BEN10 เขียน:ผมคิดว่า คุณicy คงมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว ว่าดีหรือไม่ ผมเพียงแต่อยากแนะนำ วิธีคิดง่ายๆ
ถ้าคุณเป็นคนที่คิด และมองโลก ให้มองบนพื้นฐาน ของความเป็นจริง อย่ามองโลกดีเกินไป หรือ ร้ายเกินไป เพราะ ถ้ามองดีเกินไป คุณจะไม่พร้อมรับกับสถานะการณ์ ที่เลวร้าย และถ้ามองดีเกินไปกว่าความเป็นจริงมากกว่าปกติ คุณอาจจะ ไม่ยอมรับความเป็นจริง ของสถานะการณ์ที่เป็นไปที่แท้จริงของตลาดการค้าในขณะนั้น ทำให้เกิดอันตรายกับธุรกิจการค้า และ จิตใจรวมถึงร่างกาย ของคุณได้
ถ้ามองร้ายเกินไป คุณจะไม่พร้อมรับกับสภาพธุรกิจที่หนักหนาแสนสาหัส จนบั่นทอนทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นผลเสียมากกว่าผลดี
โลกไม่ได้มีเพียงข้างเดียว อย่างที่คุณอยากจะเห็น หรืออยากจะให้เป็น โดยไม่ยอมรับหรือรับรู้ ความจริงที่เป็นสัจธรรม ว่าโลกใบนี้มีทั้ง ดีและ เลว ขาว และ ดำ มี หญิง และ ชาย มีความ ดี และต้องมีความ ชั่ว มี ถูก ก็ต้องมี ผิดได้ เป็นของคู่กันเสมอ
คุณต้องคิด ทั้งสองด้าน และ วางแผน เรียกง่ายๆว่า คิดให้กว้าง บนพื้นฐานของความเป็นจริง มีคุณธรรม วางแผนกลยุทธ์ และ รอบคอบในการตัดสินใจ คุณก็จะมีภูมิคุ้มกันใน การดำเนินธุรกิจ และประสปความสำเร็จได้ ขอให้โชคดี และประสปความสำเร็จ ครับ
ธวัชชัย วรรณสว่าง เขียน:เภสัชกรขายได้ทุกอย่างที่ไม่ผิดกฏหมาย รวมทั้งขายยาอันตรายได้ด้วย ผู้ที่ไม่ใช่เภสัชกรก็ขายได้ทุกอย่างที่ไม่ผิดกฏหมาย แต่ขายยาอันตรายไม่ได้ แต่ในความเป็นจริงผู้ที่ไม่ใช่เภสัชกรก็ขายยาอันตรายได้บ้างในบางท้องที่ เพราะผู้รักษากฎหมายท้องที่นั้นไม่กล้า กลัวกฏหมู่
ปัจจุบันมีเภสัชกรที่ตั้งใจทำร้านยาให้ถูกต้องตามกฏหมายประมาณ5%ของร้านยาทั้งหมด แต่มีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนร้านยาดังกล่าวให้ได้ถึง20%ของร้านยาทั้งหมด มีร้านยาอีกประมาณ60%ของร้านยาทั้งหมดที่สามารถทำร้านยาของตนให้ถูกกฏหมายได้ แต่ยังไม่อยากทำเพราะเห็นว่าทำแล้วทำให้ ต้นทุนการดำเนินงานของร้านสูง เป็นการเสียเปรียบร้านยาที่ทำผิดกฏหมาย เภสัชกรชุมชนหวัง[/color] ว่าเมื่อมีร้านยาที่ตั้งใจทำร้านยาให้ถูกต้องตามกฏหมายประมาณ20%ขึ้นไป และเห็นผลดีของร้านยาดังกล่าว ก็จะเป็นแบบอย่างที่ทำให้ร้านยาอื่นๆได้ปรับปรุงร้านยาของตนเองให้เป็นร้านยาที่ถูกต้องตามกฏหมายต่อไป
เพราะฉะนั้น เภสัชกรชุมชนที่ตั้งใจทำร้านยาให้ถูกต้องตามกฏหมาย ได้ชื่อว่าเป็น ผู้บุกเบิก ในการพัฒนามาตรฐานร้านยาในประเทศไทย ผู้บุกเบิกย่อมเห็นโอกาสที่จะประสพความสำเร็จได้ก่อนคนอื่น
ผมไม่บังคับให้ต้องเชื่อตามที่ผมแนะนำด้านบน โดยไม่ต้องสงสัย แต่อยากให้ลองทำ และ พิจารณาดูด้วย สติ เพราะผมเชื่อว่ามีหลายท่านในที่นี้มองเห็น และอาจจะลึกซึ้ง มากกว่าที่ผมเห็นเสียอีก
ผมเพียงแนะนำวิธีให้น้อง ๆ
เตรียมตัว เตรียมความพร้อมทางใจ ที่จะออกมาสู่โลกธุรกิจที่แท้จริง ไ่ม่ได้มุ่งหวังที่จะลดความตั้งใจที่จะทำร้านยาให้ถูกกฏหมายน้อยลง กลับมุ่งหวังเช่นเดียวกับคุณ ธวัชชัย เช่นเดียวกันที่จะเห็น
ร้านยามีการปฏิบัติที่ถูกกฎหมายเหมือนกันทั้งประเทศมีจำนวนมากขึ้น โดย
ไม่มีข้อยกเว้นเป็นพิเศษใดๆ(ร้านที่ทำดีอยู่แล้ว ถ้ามีสิ่งที่
ผิดกฏหมาย ก็ต้องรับผิดด้วย) เพราะทำดี ก็เป็นส่วนดี ส่วนที่ผิด หรือไม่ถูกต้อง ก็ต้องยอมรับ ต้องแยกกันให้ออก ต้องขออภัย ที่นำคำอธิบายของคุณธวัชชัย มาสอบถามเพิ่มเติม ในส่วนที่ทำตัวสีแดง ว่า ความเป็นจริง
ที่แท้จริง เป็นแค่บางพื้นที่ บางแห่ง แต่ไม่ตลอดเวลา แต่บางพื้นที่บางแห่ง ก็เป็น ใช่หรือไม่ แล้วความเป็นจริงเป็นไปได้หรือไม่ อีกอย่างสิ่งที่บ่งบอกถึง
การควบคุมการใช้ยาที่ผิดประเภทไม่ได้ คือ การยกเลิก หรือ ห้่ามการขายยาบางชนิด(หลายตัวมาก) ให้มีเฉพาะแต่ในโรงพยาบาลเท่านั้น ร้านขายยาในปัจจุบัน แทบจะมียาที่ขายได้น้อยลงเรื่อยๆ จนแทบจะเทียบเท่ากับ ร้านขายยา ขย 2 หรือ ขย 2 บางร้านมียามากกว่าร้านเภสัช อีก
ในความเป็นจริงใช่หรือไม่ ถ้าจะออกมาสู่โลกธุรกิจในปัจจุบััน จะต้องคิดให้กว้าง เพราะโอกาศที่จะปิดตัวเองมีสูงมาก เนื่องจากใช้ทุนสูง และ การต่อสู้ที่ยาวนาน จึงต้องให้ประเมินทุนทรัพย์ (สิ่งนี้สำคัญที่สุด ต้องมีเงินทุนสำรอง สำหรับค่าเช่า อย่างน้อยที่สุด 6 เดือน ถึง 1 ปี ไม่รวมเงินทุนหมุนเวียน ค่าน้ำ ค่าไฟ)และ ทำเลที่ตั้งร้าน ก่อนเป็นอันดับแรก ระยะเวลาจะเป็นตัวกำหนด ว่าจะรอดหรือไม่ด้วย การประเมินเป็นระยะ เภสัชกรรุ่นใหม่จะประสปความสำเร็จในธุรกิจที่แท้จริงได้ และ ทำให้คนยอมรับในผลดีต่างๆ ที่คุณหวัง คุณต้องไม่คิดเ้ข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียว คุณต้องมองและเข้าใจ อีกส่วนหนึ่งด้วย ต้องคิด ว่าคนทีเขาจะรับว่า อยากได้หรือไม่ แล้วส่วนแท้ที่จริงเขาอยากได้อะไรจากเรา นอกเหนือจากว่าเราอยากให้อะไรกับเขา (ประเมินจากลูกค้า ของคุณเอง แล้วปรับปรุงแก้ใขในส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์) ลองค้นหา ดูจากอินเตอร์เนท ในคำอธิบายที่ผมทำสีต่างๆ กันไว้ คงพอจะ เข้าใจ ได้ไม่ยากนัก และ จะปรับตัวให้รอดได้ มีจำนวนมากขึ้น จนเพิ่มปริมาณ ให้เป็น 100 เปอร์เซนต์ ได้เลยยิ่งดี ดีกว่า เปิดแล้ว ก็ปิด (ไปเรียนต่อบ้าง ย้ายตามครอบครัวบ้าง )เสียดายน้องที่ตั้งใจดีน่าจะเพิ่มจำนวนร้านได้ มากกว่า ที่เป็นอยู่ ครับ ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ