โดยคณะกรรมการการศึกษาเภสัชศาสตร์ สภาเภสัชกรรม
สรุป ณ มกราคม 2553
ตามข้อ บังคับสภาเภสัชกรรมว่าด้วย เรื่องว่าด้วยการรับรองปริญญา ประกาศนียบัตรในวิชาเภสัชศาสตร์หรือวุฒิบัตรในวิชาชีพเภสัชกรรมของสถาบัน ต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการสมัครเป็นสมาชิก พ.ศ. 2551 หมวด 7 บทเฉพาะกาล ข้อ 28 ให้สถาบันเดิมที่ได้ดำเนินการสอนในวิชาเภสัชศาสตร์ โดยมีผู้สำเร็จการศึกษาสาขาเภสัชศาสตร์มาแล้วก่อนข้อบังคับนี้ประกาศใช้เป็น สถาบันที่ได้รับการรับรองตามข้อบังคับนี้
คณะเภสัชศาสตร์ ที่ได้รับการรับรองในปัจจุบัน ขณะนี้ จึงมีทั้งหมด 12 คณะ เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ 10 คณะ และ มหาวิทยาลัยเอกชน 2 คณะ ได้แก่
1. คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
3. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
4. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
5. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
6. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
7. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
8. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
9. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
10. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
11. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
12. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
ส่วนคณะเภสัชศาสตร์อื่นๆ ที่ตั้งขึ้นมา ในขณะนี้มีความคืบหน้าในระดับที่ต่างกันดังนี้
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม
คณะ อนุกรรมการประเมินสถาบันและหลักสูตรเภสัชศาสตร์ ได้ไปตรวจประเมินสถาบัน เมื่อ วันที่ 20 มิถุนายน 2552 เมื่อประเมินในเบื้องต้น พบว่ายังมีข้อมูลที่ไม่ชัดเจนและขาดเอกสารประกอบการพิจารณาอยู่มาก คณะกรรมการการศึกษาเภสัชศาสตร์ จึงมีหนังสือเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2552 ให้คณะฯส่งข้อมูล คำชี้แจงและแผนดำเนินการต่างๆ เพิ่มเติม จากนั้น เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกยน 2552 คณะกรรมการการศึกษาเภสัชสาสตร์ได้พิจารณาเพิ่มเติม และมีมติให้การรับรองสถาบัน โดยมีระยะเวลาการรับรอง 1 ปี นับจากวันที่ในหนังสือนี้ (20 พฤศจิกายน 2552) โดยมีเงื่อนไขให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการการศึกษา เภสัชศาสตร์ในระยะเวลาที่กำหนด โดยคณะต้องเร่งดำเนินการปรับปรุงตามเงื่อนไข และรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการ ในระยะ 6 เดือนและดำเนินการให้ครบตามที่กำหนด ในระยะเวลาตามที่ให้การรับรอง
ดังนั้น ปัจจุบัน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม อยู่ในฐานะคณะเภสัชศาสตร์ ที่ได้รับการรับรอสถาบัน โดยมีระยะการรับรอง 1 ปี
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
คณะ อนุกรรมการประเมินสถาบันและหลักสูตรเภสัชศาสตร์ ได้ไปตรวจประเมินสถาบัน เมื่อ วันที่ 20-21 กรกฎาคม 2552 เมื่อประเมินในเบื้องต้น พบว่ายังมีข้อมูลไม่ชัดเจนและขาดเอกสารประกอบการพิจารณาอยู่มาก คณะกรรมการการศึกษาเภสัชศาสตร์ ได้ขอข้อมูล เอกสารและแผนดำเนินการเพิ่มเติมจากคณะเภสัชศาสตร์ ซึ่งได้ดำเนินการจัดส่งเอกสารเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาหลายครั้ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสรุปผล ผลการพิจารณาคาดว่าจะจัดทำเป็นประกาศสภาเภสัชกรรมฯ ไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์นี้
คณะ เภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ


คณะ อนุกรรมการประเมินสถาบันและหลักสูตรเภสัชศาสตร์ ได้ไปตรวจประเมินสถาบัน เมื่อวันที่ 21-22 กันยายน 2552 เมื่อประเมินใน เบื้องต้นพบว่ายังมีข้อมูลไม่ชัดเจนและขาดเอกสารประกอบการพิจารณาอยู่มากโดย มีปัญหาที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ต้องปรับปรุงแก้ไขบางประเด็น คณะกรรมการการศึกษาเภสัชศาสตร์ ได้ขอข้อมูลเอกสารและแผนดำเนินการเพิ่มเติมจากคณะเภสัชศาสตร์ซึ่งได้ดำเนิน การจัดส่งเอกสารเพิ่มเติมเพื่อ
ประกอบการพิจารณาหลายครั้งคณะกรรมการการศึกษาเภสัชศาสตร์ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า คณะเภสัชศาสตร์ยังไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไป
ตามข้อกำหนดขอสภาเภสัชกรรมหลายประการซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อ คุณภาพ ในการผลิตบัณฑิตทางเภสัชศาสตร์จึงมีมติไม่รับรอง
สถาบันคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยพายัพโดยหากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพสามารถดำเนินการแก้ไขปรับปรุงมาตรฐานให้เป็นไปตามที่
กำหนดแล้วสามารถเสนอขอให้สภาเภสัชกรรมพิจารณารับรองใหม่ได้ หลัง 180 วัน นับแต่วันที่สภาเภสัชกรรมมีมติไม่รับรองสถาบัน
คณะ เภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย


คณะ เภสัชศาสตร์ได้ขอรับการรับรองสถาบันจากสภาเภสัชกรรม มาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2552 แต่ต่อมาคณะเภสัชศาสตร์ ได้ขอเลื่อนชะลอการไปตรวจประเมินของคณะอนุกรรมการประเมินสถาบันและหลักสูตร เภสัชศาสตร์ จนในที่สุด คณะอนุกรรมการประเมินสถาบันและหลักสูตรเภสัชศาสตร์ ได้ไปตรวจประเมินสถาบัน เมื่อ วันที่ 12-13 มกราคม 2553 จากการตรวจประเมินดังกล่าวนั้น คณะอนุกรรมการประเมินสถาบันฯ ได้แจ้งผลการตรวจประเมินต่อมหาวิทยาลัยในเบื้องต้นเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2553 เกี่ยวกับปัญหาที่พบ รวมทั้งข้อมูลและแผนดำเนินการที่คณะต้องดำเนินการเพิ่มเติม ต่อมาเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2553 คณะเภสัชศาสตร์ ได้ดำเนินการส่งเอกสารเพิ่มเติมให้คณะอนุกรรมการประเมินฯแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสรุปผล ผลการพิจารณาคาดว่า ไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์นี้
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา


คณะ เภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยบูรพาได้ขอยื่นเอกสารขอรับการรับรอง สถาบันจากสภาเภสัชกรรมมาเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552 โดยระบุว่ามีแผนเริ่มรับนักศึกษา ในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2553 คณะอนุกรรมการประเมินสถาบันและหลักสูตรเภสัชศาสตร์ได้ไปตรวจประเมินคณะ เภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาเมื่อวันที่ 24-25 ธันวาคม 2552 จากการตรวจประเมินดังกล่าวนั้น คณะอนุกรรมการประเมินสถาบันฯ ได้แจ้งผลการตรวจประเมินต่อมหาวิทยาลัยในเบื้องต้นเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2553 เกี่ยวกับปัญหาที่พบ รวมทั้งข้อมูลและแผนดำเนินการที่คณะต้องดำเนินการเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากต้องการดำเนินการเปิดรับนักศึกษาตามแผนให้ทันปีการศึกษา 2553 มหาวิทยาลัยบูรพาต้องดำเนินการตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการฯ โดยเร็วภายใน 28 กุมภาพันธ์ 2553 หากมีมติข้อใดที่ไม่สามารถดำเนินการได้ ให้แสดงกรอบเวลาที่ชัดเจนที่สามารถดำเนินการได้ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินของคณะกรรมการการศึกษาเภสัชศาสตร์ ในการรับรองสถาบันต่อไป
คณะเภสัชศาสตร์ วิทยาลัยเซนต์เทเรซาอินติ


คณะ เภสัชศาสตร์ วิทยาลัยเซนต์เทรเรซา อินติได้ขอยื่นเอกสารขอรับการรับรองสถาบันจากสภาเภสัชกรรมมาเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน
พ.ศ. 2552 โดยระบุว่ามีแผนเริ่มรับนักศึกษา ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 คณะกรรมการการศึกษาเภสัชศาสตร์ ได้พิจารณาเอกสารในเบื้องต้นแล้ว จึงมีมติว่าเนื่องจากข้อบังคับสภาเภสัชกรรมว่าด้วยการรับรองปริญญา ประกาศนียบัตรในวิชาเภสัชศาสตร์หรือวุฒิบัตรในวิชาชีพเภสัชกรรมของสถาบัน ต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการสมัครเป็นสมาชิก พ.ศ. 2551 หมวด 4 ข้อ 13 ซึ่งระบุว่าการยื่นความจำนงเพื่อขอความเห็นชอบหลักสูตร จะต้องกระทำล่วงหน้าก่อนถึงกำหนดการเปิดรับนักศึกษาไม่น้อยกว่า 180 วัน การที่วิทยาลัยเซนต์เทเรซาอินติได้ดำเนินการรับนักศึกษามาตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 แล้วนั้นจึงไม่อยู่ในเงื่อนไขที่สภาเภสัชกรรมจะรับพิจารณารับรองสถาบัน และให้ความเห็นชอบหลักสูตรเพื่อรับรองปริญญาเภสัชศาสตร์ ของวิทยาลัยท่านได้ จึงขอคืนเรื่องและเอกสารที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งสภาเภสัชกรรมได้แจ้งวิทยาลัยเซนต์เทเรซาอินติ แล้วว่า หากดำเนินการรับนักศึกษาเภสัชศาสตร์โดยที่ยังไม่ได้รับการรับรองปริญญาโดย สภาเภสัชกรรม สภาเภสัชกรรมจะไม่สามารถะอนุญาตให้ผู้สำเร็จการศึกษาเข้าสอบเพื่อขอรับใบ อนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. 2537ได้