New Document









จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

ห้องเภสัชกร

Re: จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

โพสต์โดย Andrographis » 03 ก.ย. 2008, 22:12

:biggrin: เชื่อไหมครับที่ทุกๆคนทำกันอยู่ไม่ว่าคนเสนอและคนค้านในที่สุดแล้วก็ทำเพื่อเภสัชศาสตร์ที่เจริญก้าวหน้าผมว่าอาจารย์ท่านก็คงอยากให้เราเจริญน่ะหล่ะครับไม่งั๊นคงไม่ทำมันขึ้นมา รู้ไหมโครงการเภสัช 6 ปี มีมานานแล้วครับแต่เราไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปาก เหมือน แพทย์ทั้งสามสายพันธุ์( คน ฟัน สัตว์)เภสัชกรเราก็คือแพทย์ชนิดนึงที่แยกตัวออกมาเพื่อปรุงยาก็เท่านั้นถ้ามองย้อนไปในอดีตนะ คนเราจะเรียกร้องอะไรก็ต้องมีศักยภาพเท่าหรือเหนือกว่าอ่ะครับผมเชื่อเลยนะเรื่องนี๊ แล้วพื้นฐานการเรียนเรายังไม่เท่าเขาเราเลยดูปริญญาดิยัง Bachelor อยู่เลยครับจะพัฒนาอะไรเท่าไรเก่งขนาดไหนก็ไม่มีใครยอมรับหรอกครับ สมัยนี๊เขาดูกันที่ไหนถ้าไม่ใช่วุฒิการศึกษาน่ะครับ ลองไปพริกดูใบปริญญา ของเราดูเกือบจะได้ปรับเป็น Docter Of Pharmacy ซึ่ง เป็นชนิด Profess อยู่แล้วนะครับแค่มันไม่ลงตัวเรื่องหลักสูตรก็เท่านั้นเองเพราะมีทั้ง Clinic กะ Product ซึ่งขัดๆแย้งกันไปขัดแย้งกันมาและเคยรู้ไหมว่าแพทย์เขาจะถีบตัวเรียน7ปีอยู่แล้วครับเพราะเราทำ 6 ปี แต่เรากลับดึงมันลงเพียงเพราะว่าเราอ้างว่านานเกินไปทั้งๆที่เราแลกมาด้วยกับประสบการณ์และความชำนาญที่มีมากขึ้นอย่างน้อยอีก 1 ปี...ผมว่าอาจารย์ท่านอยากทำอะไรซักอย่างทีมันดีขึ้นน่ะครับลองนึกดูยอมให้คนด่าว่า ใครคิดว่ามีอะไรดีก็เสนอเข้าไปเถอะครับมาช่วยกันอย่าว่าท่านเลยนะขอร้อง...ใครๆๆก็อยากเจริญกันทั้งนั้นแหล่ะครับผมเชื่อนะว่าอาจารย์ท่านก็อยากให้เภสัชเจริญเพราะท่านก็เป็นเภสัชกร..ทนหน่อยเดียวเองเพื่ออนาคต เพื่อความชำนาญที่ไม่ได้ให้ใครมาว่าได้ว่าเรียนมา5ปีทำอะไรไม่เป็น...ออกตัวเลยผมก็เรียนแค่ 5 ปีเวลาไปฝึกกับPharmD คนละเรื่องเลยก่งก๊งมากขนาดมาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งโดยเทียบจากคะแนนเอ็นนะ...ผมดีใจที่มีการพัฒนาของหลักสูตรอย่างน้อยวุฒิก็เท่าแพทย์ที่เขาไม่ค่อยยอมรับเราซักเท่าไรแม้เรื่องยาที่เราเรียนมาแท้ๆ....เพียงเพิ่มความชำนาญอีกนิดนึง (Clerk Ship )อีกไม่กีอึดใจเองนะๆๆอย่าไปขัดเลยเพียงแต่ช่วยเสนออะไรที่ควรปรับดีกว่าปริญญาใบนี๊คงสวยน่าดูนะครับเขียวมะกอกมันงอกงามจริงๆถ้าเราช่วยกันทำช่วยกันปลูก
Andrographis
 
โพสต์: 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.ย. 2008, 21:12







Re: จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

โพสต์โดย zartingtong » 04 ก.ย. 2008, 19:43

หมอน่ะแต่เดิมเขาเรียน 7 ปี แล้ว ลดมาเหลือ 6 ปีต่างหาก แล้วเก่งหรือไม่เก่งก็ขึ้นกับความเอาใจใส่ถ้าไปเทียบ clinic อย่างเดียวก็อยากเรียน 6 ปีก็เรียนไปตามความสมัครใจเพราะเภสัชเมืองไทยไม่ได้ทำอย่างเดียวอย่างอเมริกา ส่วนคุณเรียน 5 ปีไปแล้วไปทำงานอีก 1 ปี คุณก็เก่งเองแหละแต่ไม่เสียรายได้ แต่ถ้าไม่ได้ทำ clinic แล้วไปเจอคนเค้าฝึกงาน clinic มาแล้วเลย ก็รู้สึกว่าเค้าเก่งแค่ตอน start นั่นแหละ นานไปก็ทันกันได้ถ้าคุณเป็นคนรู้จักจะหาความรู้ แต่คนที่ไม่ทำงานด้านนี้ก็แค่สูญเปล่า แล้วยังเสียโอกาสเสียเวลาที่จะไปต่อยอดด้านอื่นเหมือนๆกับที่ อเมริกาที่ขาดแคลนเภสัชที่จบปริญญาเอกเป็นอย่างมากขนาดอาจารย์ทั้งหลายเกิน 60 ก็ยังต้องมานั่งสอนทั้งๆที่แต่ก่อนอาจารย์เภสัชปริญญาเอกอายุส่วนมากแค่ 40-50 เท่านั้น ต่อยอดไม้พุ่ม แต่ตัดยอดไม้สูง

อย่าลืมว่าหมอเขามีเรียนต่อเป็น dent สอบบอร์ดในขณะที่ทำงานด้วยแต่คุณคิดว่าเภสัชจะเป็นอะไรได้?เป็นแค่ตาลยอดด้วน คงจะตลกๆมากกว่า
:question:

ส่วนใหญ่ของหัวขบวนที่คัดค้านอยู่ในระบบการศึกษาเกือบทั้งนั้น หลายคนเป็นอาจารย์ที่มีปริญญาเอกเค้าเห็นข้อเสียด้านนี้ดี ส่วนเภสัชที่อยู่ภาคการวิจัยการค้นคว้านั่นแหละคือหน้าตาของเภสัชทางสังคม หรือคุณอยากให้ส่วนนี้หายๆไปหมดแค่เอาแต่เรียน 6 ปี คิดว่าจะมีหน้ามีตาเท่าหมอแต่ขอโทษอีกล้านปีคุณก็ไม่มีทางเป็น ผอ.รพ. หรือ ปลัดกระทรวงง่ายๆครับต่อให้จบปริญญาเอกตั้งแต่หนุ่มๆก็ยังยาก(ทันตแพทย์ก็เหมือนกัน) หาทางดังด้านอื่นจะดีกว่า ยิ่งเรียน 6 ปีแล้วเภสัชด้านอื่นๆหายๆไปก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าดีหรือไม่ดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
zartingtong
 
โพสต์: 1260
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2006, 19:14

Re: จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

โพสต์โดย wannee » 04 ก.ย. 2008, 20:43

การได้ปริญญา Doctor of Pharmacy หรือไม่นั้น เป็นเปลือกนอกเท่านั้นค่ะน้อง

เนื้อแท้อยู่ข้างใน หมายถึงตัวเราเองว่าเราทำอะไร ที่เป็นคุณค่าของวิชาชีพมากน้อยแค่ไหน ถึงเปลือกดี หรือ packaging ดี แต่ข้างในหรือสินค้าใช้งานไม่ดี ใช้งานไม่ได้ ก็หมดคุณค่าค่ะ

ยุคนี้เป็นยุคที่ต้องมีสติพอสมควรค่ะ ระวังอย่าให้ตัวเราเองไปยึดติดกับภาพลวงตา

การเพิ่มอีกปีนึง ดูเหมือนไม่น่าเสียหาย แต่ลองคิดอีกสักครั้งไหมคะ สมมติให้ตัวเองออกไปจากวงใน ทำตัวเองให้เป็นคนวงนอกแล้วมองเข้ามา มองถึงสังคมภาพรวม ได้คุ้มเสียหรือเปล่า

เชื่อเช่นกันค่ะว่าทุกคนรักวิชาชีพ การรักวิชาชีพอาจแสดงออกได้หลายทาง ซึ่งก็เป็นไปได้ว่ามีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ตรงนี้ล่ะค่ะ ที่ท้าทายวิชาชีพว่าจะรับมืออย่างไร อยากจะคิดด้วยซ้ำว่าวิธีการรับมือต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในวิชาชีพจะเป็นตัวบอกความเจริญรุ่งเรื่องของวิชาชีพในอนาคตว่าจะไปได้ถึงไหน

ขอบคุณมากค่ะที่ร่วมแสดงความเห็น H00
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

โพสต์โดย rinko » 05 ก.ย. 2008, 07:39

เวลาเจอคนไข้เรียกเราว่าหมอ ก็ไม่ได้ทำให้ภูมิใจนะ เวลามีคนไข้อีกกลุ่มเรียกเราว่า คุณเภสัช เรากลับดีใจ
เวลาคนไข้ถามว่า หมอประจำอยู่ที่รพ.ไหน ยิ่งไม่ดีใจ เพราะในสมองมันประมวลว่า คนไข้ไม่รู้จักหน้าที่ของเภสัชกร
เวลาคนไข้ถามเรื่องยา วิตาิมิน อาหารเสริม กลับทำให้ดีใจ นั่นแสดงว่ามีคนไข้กลุ่มนึง เข้าใจว่าเภสัชกรมีไว้ถามเรื่องพวกนี้

ทุกวันนี้ดิฉันไม่ได้จบ Bachelor แต่จบ MPharm และโคตรภูมิใจที่จบ ไม่เคยเอาวิชาชีพอื่นมาเปรียบเทียบ และทุกครั้งที่พบการวินิจฉัยโรคของแพทย์ที่ผิดปกติก็จะทักท้วง โดยทำให้เขาเห็นว่า เราต้องทำงานร่วมกันนะ ไม่ใช่ตัวใครตัวมัน ยามแพทย์ทำหน้าที่ตามปกติ เรากลับคิดว่าเราปิดทองหลังพระ แล้วน้อยใจตนเองว่าทำไมไม่มีคนเห็นความสำคัญ แต่ยามแพทย์โดนฟ้อง เคยมีเภสัชกรคนไหนไหม ยื่นหน้าออกมาบอกว่า ความผิดฉันเอง ที่ไม่ได้ตรวจการใช้ยาอย่างละเอียด คนไข้เลยเจอผลข้างเคียงของยาจนกลายไปเป็นอีกโรค บางครั้งคนไข้ตาย แพทย์โดนฟ้อง แต่ความผิดบางครั้งก็มาจากการทำงานไม่เป็นทีม ไม่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง จนวันนี้เรายังมานั่งดูถูกวิชาชีพตัวเองกันอีก ลืมไปแล้วหรือว่า งานที่ทำทุกวันนี้ มันไม่ใช่แค่เพื่อให้ตัวเองมีข้าวกิน มีรถขับ มีบ้านให้อยู่ แต่มันเป็นงานที่เราต้องช่วยให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต่างกับสิ่งที่วิชาชีพอื่นๆต้องทำ

เรียนกี่ปีก็ไม่จำเป็น ถ้ายังผลิตเภสัชกรที่ไร้ซึ่งสำนึกในหน้าที่ ดูถูกตนเอง ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเองให้เต็มที่ แล้วจะมาเรียกร้องอะไรกับอีแค่ตำแหน่ง และเงินเดือน ที่เป็นเพียงผลพลอยได้จากการทำงานกัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
rinko
 
โพสต์: 662
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 มี.ค. 2008, 14:53

Re: จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

โพสต์โดย pharmacy » 19 ก.ย. 2008, 14:42

เห็นด้วยที่จะให้เภสัชกรมีหลักสูตรเดียวครับ คือ 6 ปี ทำไมล่ะครับทำไมถึงไม่ทำให้เภสัชกรมีหลักสูตรเดียว เรียนเพิ่มอีก 1 ปี ก็ได้ความรู้มากขึ้น ได้วุฒิบัตรมากขึ้น พอจบ 6 ปี แล้วจะไปทำงานในฟิลด์ไหนก็ได้ ดีออกครับ
ผมสนับสนุนหลักสูตรเดียวคือ 6 ปี ครับ จะเเบ่งแยกการเป็นเภสัชกรไปทำไมครับ อย่าให้ความรู้เภสัชกรแค่จับฉ่ายเลยครับ ไม่เชี่ยวชาญอะไรสักอย่างเลย ให้จบเป็นผู้เชียวชาญกันเถอะครับ ทุกวันนี้แต่ละสาขาวิชาชีพมีแต่จะพัฒนาให้เชียวชาญมากขึ้น เพราะคำว่า วิชาชีพ ครับ
อจ.มหาวิทยาลัยหลายคนที่ออกมาคัดค้าน ก็แปลกดีครับ อยากดังผมว่าไปสมัครสภาเภสัชกรรมเเทนเถอะครับ หรือว่าสมัครเเล้วไม่มีใครเลือก แล้วที่ อจ.มหาวิทยาลัยเหล่านี้เปิดหลักสูตรภาคคำ ภาคสมทบ ผลิตเภสัชกรมาล้นระบบ ไม่เห็น อจ.ท่านเหล่านี้จะออกมาคัดค้านสักหน่อยมีแต่รับจ๊อบสอนพิเศษกันทุกคน
ผมเห็นรายชื่อ อจ.ที่ออกมาคัดค้าน ได้แต่ปลงวิชาชีพเภสัชกรรมครับ
pharmacy
 
โพสต์: 20
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2007, 09:33

Re: จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

โพสต์โดย Satapat » 19 ก.ย. 2008, 17:43

pharmacy เขียน:เห็นด้วยที่จะให้เภสัชกรมีหลักสูตรเดียวครับ คือ 6 ปี ทำไมล่ะครับทำไมถึงไม่ทำให้เภสัชกรมีหลักสูตรเดียว เรียนเพิ่มอีก 1 ปี ก็ได้ความรู้มากขึ้น ได้วุฒิบัตรมากขึ้น พอจบ 6 ปี แล้วจะไปทำงานในฟิลด์ไหนก็ได้ ดีออกครับ
ผมสนับสนุนหลักสูตรเดียวคือ 6 ปี ครับ จะเเบ่งแยกการเป็นเภสัชกรไปทำไมครับ อย่าให้ความรู้เภสัชกรแค่จับฉ่ายเลยครับ ไม่เชี่ยวชาญอะไรสักอย่างเลย ให้จบเป็นผู้เชียวชาญกันเถอะครับ ทุกวันนี้แต่ละสาขาวิชาชีพมีแต่จะพัฒนาให้เชียวชาญมากขึ้น เพราะคำว่า วิชาชีพ ครับ
อจ.มหาวิทยาลัยหลายคนที่ออกมาคัดค้าน ก็แปลกดีครับ อยากดังผมว่าไปสมัครสภาเภสัชกรรมเเทนเถอะครับ หรือว่าสมัครเเล้วไม่มีใครเลือก แล้วที่ อจ.มหาวิทยาลัยเหล่านี้เปิดหลักสูตรภาคคำ ภาคสมทบ ผลิตเภสัชกรมาล้นระบบ ไม่เห็น อจ.ท่านเหล่านี้จะออกมาคัดค้านสักหน่อยมีแต่รับจ๊อบสอนพิเศษกันทุกคน
ผมเห็นรายชื่อ อจ.ที่ออกมาคัดค้าน ได้แต่ปลงวิชาชีพเภสัชกรรมครับ


1. วุฒิบัตรมากเอามาเพื่ออะไร
2. หลักสูตรเดียวไปเลยแล้วคุณจะเชียวชาญตรงไหนละ
3. 6ปีทำงานในฟิลด์ไหนก็ได้แล้วจะเรียกว่ามีความเชี่ยวชาญรู้ลึกรู้จริงหรือ?
4. จบมา5ปีหรือ6ปี สอบใบประกอบวิชาชีพก็คือเภสัชกรเหมือนกันไม่ใช่หรือ
5. เรียน6ปีทำให้การศึกษาในระดับที่สูงขึ้นของวิชาชีพเภสัชลดน้อยลง สาเหตุมีมากมายข้าพเจ้าไม่ขอกล่าว
6. หากสนใจในด้านการผลิตคิดค้นยาเรียน6ปีสู้เอาเรียน5ปีแล้วไปต่อ ป.โทไม่ดีกว่าหรือรู้จริงกว่าไหมละ
7. จบเภสัชหลักสูตร 5 ปี แล้วต้องการวุฒิเภสัชศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาบริบาลเภสัชกรรม (PharmD) นั้นสามารถไปเรียนต่อได้ เท่าที่ทราบขณะนี้มีสองสถาบันที่รับนักศึกษาที่จบแบบ 5 ปี ไปเรียน 2 ปี เพื่อต่อยอดเป็น PharmD คือ ม.นเรศวร และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
8. เภสัชล้นจริงๆหรือ? ลองดูสิ http://uc.moph.go.th/map-1/index.php?qpos=60603 และhttp://imd.moph.go.th/gis/report/pop_officer_poscode.php?poscode=60603&rgcode=&cwcode=&offid=&R1=1&R2=2&R3=3&R4=4&R5=5&R6=6&R7=7&R8=8&R9=9&R10=10&R11=11&R12=12&R13=13&R14=14&R15=15&R16=16&R17=17&R18=18&R19=19 จริงๆแล้วไม่ได้ล้นแต่ขาด
9. ในแต่ละปีใช่ว่าจะสอบใบประกอบวิชาชีพกันได้หมด เคยทำสถิติไหมว่าปีนี้มีคนสอบไม่ได้กี่คนรวมยอดกับรุ่นตกค้างที่ยังสอบไม่ได้
10. อ.ที่เค้ามาค้านคงไม่มีใครอยากดังหรอกครับ แต่ปัจจุบันบุคคลากรที่จะมาสอนมันลดน้อยไปแล้ว เนื่องจากไม่ค่อยมีใครเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น อ.สูงอายุก็มากแล้วตรงกันข้ามกับอ.ใหม่ๆไม่ค่อยมี และบางสาขาอย่างที่หลายๆท่านกล่าวไปแล้วมันไม่มีความจำเป็น
11.มีจริงหรือครับที่อ.มารับจ๊อปสอนพิเศษ คณบดีไม่ว่าหรือ? ผมส่วนมากเห็นแต่อ.สละเวลาส่วนตัวมาสอนไม่เคยเรียกเก็บเงิน
12.วิชาชีพไม่ได้เป็นของคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ต้องยอมรับฟังความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ด้วย ไม่ใช่มีอำนาจนึกจะทำอะไรก็ทำ
13.ต่างคนต่างความคิด ผมเห็นแบบนี้ผมไม่ปลงครับได้แต่ทำใจ
Satapat
 
โพสต์: 96
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2007, 20:31

Re: จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

โพสต์โดย zartingtong » 19 ก.ย. 2008, 23:11

-
pharmacy เขียน:
เห็นด้วยที่จะให้เภสัชกรมีหลักสูตรเดียวครับ คือ 6 ปี ทำไมล่ะครับทำไมถึงไม่ทำให้เภสัชกรมีหลักสูตรเดียว เรียนเพิ่มอีก 1 ปี ก็ได้ความรู้มากขึ้น ได้วุฒิบัตรมากขึ้น พอจบ 6 ปี แล้วจะไปทำงานในฟิลด์ไหนก็ได้ ดีออกครับ

แล้วผลสอบใบประกอบฯบอกอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ พูดถึงวุฒิบัตรอะไรก็ไม่รู้งง ได้ปริญญาตรีเภสัชเหมือนกัน แล้วจบ 5 ปีทำงาน field ไหนไม่ได้ล่ะ เมื่อก่อนเด็กเรียนชั้นเตรียม 2 ปียังสอบเข้าได้ดีๆกว่าเด็กเรียน 3 ปีซะอีก ไม่ใช่ว่าเรียนนานแล้วรู้มาก ขึ้นอยู่กับความเอาใจใส่
ผมสนับสนุนหลักสูตรเดียวคือ 6 ปี ครับ จะเเบ่งแยกการเป็นเภสัชกรไปทำไมครับ อย่าให้ความรู้เภสัชกรแค่จับฉ่ายเลยครับ ไม่เชี่ยวชาญอะไรสักอย่างเลย ให้จบเป็นผู้เชียวชาญกันเถอะครับ ทุกวันนี้แต่ละสาขาวิชาชีพมีแต่จะพัฒนาให้เชียวชาญมากขึ้น เพราะคำว่า วิชาชีพ ครับ

เคยไปดูแนวคิดของหลักสูตร 6 ปีหรือเปล่า ไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญอะไรเลย ก็ฝึกงานมากขึ้น ก็อยู่แต่ในสายของclinic ก็อาจเหมาะสมในงานบางด้านเท่านั้น ด้านอื่นก็แค่ soso แล้วจบ 6 ปีนี่นะเรียกเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้วเหรอ? แล้วความคิดก็ยิ่งจะแตกแยกกันมากขึ้นไปอีก จริงๆแล้วพวก 6 ปี หรือ 5 ปีตอนนี้ ก็ได้เปรียบในงานบางด้านไม่ได้มากมายอะไร พอทำงานจริงๆก็ขึ้นอยู่กับบุคคลที่จะพัฒนาตัวเองหรือเปล่า
อจ.มหาวิทยาลัยหลายคนที่ออกมาคัดค้าน ก็แปลกดีครับ อยากดังผมว่าไปสมัครสภาเภสัชกรรมเเทนเถอะครับ หรือว่าสมัครเเล้วไม่มีใครเลือก แล้วที่ อจ.มหาวิทยาลัยเหล่านี้เปิดหลักสูตรภาคคำ ภาคสมทบ ผลิตเภสัชกรมาล้นระบบ ไม่เห็น อจ.ท่านเหล่านี้จะออกมาคัดค้านสักหน่อยมีแต่รับจ๊อบสอนพิเศษกันทุกคน
ผมเห็นรายชื่อ อจ.ที่ออกมาคัดค้าน ได้แต่ปลงวิชาชีพเภสัชกรรมครับ

แสดงว่าคุณไม่ได้รู้ในเรื่องหลักสูตรน่ะซี หรือว่าคุณรู้ดีกว่าคนเป็นอาจารย์ทั้งมหิดล ขอนแก่นและจุฬา ที่ตั้งป้อมค้านกันแล้วอาจารย์เหล่านั้นไม่ใช่มีความรู้แค่ปริญญาตรี หรือ เรียนมา 6 ปีนะ เค้าเรียนมาโท เอกกันเยอะแยะ นี่สิผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ไม่ใช่คิดแบบผายลม แสดงว่าคุณไม่ได้สนใจจะหาข้อมูลเสียด้วยซ้ำ แสดงถึงความไม่เอาใจใส่ต่อข้อมูลแล้วจะแสดงความคิดเห็นแบบคนสมัยนี้ที่พยายามฝึกๆกันคือแสดงความคิดเห็นโดยไม่รู้จริง อย่างนี้เรียนไป 8-10 ปีก็คงได้แค่นั้นคือยังไงก็ไม่มีทางได้ Ph.D จริงๆ ปลง
ภาพประจำตัวสมาชิก
zartingtong
 
โพสต์: 1260
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2006, 19:14

Re: จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

โพสต์โดย med_pharm » 20 ก.ย. 2008, 16:46

ไม่ได้เข้ากระทู้นี้นาน ไม่คิดว่าจะเริ่มเผ็ดร้อน เพราะมีความคิด 2 แนว เอา 6 ปี กับไม่เอา 6 ปี เหมือนเรื่องการเมืองใหม่ อะไรทำนองนั้น

วันก่อนผมได้ฟัง พี่คฑา (ขออภัยที่ต้องเอ่ยนาม) คุยเกี่ยวกับเรื่องหลักสูตร 6 ปี ว่ามีความพยายามจะพัฒนาแต่ละสาขา ซึ่งก็ทำให้เข้าใจมุมมองของคนที่พยายามพัฒนาหลักสูตร ความชำนาญของเภสัชกร

แต่สิ่งที่พี่คฑาเองก็ยอมรับคือ "การพัฒนาหลักสูตร การฝึกงาน และความชำนาญของเภสัชกร ที่จริงไม่ควรไปผูกกับ 6 ปี"

และที่ผมได้แย้งไปคือ การเพิ่มระยะเวลา อีก 1 ปี จะแน่ใจได้อย่างไรว่า จะเป็นอีก 1 ปีในการฝึกความชำนาญของนิสิตหรือนักศึกษา เพราะอาจจะเป็นอีก 1 ปีแห่งการเพิ่มทฤษฎีให้เภสัชกรเรียน ให้เป็นเป็ดอ้วนขึ้น ตามที่คณบดีคณะเภสัชฯ หลายที่ได้พูดไว้

สิ่งที่แย่คือการที่ อ.ภาวิช อาศัยลักษณะของอำนาจนิยม ไปออกข้อบังคับ โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ทำให้การแก้ปัญหาที่ยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ เป็นปัญหาที่เหมือนโดนกำแพงขวางไว้อย่างจัง และสมควรที่ อ.ภาวิช ในฐานะนายกสภาฯ ต้องรับผิดชอบในการกระทำ ที่ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกให้รอบคอบ หรือไม่เปิดพื้นที่ให้กับความคิดเห็นที่แตกต่าง เหมือนกับอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งไปเมื่อเร็วๆนี้

หากทางสภาฯ ลองกลับมาทบทวนสักนิด ก็จะดีกว่าที่จะดึงดันต่อไป ไม่งั้นปัญหาอาจจะไปถึงทางตัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
med_pharm
 
โพสต์: 96
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2006, 19:34

Re: จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

โพสต์โดย sting19 » 31 ธ.ค. 2008, 20:11

ผมเห็นด้วยกับ 6 ปีครับ
ปีที่ 6 ควรเป็นการฝึกงานแบบเข้มข้น ก่อนที่จะไปประกอบวิชาชีพครับ
ผมแปลกใจที่มีคนคัดค้านมากครับ
และรับฟังได้ครับ
แบบนี้เราต้องทำยังไงครับ
ผมเชื่อว่าทุกคนมีเจตนาดีต่อวิชาชีพครับ
sting19
 
โพสต์: 207
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2005, 14:53

Re: จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

โพสต์โดย inflammation » 13 ม.ค. 2009, 13:14

ที่จริงก็ต้องยอมรับว่าความคิดเห็นของทั้งสองฝ่ายมีประโยชน์นะคะ และไม่เคืองด้วยถ้าใครจะคิดไม่เหมือนเรา
แต่ที่เคืองมากๆ คือกลุ่มที่อยากให้หลักสูตรใหม่ผ่านทำตัวเหมือนเภสัชกรทั่วประเทศไม่มีสมอง อาศัยอำนาจการต่อรองที่สูงกว่าหมกเม็ด ชงเรื่องทำอะไรแบบไม่แคร์ความคิดเห็นคนส่วนมาก

การเขียนหลักสูตรเป็นอะไรที่ยาก แต่ที่ยากกว่าคือทำให้ได้แบบนั้น ในตัวหลักสูตรมีแค่ชื่อวิชา และสังเขป สิ่งที่เขียนลงไปเวลาขอปรับหลักสูตร คือ "สิ่งที่คาดว่าจะได้รับ" แต่แทบจะนับหัวได้ที่แพลนไว้ล่วงหน้าว่าอะไรคือเครื่องมือที่จะทำให้เรา "ได้รับ"

ตอนเรื่องนี้เปิดตัวใหม่ๆ ยอมรับว่า "เป็นกลาง" แต่เมื่อได้อ่านเหตุผลที่สภาเภสัชเขียนไว้ในสาส์นสภา (ไม่ได้อ่านนานค่ะ เก็บมาอ่านทีเดียวหลายเล่มเลย) ก็อึ้งไปเลย ....ดูสวยงามมากค่ะ แต่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง

ในฐานะที่จะต้องเป็นคนรับผลกระทบเต็มๆ จากการเปลี่ยนหลักสูตร ขอบอกว่าเรื่องนี้ยังเร็วไปที่จะสรุปว่าการเรียนหกปีจะให้ผลลัพธ์ดีกว่าห้าปี ไม่ได้บอกว่าไม่ดีนะคะ แต่เท่าที่เห็น กลุ่มผู้ร่างนโยบายไม่ใช่กลุ่มปฏิบัติ ไม่ใช่กลุ่มผู้ใช้บัณฑิตโดยตรง บางคนก็เกษียณไปแล้ว บางคนก็ใกล้เกษียณ ไม่ได้ดูแลนักศึกษาและเภสัชกรเด็กๆ ด้วยตัวเองมานานแล้ว ไม่ทราบว่าเข้าใจจริงๆ ไหมว่าปัญหาคุณภาพอ่อนด้อยของเราอยู่ที่ตรงไหน บางทีต้องมองย้อนกลับไปด้วยนะคะว่า "นโยบายปริมาณนำหน้าคุณภาพ" ที่ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนในวงการเภสัชกรรมยึดถือมาชั่วอายุตนเองนั้น มันถึงเวลาที่ต้องโละทิ้งได้หรือยัง

ไม่ได้มีชื่อในทีมคัดค้านนะคะ แต่รู้จักทุกคนเลยค่ะ สนับสนุนด้วย ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวเลยค่ะ ไม่คิดด้วยว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้สมัครทำงานในสภาแล้วจะไม่ได้รับเลือก.....แปลกดีนะคะ ไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนร่วมวิชาชีพมีแนวคิดเชิงลบกับทีมคัดค้านแบบนี้...สงสัยต้องปรับมุมมองของตัวเองใหม่เสียแล้ว
inflammation
 
โพสต์: 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ม.ค. 2009, 12:23

Re: จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

โพสต์โดย jross » 06 ก.พ. 2009, 13:17

สิ่งที่แย่คือการที่ อ.ภาวิช อาศัยลักษณะของอำนาจนิยม ไปออกข้อบังคับ โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ทำให้การแก้ปัญหาที่ยังมีข้อโต้แย้งกันอยู่ เป็นปัญหาที่เหมือนโดนกำแพงขวางไว้อย่างจัง และสมควรที่ อ.ภาวิช ในฐานะนายกสภาฯ ต้องรับผิดชอบในการกระทำ ที่ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกให้รอบคอบ หรือไม่เปิดพื้นที่ให้กับความคิดเห็นที่แตกต่าง เหมือนกับอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งไปเมื่อเร็วๆนี้

หากทางสภาฯ ลองกลับมาทบทวนสักนิด ก็จะดีกว่าที่จะดึงดันต่อไป ไม่งั้นปัญหาอาจจะไปถึง


เห็นด้วยกับคุณ med_pharm ที่ซู้ดดดด..
แล้วเราก็เป็นเป็ดพันธุ์พื้นเมืองกับพันธุ์เทศเข้ากับสังคมแบบไทยไทยสมัยนี้จัง
jross
 
โพสต์: 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 23:41

Re: จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

โพสต์โดย wannee » 21 ก.พ. 2009, 22:24

ถึงตอนนี้ ก็คงเห็นเหตุการณ์หลายๆอย่างเช่น การประกาศรับนักศึกษา โดยบอกไว้ว่า หลักสูตรกำลังปรับปรุงเป็น 6 ปี แล้วให้เหตุผลเป็นการภายในว่า การทำอย่างนี้ ถ้าหลักสูตรใหม่เสร็จทัน นักศึกษาก็ต้องเรียน 6 ปี แต่ถ้าเสร็จไม่ทัน ก็เรียนหลักสูตร 5 ปีฉบับเดิมไป

อย่างนี้เค้าเรียกว่าเอาเปรียบกันหรือเปล่า ในความเห็นของตัวเองแล้ว การทำแบบนี้เรียกว่าไม่แฟร์สำหรับคนสมัครเรียน แต่อย่างว่านะ ถ้ามองให้เป็นเรื่องของกลไกการตลาด ความต้องการเข้ามหาวิทยาลัยยังมีสูงอยู่ สถาบันกำหนดยังไง คนเรียนก็ดูเหมือนไม่มีทางเลือก

ตอนนี้หลักสูตรใหม่ของหลายๆสถาบันเสร็จแล้ว เพียงแต่รอผ่านสภามหาวิทยาลัย ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เอาเป็นว่าก็คงออกมาทันเรียบร้อย

อยากให้รอดูกันว่า เมื่อมีการนำหลักสูตรใหม่ 6 ปีของแต่ละที่ออกสู่สาธารณชนแล้ว มันสอดคล้องกับเหตุผลที่ทำให้ต้องเปลี่ยนเป็น 6 ปีของสภาเภสัชกรรมหรือไม่

อย่างน้อยข้อแรกเรื่องจำนวนหน่วยกิตก็ไม่ตอบโจทย์แล้ว

ให้รู้สึกเศร้าใจนะ กับเหตุการณ์นี้

รู้สึกประหลาดใจเหมือนกันกับความเห็นเรื่องอาจารย์รับจ๊อบ ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไรเข้าใจผิดหรือเปล่า
แต่ยินดีนะคะ ถ้าจะเปิดกันมาตรงๆเลยว่าเป็นใครยังไง เพราะการเข้ามาที่นี่และใช้ชื่อจริง ก็แสดงว่าต้องการอะไรที่เปิดเผยอยู่แล้วค่ะ
ขอเพียงแต่ให้สร้างสรรค์เท่านั้นเอง และถ้าต้องการทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้มากขึ้น ก็ยินดีคุยด้วยค่ะหรือจะอ่านจากกระทู้เก่าที่มีคนเข้ามาแสดงความเห็นกันไว้ก็ได้ค่ะ

ขอชื่นชมคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ยังไม่ตัดหลักสูตร 5 ปีออกไป เพราะจริงๆแล้ว คนที่เข้าเรียนหลักสูตร 5 ปีในปีการศึกษานี้ จะจบในปีการศึกษา 2556 ซึ่งจะยังไม่ถูกบังคับจากข้อบังคับฉบับอำนาจนิยมฉบับนี้ ถือว่ายังช่วยลดภาระให้พ่อแม่ได้อีกเยอะค่ะ ใครไม่รู้ว่าฝึกงาน 1 ปี เป็นภาระมากแค่ไหน ลองไปถามนักศึกษาดูนะคะ

ย้อนเล็กน้อย ไม่ได้ค้านการศึกษาต่อเนื่องเพื่อเพิ่มพูนความชำนาญนะคะ แต่ค้านการบังคับเป็น 6 ปีทั้งหมด โดยมองว่า สำหรับระดับเภสัชกรจบใหม่และภาะรหน้าที่สำหรับคนจบใหม่นั้น การเรียน 5 ปีพอแล้ว หากต้องการเพิ่มความชำนาญแต่ละเรื่องอีก 1 ปี สามารถทำเป็นการศึกษาต่อเนื่องระดับประกาศนียบัตรได้ค่ะ ดังนั้น ถ้าเรียน 5 แล้ว ต่ออีก 1 ก็จะได้ปริญญาตรี และ ประกาศนียบัตรค่ะ

ประเด็นนี้อาจจะมีทั้งคนเห็นเหมือนและต่างก็ไม่แปลกนะคะ บางคนอาจจะเสนอว่า ให้บริบาล 6 ปี แล้วสาย science 5 ปี ก็แล้วแต่ ขอเพียงแต่เอามาคุยกันให้มีส่วนร่วมกันบ้าง ให้คนในวิชาชีพ แล้วก็คนที่เค้าเกี่ยวข้องกับวิชาชีพ อย่างเช่น ประชาชนเค้ามาพูดมาแสดงความเห็นบ้าง ไม่ใช่ปากก็พูดว่า วิชาชีพไม่ใช่ของผมคนเดียว แต่การกระทำเป็นอีกอย่าง ก็ให้เศร้าใจ(อีกครั้ง)กับวิชาชีพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

โพสต์โดย wannee » 21 ก.พ. 2009, 22:45

พูดถึงสมัครสมาชิกสภาเภสัชกรรม

ถ้าจำไม่ผิด สภาชุดนี้น่าจะหมดวาระประมาณปลายปีนี้ ได้ข่าวว่าเริ่มมีการชักชวนเชิญชวนกันแล้ว และก็เป็นอะไรที่ดูเหมือนจะไม่ต่างจากเดิม

ดังนั้น ท่านที่ต้องการความแตกต่าง คงต้องคิดเหมือนกันนะคะว่าจะเอาไง

อันนี้เข้ามาแหย่เล่นๆ แต่แฝงความจริงจังค่ะ เพราะจำได้ว่าเคยมีประเด็นคุยเรื่องโครงสร้างของสภาฯ ตอนนี้ยังแก้ไขโครงสร้างไม่ได้ แต่ที่จะทำได้ก็คือ การหาคนในวิชาชีพให้เข้าไปให้หลากหลายมากขึ้น คนในส่วนการศึกษามีบทบาทมานาน เนื่องจากต้นน้ำมันอยู่ตรงนั้น ตอนที่ผู้ประกอบวิชาชีพยังไม่มาก ยังเอ๊าะๆ การศึกษาจะเป็นเหมือนผู้ใหญ่และพี่ใหญ่ แต่ตอนนี้ สถานการณ์เปลี่ยนแล้ว จริงอยู่บทบาทของการศึกษาต้องชี้นำ แต่การชี้นำไม่ได้หมายความว่าบังคับ ต้องฟังกันค่ะ แล้วตอบให้ได้ว่าเกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างไร หักกลบลบหนี้แล้วมันดีกับประชาชนอย่างไร ไม่ใช่ว่ายกข้อดีมา 1 ข้อ แต่ไม่ยกด้านลบมาพูดถึงเลย มันน่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบมากกว่านี้ค่ะ

ขอโทษค่ะ เริ่มเขียนแบบ..บ่น.. H50
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

โพสต์โดย teerawudh » 24 พ.ค. 2009, 15:30

ประชาสัมพันธ์สภาเภสัชกรรม

เราจะเลือกอนาคตของเราเอง หรือให้คนอื่นมาเลือกให้......

จดหมายข่าวฉบับที่ผ่านมาซึ่งเสนอโดย ภญ.ร.ท.หญิง เมธณี ถวิลประวัติ ร.น.ได้กล่าวถึงวิธีปฏิบัติที่ดีทางเภสัชกรรม...หนทางสู่อนาคต? (เรียบเรียงบทสรุปการบรรยายของ ภญ.เอวา) ว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวิชาชีพเภสัชกรรมในปัจจุบันเนื่องจากบทบาทของเภสัชกรได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว จากการเน้นยามาเป็นการบริบาลเชิงบริการที่ต้องใช้ทักษะใหม่ๆ การสื่อสาร ความรู้ใหม่ๆ การบริหารจัดการ เช่นเดียวกับหลักสูตรการศึกษาในภาคการศึกษาที่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนไปบ้างโดยเน้นให้มีสมรรถนะที่สอดคล้องกับการนำมาใช้ในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งทำให้สภาฯจำเป็นต้องประกาศรับรองปริญญาแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ๖ ปีเท่านั้น ในอีก ๖-๘ ปีข้างหน้าเพื่อให้ได้เภสัชกรที่มีสมรรถนะตามต้องการของระบบสุขภาพและบริบทที่เปลี่ยนไปตามกระแสโลกาภิวัตน์
เรื่องการมองเห็นความจำเป็นที่ต้องมีหลักสูตร ๖ ปี ได้มีการกำหนดมาแล้วตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๓๐ โดยเป็นความเห็นของทางภาคการศึกษาในสมัยนั้นและคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้เป็นคณะแรกที่เปิดหลักสูตรการศึกษา 6 ปีและเปิดเพิ่มตามความพร้อมของแต่ละคณะเป็นลำดับ โดยในส่วนของสภาเภสัชกรรมวาระที่ 2 ( พ.ศ. 2540-2543 ) ได้มีมติเกี่ยวกับการรับรองปริญญาที่ชัดเจนว่า หลักสูตรเภสัชศาสตร์ควรจะปรับเป็นหลักสูตร 6 ปีโดยกำหนดเวลาในการพัฒนาให้สัมฤทธิ์ผลประมาณในปีพุทธศักราช ๒๕๕๐ และได้แจ้งเวียนมติคณะกรรมการสภาเภสัชกรรมในเวลานั้นให้คณะต่างๆที่ยังไม่ได้ดำเนินการหลักสูตร 6 ปีเพื่อเตรียมความพร้อม จนถึงปีพุทธศักราช 2544 ซึ่งเป็นปีที่คณะเภสัชศาสตร์ทุกคณะควรเริ่มดำเนินการรับนักศึกษาในหลักสูตร 6 ปีแล้วก็ยังไม่ได้ดำเนินการอยู่หลายมหาวิทยาลัย และสภาเภสัชกรรมก็ได้ทำหนังสือถึงคณะต่างๆเพื่อรับทราบปัญหาของแต่ละคณะ จึงเห็นได้ว่าสภาเภสัชกรรมได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวนี้มาอย่างต่อเนื่องตามเจตนารมณ์ของฝ่ายการศึกษา
ดังนั้นการที่สภาเภสัชกรรมได้ประกาศใช้ข้อบังคับสภาเภสัชกรรมว่าด้วยการรับรองปริญญา ประกาศนียบัตรในวิชาเภสัชศาสตร์หรือวุฒิบัตรในวิชาชีพเภสัชกรรมของสถาบันต่างๆเพื่อประโยชน์ในการสมัครเป็นสมาชิก พ.ศ.2551 พร้อมทั้งมีบทเฉพาะกาลเพื่อให้สามารถขอเลื่อนการดำเนินการออกไปได้อีกไม่เกิน 2 ปีเป็นกรณีไป ในปัจจุบันจึงเป็นสิ่งที่ชอบธรรม และเหมาะกับยุคสมัยถึงแม้จะล่าช้ากว่าที่กำหนดตามกำหนดการเดิมก็ตาม โดยทางสภาเภสัชกรรมเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคนี้มีอัตราเร่งในการเปลี่ยนแปลงที่เร็วมาก หากไม่ปรับตัววิชาชีพอาจไม่มีที่จะยืนในอนาคตเนื่องจากมีปัญหารอบด้านโดยเฉพาะภาคการศึกษาที่ไม่สามารถผลิตเภสัชกรได้ตามที่ตลาดต้องการ (ผลจากการประชุมสมัชชาเภสัชกรรม ๑๐๐ ปี)
นอกจากนี้ตามที่ได้ยกบทความในจดหมายข่าวฉบับที่แล้วที่กล่าวถึงในตอนต้นว่า วิธีปฏิบัติทางเภสัชกรรมที่ดีกำลังเป็นประเด็นร้อนที่หลายองค์กรในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติที่กำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก สภาเภสัชกรรมจึงได้ดำเนินการที่จะออกข้อบังคับว่าด้วยเงื่อนไขในการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม สาขาเภสัชกรรมชุมชน ในเร็ววันนี้ซึ่งนอกจากจะตอบรับทันยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลงในระดับนานาชาติแล้ว ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานและเป็นเครื่องมืออันสำคัญในการป้องกันความผิดพลาดจากการปฏิบัติงานของเภสัชกรชุมชน ไม่ให้ถูกฟ้องร้องจากผู้บริโภคตามกฏหมายคุ้มครองผู้บริโภคที่ประกาศใช้อยู่ในปัจจุบันทั้ง ๒ ฉบับ ได้แก่ พรบ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.๒๕๕๑ และพรบ.ความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ.๒๕๕๑

ธีรวุฒิ พงศ์เศรษฐไพศาล
บรรณาธิการอำนวยการ

?การพัฒนาและขับเคลื่อน GPP.เป็นสิ่งที่พูดง่าย แต่ทำยาก แต่เราก็ต้องทำ เพราะถ้าพวกเราไม่ช่วยกันเลือกอนาคตของเราเอง คนอื่นจะมาเลือกให้...แล้วเราต้องการเช่นนั้นหรือ? ( ภญ.เอวา )
teerawudh
 
โพสต์: 70
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 พ.ค. 2009, 20:34

Re: จดหมายเปิดผนึกต่อสาธารณชน กรณีการยื่นคัดค้านข้อบังคับของสภาฯ

โพสต์โดย wannee » 24 พ.ค. 2009, 17:03

teerawudh เขียน:ประชาสัมพันธ์สภาเภสัชกรรม

เรื่องการมองเห็นความจำเป็นที่ต้องมีหลักสูตร ๖ ปี ได้มีการกำหนดมาแล้วตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๓๐ โดยเป็นความเห็นของทางภาคการศึกษาในสมัยนั้นและคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้เป็นคณะแรกที่เปิดหลักสูตรการศึกษา 6 ปีและเปิดเพิ่มตามความพร้อมของแต่ละคณะเป็นลำดับ โดยในส่วนของสภาเภสัชกรรมวาระที่ 2 ( พ.ศ. 2540-2543 ) ได้มีมติเกี่ยวกับการรับรองปริญญาที่ชัดเจนว่า หลักสูตรเภสัชศาสตร์ควรจะปรับเป็นหลักสูตร 6 ปีโดยกำหนดเวลาในการพัฒนาให้สัมฤทธิ์ผลประมาณในปีพุทธศักราช ๒๕๕๐ และได้แจ้งเวียนมติคณะกรรมการสภาเภสัชกรรมในเวลานั้นให้คณะต่างๆที่ยังไม่ได้ดำเนินการหลักสูตร 6 ปีเพื่อเตรียมความพร้อม จนถึงปีพุทธศักราช 2544 ซึ่งเป็นปีที่คณะเภสัชศาสตร์ทุกคณะควรเริ่มดำเนินการรับนักศึกษาในหลักสูตร 6 ปีแล้วก็ยังไม่ได้ดำเนินการอยู่หลายมหาวิทยาลัย และสภาเภสัชกรรมก็ได้ทำหนังสือถึงคณะต่างๆเพื่อรับทราบปัญหาของแต่ละคณะ จึงเห็นได้ว่าสภาเภสัชกรรมได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวนี้มาอย่างต่อเนื่องตามเจตนารมณ์ของฝ่ายการศึกษา
ดังนั้นการที่สภาเภสัชกรรมได้ประกาศใช้ข้อบังคับสภาเภสัชกรรมว่าด้วยการรับรองปริญญา ประกาศนียบัตรในวิชาเภสัชศาสตร์หรือวุฒิบัตรในวิชาชีพเภสัชกรรมของสถาบันต่างๆเพื่อประโยชน์ในการสมัครเป็นสมาชิก พ.ศ.2551 พร้อมทั้งมีบทเฉพาะกาลเพื่อให้สามารถขอเลื่อนการดำเนินการออกไปได้อีกไม่เกิน 2 ปีเป็นกรณีไป ในปัจจุบันจึงเป็นสิ่งที่ชอบธรรม และเหมาะกับยุคสมัยถึงแม้จะล่าช้ากว่าที่กำหนดตามกำหนดการเดิมก็ตาม โดยทางสภาเภสัชกรรมเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคนี้มีอัตราเร่งในการเปลี่ยนแปลงที่เร็วมาก หากไม่ปรับตัววิชาชีพอาจไม่มีที่จะยืนในอนาคตเนื่องจากมีปัญหารอบด้านโดยเฉพาะภาคการศึกษาที่ไม่สามารถผลิตเภสัชกรได้ตามที่ตลาดต้องการ (ผลจากการประชุมสมัชชาเภสัชกรรม ๑๐๐ ปี)




ตอนแรกที่ได้อ่านในจดหมายข่าวสภาฯก็ให้เกิดความคิดเห็นเพิ่มเติม แต่ก็ไม่ได้มีความคิดว่าจะมาเพิ่มเติมอะไรในบอร์ดนี้

ต้องขอบคุณที่นำมาลง ทำให้ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนกันมากขึ้นนะคะ

ประเด็นแรก ความเห็นเรื่อง 6 ปีที่มีมาตั้งแต่ปี 2530
ลองกลับไปคุยกับผุ้อาวุโสในวงการหลายๆคน เอาข้อมูลแบบตรงไปตรงมานะคะ แล้วก้พิจารณาด้วยใจเป็นกลางด้วยก็จะเห็นว่าการได้มาซึ่งความเห็นที่ว่านี้ในตอนนั้นเป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่หรือส่วนน้อยแค่ไหน มีกระบวนการถกเถียงกันทางความคิดมากน้อยแค่ไหน แล้วถ้าคิดต่อให้ดี ก็น่าจะสงสัยได้ว่า แล้วสภาฯในยุคต่อมา ทำไมจึงไม่มีการสานต่อความคิดนี้อย่างจริงจัง การบอกว่า เป็นความคิดของสภามาตั้งนานแล้ว อาจพูดใหม่ได้ว่าเป็นความคิด(ตั้งนานแล้ว)ของบางคนที่กลับเข้าสู่สภาฯเสียมากกว่าค่ะ


ประเด็นเรื่องความชอบธรรมนั้น หากใครคิดว่าตนเองมีเหตุผลสมควรแล้วบอกว่าชอบธรรม คนที่มีความเห็นต่าง แต่คิดว่าตนเองมีเหตุผลสมควร ก้จะพูดว่าตนเองมีความชอบธรรมเช่นกัน ซึ่งก็จะเถียงกันไม่จบสิ้น
ดังนั้น ความชอบธรรมที่แตกต่าง จึงต้องการกระบวนการที่ทำให้ความชอบธรรมเหล่านั้นได้พิสูจน์ว่า จะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่สังคมส่วนรวม ขอเน้นว่าไม่ใช่เกิดประโยชน์สูงสุดแก่วิชาชีพเท่านั้นนะคะ


มีสมาชิกสภาคนไหนกล้าออกมาบอกกับเภสัชรกรทุกคนไหมว่า ที่ได้ทำไปแล้วน่ะ ทำไปด้วยกระบวนการที่สมาชิกวิชาชีพและสังคมมีส่วนร่วมและรับรู้ ถ้าใครอยากรู้ให้มากกว่านี้ ลองไปขอรายงานการประชุมของสภาเภสัชกรรมในช่วงที่พิจารณาเรื่องนี้มาอ่านดู แล้วจะเห็นอะไรอีกหลายอย่างค่ะ

การอ้างถึงผลการประชุมสมัชชาเภสัชกรรม 100 ปีนั้น เรียนตามตรงเลยค่ะว่า ลองไปดูเรื่องเกี่ยวกับการศึกษาเภสัชศาสตร์ แล้วลองไปถามอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ดูสิว่า มีกี่คนที่ได้มีส่วนร่วมในการร่วมคิดในการวางแผนยุทธศาสตร์ทางการศึกษาที่ในที่สุดแล้วก็บอกว่าจะไปในทิศทางบริบาลเภสัชกรรม นี่หรือคือการวางแผนยุทธศาสตร์

ไม่ทราบว่าเคยได้ยินสส.ท่านหนึ่งพูดไหมคะว่า ในทำนองว่า ไม่ต้องไปถามประชาชนเรื่องปรับรัฐธรรมนูญแล้วล่ะ เพระพวกเราก็เป็นตัวแทนที่ได้รับเลือกมาแล้ว ประมาณว่าข้ามีสิทธิ์ตัดสินใจแทนได้แล้วประมาณนั้นน่ะค่ะ ขอร้องว่า อย่าคิดแบบนั้นเลยนะคะท่านสมาชิกสภาเภสัชกรรมผู้ทรงเกียรติ คงเคยได้ยินนะคะว่า ประชาธิปไตยไม่ได้หมายถึงการเลือกตั้ง......
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง เอสเปรสโซ่

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document