หนูว่า ของหนูนี่ยิ่งกว่าแค่การจ่ายยาอีกนะคะ
****** รพ.ชุมชน ขนาด 30 เตียง แต่มีเภสัชกร 8 คน ไม่รวม จพ. คนจัดยา************
จำได้ว่าตอน summer ปีสี่ ได้ทำ SOAP TB ช่วงที่ได้ฝึกในส่วนของผู้ป่วยใน
คนไข้คนนี้เป็น TB ระยะสุดท้ายค่ะ เคยได้รับยา TB มาก่อน 4 ตัว แต่หยุดไปนาน (กินสม่ำเสมอ) เลยมาโรงพยาบาลอีกครั้งด้วยอาการ TB
การทำ SOAP ก็อ่านจากแฟ้มประวัติผู้ป่วย ที่ได้จากแพทย์ พยาบาล เขียนแต่ละวัน
พอทำออกมาเรียบร้อยสมบูรณ์ปุ๊บ Presnt ให้พี่เภสัชกรฟัง
(ปล. ลืมบอกไป ฝึกงาน เดือนครึ่ง ที่ รพ. นี้ ทำ SOAP ทุกวัน Present ทุกวัน ส่วนอีกเดือนครึ่ง ฝึกงานร้านยาค่ะ)
พอ Present เสร็จปุ๊บ พี่เภสัชกรถามว่า
ภก. "น้องรู้ได้ยังไง ว่าเค้าเคยได้รับยา TB มาก่อน"
น้อง "อ่านจากแฟ้มประวัติการรักษาค่ะ"
ภก. "มั่นใจได้ยังไงว่าเค้าได้รับยา TB จริงๆ ทำไมไม่ไปถามเค้า"
น้อง "สิ่งที่อยู่แฟ้ม คือการที่พยาบาล แพทย์ หรือเภสัช เป็นคนซักประวัติแล้ว มันก็น่าเชื่อถือไม่ใช่หรอคะ
แล้วจำเป็นต้องเข้าไปถามซ้ำด้วย หรอคะ "
ภก. "ต้องถาม"
น้อง "เอ่อ พี่คะ หนูเข้าใจค่ะว่า ถ้าเป็นเภสัชกรจริงๆ แล้ว เรามีหน้าที่ต้องซักประวัติเองทุกอย่าง แต่นี่ทุกอย่างมีอยู่ในแฟ้ม
แล้วพี่มอบหมายให้หนูทำ SOAP ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจ หนูคงเข้าไปถามเค้าอยู่แล้ว ... "
ภก. "เข้าไปถามเค้าเดี๋ยวนี้"
.... ไปหยิบหน้ากาก แล้วเข้าไปในห้องผู้ป่วย
.... กลับมา ....
ภก. "แล้วที่เขียน plan การรักษานี่ เอามาจากไหน"
น้อง "ดูตาม guideline การรักษาค่ะ ที่เขียนว่าถ้าผู้ป่วยเคยได้รับยา TB มาก่อน แต่หยุดยาเอง (หรืออะไรซักอย่างจำไม่ได้แล้ว) อาจพบว่า
จะมีการดื้อยาบางตัวขึ้น ดังนั้นต้องรักษาด้วยสูตรยา #S%(I^%~ "
ภก. "มั่นใจได้หรอ แน่ใจหรอว่าดื้อยาแล้ว ทำไมไม่ให้สูตรมาตรฐาน"
น้อง "ก็ถ้าผู้ป่วยมีประวัติเคยได้รับยามาก่อน แล้วเราไม่มั่นใจว่าดื้อรึป่าว ทำไมเราไม่ยึดตาม guideline กันไว้ดีกว่าแก้ล่ะคะ
เพราะถ้าเราให้สูตรมาตรฐานไป ถ้าเค้าดื้อบางตัวไปแล้ว ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ก็ให้กันไว้ก่อนว่าเค้าอาจจะดื้อบางตัวไปแล้ว"
ภก. "เอะอะ อะไรก็ยึดตาม guidelineๆ ทำไมไม่คิดเอง"
น้อง " (-*-) "
ภก. "เรียนมาตั้งสี่ปีแล้ว จะขึ้นปีห้าอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้รึไง เด็กสมัยนี้ก็เปิดได้แค่หนังสือ แล้วก็ลอกตามหนังสือ คิดเองไม่เป็น
ประยุกต์เองไม่เป็น เราไม่จำเป็นต้องยึดตาม guideline ก็ได้ เรามีความรู้นิว่า ตัวไหนใช้แล้วเป็นยังไง ก็ทำด้วยความมั่นใจเลย
ไม่ใช่ยึดตามหนังสือ บลาๆๆๆๆ"
น้อง " (-*-) (คิดในใจ : จะให้ผู้ป่วยเป็นหนูทดลองความรู้เราเรอะ) "
ปล. พี่พยาบาลแอบกระซิบตอนพี่เภสัชกรคนนี้ออกไปว่า "ไม่ต้องตกใจ พี่เค้าเป็นแบบนี้แหล่ะ เด็กที่มาฝึกงานโดนพี่เค้าว่าจนร้องไห้
มาทุกคนแล้ว บางคนวิ่งร้องไห้จากวอร์ดกลับบ้านพักเลยก็มี หนูไม่ใช่คนแรกหรอก T^T " หลังๆ มาก็โดนว่าจนชิน
ไม่รู้ว่าโดนลองภูมิหรือ อะไรนะคะ บางครั้งทำ SOAP CKD อยู่ดีๆ พีเค้าก็ถามโยงไปถึงเม็ดเลือด (พอตอบได้) แล้วก็โยงไปถามถึงเรื่อง UTI ต่อ
ไปเรื่อง Antibiotic ต่อ ถามว่าทำไมเชื้อตัวนี้ถึงชื่อนี้ ย้อมติดสีอะไร น้ำยาย้อมอะไร ลักษณะพิเศษนี้ถึงเป็นที่มาของชื่อเชื้อนี้
พอตอบไม่ได้ ลืม (เพราะมันเรียนมาตั้งแต่ปี 2) พี่เค้าก็ว่า ว่าเรื่องแค่นี้ทำไมไม่รู้ เรียนแล้วลืม มีทีไหน จะจบอยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ยังไม่รู้ บลาๆๆๆ
ตอนนั้นฝึกงานที่นั่นด้วยความเซ็งค่ะ โดนด่าทุกวัน (เพื่อนฝึก รพ.อื่น ทำแค่ 2 SOAP/ผลัด เรารึ ทำทุกวัน T^T)
นานาจิตตังค่ะ ทุกวันนี้แอบขอบคุณพี่เค้านิดนึง ที่ทำให้เรามีความรู้เพิ่มขึ้นมามากมาย (ช่วงฝึกเสร็จใหม่ๆ) แต่ตอนนี้กำลังทบทวนเตรียมสอบแล้วค่ะ บางเรื่องอ่านๆ ไป นึกถึงตอนทำ SOAP ให้พี่เภสัชกรคนนั้นเลย ความรู้บางส่วนมันยังติดอยู่ในหัว
