โครงการความร่วมมือในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ระหว่างคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรกับองค์การเภสัชกรรม
สืบเนื่องจากนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขและองค์การอนามัยโลก (WHO) ในการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในประเทศที่กำลังพัฒนา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรจึงได้ทำความร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรมในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2550 โดยมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านชีววัตถุร่วมกัน โดย รองศาสตราจารย์ ดร. สินธุ์ชัย แก้วกิติชัย คณบดีในขณะนั้นกับ นายแพทย์ วิฑิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม โดยเริ่มจากการศึกษาวิจัยการผลิตวัคซีนโดยใช้เทคนิคการผลิตจากไข่ฟักในพื้นที่ห้องที่มีความปลอดภัยทางชีวภาพระดับ 3 (Biosafety level 3, BSL3) ที่ชั้น 6 ของอาคารควบคุมและประเมินคุณภาพทางเภสัชศาสตร์และวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีของคณะเภสัชศาสตร์ การวิจัยในขั้นนี้ได้รับการสนับสนุนทุนจาก WHO จนประสบความสำเร็จ จึงได้มีการดำเนินการต่อในขั้นที่ 2
ในขั้นที่ 2 เป็นการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อเตรียมวัคซีนต้นแบบสำหรับการทดสอบทางคลินิก ในขั้นนี้ได้มีการปรับปรุงพื้นที่ชั้น 6 เพื่อให้ได้มาตรฐานตามหลักการผลิตที่ดี (Good Manufacturing Practice, GMP) และผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจาก WHO ซึ่งเน้นความปลอดภัยในทุกขั้นตอน รวมทั้งความปลอดภัยต่อสภาวะแวดล้อม การดำเนินการในขั้นตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขโดยคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามโครงการนำร่องผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ และโครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกระดับอุตสาหกรรม มีองค์ประกอบเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์การเภสัชกรรม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล รวมทั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร และคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นต้น ทำหน้าที่ติดตาม สนับสนุนให้การปรับปรุงพื้นที่ชั้น 6 ของคณะเภสัชศาตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ศกนี้ ขณะเดียวกันองค์การเภสัชกรรมได้รับการสนับสนุนงบประมาณ ประมาณ 1,400 ล้านบาทจากรัฐบาลไทยในการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนในระดับอุตสาหกรรมที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งจะสามารถผลิตวัคซีนออกจำหน่ายได้ภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้าตามแผนที่วางไว้
นอกจากนี้ WHO ยังให้ทุนสนับสนุนประเทศอื่นๆ อีก 6 ประเทศ เช่น จีน อินเดีย อัฟริกาใต้ เป็นต้น ในการสร้างหน่วยผลิตวัคซีนเพื่อรองรับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แต่หน่วยผลิตในประเทศไทยมีความก้าวหน้ามากที่สุดในเวลานี้
อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 - H1N1 ทำให้มีการคาดการณ์ว่าอาจจะมีการกลับมาระบาดใหม่ของเชื้อและมีความรุนแรงมากขึ้น และเนื่องจากในขณะนี้ยังไม่มีหน่วยผลิตใดมีศักยภาพในการรองรับการระบาดใหญ่ดังกล่าว หน่วยผลิตของคณะเภสัชศาสตร์ จึงเป็นความหวังแห่งเดียวของประเทศ ณ เวลานี้ที่จะสามารถขยายกำลังการผลิตวัคซีนเพื่อรองรับในช่วงที่โรงงานผลิตวัคซีนระดับอุตสาหกรรมยังไม่แล้วเสร็จ
ทั้งนี้คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานโครงการความร่วมมือด้านชีววัตถุกับองค์การเภสัชกรรม ในส่วนของคณะเภสัชศาสตร์ ประกอบด้วยคณบดี รองคณบดีฝ่ายบริหาร รองคณบดีฝ่ายบริการวิชาการและการศึกษาต่อเนื่อง และตัวแทนคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญงานวิจัย ได้แก่ ผศ. ดร. สุนีย์ เตชะอาภรณ์กุล ผศ.ดร. จุรีย์ เจริญธีรบูรณ์ ผศ.ดร. สิริพรรณ ลิ้มศิริชัยกุล และ ผศ.ดร. วิสิฐ ตั้งเคียงสิริสิน เพื่อประสานงานการดำเนินงานโครงการดังกล่าวให้เป็นไปได้ด้วยดี และวางแผนความร่วมมือในการวิจัยต่อเนื่องในอนาคต หากคณาจารย์หรือบุคลากรท่านใด ประสงค์อยากทราบรายละเอียด หรือมีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ สามารถติดต่อสอบถามและให้ข้อมูลแก่คณะกรรมการดังกล่าวได้
อนึ่ง ในวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม 2552 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโรงงานต้นแบบนำร่องทดลองผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ณ อาคารควบคุมและประเมินคุณภาพทางเภสัชศาสตร์และวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร