New Document









Updateค่าตัวเภสัช มีของอย่าไปกลัว มัวแต่ดักดานก้อแค่120

ประกาศรับสมัครงาน โยกย้าย
กระทู้ที่เกี่ยวข้องกับการแขวนป้ายจะถูกลบโดนมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

Re: update ค่าตัวเภสัช" อวสาน ร้านขายยา "

โพสต์โดย เมจิก พี » 27 ก.ย. 2016, 13:34

ได้โพสในบางเวบตอนตี1กว่า ของวันนี้ ขอเอามาลงที่นี่อีกครั้ง

อวสานร้านขายยา


คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก เพราะเห็นๆกันอยู่กับประกาศเซ้งกิจการร้านขายยา ด้วยเหตุผลสวยหรูดูดี๊ดี ทำเลแสนสุดยอดจะดี ยอดขายขนาดนี้ เลี้ยงลูกเมียหรือผัวไปได้ตลอดชาติแบบสบาย บ้างก็ว่าคนช่วยลาออกก็หาใหม่ดิมีคนสมัครเยอะแยะ จะไปคลอดลูกโถก็ไปคลอดสิ ผัวไม่ว่างมาขาย แล้วตอนก่อนเปิดร้านไม่ได้วางแผนมาก่อนว่าจะมีผัว มีลูกเหรอ พอมีผัวก็ต้องมีลูกมันก็ต้องอย่างนั้น แสดงว่ามีผัวกระทันหันไม่ได้วางแผนมาก่อนเลยต้องเซ้งร้านไปคลอดลูก น่าเห็นใจเนอะ(เสียงสูง) ต้องย้ายไปต่างจังหวัด ต้องไปต่างประเทศ ต้องเรียนต่อ มีหลายสาขาดูแลไม่ไหว แหมตอนก่อนเปิดร้านไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้โหเสียดายจังยอดขายกำลังดี จำใจต้องย้าย โห !!!น่าเห็นใจอีกละ

จริงเท็จรู้อยู่แก่ใจ แต่ที่น่าสนใจและน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญคือ 1.กฎระเบียบใหม่ของอย.ที่แม้ยังไม่ครบกำหนดที่จะต้องบังคับ แต่ร้านยาใหม่หรือร้านเก่าที่เปิดใหม่อีกครั้ง โดนบังคับใช้กฎใหม่แล้วและกำลังถูกอย.จัดการให้เป็นร้านยาGPP.มีเรื่องที่ร้านยาต้องทำเยอะเลย

2.สรรพากรมาแล้วจร้า ยาขมล็อตใหญ่เลยคราวนี้ ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรกอีก จะเอายาแก้อ๊วกหรือจะเอายาแก้อาหารพิษก็ช่วยไม่ได้ แล้วจดทะเบียนนิติบุคคลกันไปถึงไหนแล้ว สรรพากรจะคุมทั้งINPUTและOUTPUTคือการตรวจสอบปริมาณการซื้อยาเข้าร้านและขายยาออกจากร้าน จะทำได้แค่ไหนต้องติดตามอย่าละสายตา แต่ที่บอกลาปลิดชีพตัวเองไปแล้วก็พวกประกาศเซ้งร้านไง เภสัชแขวนใบงี้ ตกงานเป็นแถวเรย ประกาศหาร้านแขวนกันให้ควัก ยัง ยังหรอก ยังมีอีกเยอะที่เตรียมปลิดชีพตัวเอง ไปหาอาชีพอื่นที่สุจริตกว่านี้ทำดีกว่า อ้าวๆขายยาไม่สุจริตเหรอ 555555555 ถามตัวเองดีกว่าไหม ว่าที่ทำอยู่มันสีขาวหรือสีเทาหรือสีดำ แต่พวกร้านใหญ่ๆเขาOKนะ เขาเป็นระบบมานานแล้ว จะอย.หรือสรรพากร มาเลยเขาพร้อม มีผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาต ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ไม่มั้ง เอาเป็นว่าใครพร้อมที่จะปรับตัว พร้อมเป็นร้านยาGPP.และรับการตรวจสอบได้ รับรายจ่ายที่เพิ่มได้ ก็อยูต่อถ้าทำต่อแล้วคุ้มนะ


เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51







Re: update ค่าตัวเภสัช คนจ้างงาน เรียกตัวเองว่า"พี่"

โพสต์โดย เมจิก พี » 05 ต.ค. 2016, 15:04

คนประกาศเรียกตัวเองว่า"พี่" คนติดต่อเป็น"ซีเนียร์" พูดคุยทางโทรศัพท์ คนประกาศเรียกตัวเองว่า"พี่"ตลอดเวลา เมื่อได้มาป๊ะหน้ากัน ที่ร้านของคนประกาศที่เรียกตัวเองว่า"พี่" คนที่เรียกตัวเองว่า"พี่"อี้งไปชั่วขณะ คำว่า"พี่"ถูกกลืนหายไปในลำคอ หลังจากโอภาปราศรัยเงื่อนไขรายละเอียดการทำงานกันพอหอมปากหอมคอ ก็ต้องล่ำลากัน จากวันนั้นถึงวันนี้ ก็ไม่มีการติดต่อให้เภสัช"ซีเนียร์"ไปร่วมงานเลย และมีอีกกรณีก็เป็นความคิดเห็นดีๆของ"เภสัชกรแก่"
"กรรมของเภสัชแก่ๆ ไม่น่ารีบแก่เลยกรู ไม่รู้จะแก่ไปถึงไหน ทำไมถึงต้องแก่ก็ไม่รู้ เขายิ่งไม่รับเภสัชแก่ๆอายุเกิน35เข้าทำงานอยู่ ทั้งของหลวงและของราษฎร์ อนิจจัง ก็เข้าใจ แต่ยังไม่ตายก็ต้องทำงานหาตัง แล้วทำไมไม่หาที่อื่นที่เขารับคนแก่ รู้ แต่หมอเภสัช พยาบาล ไม่ได้ขายความหนุ่มสาว แล้วมาจำกัดอายุทำไม แล้วทำไมต้องไม่เกิน35มันเกี่ยวไร หรือเจ้าถิ่นไม่อยากให้ใครมาอาวุโสกว่า หรือ กลัวปกครองไม่ได้ หรือกลัวค่าจ้างแพง อายุเลย35มานานโขแล้ว แต่ยังไม่ตายว่ะ ยังทำงานได้ ความรู้เพรียบ ประสบการณ์พรึบ ความสามารถพร้อม แข็งแรงมีพลัง แต่แก่ว่ะ เฮ้อ!!!"
อย่างไรถึงเรียกว่า"แก่" อายุ36ปี หรืออายุ41ปี หรืออายุ46ปี หรืออายุ51ปี ขึ้นอยู่กับอายุคนจ้าง เพศของคนจ้าง(ทั้งHR และคนจ้างปัจเจกชนส่วนมากเพศหญิง) รวมทั้งอารมณ์ความรู้สึกของคนจ้างและคนที่ออกกฏระเบียบว่า ณ เวลานั้นท้องผูกหรือท้องเสีย ผัว เมีย ลูกเต้า อยู่ในโอวาทหรือไม่ เสียหุ้นหรือถูกหวยหรือปล่าว หรือร้อนวิชาต้องว่าตามหลักวิชาที่อุตส่าไปเรียนมา
เอาเป็นว่าถ้าเภสัชมั่นใจตัวเองว่าจะไม่ต้องหางานทำตอน"แก่"เป็นผู้ที่พอจะหยั่งรู้อนาคตได้ดีราวกับมีตาที่3 ก็เชิญแก่ไปตามสบาย แต่ถ้าไม่มั่นใจอนาคต รู้สัจธรรมความเป็นอนิจจังของชีวิตคน ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะ พ.ศ. ,ค.ศ. ,ร.ศ. ,จ.ศ. ไหน ก็ต้องห้ามแก่เกินอายุที่บอกไว้ เตือนแล้วนะ!!! แล้วไอ้ที่เขาบอกด้วยวาจาไม่ใช่ลายลักษณ์อักษรว่า แก่ๆก็ลองโทรมาคุยกัน ก่อนได้ อันนี้น่าจะเป็นการพูดสร้างภาพให้ตัวเองดูดีเป็นแน่แท้ ถ้าจะรับคนแก่แต่แรกก็ไม่ต้องจำกัดอายุตั้งแต่ประกาศแล้ว ส่วนพวกที่แทนตัวเองว่า"พี่" ง่ายๆเลยว่าถ้าเรามั่นใจว่าเราอายุเกิน35แล้ว ก็ไม่ควรติดต่อไปให้เสียเวลาค่าโทรและเสียความรู้สึก เขาอยากได้น้องๆ มาร่วมงานเขาคงจะวางตัวง่าย ไม่เกร็ง ไม่อึดอัด ไม่กังวลเรื่องค่าจ้างแพงหรือจะด้วยเหตุผลอื่นใดมันก็เรื่องของเขา แต่ที่เภสัชแก่ๆต้องจำไว้คืออย่าติดต่อไปเข้าใจตรงกันนะ


ข่าวเก่า เล่าใหม่

จวกยับ “ชมรมร้านขายยา” ยื่น อย.เลื่อนเวลาหาเภสัชฯเฝ้าร้าน อ้างหายาก รายได้ไม่พอจ้าง
ชมรมร้านขายยา ทำหนังสือถึง อย. ขอเลื่อนเดดไลน์มีเภสัชฯประจำร้านตามข้อกำหนด GPP ไปถึงปี 65 อ้างเภสัชฯ หายาก รายได้ไม่พอจ้าง ลูกหลานยังเรียนเภสัชฯไม่จบ ด้านหมอยาจวกยับทำไม่ได้ควรปิดร้าน แฉใช้ข้ออ้างเดิม ๆ ฟังไม่ขึ้นมากว่า 35 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกกฎกระทรวงการขออนุญาต และการขอใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน พ.ศ. 2556 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2557 เพื่อให้ร้านขายยามีวิธีปฏิบัติที่ดีทางเภสัชกรรม (Good Pharmacy Practice : GPP) ซึ่งกำหนดให้ทุกร้านต้องมีเภสัชกรประจำร้าน มีการแสดงป้ายชื่อพร้อมรูปเภสัชกร รวมไปถึงมีการกำหนดมาตรฐานด้านสถานที่ อุปกรณ์ และเครื่องมือในการเก็บรักษาคุณภาพยา ซึ่งร้านขายยาเปิดใหม่จะต้องดำเนินการตามทันที ส่วนร้านขายยาที่เปิดมาก่อนหน้านี้จะให้ระยะเวลาในการปรับปรุงให้ตรงกับเกณฑ์ GPP ประมาณ 8 ปี โดยปรับอย่างเป็นขั้นเป็นตอนรวม 3 ระยะ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีข้อกังวลว่าร้านขายยาที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ร้านขายยาประเภท ขย.2 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 2,000 กว่าร้านทั่วประเทศ ซึ่งเดิมสามารถขายยาสามัญประจำบ้านยาทั่วไป โดยที่ไม่ต้องมีเภสัชกรประจำร้านได้และไม่ผิดกฎหมาย แต่เมื่อกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ จึงต้องหาเภสัชกรมาประจำร้านให้ได้ มิเช่นนั้น เมื่อถึงเวลาประเมินร้านขายยาทั่วประเทศจะไม่ผ่านการประเมินทำให้ไม่สามารถต่ออายุร้านขายยาได้

ล่าสุด ชมรมร้านขายยาแห่งประเทศไทย และสมาคมร้านขายยาได้ทำหนังสือเรื่อง การบังคับใช้กฎกระทรวงตามข้อตกลงการให้ระยะเวลาปรับตัว 8 ปี ส่งถึงเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เนื่องจากยังไม่สามารถปฏิบัติตามกฎกระทรวงดังกล่าวได้ โดยให้เหตุผลว่า 1. มีข้อจำกัดในการหาเภสัชกรอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในเวลาที่เปิดทำการ จากจำนวน และความพร้อมของเภสัชกรที่จะปฏิบัติการในร้านยา 2. ผลประกอบการของร้านไม่เพียงพอที่จะตั้งเภสัชกรให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ตลอดระยะเวลาที่เปิดทำการ 3. ให้โอกาสร้านได้จัดหาเภสัชกร เช่น ส่งลูกเรียนเภสัชแต่หลายร้านลูกยังเรียนไม่จบ 4. ความไม่พร้อมของ อย. และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในการตรวจประเมินและฝึกอบรม ถ้าหากมีการบังคับใช้หมวดบุคลากรโดยที่ทุกฝ่ายยังไม่พร้อม อาจจะทำให้ร้านขายยาทั่วประเทศต้องถูกปิดมากกว่าร้อยละ 60 ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุข จึงขอโอกาสร้านยาให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ในฐานะผู้ประกอบการรายย่อยไม่ให้ธุรกิจร้านยาไปตกอยู่ในกลุ่มทุนใหญ่

ด้วยเหตุนี้ชมรมร้านขายยาแห่งประเทศไทย และสมาคมร้านขายยา มีความเห็นร่วมกัน ดังนี้ 1. ข้อปฏิบัติที่ต้องทำในระยะที่ 1 ตามกฎกระทรวงฯ ข้อ 3 ข้อย่อย 3.2 (ข) หมวดการให้บริการทางเภสัชกรรมกับผู้ป่วย ข้อ 14 15 16 17 18 19 20 และ 21 ให้ย้ายไปอยู่ในระยะที่ 3 ภายใน 25 มิถุนายน 2565 2. กำหนดมาตรการจัดทำแผนยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาคุณภาพร้านยา พ.ศ. 2560 - 2565 และ 3. กำหนดมาตรการช่วยเหลือและสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการร้านยาให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น มีแนวทางการจัดการด้านกำลังคนเภสัชกรและระบบการจัดสรรเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในร้านขายยาให้เป็นไปตามกฏหมาย มีแนวทางการปรับตัวด้านทักษะการบริหารธุรกิจ บริการทั่วไป บริการวิชาชีพในยุคดิจิตอล เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และมีแนวทางของสนับสนุนจากหน่วยงายราชการอื่น ๆ

ทั้งนี้ จากการทำหนังสือดังกล่าวถึง อย. ทำให้เภสัชกรหลายรายไม่เห็นด้วย โดย ภญ.อวยพร กิติรัตน์ตระการ รองประธานชมรมร้านยาอีสานล่างได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่าได้ทำหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งรองประธานชมรมร้านขายยาอีสานล่าง เนื่องจากมีความเห็นที่ขัดแย้งกับข้อเรียกร้องดังกล่าว โดยเห็นว่าเมื่อเภสัชกรจบใหม่ที่จะเปิดร้านขายยาต้องทำตาม GPP แล้วเหตุใดร้านยาที่ไม่มีเภสัชกร หรือร้าน ขย. 2 ถึงไม่ต้องทำตาม GPP ซึ่งได้มีเภสัชกรจำนวนมากเข้ามาให้กำลังใจและแสดงความเห็นด้วยเป็นจำนวนมาก โดยระบุว่า ร้านที่ปฏิบัติตามไม่ได้ก็ควรปิดตัวเองไป หรือข้ออ้างทั้ง 3 ข้อของชมรมร้านยาแห่งประเทศไทย และสมาคมร้านขายยาเป็นเหตุผลเดิม ๆ ที่มีการอ้างมาอย่างยาวนานกว่า 35 ปี และเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น

แนบไฟล์
559000007989601.JPEG
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: update ค่าตัวเภสัช เภสัชใจดีเรียน6ปีแถมให้

โพสต์โดย เมจิก พี » 27 ก.ย. 2017, 01:45

thumbnail.jpg
ช่วงนี้เห็นประกาศรับเภสัช ให้เงินเดือนถูกใจเจ้าของงานมาก คือไม่เกิน23,000บาท(ไม่รวมใบ )ถ้าย้อนไปดูกระทู้Update ค่าตัวเภสัชในปี2013 ที่ผมเอาภาพมาให้ดูด้วย จะเห็นว่าในปี2013 (2556)ค่าตัวเภสัชอยู่ที่23,000++/เดือน ซึ่งเป็นค่าตัวของเภสัชที่สมัยนั้นเป็นพวกจบ5ปี พวกจบ6ปีรุ่นแรกจบปี2557(ถ้าผิดพลาดขออภัย)ยังไม่ได้มาทำงานเลย มาปี60 คือปีนี้ พบว่าคนจ้างงานบางคนแถวนนทบุรี แถวอนุสาวรี และอีกหลายที่ กลับจ้างงานเภสัชจบ6ปี ด้วยค่าตัวที่ต่ำกว่า พวกจบ5ปี นี่ยังไม่ได้คิดรวมดัชนีค่าครองชีพ ตอนนั้น กับตอนนี้ เลย แน่นอนตอนนี้มันต้องสูงกว่าอยู่แล้ว ตกลงว่า เราเรียนเพิ่มอีก1ปี แล้วลดค่าตัวลงให้อีก เรียกว่าทั้งลดทั้งแถม(ความรู้ความสามารถ)
ถือเป็นอภินันทนาการจากเภสัชรุ่นใหม่ ใจดีใช่ไหมครับ โอโฮ !!!ช่างใจกว้างดั่งแม่น้ำแยงซีเกียงเลยนะ พี่น้องผองเพื่อนชาวเขียวมะกอก รับราชการจบ6ปีเงินเดือนก็ไม่เท่าหมอ กะ หมอฟัน ซึ่งผมเคยได้ยินใครก็ไม่รู้ที่ตอนนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่และมีอำนาจหน้าที่ในวงการเภสัชนี่แหละ ฝันแล้วเล่าให้ฟังว่าเปลี่ยนให้เภสัชเรียน6ปี ตอนรับราชการ จะได้มีศักดิ์และสิทธิ์เหมือนพวกหมอ เรียน5ปี มันแค่ซี3ขั้น2(สมัยนั้น) ตอนนี้เรียน6ปีแล้ว ได้ศักดิ์และสิทธิ์สมใจท่านบ้างหรือปล่าวล่ะ อันนี้ผมคนนอก อาจไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในแวดวงสีกากี ใครรู้ช่วยบอกด้วยว่า ที่จริงแล้วตอนนี้เงินเดือนเภสัชจบ6ปีเท่ากับพวกหมอแล้ว รวมทั้งสวัสดิการด้านอื่นด้วย เป็นจริงดั่งที่มีคนมีอำนาจในแวดวงเขาเคยฝันไว้ ผมจะได้มาแก้ข่าว

สรุปง่ายๆสั้นๆว่า เจ้าของงาน เขาจะจ้างเภสัชจบ6ปีหรือ100ปี แค่5บาท10บาท รวมทั้งคุณต้องพูดภาษาต่างดาว ได้ ต้องมียานพาหนะ ต้องมีโน่นนี่นั่น ตามที่เขาต้องการ คือแค่ลด และแถมอย่างที่ว่าไว้ตอนแรก ยังไม่พอ (อะไรจะขนาดนั้น) นั่นมันเรื่องของเขา แต่สิ่งที่ผมจะบอกอีกครั้งก็คือ ช่วยดูรูปที่ผมแนบมาเป็นข้อมูลรายได้ปี2013 เมื่อดูแล้ว ช่วยใช้ไขสันหลังคิดสักนิดว่า คิดอะไรได้เพิ่มขึ้นหรือไม่
อ้อ เผื่อบางคนจะลืม ตอนนี้ปี 2017 หรือ พ.ศ2560 นะครับ ค่าตัวเภสัช ณ เวลานี้ กับเมื่อ4-5ปีที่แล้ว แทบจะไม่ต่างกันเลย ลองดูรอบๆตัวสิครับ ลูก ผัว เมีย ที่ยังเป็นคนเดิม(จริงปล่าววะ) แต่ก็ยังอายุเพิ่มขึ้น สิ่งแวดล้อมก็เปลี่ยนไปมาก ค่าใช้จ่ายประจำวัน เปลี่ยนเพื่มขึ้น ทุกอย่างเปลี่ยนเพิ่มทั้งนั้น จะมีก็แต่ค่าตัวเภสัชที่ทรงๆลงๆยังไงก็ไม่รู้ ความสามารถและความชำนาญ ความรอบรู้ มันเพิ่มตามกาลเวลาอยู่แล้ว
แต่ในเรื่องค่าตัว เราจะย่ำอยู่กะที่ไปอีกนานแค่ไหน หรือเราจะย่ำอยู่กะที่ตลอดไป





update ค่าตัวเภสัช

โพสต์โดย เมจิก พี » 20 มี.ค. 2013, 12:15
จากการสำรวจล่าสุดเมื่อต้นมีนา P/T ชั่วโมงละ120-160 บาท เงินเดือนไม่รวมใบประกอบ 23000-35000 บาท.ใครได้ต่ำกว่านี้ต้องเจรจาด่วน และถ้าใครจ้างต่ำกว่านี้เราควรจะร่วมมือไม่ไปทำงานด้วย เพื่อยกระดับฐานรายได้ให้สอดคล้องกับความสามารถ ประสบการณ์ ราคาทองคำ ค่าครองชีพทั่วไป และฐานเงินเดือนของแพทย์ ทันตแพทย์

ขอสนับสนุนแนวคิดนี้ของแฟนคลับ เพราะเป็นรูปธรรมจับต้องได้ และดำเนินการได้ทันที เรื่อง"เภสัชกร4.0"คืออะไร
เภสัชกร4.0คือ เภสัชกร ที่จะให้บริการและหรือบริบาล ต่อตัวผู้ป่วยหรือผู้ที่ต้องการการช่วยเหลือด้านเภสัชกรรมโดยตรง เราจะไม่บริการและหรือบริบาลกับผู้ที่รับฝากมาซื้อยาหรือคนที่ไม่ใช่เจ้าของเรื่องในทุกกรณี
คนที่รับฝากหรือไม่ใช่ผู้ป่วยจะได้รับบริการจากผู้ช่วยเภสัชกรเท่านั้น(เภสัชคอยดูอยู่ห่างๆ อย่าห่วงว่าเดี๋ยวผู้ช่วยเจอเคสบ่อยๆจะเก่ง ดีเสียอีกถ้าเขาเก่ง จะได้ทำให้งานที่ร้านมีคุณภาพเพิ่มมากขึ้นและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ผู้ช่วยเภสัชก็คงเก่งได้ประมาณหนึ่งเพราะเขาไม่ได้มีพื้นฐานหรือความรู้อย่างเภสัช ดังนั้นอย่าไปกังวลในเรื่องนี้) เพื่อให้งานด้านเภสัชกรรมบรรลุเป้าหมายคือผลประโยชน์สูงสุดที่ผู้ป่วยหรือเจ้าของเรื่องจะได้รับ ใช้หลักการเดียวกับการไปพบแพทย์ ที่ผู้ป่วยต้องมาด้วยตนเองเท่านั้นแต่จะมากับใครก็แล้วแต่ผู้ป่วย และเพื่อไม่ให้เสียประโยชน์และเสียความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ที่มาติดต่อ ที่ไม่ใช่ผู้ป่วย จึงให้ผู้ช่วยเภสัชมาบริการแทนเภสัช ดังนั้นถ้าต้องการพบเภสัชเพื่อรับบริการและหรือบริบาลที่ดีต้องมาด้วยตนเองเท่านั้น เพื่อให้เห็นความสำคัญของการรับบริการที่ดีและความสำคัญของตัวเภสัชกร ไม่เช่นนั้นแล้วตัวเภสัชกรก็ไม่ต่างจากสินค้า"แบกะดิน" ที่ผู้มาใช้บริการไม่เห็นคุณค่าเท่าหมอหมายความว่า จะให้ใครไปติดต่อก็ได้เอาที่คนซื้อสบายใจ อีกกี่สิบปี เภสัชในสายตาและความรู้สึกคนซื้อมันก็เหมือนเดิมๆ แม้ตอนนี้เราจะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้น คนซื้อส่วนมากก็ยังคิดว่าเราเป็น "อาเฮีย กะอาเจ้" ที่ขายยา แม้แต่พวกเซลยาที่รู้จักเราดีมากกว่าคนมาซ์้อยา ยังเห็นเราเป็นอาเฮียเลย เป็นอาเฮียคุณค่ามันเหมือนเป็นเภสัชหรือไม่ ต้องตอบไหมครับ
ส่วนร้านไหนที่ไม่มีผู้ช่วยเภสัชก็ปฏิบัติตามที่ท่านสะดวก
มีภาพป้ายแสดงตัว "เภสัชกร4.0" อาจต้องขออนุญาติสภาเภสัชหรือไม่ลองติดต่อสอบถามกันนะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย เมจิก พี เมื่อ 07 ต.ค. 2017, 22:21, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: update ค่าตัวเภสัช เภสัชกร 4.0 เปลี่ยนเลยไม่ต้องรอ

โพสต์โดย เมจิก พี » 07 ต.ค. 2017, 21:36

ติดตามเนื้อหา จาก ⬆⬆⬆⬆ ครับ
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: ค่าตัวเภสัช5-6หมื่น กทม.??+ เภสัชกร 4.0 เปลี่ยนเลยไม่ต้อ

โพสต์โดย เมจิก พี » 10 ต.ค. 2017, 01:31

ขอแทรก:-ในเคสที่เจ้าของงานปกปิดเรื่องค่าแรงแล้วอ้างโน่นนี่นั่น อย่าเสียเวลาติดต่อไปเลย มันไม่ได้อย่างที่คิดหรอก. อีกอย่างมันแสดงถึงความจริงใจของเจ้าของงานแค่ไหนคิดกันได้เองมั้ง แต่ถ้ามีผู้ท้วงติงแล้วเจ้าของงานมีการแก้ไขข้อมูลและค่าแรงในประกาศให้เหมาะสม แม้จะดูไม่คลีนนัก แต่ก็ดีกว่าไม่ปรับปรุง บางรายมักอ้างว่าต้องมีคุยสอบถามโน่่นนี่นั่นก่อน แต่มันก็บอกเป็นช่วงรายได้โดยประมาณได้ ถ้าเจ้าของงานไม่มีอะไรในใจ
เป็นประกาศล่าสุดที่ให้เงินเดือนเภสัชในกทม.เยอะที่สุด เป็นครั้งแรกในประเทศไทยก็ว่าได้(เฉพาะที่กทม.) ที่สำคัญเจ้าของเป็นเภสัชด้วย ลองติดต่อกันดูครับ ถือเป็นข้อมูลค่าตัวเภสัชที่UPDATE แล้วมีความเคลื่อนไหวที่ก้าวกระโดด พอสมควร ก็ต้องดูกันต่อไปว่า จะมีผลสะท้อนในวงการจากเรื่องนี้กันอย่างไร หรือเรื่องนี้แท้จริงแล้วมันเป็นอย่างไร หรือมันไม่มีอะไร แต่เพื่อนร่วมวิชาชีพต้องการยกระดับรายได้ของเภสัชกร ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี แม้จะพอทราบมาบ้างว่าเขตนี้ไม่ธรรมดา แต่เภสัชกรเข้าไปทำหน้าที่ตามวิชาชีพ เรื่องที่ไม่ธรรมดาก็ต้องมีอะไรดีๆเกิดขึ้นแน่

รับสมัครเภสัชกร FT เงินเดือน 50,000-60,000


รับสมัครเภสัชกร full time

ร้านยา เขตหนองจอก กทม.

เจ้าของเป็นเภสัชเอง

เงินเดือน 50,000-60,000บาท



สนใจติดต่อ คุณเอ 0993514142



ผู้ตั้งกระทู้ เอ :: วันที่ลงประกาศ 2017-10-09 23:31:28
แก้ไขล่าสุดโดย เมจิก พี เมื่อ 21 ต.ค. 2017, 22:36, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: ค่าตัวเภสัช5-6หมื่น กทม.??+ เภสัชกร 4.0 เปลี่ยนเลยไม่ต้อ

โพสต์โดย Pongphan_PH » 13 ต.ค. 2017, 17:18

สำหรับโรงพยาบาลเอกชน หลักสูตร 6 ปีได้มากกว่าที่สำรวจนะครับ แต่ไม่ค่อยเห็นน้องๆ เข้ามาสมัครกันเลย และส่วนตัวงานโรงพยาบาลก็มีความต้องการเภสัชกรสูง และจ่ายตามความสามารถของน้องๆ เช่น มีความรู้ด้านบริหารคลินิค ผสมยาเคมีบำบัด เหล่านี้ก็ได้รายได้เพิ่มจากปกติอยู่แล้ว
แต่ปัจจุบันเภสัชกร โรงพยาบาลมีไม่เพียงพอแค่งานจ่ายยา งานเอกสารทั่วไป ก็ทำงานกันไม่ทัน พวกเราเภสัชกรจึงเป็น "ผู้ทำงานเบื้องหลัง" วิชาชีพอื่นเห็นเราแค่ทำงานจ่ายยา เช็คยา สั่งยา เท่านั้น สำหรับผมถ้าเภสัชกรเพียงพอ พัฒนาความสามารถช่วยให้คนไข้ได้รับประโยชน์จากวิชาชีพเภสัชกรมากขึ้น รายได้ก็ให้เพิ่มมากขึ้นตามความสามารถครับ แต่ถ้าน้องๆ อยู่กับที่ไม่พัฒนาตัวเองเลย จ่ายยาอย่างเดียว วิชาชีพเราก็จะเสียเปรียบ ไม่มีอาชีพไหนที่ได้ค่าตอบแทนสูงโดยที่ไม่สร้างคุณค่าให้ตัวเองก่อนครับ
อยากให้เห็นประโยชน์ของวิชาชีพเภสัชกรในโรงพยาบาลครับ ก่อนที่จะไม่มีใครอยากทำงานโรงพยาบาล เพราะขึ้นเวรเหนื่อย จ่ายยาอย่างเดียว งานจำเจ กลัวอธิบายยาคนไข้ไม่เข้าใจ ไม่กล้าคุยกับแพทย์เรื่องยา(ที่เราควรรู้) กลัวงานเอกสาร(ซึ่งเภสัชกรคือ กูรูเรื่องระบบยา) เราเภสัชกรคือ คนสำคัญใน รพ.ไม่แต่ต่างจากแพทย์และพยาบาล ขอแค่รวมใจกันทำงานเต็มที่ โรงพยาบาลผมละที่จะไม่ทิ้งให้รายได้น้องๆ มีปัญหา
ดังนั้น ให้ดีอย่ามองที่รายได้ หรือความสบายเป็นหลักครับ รวมใจกัน "เภสัชกร คือ กูรูเรื่องยา ระบบยา อยากรู้เรื่องยาถามเภสัชกรครับ"
ปล.น้องๆ ที่จบ 6 ปี ให้พยายามกันเยอะๆ นะครับ เวลาทำงานที่ไหนเค้าย่อมคาดหวังสูงกว่า 5 ปี และจ่ายเงินเดือนก็มากกว่าด้วยนะ ไม่งั้นหลายที่จะมองว่าจบ 5 หรือ 6 ปีก็ไม่ต่างกันเลย ความคิดผมคนเดียวนะครับ รักและหวังดี สู้ๆๆ
:mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
Pongphan_PH
 
โพสต์: 34
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 มี.ค. 2017, 14:28

Re: Updateค่าตุวเภสัช เภสัชเจ้าของร้านว่าไง?

โพสต์โดย เมจิก พี » 29 พ.ย. 2017, 23:55

ไปอ่านเจอความเห็นของเพื่อนเภสัช เห็นว่าน่าสนใจ เขียนเพิ่มเติมเล็กน้อยให้ชัดเจนและเข้าใจง่ายขึ้น อ่านกันเลย :o
เภสัชเจ้าของร้านว่าไง

กรณีเจ้าของงานแจ้งรายได้ต่อเดือนเป็นเงินรวม ควรแจกแจงรายละเอียดเงินเดือน ว่าได้รายได้แต่ละจำนวนนี้ได้จากงานอะไรบ้าง อย่าบอกเป็นก้อนรวมมันนึกยาก จะได้รู้ว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะได้เงินรวมตามทีเจ้าของให้ความหวังไว้ จะได้ไม่ฝันกลางวัน แล้วมันเหมาะสมกับเวลาที่ใช้ทำงานหรือไม่ เคยอ่านกระทู้ในเวบนี้เขาว่าทำงานกับร้านที่เภสัชเป็นเจ้าของนี่ จะได้เงินจากเจ้าของร้านเภสัชนี่ไม่หมู ไม่เหมือนทำกะร้านที่เจ้าของไม่เป็นเภสัช ข้อนี้น่าคิดมากไม่อยากจะถามว่าทำไมไม่ช่วยกันพี่ๆน้องๆ คิดกันเอาเองนะพี่น้องเขียวมะกอก
เภสัชเจ้าของร้านว่าไง

ถามครับ เจ้าของร้านที่เป็นเภสัชบอกว่า เป็นที่พึ่งพา ยามคนไข้เจ็บป่วยกายและใจ#จ่ายยาตามความเหมาะสม ตามจรรยาบรรณวิชาชีพเภสัชกรรม เน้นการบริบาลและแนะนำคนไข้ ถ้าผู้ป่วยมาซื้อยาด้วยตัวเองนี่เข้าใจได้และทำถูกต้อง
= แต่ถ้าผู้ป่วยไม่ได้มาเอง=
แต่ฝากคนอื่นมาซื้อยานี่ เราจะทำแบบนี้ ไหม ทำได้อย่างไร เราแนะนำอธิบายให้คนฝากซื้อยาไปทำ ไปพูดแทนเราอย่างนั้นเหรอ หรือไม่ทำ แต่ขายยาให้ เพราะเหตุผลทางธุรกิจ แล้วคนป่วยที่อยู่ที่บ้านไม่ต้องการการบริบาลทางเภสัชกรรมหรือไง
หรือทำบริบาลเภสัชกรรมเพราะต้องการให้ผู้ป่วยสะดวก แล้วทำอย่างไรที่ไม่ใช่การบอกผ่านคนที่รับฝากมาซื้อยา อย่าบอกนะว่าใช้สื่อ มันสามารถขนาดนั้นเหรอ
แล้วทำไมโรงพยาบาลหรือคลีนิคไม่ทำแบบนี้บ้าง คนป่วยไม่ต้องมา ให้ใครมาแทนก็ได้ แล้วรักษาผ่านสื่อ อย่างกรณีที่ไม่ต้องการการตรวจพิเศษหรือใช้เครื่องมือ
แล้วทำไมวงการร้านยาไทยถึงยอมให้ชาวบ้านทำแบบนี้ คือฝากซื้อยา(ที่ไม่ใช่ยาเรียกหา)
แล้วที่ชาวบ้านทำแบบนี้มันคือ2มาตรฐาน ใช่หรือไม่
แล้วทำไมร้านเภสัชก็ยอมให้ชาวบ้านทำกะเราแบบ2มาตรฐาน เภสัชไม่ต้องเห็นอาการด้วยตา ด้วยสมอง ด้วยการวัด ด้วยการเจาะ ด้วยการส่อง แค่ฟังการบอกเล่า ก็สรุปได้แล้วว่าเขาป่วยเป็นอะไร เฮ้ย!เภสัชเก่งขนาดนั้น ตกลงนี่เภสัชหรือหมอดูกันแน่วะ มีตาที่สามเห็นรู้โรคแม้คนป่วยไม่มา
เราไม่ใช่บุคคลากรทางแพทย์ ที่คนไข้ควรทำกะเราแบบหมอเหรอ คือไปหาหมอคนไข้ไปด้วยตัวเอง แต่ไปหาร้านยาเภสัชเอาที่กู(คนไข้)สะดวก
เราจะยอมรับ2มาตรฐานแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน.
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: Updateค่าตัวเภสัช เภสัชเจ้าของร้านว่าไง?

โพสต์โดย เมจิก พี » 05 ธ.ค. 2017, 22:54

มีอยู่เรื่อยๆกับกรณีชั่วโมงทำงานต่อสัปดาห์(ทั้งร้านที่มีหรือไม่มีเจ้าของเป็นเภสัช)เกินที่กฏหมายกำหนด และกรณีให้เภสัชทำงานนอกหน้าที่เภสัชกรประจำร้านพบในร้านที่เจ้าของเป็นเภสัช
เวลาทำงาน จ-ศ 10.30-21.30 น

ทำความสะอาด จัดของ เรียงของบ้าง


เจ้าของเป็นเภสัชเอง เพื่อนร่วมงานเฟรนลี่

อีกเคส ทำงาน 10 ชม ต่อวัน รวมพัก 1ชั่วโมง
ทำงาน 6 วัน ต่อ สัปดาห์

เฮ้ย!อย่างนี้ก็ได้ด้วยเหรอ เวลาทำงาน จ-ศ 10.30-21.30 น หักพัก1ชั่วโมง ก็ทำวันละ10ชั่วโมง สัปดาห์ละ50ชั่วโมง ส่วนอีกเคส ทำงานวันละ9ชั่วโมง 6วัน/สัปดาห์=54 ชั่วโมง/สัปดาห์ เกินกฏหมายแรงงานกำหนดที่48ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ที่เกินต้องจ่ายเป็นค่าล่วงเวลานะ ไม่ดักคอไว้ ก็คงจะตีเนียนแน่นอน ถ้าจะบอกว่าให้เงินเดือนแพงแล้วทำไมต้องจ่ายค่าล่วงเวลาอีกล่ะ คงต้องแยกกัน เงินเดือนมันคนละส่วนกะค่าล่วงเวลา จะมาเหมารวมเป็นเรื่องเดียวกัน ไม่มีที่ไหนทำกัน ผิดกฏหมายด้วย หรือจะเฉไฉบอกว่าพัก2ชั่วโมงแบบบางที่หรือปล่าว เพื่อเลี่ยงจ่ายค่าโอที และเพื่อไม่ให้ชั่วโมงทำงานเกินกฏหมายแรงงานกำหนด โถ!ใครจะไปพัก2ชั่วโมง มันนานไป จะไปไหนล่ะ พักนานแบบนั้น ก็กลับมาที่ร้านอะซี แล้วถ้ามีลูกค้าเข้าร้าน เราจะปฏิเสธลูกค้าไหมว่าเป็นเวลาพัก มันก็คงไม่ ก็คงขายตามปรกติ ไง เห็นไหมถ้าพักนานเจ้าของก็อาจได้คนทำงานฟรีโดยไม่ต้องจ่ายค่าแรง ดังนั้นที่ดักคอไว้ ใครจะไปทำก็คิดตามที่เขียนนี่แหละ แล้วไปถามเจ้าของว่า ถ้าทำเกินที่กฏหมายกำหนดต้องคิดค่าโอทีเพิ่มนะ อย่าให้เขาเนียนๆเฉยมึน เราเสียเปรียบแน่ แหม!บอกแล้ว(ในกระทู้UPDATEค่าตัวเภสัช เจ้าของร้านเภสัชว่าไง)ใครทำงานร้านที่มีเจ้าของเป็นเภสัชนี่ จะได้เงิน จากเจ้าของร้านนี่ไม่หมูนะจะบอกให้ เภสัชเขาฉลาดเกิน (แต่ไม่ใช่เภสัชเป็นอย่างนี้ทุกคน แต่เอาชัวร์ๆ นะเป็นผม ผมไม่ดีกว่าแต่คนอื่นแล้วแต่วิจารณญาณ)
อีกประเด็น โห!!!มีให้ทำความสะอาดด้วย ถามว่าทำได้ไหม ก็ต้องถามกลับว่า มันใช่งานในหน้าที่ปล่าววะ เป็นเภสัชด้วยกัน ไม่ให้เกียรติกันเลยนิ ขอถามอีกเป็นการทั่วไปว่า ถ้าสมมติเราจ้างหมอ จ้างพยาบาลมาเสริมงานที่ร้าน เราจะให้หมอกะพยาบาลมากวาดร้านทำความสะอาดร้านไหม หรือเพราะเป็นเภสัชด้วยกัน เลยชาชินเหมือนคนกันเอง คิดอย่างนั้นเหรอ มันจะกลายเป็นแบบอย่างที่เสียหายต่อภาพพจน์วิชาชีพ อีกหน่อยใครจ้างเภสัช ก็คงมีกำหนดว่า ว่างจากการขายยาก็ให้มาทำความสะอาดร้าน จัดเรียงของ อย่างนั้นเหรอ เจ้าของร้านคงเริ่มไม่พอใจ มันจะไรนักหนา กะอีแค่ทำความสะอาดกะจัดเรียงของ มันไม่มีไรหนักหนาหรอก ถ้าเภสัชเป็นเจ้าของร้านเองหรือใครที่เป็นเจ้าของเองมันก็ทำได้ แต่นี่มันไม่ใช่ เราจ้างเขามาทำหน้าที่เภสัชกรประจำร้าน งานทำความสะอาดกะจัดเรียงมันจึงไม่ใช่งานในหน้าที่ ไอ้ช่วยบ้างนิดหน่อยตามสถานการณ์อาจจะมีบ้างนิดหน่อยได้ แต่ไม่ใช่งานที่ต้องทำประจำ แต่ถ้าจะไม่ทำเจ้าของร้านก็ไม่มีสิทธิ์จะคิด ผมย้ำว่าไม่มีสิทธิ์จะคิดไม่สบอารมณ์ที่เภสัชไม่ช่วยงานนอกหน้าที่ และไม่มีสิทธิ์ไปนินทาให้ใครต่อใครฟังว่า เภสัชเรื่องเยอะ แหมมีเงินเปิดกิจการร้านค้าทั้งที ถ้าจะไม่จ้างคนเพิ่ม งานทำความสะอาดกะจัดเรียงก็ให้ลูกหลานหรือเพื่อนร่วมงานมาทำเถอะ แต่ถ้าไม่มีก็ทำเอง ผมก็ทำเอง ไม่ได้อวดตัวว่าทำเอง แต่บอกให้รู้ว่ารักจะเป็นเจ้าของมันก็ต้องทำสักกะเบือยันเรือดำน้ำว่ะ
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: Updateค่าตัวเภสัช เงินเดือน เกิน5หมื่น ที่อื่นก็ทำได้

โพสต์โดย เมจิก พี » 01 ส.ค. 2018, 13:16

ห่างหายไปนาน เพราะไร้ข่าวสารการเปลี่ยนแปลงด้านรายได้ ทีชัดเจนจึงทำให้ภาพรวมด้านรายได้ของเภสัชไม่ต่างจากปี2556 แต่นี่ปี61แล้วนะราคาทองคำทำไมไม่เท่าปี56 เหมือนรายได้เภสัชเลยนิ
ถ้าจะมองแบบมีความหวังเข้าข้างตัวเอง แต่อยู่บนพื้นฐานข้อมูลความเป็นจริง ก้อจะพบว่า มีเจ้าของกิจการร้านยา หลายคน ได้จ้างเภสัชพร้อมใบไม่รวมค่าโน่นนี่นั่น "เดือนละ4หมื่นขึ้น"แล้ว จากเดิม3.5Kแม้อัตรานี้ยังมีคนจ้างอยู่ รวมทั้งน้อยกว่าอัตรานี้ก้อยังมีคนจ้างอยู่เช่นกัน แสดงถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ และล่าสุด ได้พบอัตราการจ้างใหม่่ ถึง"เดือนละ6หมื่นบาท"ในจังหวัดแถวปริมลฑล ไม่ใช่จังหวัดท่องเที่ยวเหมือนอย่างที่เคยเป็น( รายละเอียดด้านล่าง) แสดงให้เห็นถึง เชิงรุก ในการทำธุรกิจที่ต้องการยืนยาวอย่างมั่นคง ไม่ต้องการความเสี่ยงในเรื่องบุคคลากรที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหาตัวทำงานเก่งๆไม่ง่าย เพราะการจ้างเรท6หมื่น คนจ้างย่อมมีโอกาสคัดสรรมือดีๆเข้าร่วมงานแน่ รวมถึงในอนาคตอีกยาวนานก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาเภสัชมาทำงานไม่ได้(ถ้าเภสัชหายไปจากระบบ)เพราะค่าจ้างเรทนี้กับที่ตั้งร้านแถวปริมลฑลแบบนี้ ย่อมเป็นจุดดึงดูดที่ดีมากที่จะทำให้เภสัชอยากมาร่วมงานด้วย ในอนาคตอันใกล้ เภสัชอาจหายไปจากระบบร่วมห้าพันถึงหมื่นคน(หักเด็กจบใหม่แล้ว)ถ้าสภาเภสัชกล้าฟันจริง แต่ผมว่า"ไม่กล้า"อยากท้าเพื่อให้สภากล้าฟัน ไม่งั้นจะเหมือนการประนอมหนี้ คนชำระหนี้ดีๆกลับต้องจ่ายเต็ม คนเบี้ยวหนี้กลับจ่ายถูกกว่า !!!
แต่อย่าไปหวังอะไรกะสภาวิชาชีพเลยเพราะสิ่งที่เราหวัง เขาจะบอกว่าไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ อย่างเช่นเรื่อง มีเงินทุนให้เภสัชกู้ไปลงทุนด้วยดอกเบี้ยคงที่ต่ำๆระยะยาว เพราะเภสัชไม่ได้รวยทุกคน อีกทั้งการกู้สถาบันการเงินมีเงื่อนไขเยอะและยากที่จะกู้ได้ ดอกเบี้ยร้อยละ1ตลอดไปคงไม่มีแน่ อันนี้ยกตัวอย่างง่ายๆ อีกเรื่องคือการทำให้เภสัชเจ้าของร้านยาสามารถขายยาต้องห้ามได้เทียบเท่าแพทย์(มีแต่จะห้ามขายเพิ่มขึ้นสิ อย่างยาปฏิชีวนะบางตัวอีกไม่นาน ห้ามขายแน่) นี่ยิ่งยากกว่า ให้หมาพูดภาษาคนได้ง่ายกว่า เพราะมีหมาบางตัวพูดคำสั้นๆได้แล้ว อย่างที่บอก สภาจะบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ ไม่มีกฏหมายรองรับ ก้อถ้าไม่ร่างไม่ทำ มันก้อไม่มีสิครับ ไปฝันเรื่องรายได้6-7หมื่นดีกว่า


เมื่อมาถึงจุดนี้ คือจุดที่จะย้ายงาน เปลี่ยนงาน ด้วยเหตุผล หมื่นแปดพันประการ
แล้วเรายังมีศักยภาพ เพียงพอที่จะไปทำงานที่ใหม่หรือ ต้องการไรล่ะ
ใบประกอบ .. ยังไม่หมดอายุขัยนะจ๊ะ หน่วยกิตที่สะสมใหม่ จะเป็นหมื่นอยู่แล้ว(บางคนนะ) อะไรอีก.. ความรู้ โอโฮ !!เก่งกว่าตอนจบใหม่หลายร้อยเท่า เจาะเลือดตรวจ ไขมัน ตรวจเบาหวาน นี่้งานรูทีน เลย แนะนำการใช้ยา รักษาโรคเบื้องต้นเบื้องกลาง ชิวๆมาก ที่ทำไม่ได้ก็พวกงาน ฝีมือ เช่น ผ่าตัด ส่องกล้อง MRI CTscan EEG EKG ตรวจภายในฯลฯ งานบริบาลเภสัชกรรม ที่เพิ่งมาฮิตในยุคหลังๆ ก็ทำได้ และทำมาก่อนพวกมีอำนาจ จะประดิษฐ์คำๆนี้ออกมาด้วยซ้ำ รวมทั้งคำว่า องค์ความรู้(คิดว่าเป็นพระ5555) บูรณาการฯลฯ
ก็ครบเครื่องนี่ HIGH PERFORMANCE ไม่น่าจะ"ส่ายหน้านะ"
อ้าวรู้ไว้ซะ!!!
มึงอายุเกิน
มึงเป็นเพศที่เขาไม่ต้องการ (อยากเกิดเป็นเพศทางเลือกจัง เหมือนพวกรัฐวิสาหกิจ ราชการหยุดแกก็หยุด เอกชนหยุดแกก็หยุด คือเป็นเหมือนเข้าไหนเข้าได้)
มึงภาษาต่างด้าวไม่แข็งแรง
มึงไม่เป็น โปรแกรม โน่นนี่นั้น( ถ้าจะเป็นต้องเป็นชนิดใช้งานได้ดี)
มึงไม่ยอมรับเงื่อนไขทำงานวันละ 10ชั่วโมง พัก2ชั่วโมง ทำ 7โมงเช้า ยัน1ทุ่ม 6วันต่อสัปดาห์ ...และมีง "ปกครองยาก"(ชะนี HR นางบอกอย่างนั้น) :razz: :razz: :razz:

ต้องการเภสัชกรประจำร้าน จ.อุทัยธานี หยุด6วัน/เดือน เงินเดือน 60,000-70,000บาท/เดือน

ไม่จำกัดอายุและเพศ

สนใจติดต่อคุณราเมศ : 0871351751, ID Line: 0871351751



ผู้แสดงความคิดเห็น ราเมศ เอาเอกสิทธิ์ (ramet-dot-mes-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2018-08-24 08:38:14
แนบไฟล์
IMG_20180824_132449.jpg
IMG_20180801_130106.jpg
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: Updateค่าตัวเภสัช เงินเดือน เกิน5หมื่น ที่อื่นก็ทำได้

โพสต์โดย เมจิก พี » 24 ส.ค. 2018, 13:25

อีกรายจ้างตั้ง7หมื่น ข้อมูลด้านบนครับ
จากที่เห็นเจ้าของธุรกิจ (ในแหล่งที่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว ) จ้างเภสัชในอัตราค่าจ้าง5-7หมื่นบาท ผู้จ้างไม่ค่อยมีเงื่อนไขอะไร ไม่เรื่องเยอะ อย่างพวกจ้างแค่เดือนละ3-4หมื่นบาท มีเงื่อนไขจุกจิก เภสัชมีวิชาชีพ และใบฯ ยังไปทำงานด้วยไม่ได้ ในอนาคต ถ้ามีเจ้าของเงินรายใหญ่ใจดี ปล่อยกู้ด้วยดอกเบี้ยคงที่ต่ำๆระยะยาวๆ ให้เภสัชกู้ไปลงทุน ถ้าวันนั้นมาถึง พวกเรื่องเยอะทั้งปัจเจกชน และหน่วยงาน ขอให้ไปที่ชอบที่ชอบครับ เจ้าของงานขี้งกเรื่องเยอะบางคนอาจจะคิดว่าวันนั้นไม่มีจริง 5555555 ผมไม่ตอบ5555555
ส่วนเภสัชมนุษย์เงินเดือน ที่มีทั้งใบและความรู้ในวิชาชีพ แต่ติดเงื่อนไขไปทำงานกะเขาไม่ได้ หรือมีโอกาสงานน้อยไม่ทัดเทียมกัน เคยถามตัวเองไหมว่า เหตุปัจจัยอื่นมันสำคัญกว่าวิชาชีพและความสามารถในวิชาชีพขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วเราจะยอมรับให้คนภายนอกมาใช้เหตุปัจจัยที่ไม่เกี่ยวกะวิชาชีพ แต่มากำหนด อนาคตการงานของพวกเราอย่างนี้ไปตลอดกาลใช่ไหม พวกเราจะไม่คิดทำไรกันบ้างเหรอ ถามใจพวกท่านดู "พวกท่านยังเป็นเภสัชอยู่หรือปล่าว"
ที่สำคัญร่างพรบ.ยาฉบับใหม่ ที่มีการรื้อแก้ไขใหม่สอดใส้หมกเม็ด เห็นแก่ประโยชน์ของพวกพ้องและตัวเองมากกว่าชาวบ้าน เภสัชที่มีหน้าที่ดูแลคุ้มครองชาวบ้านเรื่องยากำลังจะถูกลดบทบาทตรงนี้ อาจจะมีใครก้อได้ที่ไม่ใช่เภสัชมาจ่ายยาแทนได้อย่างถูกกฏหมาย วันจันทร์ที27/8/61เขาว่าจะสรุปกันอีกรอบ เภสัชทั้งหลายจะเอาไง รวมตัวสู้เพื่อรักษาบทบาทและหน้าที่รวมทั้งผลประโยชน์ของชาวบ้านหรือปล่อยไปอย่างนี้เหมือนที่แล้วๆมาเพราะไม่มีอำนาจไปสู้พวกมีอำนาจในกระทรวงได้?ไม่ยากเลยเภสัชกรโรงพยาบาลปิดห้องยาทั่วประเทศแล้วไปรวมตัวคัดค้านที่กระทรวงหรือที่ศูนย์ราชการน่าจะดี ที่เลือกเภสัชกรโรงพยาบาลเพราะน่าจะส่งพลังกระทบกระเทือนไปยังพวกมากอำนาจในกระทรวงได้แรงที่สุด
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: Updateค่าตัวเภสัช เงินเดือน เกิน5หมื่น ที่อื่นก็ทำได้

โพสต์โดย เมจิก พี » 26 ส.ค. 2018, 14:14

เขาว่าพรุ่งนี้รู้กัน27/6/61รายละเอียดคร่าวๆร่างพรบยาใหม่..ที่น่าตกใจ
1.เปลี่ยนแปลงหลายอย่างโดยไม่สนใจว่าจะต้องทำประชาพิจารณ์กันใหม่
2. ไม่ยอมเอาขึ้นเวปไซต์ให้ได้อ่านกันก่อนส่งครม.
3. สอดแทรกเรื่องเข้า มีเอาเรื่องออก มาตราหายไปจาก249 เหลือ229 แถมไม่รันเลขใหม่เลยผิดมาตราเวลาอ้างถึง
4. เปลี่ยนเนื้อหาสำคัญหลายจุด
4.1 การผลิตที่ยกเว้นให้แพทย์ทำกับคนไข้เฉพาะรายที่กำหนดว่าให้ทำได้เฉพาะเอาผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนตำรับมาทำตามวิธีทางเภสัชศาสตร์นั้นเอาออก!?!ม22(2) แล้วมันจะไปคุ้มครองประชาชนได้ไง
4.2 อนุญาตให้ออกกฎกระทรวงเพื่อยกเว้นวิชาชีพอื่นๆจ่ายยาได้ ม22(5) แก้ปัญหาแบบนี้ได้ไง?!?
4.3 เปลี่ยนการทบทวนขึ้นทะเบียนจาก5ปีเป็น7ปี ม47-49
4.4 เปลี่ยนประเภทยา ม6
4.5 เปลี่ยนสัดส่วนและตัวแทนคณะกรรมการยา ม7
4.6 ตัดข้อมูลราคาขายยาในการขึ้นทะเบียนออก ม46(11)
และอื่นๆอีกมาก
5. เลขาอย.จะชี้แจงวันจันทร์นี้(หมายความว่าไม่ได้รับฟังแล้ว)จะเอาตามนี้

เภสัชกรต้องทำไงดี?!?
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: Updateค่าตัวเภสัช เงินเดือน เกิน5หมื่น ที่อื่นก็ทำได้

โพสต์โดย เมจิก พี » 29 ส.ค. 2018, 02:06

:surprised:
แก้ไขล่าสุดโดย เมจิก พี เมื่อ 29 ส.ค. 2018, 02:37, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: Updateค่าตัวเภสัช รายได้หาง่ายกว่าอำนาจ

โพสต์โดย เมจิก พี » 29 ส.ค. 2018, 02:37

จริงเหรอ??สภาเภสัชว่าไง
IMG_20180830_021556.jpg
คาดว่าน่าจะเหมือนที่แล้วๆมา ชั่วนาตาปีกี่พ.ศก้ออย่างนี้ อย.กะพรบ.ยาฉบับไหนก้อไม่เป็นไปตามที่เภสัชคาดหวัง ไม่ใช่เรื่องใหม่ ถ้าเลขาอย.เป็นเภสัชถาวร ผอ.องค์การเภสัชเป็นเภสัช อาจจะมีไรดีๆเกิดขึ้นกะวงการเภสัชประเทศไทยบ้าง บอกได้เลยให้เภสัชมีรายได้เดือนละแสนมีโอกาสเกิดได้ ง่ายกว่า ที่เลขาอย.และผอ.องค์การเภสัชเป็นเภสัชถาวร ขนาดเคยมีเภสัชเป็นรัฐมนตรีก้อยังไม่สามารถส่งอิทธิพลไปยังกระทรวงแดนสนธยาได้เลย อาจจะว่าเกรงใจไม่อยากก้าวก่ายหรือไม่สนใจใยดีก้อไม่ทราบได้ เภสัชทำใจได้เลย เภสัชไม่เคยชนะในแดนสนธยา ไม่แน่อนาคตอีกไม่เกิน100ปีวิชาชีพนี้อาจจะเเค่เคยมีในประเทศไทย สมใจคนในบางวิชาชีพทีได้กำจัดหอกข้างแคร่ให้หมดไปซะที 100ปีไม่นานหรอกแค่หนึ่งชั่วอายุคนนับจากนี้!!!
สำคัญมาก***เพื่อนๆร่วมวิชาชีพทุกท่านครับ พอจะดูออกใช่ไหมครับว่า ใครคือนายทุนใหญ่ ที่มีส่วนอย่างมากร่วมกับคนมีอำนาจในแดนสนธยา ผลักดันให้พรบ.ยาฉบับเอาแต่ใจตัวเองและพวกพ้องมีข้อกำหนดให้คนนอกวิชาชีพเภสัชกรรมสามารถจ่ายยาได้อย่างถูกกฎหมายนอกจากคนนอกวิชาชีพเภสัชกรรมที่มีอยู่เดิม แม้จะอ้างว่าจะกำหนดไว้ในกฎกระทรวง จึงขอบอกเพื่อนชาวเขียวมะกอกทุกท่านที่เกี่ยวข้องกะนายทุนใหญ่บริษัทนี้ ท่านยังจะเกี่ยวข้องกะพวกที่ทำลายวิชาชีพของพวกเราอยู่อีกเหรอครับ ถ้าจะบอกว่าถ้าพวกเราถอนตัวไป พวกนายทุนยิ่งเร่งรัดให้พวกมากอำนาจในแดนสนธยาออกกฎระเบียบนี้ออกมา แล้วท่านไม่เห็นเหรอว่าตอนนี้พวกท่านยังทำงานอยู่ พวกนี้มันก็ยังผลักดันกฎระเบียบนี้อยู่ มันไม่เกี่ยวกัน ออกมาเถอะครับอย่าไปสนับสนุนพวกนายทุนทำลายวิชาขีพเรา มีงานที่อื่นให้ทำเยอะแยะมากมายครับ


สรุปผลการประชุมร่วม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข อย. คณบดีเภสัช และเครือข่ายเภสัชกรวันนี้ 4 กย.61
ที่ประชุมเห็นชอบ
1.กำหนดประเภทยาเป็น 3 ประเภท ยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่จ่ายโดยเภสัชกร และยาสามัญประจำบ้าน ท่านปลัดกระทรวงรับไปหารือต่อ
2.นิยามยาสามัญประจำบ้าน ใช้นิยามตาม พรบ.ยา 2510
3. มาตรา 22 ที่เป็นปัญหาเรื่องให้วิชาชีพอื่นจ่ายยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายได้ ให้กลับไปใช้นิยามตาม พรบ. 2510 ทั้งหมด
มาตรา 22 โดยเฉพาะ 22(5) ที่น่าห่วงว่าจะเปิดช่องโหว่ ให้วิชาชีพใดจ่ายยาก็ได้ ไม่ปลอดภัยต่อคนไข้ ถูกเสนอให้พิจารณากลับไปใช้ พรบ.ยา 2510 มาตรา 13 แทน จำกัด แค่ 3 หมอ คือ แพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ เหมือนเดิมไปก่อน

ขอขอบคุณ เฟสบุค ต่อต้านพรบ.ยา ฉบับละเลยประชาชน

ล่าสุด5กันยา61 12.10น.ตามภาพล่างเลย(ถ้าย้อนกลับไปอ่านเรื่องนี้ที่ผมเขียนไว้เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ว่า"เภสัชไม่เคยชนะในแดนสนธยา เรื่องนี้มันเป็นอย่างนี้มานานแล้วไม่ต่ำกว่า50ปีที่ผ่านมา ตราบใดที่อย.ยังเป็นหมอและผู้บริหารในวงการสา'สุขยังเป็นหมอซะส่วนมาก ก้ออย่าไปคิดฝันที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรให้ได้อย่างที่นานาอารยะประเทศเขาเป็นเลย พวกสภาเภสัชที่ดูคุณสมบัติ คุณวุฒิไม่ว่าจะชุดไหน รวมทั้งชุดสมัครใหม่ด้วย ก้ออย่างมากได้แค่ร้องแลกแหกกระเชิง รวมพลบ่นบอก แล้วเขาก้อรับฟังพอเป็นพิธีเพื่อให้เกียรติกันไปอย่างนั้นเอง แล้วก้อไม่มีไรในกอไผ่ ความเป็น ศจ. รศ. ผศ ประธานโน่นนี่นั่น และสารพัดตำแหน่ง ช่วยไรได้ไหม ถ้าไม่มีอำนาจในเรื่องที่ต้องการเข้าไปปรับปรุงแก้ไข มันก้อได้แค่ตะโกนโหวกเหวกไปวันวัน กลับมาเก่งในเรื่องออกกฎระเบียบควบคุมเภสัชและเรื่องธุรการงานรูทีนต่อไป อำนาจเปลียนเลขา อย. ตั้งผอ.องค์การเภสัช เสนอร่างกฎหมายยาไปให้ครม.พิจารณาได้ ถ้าทำได้ ผมจะสนับสนุนเลือกตั้งสภาเภสัชเต็มที่เลย แล้วทำได้ไหม)

ระวัง!ซีพี-ปตท.ผูกขาดประเทศ ยึดรถไฟความเร็วสูง-ธุรกิจยา

การลงทุนทำรถไฟในอดีตคือการลงทุนที่ขาดทุน ไฉนปัจจุบันทั้งซีพีและปตท.ถึงอยากลงทุน แน่นอนถ้าคิดเฉพาะค่าโดยสารโอกาสคืนทุนนั้นอีกยาวไกล น่าจะเกิน 30 ปี แต่ผลประโยชน์ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามสถานีรถไฟความเร็วสูง ธุรกิจการพัฒนาสถานี การให้เช่าป้ายโฆษณา และบัตรเติมเงินต่างๆ นั่นคือกำไรมหาศาลที่สองกลุ่มธุรกิจนี้จ้องตาเป็นมัน

ทั้งสองกลุ่มมีสิทธิ์ที่จะเข้าไปประมูลโครงการนี้โดยไม่มีใครมีสิทธิ์ไปขวาง ตราบใดที่เข้าประมูลอย่างเป็นธรรม และไม่ใช้อำนาจเงินที่มีอยู่ไปโน้มน้าวจิตใจผู้มีอำนาจทั้งฝ่ายราชการและการเมืองให้เข้าข้างตน ซึ่งสังคมและสื่อควรจับตาอย่างไม่กะพริบ (รวมทั้งบรรดาสื่อมวลชนที่ได้รับเชิญจากกลุ่มซีพีไปดูงานก่อนใคร)

ยังมีเรื่องธุรกิจยา ที่สังคมกำลังติดตาม และธุรกิจสองกลุ่มนี้เหมือนกันกำลังมีแผนที่จะเข้ามาช่วงชิงเค้กในธุรกิจยา โดย ปตท.ไปจับมือกับองค์การเภสัชกรรมในการตั้งโรงงานผลิตยา และกำลังแยกธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน โดยเฉพาะร้านค้าปลีกในปั๊มน้ำมันภายใต้ชื่อ Jiffy ขณะที่ซีพีกำลังรุกเรื่องมุมขายยาในร้าน 7-11 ที่มีมากขึ้น

การรุกของทั้งสองค่ายมาพร้อมๆ กับการเสนอแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.ยา ที่จะอนุญาตให้วิชาชีพอื่นที่ไม่ใช่เภสัชกรจ่ายยาได้ นั่นจะทำให้อำนวยความสะดวกต่อร้านสะดวกซื้อให้สามารถขายยาได้ ซึ่งกำลังมีการต่อต้านจากบรรดาผู้มีวิชาชีพเภสัชกรและแพทย์ว่า จะเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนในท้ายที่สุด

นำสองเรื่องร้อนทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และเรื่องธุรกิจยา ที่แต่ละอย่างมีมูลค่ามากกว่าแสนล้านบาท มาเปิดประเด็นให้ท่านผู้อ่านจับตามองไว้ก่อน และถ้าเป็นไปตามแผนของสองกลุ่มทุนยักษ์นี้ ชีวิตคนไทยจะยิ่งต้องถูกผูกไว้กับทั้งซีพีและปตท.มากยิ่งขึ้น


กลุ่มเภสัชเพื่อมวลชน ยื่น 2.7 หมื่นชื่อ ถึงนายกฯ แสดงความเห็นค้าน ร่าง กม.ยา อนุญาตร้านสะดวกซื้อ-ร้านของชำ ขายยาสามัญประจำบ้าน หวั่นเกิดปัญหาวิธีจัดเก็บ ให้คำแนะนำ จี้สั่งอย. ทบทวน ยันฉบับใหม่ต้องทันสมัย ประชาชนปลอดภัย เลิกเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน


วันที่ 12 ก.ย. 2561 กลุ่มเภสัชเพื่อมวลชน กว่า 20 คน ร่วมกันใส่เสื้อกาวน์แสดงพลังกันบริเวณศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือแสดงความคิดเห็นถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คัดค้านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยา พ.ศ. ... โดยมีนายสาธิต สุทธิเกษม หัวหน้าส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชนศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาลเป็นผู้รับมอบหนังสือ

ผศ.ดร.ภก.ไกรสร ชัยโรจน์กาญจนา ผู้แทนกลุ่มเภสัชเพื่อมวลชน เปิดเผยว่า กลุ่มเภสัชเพื่อมวลชน เครือข่ายเภสัชกรรมเภสัชกรเซฟโดส (safedose) และประชาชนที่ร่วมแสดงความคิดเห็นกว่า 27,000 คน แสดงเจตนารมณ์คัดค้านร่าง พ.ร.บ. ยา ฉบับใหม่ เนื่องจากมีข้อบกพร่องจำนวนมาก เช่น การยกเว้นให้วิชาชีพอื่น ๆ จ่ายยาได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนไม่ได้รับการคุ้มครองจากการใช้ยา นอกจากนี้ระเบียบที่ร่างขึ้นได้สกัดกั้นธุรกิจเดี่ยวของเภสัชกร ทำให้ต้องล้มหายตายจากไปจากอาชีพ และเกิดกระบวนการของนายทุนเข้ามาแทนที่ ท้ายที่สุด ประชาชนจะประสบความยากลำบาก ขาดความมั่นคงในเรื่องยา ประเทศจะตกอยู่ในมือของคนบางกลุ่ม

ส่วนกรณีของยาสามัญประจำบ้านจะต้องกำหนดให้ขายในร้านยาเท่านั้น ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อหรือร้านขายของชำ เพราะจะเกิดปัญหาในเรื่องวิธีการเก็บยาและการให้คำแนะนำ ด้วยเหตุนี้จึงเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ให้พิจารณา และมีคำสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทบทวนให้มีการร่าง พ.ร.บ.ยา ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ทันสมัย จะต้องไม่ร่างให้ประชาชนรับอันตราย อย่างนั้นไม่เรียกว่า พัฒนาให้ดีขึ้น

สำหรับรายละเอียดของหนังสือแสดงความคิดเห็น มีข้อท้วงติง ดังต่อไปนี้
1. ร่าง พ.ร.บ.ยา พ.ศ. ... ฉบับดังกล่าวเปิดโอกาสให้เกิดการทำลายเศรษฐกิจพื้นฐาน และความมั่นคงของประเทศ เพราะยาเป็นความมั่นคงของประเทศประการหนึ่ง หากเกิดศึกสงคราม หรือภัยพิบัติต่างๆ ยา จะกลายเป็นสิ่งขาดแคลนทันที และจะขาดแคลนเป็นร้อยเท่าทวีคูณ หากประเทศชาติพึ่งตนเองไม่ได้จากการสร้างข้อจำกัดต่าง ๆ มากมายให้กับธุรกิจร้านยาเดี่ยว ซึ่งเป็นพื้นฐานของระบบยาของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น กฎระเบียบที่เข้มงวดเกินไป อัตราค่าธรรมเนียมที่สูงเกินกว่าที่ร้านยาทั่วไปจะรับได้ และบทลงโทษที่รุนแรงเกิน เหตุถึงขั้นจำคุก เงื่อนไขต่าง ๆเหล่านี้จะเป็นสาเหตุให้เภสัชกรที่เป็นเจ้าของร้านยาเดี่ยวต้องเลิกกิจการและต้องไปเป็นลูกจ้างนายทุน โรงงานผลิตยาในประเทศก็ต้องถึงคราวปิดตนเอง จากนั้นก็จะเกิดการแทนที่ของนายทุน ใหญ่ผูกขาด ทั้งในและนอกประเทศ ถึงเวลานั้นระบบยาของประเทศก็ต้องตกอยู่ในมือของคนส่วนน้อยและ/หรือ นายทุนข้ามชาติ

2.ไม่มีการคุ้มครองผู้บริโภค แต่กลับเพิ่มความเสี่ยงให้กับประชาชนผู้ใช้ยา ตั้งแต่ การผลิต การนำเข้า จ่ายยา เมื่อโรงงานยาในประเทศสูญสิ้น ร้านยาเดี่ยวของเภสัชกร หมดไป การจ่ายยาตามร่าง พ.ร.บ. ยา พ.ศ. ... ฉบับนี้ ยังคงได้รับการยกเว้นให้กับวิชาชีพอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เภสัชกรอย่างกว้างขวางกว่าเดิม ให้สามารถผลิตยา จ่ายยาให้กับคนไข้ของตน โดยไม่ได้รับการทวนสอบความปลอดภัยจากเภสัชกร ทั้งยังไม่ต้องขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ไม่ต้องทำ บัญชียา และ ไม่ต้องรับโทษใด ๆ หากเกิดความผิดพลาด ประชาชนยังคงได้รับยาที่ไม่รู้ว่ายาเป็นอะไร แพ้ยาก็ไม่รู้ว่าแพ้ตัวยาใด จ่ายเงินค่ายาก็ไม่รู้ว่าสูงกว่าความเป็นจริงกี่เท่าตัว อันแสดงให้เห็นว่าหลักประกันความปลอดภัยของประชาชน ได้สูญสิ้นไป ผลที่ตามมาคือความเจ็บป่วยจากการใช้ยาที่ไม่ปลอดภัย นับเป็นต้นทุนที่สูงมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยง ไม่ได้

3.มีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุนใหญ่ที่พยายามผลักดันให้มี รายการ ยาสามัญประจำบ้านมากขึ้น โดยอ้างว่าเป้นยาที่ปลอดภัย เพื่อให้สามารถจำหน่ายยาเหล่านี้ในร้านสะดวกซื้อได้ แต่ในความเป็นจริงไม่มียาใด ๆ ที่ปลอดภัย 100% ดังนั้น รายการยาสำมัญประจำบ้านที่เพิ่มมากขึ้น เกินความจำเป็น ถือว่าเป็นการเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มนายทุน เป็นเหตุให้ประชาชนให้เกิดความเสี่ยงจากการใช้ยาเพิ่มมากขึ้น และด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันร้านยากระจายตัวอยู่มากมายในทุกหมู่บ้านทุกตำบล ไม่ได้ขาดแคลน เหมือนดังในอดีต ดังนั้นถ้าจะคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัยจากการใช้ยาอย่างแท้จริง จะต้องจำกัดให้ยาทุก ประเภทต้องขายในร้านยาเท่านั้น ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งยาสามัญประจำบ้าน

4.ทำให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากลายเป็นรัฐอิสระ โดยยึดเงินรายได้ทั้งหมดไว้ใช้จ่ายด้วยตนเอง ไม่นำเข้าสู่คลังแผ่นดิน (มาตรา 134) ไม่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การเงินการคลังของรัฐ อนาคตจะเป็นหน่วยงานรัฐที่รวยที่สุดในประเทศ มูลค่าเม็ดเงินที่ผ่านเข้า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามีมูลค่ามหาศาล ยิ่งเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมมหาโหดเข้าไป ปีหนึ่งๆ จะเป็นเม็ดเงินมหาศาล การไม่นำเงินค่าธรรมเนียมต่างๆ เข้าสู่คลังแผ่นดินเพื่อนำเงินส่วนหนึ่งไปพัฒนาประเทศ ตาม พ.ร.บ.การเงินการคลังของรัฐ ถือเป็นการทรยศต่อประเทศชาติและประชาชน

5.ร่าง พ.ร.บ. ยา พ.ศ. ... ฉบับนี้ กำเนิดมาจากความต้องการของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และเพื่อจะรักษาผลประโยชน์ให้กับวิชาชีพต่างๆ ความต้องการเท่านั้น โดยไม่ได้มองประชาชน เป็นที่ตั้ง ไม่ได้สนใจว่าความต้องการนั้นๆ จะส่งผลเสียต่อระบบสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนอย่างไร ไม่สนใจว่าผลกระทบที่จะมีต่อประชาชนในระยะยาวนั้น จะสะท้อนกลับมาทำให้รัฐต้องใช้จ่ายอย่างมหาศาลในการแก้ปัญหาที่จะเกิดตามมาในภายหลัง และ ไม่สนใจต่อรากฐานเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความ มั่นคงของประเทศชาติโดยรวม ความอยู่รอดของประชาชนและสังคม เศรษฐกิจประเทศชาติ ด้วยร่าง พ.ร.บ.ยา พ.ศ. ... ฉบับนี้ ระบบการผลิต ระบบการกระจายยา ระบบการจ่ายยาในประเทศจะถูก ทำลาย ประชาชนย่อมจะขาดความปลอดภัยโดยสิ้นเชิง .
แนบไฟล์
IMG_20180920_115539.jpg
IMG_20180912_120221.jpg
IMG_20180912_003803.jpg
IMG_20180908_011553.jpg
IMG_20180907_174228.jpg
IMG_20180905_132236.jpg
IMG_20180905_123622.jpg
แก้ไขล่าสุดโดย เมจิก พี เมื่อ 20 ก.ย. 2018, 11:51, แก้ไขแล้ว 10 ครั้ง.
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: Updateค่าตัวเภสัช รายได้หาง่ายกว่าอำนาจ

โพสต์โดย เมจิก พี » 05 ก.ย. 2018, 13:13

อัฟเดทด้านบนครับ :roll: :eek: :lol: :surprised: :redface: (ขอแทรกนิส 1.ผู้สมัครสภาเภสัชทีมไหน หรือท่านใด มีนโยบาย
A.ทำให้เภสัชหรือร้านยาคุณภาพ สามารถจ่ายยาได้เท่าแพทย์
B.มีสวัสดิการให้เภสัชกรกู้ยืมเงินลงทุนด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ตลอดไป
C.ทำให้สภาเภสัชมีส่วนร่วมกะรมต.สาสุข ในการแต่งตั้งเลขาอย.
ใครมีนโยบายจะทำแบบนี้ทั้ง3ข้อหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง แจ้งมาเลยครับ ผมสนับสนุนเต็มที่เลย แต่ถ้าทำไม่ได้ หรือนโยบายคล้ายเดิมๆไม่ต้องชี้แจงครับ
2.ใครทำไรเข้าท่าต้องบอกกัน เห็นประกาศมาระยะหนึ่งแล้ว คงเป็นเรื่องถาวร บริษัท บูทไทยแลนด์ รับเภสัชไม่จำกัดเพศและอายุ และมีร้านยาแถวนครปฐมด้วย น่าสนใจครับ ไปสมัครกันครับพี่น้องโอกาสดีๆเปิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จัดไปครับ)

ในระยะนี้ต้องการ การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ของเพื่อนร่วมวิชาชีพ จึงไม่อยากเขียนไรที่ทำให้ขัดแย้งกัน แม้จะมีบางเรื่องที่ดูเยอะไปหน่อยของเภสัชเจ้าของร้านที่รับเพื่อนร่วมวิชาชีพมาทำงาน ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีมานานแล้ว ผมถึงไม่เคยแนะนำให้เภสัชไปทำงานด้วย เคยเขียนบอกไว้เหมือนกันถึงเหตุผลว่าทำไมไมแนะนำ เอาไว้วันชื่นคืนสุขมาถึง จะเขียนอีกครั้ง
เท่าที่คะเนดูจำนวนความสนใจของเภสัชต่อปัญหาวิชาชีพในขณะนี้ ถึงแม้จะมีคนสนใจร่วมค้าน2หมื่นกว่าแต่อาจจะไม่ใช่เภสัชทั้งหมด ผมกะว่าน่าจะมีเภสัชที่สนใจไม่เกิน1ใน3คือประมาณหมื่นหน่อยๆ นี่ตีตัวเลขแบบหลวมๆ จริงๆอาจจะน้อยกว่านี้ แล้วถ้าให้มีการเคลื่อนไหวนี่หน้าทำเนียบหรือที่อย. ผมว่าได้ถึง5พันคนก้อหรูแล้ว จะอ้างว่าติดภาระกิจก้อว่าไป แต่จะมีอะไรสำคัญกว่าอนาคตหรือหมดอนาคตของวิชาชีพอีกเหรอ แต่เภสัชพ.ศไหนก้อไม่แตกต่างในเรื่องความกระตือรือร้นที่จะปกปักรักษาวิชาชีพ คือพอมีปานกลาง เรื่อยๆมาเรียงๆ เพราะยังไงก้อคิดว่าตัวเองยังมีงานทำแม้กฎระเบียบจะออกมายังไงก้อตาม ครั้งนี้ก้อเช่นกัน เภสัชส่วนหนึ่งสนใจมากในเรื่องนี้ แต่เภสัชอีกส่วนหนึ่งที่มีไม่น้อย สนใจประมาณนึงพอไม่ให้ตกกระแส แล้วถ้าสมมติว่า กฎหมายออกมาให้ใครก้อได้ทีมีใบประกอบโรคศิลป์ จ่ายยาหรืออาจจะคุมร้านได้ด้วย แน่นอนพวกเภสัชที่สนใจมากย่อมต้องเคลื่อนไหวต่อสู้ต่อไป แต่พวกเรื่อยๆมาเรียงๆที่มีจำนวนไม่น้อย น่าจะเกือบ2ใน3 ก้อคงเรื่อยๆมาเรียงๆต่อไป คิดแต่ว่าตัวเองยังมีงานทำ(จะยังมีเหรอ) คิดแค่ว่า แล้วจะทำไงได้ในเมื่อกฎระเบียบออกมาแล้ว นี่แหละธรรมชาติเภสัช ส่วนใครจะแย้งไม่คิดว่าจะเป็นอย่างผมว่า ก้อช่วยเอาความไม่เห็นด้วยกะผมเปลี่ยนเป็นการเคลื่อนไหวต่อต้านพรบ.ยาใหม่จะดีกว่า เป็นรูปธรรมได้เห็นภาพชัดๆกัน ดีกว่าแค่เป็นลมปากว่าไม่เห็นด้วยกะผมแล้วก้อเงียบไป มันก็อจะตรงกะที่ผมว่าเภสัชก้อเรื่อยๆมาเรียงๆไปซะทุกเรื่องเพราะยังมีงานทำ(ในอนาคตอันใกล้จะมีเหรอ)


จากปัญหาเรื่องพรบ.ยา ส่วนหนึ่งของสาเหตุที่เป็นที่มาของการทำให้เกิดปัญหาคือ การหาเภสัชไปทำงานด้วยไม่ได้ เรื่องนี้จะว่าไปแล้วเป็นปัญหาที่มีมานานมากแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ปัญหาเรื่องจำนวนเภสัชไม่พอน่าจะน้อยลงไปมากแล้ว ดังนั้นต้นเหตุที่แท้จริงน่าจะอยู่ที่ตัวหน่วยงานที่มีเงื่อนไข ข้อแม้ ในการหาบุคคลให้ได้ดังที่ใจของคนมีอำนาจต้องการ ไม่ใช่เรื่องของการไม่มีคนมาทำงานด้วย พวกเจ้าของเงินและเจ้าของงาน พวกคุณลองกลับไปทบทวนดูว่า เงื่อนไขในการหาเภสัชมาทำงานของพวกคุณมันเป็นปัญหาจริงหรือไม่ มาดูเงื่อนไขที่เป็นปัญหาบางประการ ว่ามีอะไรบ้าง พวกคุณอาจเห็นต่าง แต่ลองกลับไปคิดดู
1.เรซูเม่ บางที่ต้องใช้ภาษาต่างด้าว เภสัชหลายคน เห็นแล้วก้อผ่านบริษัทนี้เลย
2.เงื่อนไขเวลาทำงานที่เช้าไป ดึกไป นานไป
3.เงินเดือนที่ดูทั่วๆไปใครก้อจ้างเท่านี้ ถ้าให้ให้สะดุดใจ4หมื่นขึ้นไม่รวมใบ อยากได้กี่คนล่ะ มาจนต้องคัดออก กล้าแตกต่างในเรื่องเงินเดือนปะล่ะ
5.อายุและเพศ ปัญหาที่ไม่ควรเป็นปัญหาแต่เพราะการคิดแทนลูกค้า กฎระเบียบของคนมีสี และความรู้สึกส่วนตัวของเจ้าของเงิน จึงเกิดปัญหา
6.งานที่นอกเหนือหน้าที่เภสัชจากที่กฎหมายกำหนด เภสัชอาจช่วยได้ตามความสมัครใจ แต่ไม่ใช่งานที่มอบหมายซึ่งเจ้าของร้านบางร้านคิดว่าเป็นเจ้าของเงินจึงจัดเต็ม
7.ร้านในห้างมักมีกฎระเบียบตามประสาความเยอะของห้าง โดยเฉพาะห้างบางห้างที่เครือญาติจบเภสัชแต่ไม่ได้ช่วยไรให้เภสัชมีสทธิ์พิเศษ
8.มนุษย์สัมพันธ์ตอนเจรจาติดต่อสมัครของคนที่เภสัชติดต่อไป เรางี้แทบจะรีบวางสายทันทีที่คุยด้วย
9.ขาดอิสระในการทำงานตามวิชาชีพ
10.ไม่สามารถทำตามตัวเลขยอดขายหรือแรงกดดันทางธุรกิจ

อันนี้เป็นการชี้ให้เห็นเงื่อนไขที่สร้างปัญหาในการหาคนไปทำงานด้วย เจ้าของธุรกิจหรือหน่วยงานรัฐอาจไม่เห็นด้วย ทำไมเภสัชนี่มันเทวดาหรือไง โน่นก้อไม่ได้นี่ก้อไม่ได้ คงไม่ใช่อย่างนั้น แต่ที่ยกขึ้นมาเพื่อหาทางที่จะไปด้วยกันเป็นการจูนเข้าหากัน เพื่อให้งานเดินต่อไปได้ ใครไม่เห็นด้วยก้อตามสะดวก ต่างคนต่างถือไพ่คนละใบครับ

เรื่องเก่า เล่าใหม่ เคยลงไปแล้วเมื่อ24สิงหาคม2016(2ปีที่แล้ว)
เห็นว่าเนื้อหายังทันสมัย เข้าได้กะสถานการณ์ปัจจุบัน บางคนเคยผ่านตามาแล้ว บางคนยังไม่เคยอ่าน แต่ทุกคนถ้าได้กลับมาอ่านใหม่ ก้ออาจจะมีสิ่งใหม่ในความคิดและถ้าทำความคิดใหม่นี้ให้เป็นจริง ต้องเกิดฟ้าใหม่ในวงการเภสัชแน่นอน
เนื้อหาค่อนข้างยาว แต่ลำดับเหตุการณ์ได้ดี เล่าเรื่องได้ชวนเห็นภาพเลย บทสรุปตอนท้ายนี่แหละสำคัญ ติดตามได้เลยครับ



บนดินแดนอันสมบูรณ์แห่งหนึ่งของทวีป"ซีเอติค(Ceatic continent )"อันเป็นเขตของสาธารณรัฐประชาธิปไตย มายา(Democratic Republic of the Maya)
ที่นี่ก็เหมือนประเทศอื่นที่เจริญแล้วคือมีการเรียนการสอนทางด้านเภสัชศาสตร์ (โดยจะมีการคัดนักศึกษา จากการสอบรวมกับสายทางการแพทย์อื่นๆ นักศึกษาจะเลือกได้เพียงคณะเดียว ถ้าสอบไม่ได้หรือสละสิทธิ์ ก็ยังมีโอกาสไปสอบคัดเลือกในสายอื่นในสัปดาห์ต่อๆไปของเดือนมิถุนายนของทุกปี ถ้าสอบเข้ามหา'ลัยรัฐไม่ได้เลย ก็ไปเข้าของเอกชน และทุกคนที่ยังสอบเข้ามหา'ลัยของรัฐไม่ได้ จะมีสิทธิ์สอบได้อีกเพียง1ครั้งภายใน2ปีถัดไป เพื่อให้นักศึกษาไม่ต้องมาเสียเวลากับการสอบเข้า)
คณะเภสัชที่นี่ หลักสุตร4ปี ปีที่1จะเรียนเตรียมเภสัชฯ เมื่อจะขึ้นปี2 จะใช้ข้อสอบกลาง ที่ออกโดยตัวแทนอาจารย์ของคณะเภสัชทั่วประเทศ และสอบพร้อมกันทุกคณะเภสัชของแต่ละมหา'ลัย เด็กที่สอบไม่ผ่านต้องกลับไปเรียนปี1ใหม่ และถ้ากลับมาสอบใหม่ยังไม่ผ่านอีกจะถูกเชิญออก( ถ้ายังมีสิทธื์สอบเข้าใหม่ก็ไปสอบ แต่จะหมดสิทธิ์สอบเข้าเรียนคณะที่ตัวเองถูกให้ออก หรือไปเข้ามหา'ลัยเอกชน) ปี2-4จะเรียนเภสัชศาสตร์ ในการสอบจากชั้นปี2ขึ้นปี3 และจากชั้นปี3ขึ้นปี4 แต่ละมหา'ลัยจะจัดสอบกันเอง ถ้าสอบเลื่อนชั้นไม่ผ่าน2ปีติดต่อกันก็จะถูกเชิญออก
ตอนจบหลักสูตร สอบเพื่อให้ได้ปริญญา จะใช้ข้อสอบกลางที่ออกโดยตัวแทนอาจารย์ของคณะเภสัชทั่วประเทศ และสอบพร้อมกันทุกคณะเภสัชของแต่ละมหา'ลัย นักศึกษาที่สอบเพื่อจบแต่สอบไม่ผ่าน2ปีติดต่อกันต้องถูกเชิญออก อาจจะไปเรียนสถาบันเอกชนเพื่อให้ได้ใบจบ จากนั้นอีก1เดือนถัดไปจะมีการสอบเพื่อให้ได้ Pharmacy license ซึ่งดำเนินการโดย "คณะกรรมการกลางกำกับดูแลเภสัชกรแห่งสาธารณรัฐมายา"Central Board of Pharmacist Regulatory Authority of Democratic Republic of the Maya.ผู้ที่จบเภสัชในประเทศ หรือจากประเทศอื่นหลังจากทำเรื่องกับ"คณะกรรมการกลางฯ ก็มาร่วมสอบพร้อมกันเพื่อให้ได้ Pharmacy license
ที่นี่ยังมีการเปิดคอร์สศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเป็นผู้ชำนาญการทางด้าน โรงพยาบาล ร้านยา การเป็นSpecialistด้านยาเฉพาะโรค การศึกษาด้านบริหารจัดการร้านยาอย่างมืออาชีพ การเรียนรู้ด้านการบริหารงานและบุคคลากรในหน่วยงานที่เกี่ยวกับยา การต่อยอดความรู้และฝึกปฏิบัติงานจริงทางด้านการผลิต พัฒนา วิเคราะห์ และวิธีการสร้างMaster Formular ใหม่ๆ การศึกษาเทคโนโลยี่ใหม่ๆทางด้านอุตสาหกรรม ยา เวชสำอางค์ อาหาร เครื่องดื่ม เป็นการเรียนต่อยอดภาคทฤษฎี5เดือน ภาคปฎิบัติ7เดือน ค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร30,000เหรียญมายา(ประมาณ2แสนบาทไทย) ใครจะเข้าคอร์สก็ได้ไม่บังคับ ผู้ที่จบคอร์สนี้ เมื่อเข้าทำงานจะมีเงินเดือนเริ่มต้นที่มากกว่าพวกเรียน4ปีประมาณ30-40%และมีสิทธิ์ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้างาน ไม่จบคอร์สนี้เป็นหัวหน้าไม่ได้
"กรมมาตรฐานสุขภาพ"The Department of Health standards เป็นผู้ออกกฎหมาย กำหนดให้สถานที่จ่ายยา ขายยา สถานที่ผลิตยา วัตถุเกี่ยวกับยาหรือออกฤทธิ์เหมือนยา กิจการงานที่เกี่ยวเนื่องกับยา ต้องรับเภสัชกรที่มี Pharmacy license เท่านั้นเข้าทำงาน ทุกแห่งต้องมีเภสัชกรที่มี Pharmacy licenseตามจำนวนที่กำหนด
เภสัชกรที่มี Pharmacy license สามารถประจำการได้มากกว่า1แห่งในช่วงเวลาที่ไม่ซ้ำซ้อนกัน แต่จะประจำการที่ใดที่หนึ่งก็ได้ แต่เมื่อคณะกรรมการกลางฯไปตรวจต้องแสดง Pharmacy license ได่
"คณะกรรมการกลางฯ ได้กำหนดให้ทุก3ปี มีการตรวจสอบความรู้เพื่อรักษามาตรฐานความรู้ของเภสัชกร โดยแบ่งการสอบเป็น2ส่วน ส่วนที่1ทำข้อสอบ100ข้อ และส่งคำตอบ on line ภายใน1เดือน ส่วนที่2หาบทความวิชาการตามที่กำหนดมาอ่านจำนวน5บทความ แล้วเก็บใจความสำคัญตามที่กำหนด ในแต่ละบทความที่อ่านเสร็จ ให้ตั้งคำถาม10ข้อพร้อมคำเฉลย ส่งรายงานon line ภายใน3เดือนของปีที่มีการสอบความรู้ คะแนน2ส่วนรวมกันต้องได้ขั้นต่ำ80จึงจะเป็นผู้สอบผ่าน และมีสิทธิ์ใช้ Pharmacy licenseได้อีก3ปีถัดไป ถ้าได้คะแนนไม่ถึง80%หรือไม่เข้ารับการตรวจสอบความรู้ จะถูกพักใช้ Pharmacy license3ปี
ในระยะแรกที่มีข้อบังคับนี้ออกมา เภสัชกรจากหลายเขตปกครองของประเทศไม่เห็นด้วย ได้ยื่นข้อท้วงติงไปยัง"คณะกรรมการกลางฯ แต่ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามข้อบังคับที่วางไว้
เมื่อผ่านไป 1รอบระยะเวลาบังคับ ผลปรากฎว่ามีเภสัชกรประมาณ5-6พันคน(จากจำนวนทั้งหมด6หมื่นคน)หรือประมาณ8-10%ไม่ผ่านการตรวจสอบความรู้ กลุ่มเดิมที่เคยไม่เห็นด้วยแต่แรก ได้ยื่นเอกสารท้วงติงอีกครั้งว่า การตรวจสอบความรู้ไม่ผ่าน ไม่ควรจะถูกพักใช้ใบ Pharmacy License เพราะไม่ใช่การทำผิดร้ายแรง เกี่ยวกับชีวิต จรรยาบรรณ ความมั่นคงของประเทศ อาชญากรรม ศาสนาและศีลธรรม รวมทั้งการให้ร้ายองค์กรที่ตนเองสังกัดอยู่ จนเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างมาก และก่อนที่จะถูกพักใช้Pharmacy License เภสัชกลุ่มนี้ ก็ยังปฏิบัติหน้าที่ตามความรู้ความสามารถได้ดี ไม่มีอะไรบกพร่อง และทำงานร่วมกับบุคลากรสายการแพทย์อื่นๆได้เป็นอย่างดีและ เป็นที่ยอมรับอีกด้วย จึงไม่เป็นธรรมกับเภสัชกรกลุ่มนี้หรือเภสัชกรคนอื่นๆที่ยังคงมีความรู้ความสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นปรกติ แต่ต้องมาถูกพักใช้ Pharmacy Licenseตามกฏข้อบังคับนี้ เภสัชกรกลุ่มที่ท้วงติงต้องการให้เปลี่ยนข้อบังคับมาเป็นการสมัครใจ โดยเป็นการเชิญชวนให้มาร่วมทดสอบความรู้ โดย"คณะกรรมการกลางฯ จะมอบ ใบประกาศที่รับรองการผ่านการตรวจสอบความรู้จาก"คณะกรรมการกลางฯและสามารถนำไปประชาสัมพันธ์ในร้านหรือหน่วยงานของตัวเองได้ และ"คณะกรรมการกลางฯ ควรจะขอความร่วมมือให้หน่วยงานทางด้านเภสัชกรรมทุกหน่วย ใช้ใบประกาศฯมาประกอบการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งหรือขั้นเงินเดือนให้เภสัชกรร่วมกับเงื่อนไขอื่นๆของหน่วยงาน
"คณะกรรมการกลางฯได้ตอบกลับมาว่า

การจัดให้มีการตรวจสอบความรู้ เพื่อให้เภสัชกรทุกคนที่ผ่านการตรวจสอบความรู้ มีมาตรฐานความรู้ตามที่กำหนดและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ มีหลักฐานที่สามารถตรวจสอบและนำเสนอต่อสาธารณะได้ การที่เภสัชกรมีการเพิ่มเติมความรู้ของตัวเองเป็นประจำเป็นเรื่องที่ดี แต่การที่ได้ถูกตรวจสอบความรู้ก็เพื่อเป็นการยืนยันมาตรฐานความรู้ของตัวเภสัชกรเอง จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องถูกตรวจสอบ ส่วนการจะให้ยกเลิกข้อบังคบมาเป็นการเชิญชวนให้มาเข้ารับการตรวจสอบความรู้ก็เป็นข้อเสนอที่ดี แต่การกำหนดให้เป็นข้อบังคับและมีการสั่งพักใช้ Pharmacy license ก็เพื่อให้เภสัชกรทุกท่านมีความมุ่งมั่นและจริงจังในการรักษามาตรฐานของวิชาชีพ อันจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเภสัชกรเองและผู้อื่นที่ต้องเกี่ยวข้องกับเภสัชกรทางด้านเภสัชกรรม การที่จะให้ผู้ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบความรู้ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปโดยไม่พักการใช้ Pharmacy licenseนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เพราะเมื่อไม่ผ่านมาตรฐานความรู้ตามที่กำหนด จะยอมให้เภสัชกร ใช้Pharmacy license ต่อได้อย่างไร "
หลังจากได้รับคำชี้แจงแล้ว เภสัชกรกลุุ่มนี้ยังเห็นต่างและได้ทำหนังสือทักท้วงอีกว่า "คณะกรรมการฯยึดถือกฏระเบียบในเรื่องการตรวจสอบความรู้มากเกินไปจนอาจลืมคิดไปว่า ความรู้ที่แท้จริงและถูกต้องสมบูรณ์มันต้องยืนยันด้วยการปฏิบัติและผลลัพธ์ของการปฏิบัติตามความรู้นั้น ซึ่งทางกลุ่มได้บอกไปแล้วว่า เภสัชกรกลุ่มที่ถูกพักPharmacy licenseสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามความรู้ความสามารถได้ดี มีการอบรมความรู้ตามที่แต่ละหน่วยงานจัดให้มีหรือส่งไป รวมทั้งทบทวนหรือหาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับงานในหน้าที่ของตัวเอง และทำงานร่วมกับบุคลากรสายการแพทย์อื่นๆได้เป็นอย่างดีและ เป็นที่ยอมรับอีกด้วย เพราะไม่เช่นนั้นแล้วคงต้องถูกประชาชนหรือผู้เกี่ยวข้อง ร้องเรียนหรือกล่าวโทษ รวมทั้งองค์กรที่เภสัชกรทำงานอยู่คงไม่ปล่อยให้เภสัชกรที่ทำงานผิดพลาดไม่ได้มาตรฐานขององค์กรได้ทำงานต่อแน่" ด้านคณะกรรมการฯได้ตอบกลับมาโดยบอกว่าคำชี้แจงในหนังสือตอบกลับครั้งก่อน ชัดเจนแล้วยืนยันคำชี้แจงเดิม
เมื่อเป็นอย่างนั้น เภสัชกรกลุ่มนี้ หลังจากได้ประชุมหารือ กันเองและกับเภสัชกรกลุ่มอื่นๆทั่วทุกเขตปกครองของประเทศ ได้ข้อสรุปว่า
ในรอบนี้กลุ่มเภสัชกรประมาณ4.8หมื่นคน(ทั่วประเทศมีเภสัชกรประมาณ6หมื่นคน)จะเข้าร่วมกันดำเนินการเพื่อให้มีการยกเลิกข้อบังคับของคณะกรรมการกลางฯ โดยจะแบ่งกลุ่มเภสัชกร เป็น2กลุ่ม กลุ่มแรกประมาณ3.5หมื่นคน จะไม่เข้ารับการตรวจสอบเพื่อต่อ Pharmacy License กลุ่มที่2ประมาณ1.3หมื่นคน กลุ่มนี้คัดเฉพาะเภสัชที่เป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับยา และหัวหน้าหรือผู้มีอำนาจในหน่วยงานหรือองค์กร เกี่ยวกับสถานพยาบาล โรงงานผลิต ยาหรืออื่นๆที่ต้องมีต้องมีเภสัชกรทีมี Phamacy License เภสัชกลุ่มนี้ยังคงเข้ารับการตรวจสอบเพื่อต่อ Pharmacy License เพื่อเอาไว้เป็นแหล่งงานรองรับกลุ่มที่ไม่ต่อ Pharmacy License ในกรณีที่การดำเนินการเพื่อให้มีการยกเลิกข้อบังคับของคณะกรรมการกลางฯ ไม่ประสบความสำเร็จ จะได้รับเภสัชเข้ามาทำงานในหน้าที่"ผู้ปฏิบัติงานเภสัชกรรม"(ไม่ใช่ตำแหน่งเภสัชกรและไม่ใช่ตำแหน่งผู้ช่วยเภสัชกร)
เมื่อครบรอบระยะเวลาที่2 เภสัชกรที่ยังต่ออายุPharmacy License ได้เหลืออยู่ประมาณ 2.3หมื่นคน อีก3.7หมื่นคน(รวมผู้ที่ไม่ผ่านการตวจสอบกับผู้ที่คัดค้าน) ไม่สามารถต่ออายุ Pharmacy License จึงทำงานไม่ได้ตามกฎหมายที่ออกโดยกรมมาตรฐานสุขภาพ
ความโกลาหลวุ่นวายจึงเริ่มต้นขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางด้านยาและต้องมีเภสัชกรที่มีPharmacy License เกิดสะดุด ขลุกขลัก หรือต้องยุบรวมหน่วยงานย่อยๆที่ไม่มีเภสัชกรที่มีPharmacy Licenseให้มาอยู่รวมกับหน่วยงานใหญ่ที่ยังพอมีเภสัชกรที่มีPharmacy License แต่หลายหน่วยงานทางด้านยาโดยเฉพาะของเอกชน ถึงกับต้องปิดหน่วยงานกันเลยทีเดียว สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนมากในทุกเขตปกครองของประเทศที่ต้องมารับบริการด้านเภสัชกรรม เพราะต้องคอยการรับบริการนานจนถึงขนาดต้องเลื่อนการมารับบริการออกไปตามความเหมาะสม หรือยกเลิกการให้บริการไปเลย ทำให้ประชาชนต้องเสียเวลา เสียโอกาสการที่จะได้รับบริการทางเภสัชกรรม และเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก รวมถึงผู้อื่นที่ต้องติดต่อ ร่วมงานหรือประสานการทำงานกับเภสัชกรในด้านอื่นๆก็ต้องหยุดชะงักไปด้วย ประชาชนชาวมายาในหลายเขตการปกครองได้เข้าร้องเรียนถึงปัญหาที่กำลังประสบอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ยังแก้ไขไม่ได้ เพราะมันติดที่กฎข้อบังคับและกฎหมายที่เภสัชกรจำเป็นต้องปฎิบัติตาม และหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ความเดือดร้อนวุนวายต้องมาถึงองค์กร และเจ้าของธุรกิจอีกหลายแห่ง แต่มีบางแห่งของทั้งทางการและเอกชนยังเปิดอยู่โดยไม่มีเภสัชกรที่มีPharmacy License ปฎิบัติงาน กลุ่มเภสัชกรผู้คัดค้านซึ่งได้คาดการณ์ไว้แล้วในคราวที่ประชุมวางแผน และได้ส่งเภสัชกรหลายคนไปเฝ้าสังเกตการณ์ ในหลายที่ทำการเกี่ยวกับยา จึงได้ดำเนินการแจ้งความและชี้ให้ตำรวจในเขตปกครองนั้นๆเข้าตรวจสอบและสั่งให้ปิดการทำงาน
เหตุการณ์วุ่นวายแบบนี้คณะผู้บริหารประเทศจะปล่อยให้ยืดเยื้อยาวนานไม่ได้เพราะมันเกี่ยวข้องกับชีวิตและสุขภาพของประชาชน รวมถึงความสงบเรียบร้อยของประเทศด้วย
ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยมายา ได้สั่งประชุมคณะผู้บริหารประเทศอย่างรีบด่วนใน2วันถัดมา ได้ข้อสรุปว่า
-ให้ยกเลิกกฎข้อบังคับที่ให้มีการตรวจสอบความรู้และสั่งพักใช้Pharmacy License หากการตรวจสอบไม่ผ่านหรือไม่เข้ารับการตรวจสอบความรู้
-ให้ยุบ"คณะกรรมการกลางกำกับดูแลเภสัชกรแห่งประเทศมายา"Central Board of Pharmacist Regulatory Authority of Maya "เพราะออกกฏระเบียบโดยขาดการพิจารณาให้รอบด้านทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เป็นการทำลายความสงบสุขของประชาชนในประเทศ ถือว่าเป็นความผิดขั้นร้ายแรง
-ให้ดำเนินคดีในเรื่องการเป็นต้นเหตุของการทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกระดับที่เป็นผู้ร่วมออกกฎข้อบังคับให้มีการรตรวจสอบความรู้และสั่งพักใช้Pharmacy License หากการตรวจสอบไม่ผ่านหรือไม่เข้ารับการตรวจสอบความรู้
-ให้Pharmacy License ของเภสัชกรทุกคนที่ถูกสั่งพักเพราะกฎข้อบังคับนี้ ยังใช้งานได้ต่อไป
-การออกกฎระเบียบข้อบังคับใดๆที่มีผลต่อสถานะภาพทุกด้านของเภสัชกร ขอให้มีตัวแทนของเภสัชกรทุกสาขาวิชาชีพ เข้าร่วมการออกกฎระเบียบด้วยทุกครั้ง
-การสั่งพักหรือยกเลิกPharmacy License ให้ใช้เฉพาะการทำผิดจรรยาบรรณขั้นร้ายแรงหรือต้องโทษจำคุกในคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพเภสัชกรรม(ซึ่งคณะกรรมการกลางฯชุดใหม่และตัวแทนของเภสัชกร จะประชุมเพื่อกำหนดรายละเอียดต่อไป)
หลังจากผลการประชุมได้ประกาศออกไป พร้อมๆกับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการกลับมาทำหน้าที่ของเภสัชกร ความเป็นปรกติก็กลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งกับประชาชนที่ต้องมาใช้บริการเภสัชกรรมและกับผู้ที่ต้องอยู่ในแวดวงนี้ ต่อไป...
กลับมาที่บ้านเรา เมื่อได้อ่านแล้ว อาจจะทำให้ใครเกิดความคิดอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง หรือไม่ได้คิดอะไรเลย บางคนยัง"พึงพอใจ"แต่บางคนก็"หนักใจ" และก็มีบางคนที่"จำใจ"ต้องทำเพื่อต่อลมหายใจ กับกิจกรรมบางอย่างที่ต้องทำทุกเดือนเพื่อให้ได้แต้ม แห่กันมามืดฟ้ามัวดิน เพื่อมาเอาแต้มเหมือนคนอพยพหนีตายจากภัยสงคราม ต้องจองที่นั่ง ต้องโอนตังก่อน บางที่เขาว่าโอนแล้วไม่มีคืนกลับในทุกกรณี(จะคืนหรือไม่คืน ในทางกฎหมายต้องมาพิจาณากันอีกที จะมโนเองฝ่ายเดียวไม่ได้ อาจเข้าความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายฐานความผิด ซึ่งแต่ละฐานมีความแตกต่างกันแต่ก็มีพื้นฐานมาจากการยักยอกทรัพย์เช่นเดียวกัน
1. ความผิดฐานยักยอกม. 352
2. ความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินที่ผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดหรือทรัพย์สินหาย ม.352 วรรคสอง
3. ความผิดฐานยักยอกทรัพยที่ตนมีหน้าที่ดูแล ม. 353

4. ยักยอกทรัพย์สินที่มีค่าที่ซ่อนหรือฝังไว้ ม. 355)
ต้องกุลีกุจอมาลงชื่อ ทั้งเข้าและออกมารุมมาตุ้มกันเหมือนมารับของแจกงาน"วันทิ้งกระจาด" มีอาการปริวิตกอย่างมาก เมื่อมาลงชื่อเพื่อจะเข้าและออกหลังจากเสร็จการประชม แต่หาชื่อตัวเองไม่เจอ เขาจะกำหนดกฎระเบียบอะไรมา ยอมทั้งนั้นขอให้ได้แต้มเพิ่มก็ดีใจแล้ว อยู่ในอำนาจเขา ก็ต้องยอมเขาทุกอย่าง(ก่อนหน้านั้นมีอิสระเสรี) มีข่าวจากแหล่งข่าวแจ้งมาว่า อีกหน่อยจะใช้ E-Payment มาใช้จ่ายค่าจองที่นั่ง ในการทำE-Paymentเพื่อจองที่นั่ง แหล่งข่าวบอกว่า คนที่จะจองที่นั่งต้องมีเครื่องพิมพ์ที่ต่อเข้ากับคอมพ์หรือโน้ตบุ๊ค เพื่อใช้พิมพ์เอกสารบางอย่างจากเวบไซท์ของสมาคมวิชาชีพ(ที่เขาจัดงานเพื่อให้เราได้แต้ม) แล้วนำเอกสารนั้นไปที่ธนาคารอีกที คนที่มีเครื่องพิมพ์ไว้ใช้งานอยู่แล้วคงไม่มีปัญหาอะไร แต่คนที่ไม่มีเครื่องพิมพ์ เพราะปรกติไม่มีเรื่องต้องพิมพ์ ก็ต้องลงทุนไปซื้อเครื่องพิมพ์มา เพื่อพิมพ์เอกสารเดือนละครั้งช่างคุ้มค่าจริงๆๆๆๆๆโอ้โห!!!อยากได้แต้มต้องลงทุนสารพัด แต่อันนี้มันเป็นข่าวจากแหล่งข่าว อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือออกมาชี้แจง ขยายความก็ดูกันต่อไป การที่คนมาร่วมกิจกรรมมากันเยอะแยะมากมาย จะเป็นที่ถูกใจ พอใจของพวก"ผู้มีอำนาจ"หรือไม่ ไม่ทราบ แต่ถ้าเศร้าใจก็คงแปลก
ใครอยากรู้แต้ม ต้องขอรหัสเพื่อเอาไว้ดูแต้ม โดยต้องส่งสำเนาบัตรประชาชนไปให้คนของพวก"ผู้มีอำนาจ" อยากรู้แต้มก็ต้องส่งไม่มีปัญหาและไม่กลัวใครทุจริตก๊อปปี้เอาสำเนาบัตรประชาชนของเราไปใช้ให้เราเสียหาย(มีเรื่องเสียหายแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก)"ผู้มีอำนาจ"ยืนยันว่าไม่มีใครทุจริต แต่ถ้ามี ใครจะรับผิดชอบแทนเรา คนที่ยืนยัน นั่งยันเหรอ เหตุการณ์ความเสียหายยังไม่เกิด คนพวกนี้จะยืนยันเสียงแข็งมาก ว่าไม่มีการทุจริตก๊อปปี้เอาสำเนาบัตรประชาชนของเราไปใช้ เอาไว้ถ้าเหตุการณ์มันเกิดแล้ว ขอให้เสียงแข็งแสดงความรับผิดชอบด้วย (มีผูู้รู้แนะนำว่า" สำเนาบัตรประชาชน เป็นเอกสารสำคัญ อย่าส่งไฟล์ให้คนที่ไม่รู้จักนะครับ ถ้าจำเป็นจะต้องส่ง อย่างน้อยต้องทำดังต่อไปนี้

- ลบหมายเลขบัตรประชาชนออก
- ลบบาร์โค้ด ทางด้านซ้ายมือออกให้หมด
- ลบวันเดือนปีเกิดออกให้หมด
- ทำตัวขีดคล่อมตัวใหญ่ ๆ พาดผ่านบัตร ว่าใช้เพื่ออะไร
สรุปว่าถ้าทำตามนี้ ผู้มีอำนาจ จะยอมหรือวะ )
"ผู้มีอำนาจ"ยังบอกว่าจะแจ้งผลว่าใครจะต่ออายุใบฯได้หรือไม่ได้ เมื่อครบรอบระยะเวลาที่กำหนด แต่ก่อนที่จะครบรอบระยะเวลา ไม่ปรากฏว่าจะมีการแจ้งเตือนว่าใครอยู่ในโซนสีแดงหรือสีเหลืองสีเขียว เพื่อให้คนที่อยู่ในโซนอันตรายได้ปรับตัวเพื่อเก็บแต้มให้ครบ ผู้มีอำนาจมองว่า มีรหัสให้เข้าไปดูแต้มอยู่แล้วต้องรับผิดชอบตัวเอง นี่เรียกว่าใครเผลอจบข่าวเลย นี่เขาทำกันแบบนี้!!!ต้องรับผิดชอบตัวเอง เขาไม่เตือน(ฆ่าได้ฆ่าหรือไม่ ไม่รู้) แหล่งข่าวที่เคยสนทนากับผู้มีอำนาจคนหนึ่งเล่าว่า ผู้มีอำนาจอาจจะมีกฎระเบียบให้มีการแจ้งเตือนในภายหลังก็ได้ เพราะมันเป็นเรื่องใหม่ ตอนนี้มันยังไม่มีใครร้องเรียนเข้ามา จึงยังไม่มีกฎระเบียบการแจ้งเตือนก่อนครบรอบระยะเวลา อ้าว! แล้วที่พวกมีอำนาจออกกฏระเบียบให้มีการต่อหรือพักใช้ใบอนุญาตทุกรอบระยะเวลาที่กำหนด มีใครร้องเรียนเข้าไปเหรอครับ ถึงต้องออกกฎระเบียบข้อบังคับแบบนั้น
มีเพื่อนหลายท่านเล่าให้ฟังว่า ยุคที่ยังไม่มี "ผู้มีอำนาจ" มีกลุ่มเคลื่อนไหวกลุ่มหนึ่งให้ข้อมูลว่า พวกเราควรที่จะต้องมีตัวแทนที่จะมาดูแลและช่วยเหลือพวกเรากันเองในเรื่องเกี่ยวกับวิชาชีพ พวกเราต้องเคลื่อนไหวร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องวิชาชีพของเรา ให้ออกกฎหมายให้พวกเราเลือกตัวแทนที่จะออกมาทำหน้าที่ดูแล ช่วยเหลือ หรือทำหน้าที่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเราด้วยกัน เขาและเพื่อนๆต่างก็สนับสนุนและร่วมเคลื่อนไหว เพื่อให้มีตัวแทนของพวกเรา ด้วยความที่เชื่อในข้อมูลของกลุ่มที่เคลื่อนไหวกลุ่มนั้น หลังจากที่มีกลุ่ม"ผู้มีอำนาจ"เกิดขึ้นเขาและเพื่อนๆรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ที่ตัวแทนของพวกเราซึ่งก็คือ "ผู้มีอำนาจ" ไม่ได้มีหน้าที่อย่างที่กลุ่มเคลื่อนไหวบอก เขารู้สึกเสียใจและขอโทษรุ่นน้องๆที่เขาและเพื่อนๆมีส่วนสนับสนุนให้มีกลุ่ม"ผู้มีอำนาจ" เพราะ" ผู้มีอำนาจ"มักออกแต่กฏระเบียบที่เอาไว้"จัดการพวกเราด้วยกันเอง" นี่ไม่ว่ากัน แต่ในด้านส่งเสริมสนับสนุนสวัสดิการ คุณภาพชีวิต(พวกเราไม่ได้มีฐานะทุกคน) ไม่เคยเห็น การทำให้พวกเราสามารถขายยาบางประเภทได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ ไม่เคยเจอ การทำให้พวกเรามีเงินเดือน(ไม่ว่าจะเรียน5-6ปี)ทางราชการที่เทียบเท่าบุคคลากรสายเดียวกันที่ใช้เวลาเรียนเท่ากัน ไม่เคยพบ ฯลฯ แต่กฎระเบียบที่ออกมาควบคุมพฤติกรรม จรรยาบรรณ และรักษามาตรฐานวิชาชีพ พบเห็นจนระอา จะอ้างว่า ไม่มีกฎระเบียบ กฎหมายรองรับให้ทำแบบนั้น ก็ไปทำให้มันมีสิ ทีกฎระเบียบที่ออกมา"จัดการพวกเรา"ยังมีกฏหมายมารองรับได้ แล้วเรื่องที่บอกไว้ข้างต้นทำไมไม่ทำให้มีกฏหมายมารองรับบ้าง ถ้ามีความมุ่งมั่นที่จะทำ เพื่อประโยชน์ของพวกเราที่เป็นคนเลือกพวก"ผู้มีอำนาจ"เข้าไป ยังไงมันก็หาทางทำให้ได้ แต่ถ้าไม่ได้มีความมุ่งมั่น ก็จะอ้างโน่นนี่นั่นมันเรื่อยไปว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่ได้ ถ้าพวกผู้มีอำนาจ ยังยืนกรานที่จะทำหน้าที่แบบเดิม ๆก็ต้องย้อนกลับมาที่พวกเราหลายหมื่นคนว่า ถ้าท่านยังพอใจกับการกระทำแบบเดิมๆของพวกผู้มีอำนาจก็ให้การสนับสนุนกันต่อไป แต่ถ้าพวกท่านไม่พอใจและเห็นว่าผลงานการกระทำของพวกผู้มีอำนาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเรา ก็รวมตัวกันให้มากๆแล้ว"คว่ำบาตร"คนกลุ่มนี้ ไม่สนับสนุน ไม่ทำตาม หรือจะทำอะไรก็ได้ให้มันเข้มข้นกว่านี้ ก็จัดไปเลย เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจนได้การทำงานและผลงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเรา
บางคนอาจแย้งว่าถึงพวกเรารุ่นก่อนๆไม่สนับสนุนให้มี"ผู้มีอำนาจ"ยังไงๆก็ต้องมี"ผู้มีอำนาจ" จะบอกแบบนั้นก็ได้ เพราะปัจจุบันมันมีผู้มีอำนาจเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ถ้าก่อนหน้านี้พวกเราทุกคนรู้ความจริงว่า การมี"ผู้มีอำนาจ"แล้วจะเป็นแบบนี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมี"ผู้มีอำนาจ"เกิดขึ้นหรือไม่ หรือถ้ามีเกิดขึ้นได้ กฏระเบียบมันต้องมีประโยชน์และมีคุณกับพวกเรามากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
"การรวมตัวกันเป็นอันหนี่งอันเดียวกัน เพื่อทำการบางอย่าง และทำอย่างมีแผนงานที่เป็นไปได้ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นใครจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรหรือจะรออะไรหรือจะไม่รออีกต่อไป ...ทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจ แต่สิ่งที่ไม่รอใครนั่นก็คือ"โอกาส" ดังนั้นถ้าไม่อยากเสียโอกาส จะคิดจะทำอะไร ก็จัดการอย่างมีระบบเสียแต่เนิ่นๆ เมื่อโอกาสมาถึง จะได้คว้าไว้ได้ทันและทำได้ดีสมความตั้งใจ
ข้อสรุปง่ายๆของรื่องนี้ก็คือ ทุกคนต้องทำตามกฎหมาย แต่จะทำตามกฎหมายแบบใด "ไปรับของแจกงานวันทิ้งกระจาด" หรือ".ใช้ความสงบ สยบความเคลื่อนไหว" พวกเราจะทำตามกฏหมายแบบไหน
ชอบความเหนื่อยวุ่นวายหรือชอบความสบายๆแต่ต้องมีความมุ่งมั่นแน่วแน่มั่นคงและรวมกลุ่มกันได้มากพอสมควร และมีแผนงาน จะเป็นแบบไหน อีกไม่นานเกินคอย คงจะได้รู้กัน555555555


ได้เขียนถึง"เรื่องราวของวิชาชีพที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วม"ไปพอสมควร ในโอกาสต่อไปจะพูดถึงเรื่องใกล้ตัวมากๆของทุกคน นั่นคือ
เมื่อเราอายุหลัก4ขึ้นไป และไม่ได้รับราชการ ไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ ไม่ได้มีตำแหน่งบริหารในองค์กรเอกชน โดยเฉพาะเภสัชที่อายุเข้าเลข5ไปแล้ว (เพร าะเราคงอายุไม่เกิน35 ได้ไม่ตลอดไป หรือใครจะอายุไม่เกิน35ได้ตลอดกาล) ท่านมีความคิดหรือความรู้สึกเกี่ยวกะอนาคตการงานและชีวิตของตัวเองอย่างไร อยากให้นำเสนอเพื่อเป็นแนวทางของรุ่นน้องๆหรือใครก้อได้เมื่อมาถึงอายุนี้จะได้จัดการกะความคิดความรู้สึกและการกระทำของตัวเองให้มั่นคงและไปต่อได้ดี หรือใครจะเล่าถึงปัญหา อารมณ์ ความรู้สึก ที่ต้องประสพในช่วงอายุนี้ก้อได้ครับ


อีกเรื่องหลายคนคงผ่านตาแล้ว เจ้าของงานประกาศหาเภสัชด้วยค่าตัวรวมใบตั้ง5หมื่น
โอโฮ!! เภสัชนี่ "หยิ่งเนอะ"เขาจ้างตั้ง5หมื่น ไม่สนใจ จนเขาต้องมาอัพเดท2รอบ3รอบ แต่กลับไปสนใจงานLow5 (งานจ้างต่ำกว่า5หมื่น)จำกัดเพศ จำกัดอายุ ต้องว่าวภาษาต่างด้าวได้ ต้องได้คะแนนtoeicไม่ต่ำกว่า5-600ต้องเป็นโปรแกรมโน่นนี่นั่นชนิดใช้งานได้ดีและที่สำคัญ หลายคนยอมรับเงินเดือนแค่หมื่นสาม หวังน้ำบ้อหน้าว่าสักวันเขาจะรับเป็นตัวจริง จะได้มีชีวิตตัวเองและครอบครัวจะมั่นคงด่้วยสวัสดิการ เบิกโน่นนี่นั่นได้ พอไม่ได้ก้อออกมาประท้วง จริงๆก้อรู้อยู่แล้วว่าหน่วยงานเทือกนั้นและคนมีสีพวกนั้น เขามีนโยบายจำกัดรับคนมานานนมกาเล แล้ว ก้อเอาเถอะเอาที่สบายใจ ทุก คนก้อมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น จร้ามีอุดมการณ์ ด้วย เงินไม่สำคัญ น้อมรับในอุดมการณ์อันสูงส่งของชาวเขียวมะกอกครับ ไม่เห็นแก่เงินจริงๆเนอะ


Update ความคืบหน้า ร่าง พรบ.ยาอัปยศ ฉบับ พศ.2561 เป็นการอัพเดท ความเหี้ยแบบ"โคตรอภิมหาซุปเปอร์เหี้ย" ของหมอและคนบางคนในอย.(อย.ในที่นี้แปลว่า อัปปีจังไร ได้อีกเยอะ) ต่างจากประเทศอื่นที่เขามีซุปเปอร์ฮีโร่ ผมเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ ไม่นาน ทุกครั้งที่มีการแก้ไขหรือ ร่างใหม่ พรบ.ยาฉบับไหนๆก้อตาม เภสัชไม่เคยชนะในแดนสนธยา เป็นเวลากว่า50ปีแล้ว หมอกะเภสัชมันทับไลน์กันครับ เภสัชคนไหน จะมีผัวเป็นหมอหรือมีเมียเป็นหมอ(น้อยมากที่เภสัชมีเมียเป็นหมอ เพราะฐานะทางสังคมมันต่างกันเวลาออกงานมีทติ้ง ไม่เหมือนการมีผัวเป็นหมอ แต่นั่นมันเรื่องส่วนตัว ที่ผัวเมียคงจะไม่ทับไลน์กัน แต่เรื่องส่วนตัวอื่นจะทับกันหรือไม่ ไม่ทราบ )แต่ฐานะและอำนาจทางสังคม หมอได้เปรียบเภสัชเยอะ แต่กะพยาบาล เขาพวกเดียวกัน ทำงานประสานกันตลอดเวลา ทีมเดียวกัน
ในแวดวงสา'สุข ยังไงๆหมอก็เป็นพระเอก ดูโดดเด่นเดิ้ล เป็นที่ ยอมรับนับถือและมีมูลค่าทางสังคมสูงกว่าเภสัช (แม้ใครจะมีคำพูดว่า ไม่มีใครเห็นเราเป็นต่ำ ถ้าเราไม่ทำตัวต่ำ แต่มันคนละเรื่องกะเรื่องนี้ เราโกหกตัวเองไม่ได้ หรือเราจะบอกว่าเรามีมูลค่าทางสังคมสูงกว่าหมอ) วิชาชีพอื่น เขาก็เป็นพระเอกในตัวของวิชาชีพนั้นเลย อย่างเช่นวิศวะ นักกฎหมาย นักบัญชี ฯลฯดังนั้นถ้าไม่ดูที่งาน ซึ่งงานในด้านสา'สุขมันก็มีคุณค่าต่อชาวบ้านทั้งนั้นไม่ว่าใครในวิชาชีพจะเป็นผู้กระทำ เราจึงต้องยอมรับในสถานภาพ ถ้าเลือกที่จะก้าวเข้ามาเป็นเภสัช
ในการรักษาผู้ป่วย หมอกับพยาบาล เขา2วิชาชีพเป็นแกนหลัก ทำงานโดยไม่มีเภสัชก้อได้(ดูได้จากตามคลีนิคต่างๆ) เขาทำแทนได้ เว้นเเต่ งานกายภาพ งานรังสีเทคนิค งานเทคนิคการแพทย์ ที่เขาทำไม่ได้ ในโลกของพวกเขาเภสัชไม่ต้องมีครับ พวกเขาอาจจะไม่เห็นความสำคัญของเภสัชที่ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคด้านยา ทำใจไว้ให้มากหน่อยชาวเขียวมะกอก แม้ตอนนี้มีเภสัชเป็น ผู้บริหารคนหนึ่งในรัฐบาล แกยังไม่มาก้าวก่ายช่วยเหลือเลย บางทีแกอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ร่างพรบ.ยาฉบับลับลวงพราง กำลังจะทำให้วิชาชีพเภสัชกรรมล่มสลาย ล่มสลายยังไง ไม่น่าถามมังครับ

บางคนสงสัยว่าทับไลน์ยังไง เอาง่ายๆเลยตามกฎหมายด้วย เภสัชเรียนเรื่องยามากกว่าหมอ แต่หมอกลับจ่ายยาสั่งยาได้มากกว่าเภสัชและถูกกฎหมายด้วย เภสัชก้อเรียนเรื่องการรักษาแต่กลับรักษาผู้ป่วยบางโรคแบบถูกกฎหมายไม่ได้ มันก้ออ้างได้ทั้งนั้นแหละว่าเภสัชเรียนเรื่องการรักษาผูู้ป่วยน้อยกว่าหมอ จึงให้รักษาแบบถูกกฎหมายไม่ได้ แล้วหมอเรียนยาน้อยกว่าเภสัชแต่กลับจ่ายยาแบบถูกกฏหมายได้มากกว่าเภสัช งงไหมพี่น้อง ความจริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกะเหตุผลทางวิชาการหรอก มันขึ้นอยู่กะความเห็นแก่ตัวและพวกพ้องของคนมีอำนาจครับ ผมก้ออยากมีอำนาจแบบนั้นบ้างพวกเราสบายแน่ แต่สิ่งที่ผมไม่มีคือกองกำลังและอาวุธครับ
ทับไลน์ชัดๆอีกเรื่องคือผลประโยชน์อันมหาศาลในห้องยาโรงพยาบาล อย่าให้บรรยายเยอะเลย รู้ๆกันอยู่ เอางี้ เคยเห็นเภสัชเป็นปลัดกระทรวงไหม แหมสูงไปหน่อย เอาว่า เคยเห็นเภสัชเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลไหมแบบเป็นการทั่วไป คือถึงวาระตามปรกติก้อสามารถก้าวขึ้นไปรับตำแหน่งได้ตามอายุงาน ตามอาวุโสและชั้นยศ เคยเห็นไหม เขาว่าเคยมีแต่ไม่บ่อย จริงเหรอ เคยมี ทำไม ทำไม และทำไมถึงมีเป็นปรกติบ่อยๆอย่างทีหมอมีกันไม่ได้ เภสัชเป็นผอ.แล้วมีใครจะป่วยหรือจะเข้าicuเหรอ แล้วเภสัชกะหมอทับไลน์มันเกี่ยวไรกะร่างกฎมายอัปยศฉบับนี้ ก้อถ้าเภสัชไม่ขวางไว้ คนซวยก้อชาวบ้านไง คนได้ประโยชน์ก้อคนทำกฎหมายและเสนอกฎหมายฉบับนี้ไง อย่างเราๆท่านๆมีอำนาจทำกฎหมายฉบับนี้ได้ไหม แล้วคนที่ทำเป็นใคร อย่างนี้ทับไลน์ไหม ส่วนพวกได้ประโยชน์ตามร่างกฎหมายนี้ ทุกหมู่เหล่าบางพวก พวกเธอก้อต้องออกมาเคลื่อนไหว ไม่งั้น หมูหก อดแดกกันพอดี พวกเธอหลายคนนิยมเปิดร้านยานะ ต่อไปไม่ต้องจ้างเภสัชให้วุ่นายและเปลืองตัง เรื่องยาที่จะขายไม่ต้องห่วงนะ อีกหน่อยเขาจะเขียนให้ขายสารพัดยาได้เพียงพอมีกำไรเลี้ยงครอบครัวได้สบาย ต่อไปใครมีลูกมีหลานจะมาเรียนเภสัชให้เมื่อยสมองและเปลืองตังทำไม รออบรมสบายกว่าเยอะจริงไหม บางคนว่างานเภสัชยังมีอีกตั้งเยอะคนเรียนมันต้องมีดิ นั่นมันมุมมองจากคนใน แต่คนนอกเขาจะคิดจะรู้ขนาดนั้นไหม เรียนจบแล้วก้อต้องมาปกป้องวิชาชีพต่อสู้กะคนมีอำนาจเหนือกว่าแบบหาทางชนะยากอีก เรื่องเเบบนี้ ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

ถึงเวลา ชุมนุมใหญ่ แล้ว จะรออะไรล่ะ ต้องจัดซะ เดี๋ยวจะสายเกินแก้


ตอแหลไม่เลิก คราวก่อนก้อรับฟังความเห็น ไปครั้งหนึ่งแล้ว นอกจากไม่มีไรดีขึ้น กลับสอดไส้ขย.2พันธ์ุใหม่เพิ่มเข้าไปอีก คราวนี้ก้อกลับมาเล่นมุขเดิมอีก เป้าหมายคือผู้ที่เข้ามาแสดงความเห็นอาจจะถูกอย.เอาไปอ้างต่อสาธารณชนว่า ได้ผ่านการยอมรับจากผู้ที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว เป็นเหมือนการรับประกันความถูกต้องครบถ้วนของพรบ .ยา61 ฉบับลวงโลกถูกใจหมอนายทุน จากนั้นอาจจะส่งร่างเดิมและเพียงแนบใบความคิดเห็นประกอบไป เหมือนเดิมอีกหรือไม่ ยังไงก้อต้องตามติดอยู่ แล้ว มันต้องฉีกทิ้งร่างเดิม แล้วร่างใหม่ให้สภาเภสัชและสมาคมเภสัชกรรมชุมชนเป็นแม่งาน คราวนี้ได้ร่างพรบ.ยาดีๆ คุ้มครองชาวบ้าน เป็นสากล ใช้ได้ชั่วนิรันดร์แน่ หมอชั่วๆบางคนมีหรือจะยอม

ดูหน้ากันไว้ คนพวกนี้ (จำใจเรียก ว่า คน) รอให้คนพวกนี้เกษียณก่อนคงไม่นานเกินคอย แล้วใครจะทำอะไรกับพวกนี้ จัดไปครับ
แนบไฟล์
IMG_20181101_180429.jpg
IMG_20181020_194030.jpg
IMG_20181019_113120.jpg
IMG_20181014_151607.jpg
IMG_20181013_012122.jpg
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: Updateค่าตัวเภสัช ทำงานห้างนี้ อย่างนี้ก็ได้เหรอ

โพสต์โดย เมจิก พี » 06 พ.ย. 2018, 12:56

UPDATE1 อย.เอาจนได้ ปรับลดชั้นยาลอร่าตาดีน ตามข่าวที่มีมาก่อนหน้า
อย. ปรับสถานะยา ลอราทาดีน หมากฝรั่งนิโคติน และแผ่นแปะนิโคติน จากยาอันตรายเป็นยาบรรจุเสร็จที่ไม่ใช่ยาอันตรายหรือยาควบคุมพิเศษ


UPDATE 2 ล่าสุด เขาว่าโกงอีกแล้ว 20/11/61หางานเภสัชร้านยา ได้แชร์โพสต์ของ ... Careers TH
20 พฤศจิกายน เวลา 02:58 น. ·
เตือนอีกครั้งทำงานกับ P... ระวัง HR
หักโอที
เภสัชทำงานฟรี มีที่นี่เท่านั้น
#m12345678
SOP คืออะไร ชี้แจงบ้างไหม..
.

(โพสตรงนี้ประเด็นเก่าเมื่อต้นเดือน)
เรื่องนี้เภสัชเจ้าของเรื่องได้โพสเมื่อประมาณต้นเดือนพฤศจิกา61บางเพจก้อได้ลงเตือนเภสัชที่จะไปทำงานร้านยาในห้างนี้ให้ระวัง บางคนคงผ่านตามาแล้ว เป็นเรื่องที่พนักงานร้านลาออก จึงเหลือคนทำงานน้อย ทำให้เภสัชและพนักงานต้องทำงานควบกะ พนักงานได้OT แต่เภสัชทำงานควบกะ3วันไม่ได้OT ห้างแจ้งว่าเป็นระดับจัดการไม่มีOT มีอย่างนี้ด้วย เภสัชท่านนั้นปัจจุบันน่าจะลาออกแล้วเพราะตอนเขียนเรื่องนี้ บอกว่ากำลังรอจังหวะลาออก
ห้างที่ว่านี้เป็นห้างค้าปลีกที่ร้านยารับเภสัชบ่อยมาก ผมเคยเขียนถึงเมื่อ หลายปีก่อนที่มีM(ผู้จัดการที่นี่เขาเรียกM)วิทยุสื่อสารแดง Mห้างนี้ยิ่งใหญ่มาก เขาสั่งให้เภสัชมาช่วยทำความสะอาดได้นะขอบอก คนละห้างกะห้างที่มีญาติจบเภสัช(ห้างนี้ก้อเยอะเรื่องตาประสาคนชอบเผือกเพราะอ้างสิทธิ์ กูเจ้าของที่ กูจะยังไงก้อได้แม้พวกมึงต้องเสียค่าเช่าที่แพงๆก้อตาม)
ใครจะไปทำงานร้านยาห้างค้าปลีกห้างนี้ระวังให้ดี!!!เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกะที่เขารับเภสัชบ่อยๆหรือไม่ไม่ทราบ มีข้อมูลว่า คนที่เกี่ยวข้องกะการหาเภสัชก้อจบที่เดียวกะญาติเจ้าของห้างดังเรื่องเยอะ

อีกเรื่อง เพื่อนเล่าให้ฟังว่าตอนจบใหม่ๆไปทำงานดีเทลยาได้ซัก2-3เดือน ไปป๊ะกะรุ่นพี่หัวหน้าห้องยาโรงพยาบาลยิ่งใหญ่มากโรงพยาบาลหนึ่ง นางมีบรรดาศักดิ์นะคะไม่ใช่ขี้ขีี้ มีญาติเป็นนักการเมืองระดับบิ๊ก มีตำแหน่งบริหารกระทรวงดังของพวกเราด้วย ข้อมูลพวกนี้มาได้ตอนหลัง ตอนแรกไม่มีใครบอก อาจไม่มีใครรู้ก้อได้ คือเพื่อนผมไปคุยกะพี่หัวหน้าคนนี้เพราะเห็นเป็นรุ่นพี่เภสัชจึงคิดว่าน่าจะเป็นพวกเดียวกัน ก้อเป็นการชวนคุยตามประสาดีเทล ถ้าดีเทลหญิงก้อมักคุยเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมเรื่องลูก อะไรประมาณนี้ เพื่อนผมผู้ชายคุยเรื่องการเมืองในทางลบของนักการเมืองเจ้ากระทรวงดังตามข้อมูลที่พวกกิจกรรมวิชาชีพในรั้วมหาลัยมักนำเสนอสู่พี่น้องในรั้วมหาลัย ความที่หัวหน้าห้องยาเป็นญาติกะนักการเมืองคนนี้และเป็นความ ซวยของเพื่อนผมที่จุดใต้ตำตอ หัวหน้าแกเลยสวนกลับเข้าให้และแก้ต่างแทนญาติด้วยและมองเราเป็นฝ่ายตรงข้ามทันทีและตบท้ายว่า*อย่าได้เอาสันดานตัวเองไปตัดสินคนอื่น*เพราะแกไม่ได้เห็นเราเป็นรุ่นน้องแล้ว ความจริงน้องจบใหม่หรือรุ่นน้องใดๆก้อตาม รุ่น พี่ควรจะชี้แนะมากกว่าสวนกลับและ/หรือต่อว่าแรงๆ รุ่นพี่ควรมีจิตวิญญาณความเป็นรุ่นพี่ ไม่ใช่เป็นรุ่นพี่เพราะแค่มาเรียนก่อนเท่านั้น อีกอย่างแม้บางเรื่องมีความเห็นต่างกัน รุ่นพี่ควรจะเป็นผู้นำเสนอความคิดในการหาทางออกร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ มากกว่ามาเอาชนะกัน รุ่นพี่จึงไม่ใช่จะดีทุกคน
เพิ่มเติม ข่าวล่าสุด
ความจริงหนึ่งอันน่าปวดใจสำหรับสมาชิกสภาเภสัชกรรม ที่เพิ่งทราบกันเมื่อวาน(8-11-61)คือ

" นายกสภาเภสัชกรรม เลือกที่จะไม่ส่งชื่อเข้าไป " ด้วยเหตุผลว่า ส่งไปก็ไม่ได้รับเลือกเลยไม่ส่งดีกว่า

กลับมองว่าถ้าได้รับเลือกและเป็น สว. ก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้เกิดกับวิชาชีพ!!!

เลยเลือกไม่ส่ง!!!!?!??

วิชาชีพขาดโอกาสกันอีกครั้ง... การลงสมัครยังมีโอกาส แต่ไม่สมัครโอกาสเป็น " ศูนย์" ในทันที สมาชิกสภาอีก 3 หมื่นกว่าคนที่พร้อมและมีความสามารถมีมากมาย แต่ท่านตัดโอกาสนั้นทิ้งไป...

ถ้าไล่ดูเราจะพบวิชาชีพพยาบาลมี2​ องค์กร องค์กรของแพทย์ ทันตแพทย์​ แพทย์แผนไทย​ สาธารณสุข​ ล้วนมีทั้งสิ้น

ควรรับผิดชอบหรือไม่ อย่างไรกับการไม่เท่าทันอีกครั้งในเหตุการณ์นี้

http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/817725

ไม่แปลกเลย เรื่องแบบนี้มีบ่อยๆในอดีต ที่เภสัชฆ่าตัวตาย ทิ้งโอกาสทองไป ไม่เช่นนั้น เลขาอย. ผอ.องค์การเภสัช ต้องเป็นเภสัชตลอดกาลควรจะเป็นอย่างนี้มานานแล้ว เพราะเภสัชไม่โชว์ศักยภาพ ไม่วิ่งเต้นผู้มีอำนาจ กลัวเสียศักดิ์ศรีหรือไง เพื่อวิชชาชีพและอนาคตของชาวเขียวมะกอก ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว แต่ก้อไม่ทำ ใจไม่สู้ คิดไปเอง มีหลายเรื่อง ที่เราไม่แสดงพลัง เราถึงถูกข่มเหง หรือไม่มีใครเกรงใจเรา อยากทำไรข้ามหน้าข้ามตาเราก็ทำไป เพราะรู้ว่าเรารู้เรื่องยา แต่ไม่มีน้ำยา นายกสภาพยาบาลยังไม่เกรงใจ หมอมันไม่เกรงใจเภสัชมานานแล้ว เภสัชมันลูกไล่ของหมอ ใครไม่เชื่อ กล้านอกออเด้อหมอ ปะล่ะ แน่จริงก็จัดไปให้หนัก ถ้าทำได้ แหมจะกล้านอกออเด้อหมอเหรอ เภสัชเก่งแต่ฆ่าตัวตาย และออกกฎระเบียบมาฆ่ากันเองไง ต้องถามไหมกฏระเบียบอะไร ที่มาฆ่ากันเอง ถ้าไม่รู้ก็ฆ่าตัวตายไปอีกรายก็ได้นะ จะว่าไปแล้ว โอกาสทองทางการเมืองเพื่อก้าวเข้าไปแก้ปัญหาหนักอกของวิชาชีพ ตอนนี้กำลังเปิดกว้างเลย ไม่ต้องรอการเป็นสว.เพราะนั่นก็มีบทบาทประมาณหนึ่ง แต่ถ้าจะให้มีโอกาสในทางรุก ต้องสมัครสส. จะได้เสนอแก้สารพัดกฏหมายที่เป็นปัญหากะวิชาชีพ และเสนอกฎหมายใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อวิชาชีพและชาวบ้าน ถ้าได้รับเลือกเข้าไป ซึ่งจะมีบทบาทมากกว่าการเป็นสว. ดังนั้นใครที่จะลงสมัครสส.แจ้งมาที่ผมผ่านกระทู้หรือที่ข้อความก็ได้ครับ ผมช่วยหาเสียงให้เต็มที่เลย อย่าลืมไปสมัครสส.แล้วแจ้งมาที่นี่ได้ครับ จะช่วยหาเสียงให้ เพราะตอนนี้หมดPassion จริงๆ กะคนมีอำนาจในวิชาชีพ อยากอยู่คนเดียว

น่าจะเป็นข่าวดีๆในวิชาชีพนะ เพราะล่าสุด ตามข่าวเลย:-
ครม.ไฟเขียว ร่างพ.ร.บ.ยา ตัดมาตราเปิดช่องร้านสะดวกซื้อขายยาได้

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 13 พ.ย. ว่า ครม. อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ. ยา (ฉบับที่ …) พ.ศ. … ซึ่งเป็นการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ด้วยสภาวะการที่เปลี่ยนไป บัญชียา สภาวิชาชีพและผู้ที่เกี่ยวกับยามีการพูดคุยให้ปรับปรุงให้ทันสมัยเหมาะสมกับปัจจุบัน จึงให้มีการแก้ไข โดยกำหนดคณะกรรมการ อนุกรรมการ เพื่อพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข ที่ได้มาซึ่งผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ และการขึ้นบัญชียา ให้กระบวนการอนุญาตรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า สาระสำคัญนั้นที่ผ่านมาใครจะขึ้นบัญชียาต้องผ่านอย.ที่เกี่ยว การแก้ไขกฎหมายจะทำให้อย.มีสิทธิในการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานรัฐหรือเอกชน ทำหน้าที่กลั่นกรองบัญชีใหม่ๆ เพราะที่ผ่านมากระบวนการช้าในเรื่องของการตรวจสอบ การรับรองมาตรฐาน แหล่งผลิต การแก้ไขกฎหมายจะทำให้ความรวดเร็วในการรับรองบัญชียาจะเร็วขึ้น แต่สุดท้ายต้องผ่านความเห็นชอบจาก อย.ทั้งหมด

นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในการแก้ไข พ.ร.บ.ยา มีการแก้ไขบทกำหนดลงโทษ อัตราค่าธรรมเนียมท้ายพ.ร.บ. เช่น ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตผลิตยาแผนปัจจุบันจากเดิม 1 หมื่นบาท จะเพิ่มขึ้นสูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาท ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน หรือร้านขายยา จาก 3 พันบาท เป็นไม่ให้เกิน 5 พันบาท ซึ่งเป็นการเพิ่มเพดานสูงสุดของค่าธรรมเนียม ส่วนรายละเอียดว่ายาประเภทใดมีค่าธรรมเนียมเท่าไรกระทรวงสาธารณสุขจะต้องออกกฎหมายลูกต่อไป

เมื่อถามว่าร่างแก้ไขพ.ร.บ.ก่อนหน้านี้เหมือนจะมีการเปิดกว้างให้ร้านสะดวกซื้อขายยาได้ด้วย นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า นั่นคือการเสนอเข้ามาตอนแรกที่จะนำเข้ามา ก็มีการเขียนให้ผู้ประกอบการการยาได้กว้างขึ้น แต่จากความวิตกกังวลของประชาชน ครม.ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ก็ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขและผู้ที่เกี่ยวข้องไปร่างพ.ร.บ.ยาขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีการยกและตัดมาตรานั้นออกไปทั้งหมด

“สิ่งที่เป็นกังวลอยู่จะไม่มีในพ.ร.บ.ฉบับนี้ จึงมีเฉพาะที่จำเป็นและน่าจะช่วยแก้ไขปัญหาของพ.ร.บ.และบัญชียาให้ทันสมัยรวดเร็วขึ้น ในสิ่งที่กังวลไม่ได้มีบรรจุอยู่ในพ.ร.บ.ยาฉบับนี้ ซึ่งเคยอยู่ในมาตรา 22 ตอนนี้ตัดออกไปทั้งหมดแล้ว” นายพุทธพงษ์ กล่าว
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง โรบัสต้า

ผู้ใช้งานขณะนี้

cron
New Document