ไม่เห็นด้วย ใจแคบ เห็นแก่ตัวบ้าง ก็ว่ากันไป แต่ถ้ายังขยันเปิดกันแบบนี้ก็.............คิดเอาเองแล้วกัน เภสัชกรที่ทำงานอยู่ รพ เอกชน คงพอรับรู้ความรู้สึกได้นะ ว่า ศักดิ์ศรีระหว่าง แพทย์ กับ เภสัชกร ใน รพ เอกชนมันเป็นยังไง หรือไม่จริง ว่ามา
ก้อบจากมัลติพลายมาให้อ่านกันครับ.. ( ใจจริงอยากเชิญไปที่มัลติพลายเลย จะมันส์กว่า เพราะจะได้เห็นอะไรที่นอกเหนือจากเรื่องซัพพลายของแรงงานเภสัชกรด้วยครับ)๔.๑ อดีตคือยุคที่ใบประกอบโรคศิลปะหาได้ง่ายๆ , ใบประกอบฯราคาไม่แพง
นับตั้งแต่เภสัชกรถูกผลิตมาตั้งแต่สมัย "วิทยาลัยแพทย์" มาจนถึงช่วงประมาณปีพศ.๔๐ (ตัวเลขชัดๆคงจะบวกลบไม่กี่ปี)..เภสัชกรไทยไม่ต้องตะเกียกตะกายหาใบประกอบโรคศิลปะ; กล่าวคือขอให้พาตัวเองให้จบปริญญาเภสัชเหอะ ไม่ว่าจะจบจากที่ไหน ก็ได้ใบประกอบฯ เช่นจบจากจุฬาฯ, เชียงใหม่, สงขลา, ต่างก็ได้ใบประกอบฯกันถ้วนหน้า, ได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องสอบ!! ** แม้แต่เภสัชกรจากมหาลัยห้องแถวที่ฟิลิปปินส์ก็ได้ใบประกอบฯ !! (มีเภสัชฯหลายคนที่ทำกร่างอยู่ในแวดวงสาสุขไทยปัจจุบัน เป็นเภสัชฯที่คนยุดผมเรียกว่า.."จบปินส์" , ทั้งที่เป็นคนใหญ่ในกระทรวง,ในอย.,ในสสจ.,ในรพ.รัฐ,ในรพ.เอกชน,ในร้านยายี่ปั๊วใหญ่ๆหลายจังหวัด,ในโรงงานยา)**
๔,๒ ปัจจุบันคือยุดที่..การมีใบประกอบฯคือการมีเงิน, ใบประกอบฯมีราคาแพง, เภสัชฯไร้ใบประกอบคือเภสัชฯไร้ค่า!!
กว่าที่เภสัชกรจะได้ใบประกอบนั้นยากเย็ญแสนเข็ญยิ่งนัก -ต้องทุ่มเทเรียนหนังสืออย่างหนัก -ต้องลงทุนด้วยเงินและเวลามากมาย
..มีหลายองค์กรที่ทำมาหากินจากความต้องการสิ่งที่เรียกว่า"ใบประกอบโรคศิลปะ"นี้ **องค์กรที่กล่าวมานี้..ที่สำคัญที่สุด และมีบทบาทที่สุด องค์กรนั้นเรียกว่า.."มหาวิทยาลัย.."
-

kohboy
-
- โพสต์: 1437
- ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2006, 14:51
โดย ธวัชชัย วรรณสว่าง » 15 มิ.ย. 2010, 18:52
ผมภูมิใจที่สุดที่ผมเป็นเภสัชกร เพราะผมไม่มีความคาดหวังที่จะอาศัยบุญบารมีจากใครให้มาช่วยผม แม้แต่ใบประกอบโรคศิลปก็ช่วยผมไม่ได้ถ้าผมไม่รู้จักช่วยตัวเอง ความรู้ที่ผมเรียนมาจากคณะเภสัช มีหลายหลากวิชาที่ถ้าผมนำมาคิดใหม่-ทำใหม่ ทำให้ผมเกิดความคิดใหม่ๆเสมอที่ไม่เคยมีใครคิดทำมาก่อน และความคิดใหม่ๆเท่านั้นที่จะทำให้ผู้นั้นประสพความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริง
-
ธวัชชัย วรรณสว่าง
-
- โพสต์: 559
- ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 19:35
โดย kohboy » 15 มิ.ย. 2010, 20:19
ธวัชชัย วรรณสว่าง เขียน:ผมภูมิใจที่สุดที่ผมเป็นเภสัชกร เพราะผมไม่มีความคาดหวังที่จะอาศัยบุญบารมีจากใครให้มาช่วยผม แม้แต่ใบประกอบโรคศิลปก็ช่วยผมไม่ได้ถ้าผมไม่รู้จักช่วยตัวเอง ความรู้ที่ผมเรียนมาจากคณะเภสัช มีหลายหลากวิชาที่ถ้าผมนำมาคิดใหม่-ทำใหม่ ทำให้ผมเกิดความคิดใหม่ๆเสมอที่ไม่เคยมีใครคิดทำมาก่อน และความคิดใหม่ๆเท่านั้นที่จะทำให้ผู้นั้นประสพความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริง
มีมาเพิ่มเติม... ๕.๑ สังคมเภสัชฯ ไม่มีคนดีเพียงพอที่มาเป็นคนปกครองเภสัชกรไทย ... ๕,๒ เภสัชกรไทยที่ดีๆ มักหมดแรงที่จะทำดี ...รายละเอียดตามลิ้งค์ครับ... http://thelegendkohboy.multiply.com/journal/item/78/78
-

kohboy
-
- โพสต์: 1437
- ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2006, 14:51
โดย kohboy » 15 มิ.ย. 2010, 20:22
ก้อบมาเฉพาะข้อ ๕.๒ครับ
๕,๒ เภสัชกรไทยที่ดีๆ มักหมดแรงที่จะทำดี ..สุดท้ายก็หมดกำลังกาย หมดกำลังใจ หมดกำลังทรัพย์ หมดกำลังหนุนจากครอบครัว.. ..ในที่สุดก็ท้อแท้, เก็บตัวอยู่อย่างตัวคนเดียวกับสังคมรอบข้างเพียงไม่กี่คน..ลืมสิ่งที่เคยคิดจะทำให้แก่วงการเภสัชกรรมไทยที่เคยตั้งใจไว้ เสียหมดสิ้น!!
-

kohboy
-
- โพสต์: 1437
- ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2006, 14:51
โดย white-blue » 16 มิ.ย. 2010, 15:29
ตามไปอ่านมาแล้ว.......บอกตรงๆว่าผมเองก็คิดแบบนี้ แต่ที่คิดแบบนี้ ไม่ใช้เพราะอ่านแล้วรู้สึกคล้อยตาม แต่................ทุกอย่างสัมผัสได้จากชีวิตจริง เจอมาจริงๆและก็เป็นแบบนี้จริงๆ ตัวอย่างเช่นใบประกอบวิชาชีพ แต่ผมว่าไม่ได้เกี่ยวแค่มหาลัยเท่านั้นนะ เพราะ เวลาคนจะสอบใบประกอบ 1 ครั้ง ต้องสอบ OSPE+MCQ ถ้าจำไม่ผิด ค่าสมัคร MCQ 1พัน OSPE 2 พัน ปีนึงคนสอบกี่คน และคนที่สอบไม่ผ่านต้องมากลับมาสอบใหม่อีกกี่คน อันนี้ไม่รู้เงินไปใหนเหมือนกัน (ตรงนี้ก็ไม่ได้ว่าไรนะถือว่าต้องลงทุนกันหน่อยแต่มันก็ส่อให้คิดได้หลายแง่)
เพราะแสวงหา...มิใช่เพราะรอคอย
เพราะเชี่ยวชาญ...มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ...มิใช่เพราะโชคช่วย
ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"
-
white-blue
-
- โพสต์: 350
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ค. 2009, 11:32
โดย kohboy » 16 มิ.ย. 2010, 20:38
white-blue เขียน:ตามไปอ่านมาแล้ว.......บอกตรงๆว่าผมเองก็คิดแบบนี้ แต่ที่คิดแบบนี้ ไม่ใช้เพราะอ่านแล้วรู้สึกคล้อยตาม แต่................ทุกอย่างสัมผัสได้จากชีวิตจริง เจอมาจริงๆและก็เป็นแบบนี้จริงๆ ตัวอย่างเช่นใบประกอบวิชาชีพ แต่ผมว่าไม่ได้เกี่ยวแค่มหาลัยเท่านั้นนะ เพราะ เวลาคนจะสอบใบประกอบ 1 ครั้ง ต้องสอบ OSPE+MCQ ถ้าจำไม่ผิด ค่าสมัคร MCQ 1พัน OSPE 2 พัน ปีนึงคนสอบกี่คน และคนที่สอบไม่ผ่านต้องมากลับมาสอบใหม่อีกกี่คน อันนี้ไม่รู้เงินไปใหนเหมือนกัน (ตรงนี้ก็ไม่ได้ว่าไรนะถือว่าต้องลงทุนกันหน่อยแต่มันก็ส่อให้คิดได้หลายแง่)
เจ้าของมัลติพลายหาได้มีเจตนาชี้นำให้คล้อยตามไม่ครับ, ขอบคุณที่ตามไปอ่าน , ยังไงอย่าลืมเข้าไปเยี่ยมกันอีกที่มัลฯนะครับ เรื่องค่าสมัครสอบ, สำหรับผมคิดว่าจิ๊บจ๊อยมากครับ..หากเทียบกับเงินที่ .."แมงเม่านักเรียนเภสัช" ได้ใช้จ่ายไปให้มหาวิทยาลัยนับตั้งแต่สมัครเข้าไปเป็นนักศึกษาไปจนถึงเรียนจบได้ใบปริญญาจากคณะเภสัชศาสตร์(แมงเม่าตัวนี้เป็นตัวเดียวกับที่เค้าเรียกกันว่า .."เภสัชฯสอบใบประกอบไม่ผ่าน") 
แก้ไขล่าสุดโดย kohboy เมื่อ 16 มิ.ย. 2010, 22:25, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
-

kohboy
-
- โพสต์: 1437
- ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2006, 14:51
โดย pompam112 » 16 มิ.ย. 2010, 20:53
ตามมาอ่าน บีบเค้นหัวใจดีแท้
-

pompam112
-
- โพสต์: 147
- ลงทะเบียนเมื่อ: 23 เม.ย. 2007, 10:50
โดย blacksmithday » 16 มิ.ย. 2010, 21:49
..มี หลายองค์กรที่ทำมาหากินจากความต้องการสิ่งที่เรียกว่า"ใบประกอบโรคศิลปะ"นี้ **องค์กร ที่กล่าวมานี้..ที่สำคัญที่สุด และมีบทบาทที่สุด องค์กรนั้นเรียกว่า.."มหาวิทยาลัย.." อยากปรบมือกับประโยคนี้จริง ผมเคยพูดหลายต่อหลายครั้งแล้วไม่เห้นมีคนสนใจเลย ชอบมากที่คุณ kohboy พูดเรื่องนี้ แสดงว่าก็มีคนเห้นแบบที่ผมเห้นเหมือนกัน วันหลังพูดถึงอุปสงค์และอุปทานบ้างนะครับ
-
blacksmithday
-
- โพสต์: 192
- ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2007, 19:21
โดย kohboy » 16 มิ.ย. 2010, 22:22
วันนี้มีตอนใหม่มาอีกสองตอนครับ.. ๖.เภสัชฯโรงบาลไม่ใช่เภสัชกรเต็มตัว (แปลว่าทำงานได้คนละนิดคนละหน่อยแค่นั้นเอง) ...
๗. ร้านขายยาเล็กๆแพ้ร้านขายยาใหญ่ๆ ในทุกทำเล
...คลิกลิ้งค์มัลติพลาย ตามไปอ่านรายละเอียดกันนะครับ ที่... http://thelegendkohboy.multiply.com/jou ... es_read=14 
-

kohboy
-
- โพสต์: 1437
- ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2006, 14:51
โดย kohboy » 16 มิ.ย. 2010, 22:24
ก้อบมาให้อ่านกันเฉพาะตอนที่๗ครับ..
๗. ร้านขายยาเล็กๆแพ้ร้านขายยาใหญ่ๆ ในทุกทำเล
ที่ร้านขายยา, แม้จะมีเภสัชกรหลายคน,หลายร้าน ทุ่มเทกำลังทรัพย์ กำลังกาย และกำลังใจ ทำร้านของตัวเองให้เป็นร้านขายยาที่ดี ที่มีคุณภาพตรงตามหลักการของร้านขายยาในฝันอย่างที่เคยถูกพร่ำสอนมา แต่.. "ทุกร้านที่ทำท่าจะเป็นร้านดีๆ"เหล่านั้นก็ไม่มีทาง ไม่มีปัญญา สู้กับร้านยาใหญ่ๆในจังหวัด หรือในเขตที่ร้านของตัวเองตั้งอยู่ได้, ถึงพยายามสู้..ก็แพ้!
ร้านยาใหญ่ๆ ...เป็นร้านที่เห็นแก่เงินทั้งนั้น! และการเห็นแต่เพื่อให้มาเพื่อเงินของร้านยาใหญ่ๆตามที่ผมกล่าวหานั้น..ไม่เว้นแม้แต่ร้านขายยาที่มีการรับรองว่าเป็น"ร้านยาคุณภาพ"
-

kohboy
-
- โพสต์: 1437
- ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2006, 14:51
ย้อนกลับไปยัง เอสเปรสโซ่
ผู้ใช้งานขณะนี้
|
|