New Document









ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

บทความทางเภสัชศาสตร์ และบทความทั่วไป

ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

โพสต์โดย ธวัชชัย วรรณสว่าง » 15 มี.ค. 2011, 10:55

ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด ตอนที่ 1
ฮอร์โมนเพศหญิง

ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen / Oestrogen)
ฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนที่สามารถพบได้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่จะพบปริมาณสูงในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ หน้าที่ของฮอร์โมนเอสโตรเจนได้แก่

- กระตุ้นการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ของเพศหญิง (female secondary sex characteristics) เช่น ทำให้สะโพกผาย อวัยวะเพศและเต้านมใหญ่ขึ้น มดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้น มีขนที่รักแร้และอวัยวะเพศ
- ทำให้มีการเจริญหนาตัวของเยื่อบุมดลูก (Endometrium) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิ
- มีผลทำให้เซลล์คอลลัมนาร์ (columnar) ของปากมดลูกขับมูกใสออกมา โดยในช่วงใกล้วันไข่ตกจะขับมูกที่มีลักษณะเหนียวหนืด แต่มูกจะใสและเหลวลงในวันที่เกิดการตกไข่ เพื่อช่วยให้ตัวอสุจิ (sperm) ผ่านเข้าสู่ปากมดลูกได้ง่ายขึ้น
- เพิ่มระดับคอเลสเทอรอลชนิดดี (High density lipoprotein; HDL), ลดคอเลสเทอรอลชนิดเลว (Low density lipoprotein; LDL) และมีผลต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดเส้นเลือดแข็งตัวและปัญหาเส้นเลือดที่หัวใจ
- ลดการสลายของกระดูก โดยพบว่าในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน เนื่องจากการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลง
- คงสภาพของผิวหนังและหลอดเลือด ทำให้ผิวดูมีน้ำมีนวล


ฮอร์โมโปรเจสเตอโรน (Progesterone)
- ทำให้เยื่อบุมดลูก (Endometrium) ที่ได้รับการกระตุ้นโดย estrogen ยังคงหนาตัว และมีสภาพเหมาะสมพร้อมสำหรับการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิ
- ทำงานร่วมกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ในการยับยั้งการหลั่งของฮอร์โมน FSH และ LH จากต่อมใต้สมองทำให้ไม่มีการตกไข่ซ้อน
- ทำให้มดลูกไม่หดรัดตัวมาก เพื่อให้ตัวอ่อนมาฝังตัวที่มดลูกได้ แต่ในช่วงที่ใกล้คลอดจะมีระดับฮอร์โมนโปรเจส-เตอโรนลดลง เพื่อให้มดลูกสามารถหดรัดตัว และคลอดทารกออกมาได้ นอกจากนั้นยังมีผลลดความตึงตัวของเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่อต่างๆ ทำให้ยืดขยาย จึงทำให้มีอาการปวดเมื่อยง่าย
- ทำให้มีการเจริญของต่อมน้ำนม, มีท่อน้ำนมมากขึ้น, มีจำนวนเซลล์ที่สร้างน้ำนมมากขึ้น
- ทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นเล็กน้อย


รอบเดือน (Menstrual cycle)

รอบเดือนของสตรีวัยเจริญพันธุ์โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 28 วัน แต่ในบางคนอาจจะใช้เวลาได้ตั้งแต่ 21 ถึง 40 วัน ในแต่ละรอบเดือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่ขึ้นมา เมื่อไข่สุกก็จะกระตุ้นให้เกิดการตกไข่ (Ovulation) ประมาณวันที่ 14 ของรอบเดือน

ในขณะเดียวกันเยื่อบุที่ผนังมดลูก (Endrometrium) ก็จะถูกกระตุ้นให้มีการหนาตัวขึ้นเพื่อให้พร้อมต่อการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิ แต่หากไข่ไม่ได้รับการปฏิสนธิผนังมดลูกก็จะสลายและหลุดลอกออกมาเป็นเลือดประจำเดือน หรือ ระดู

ในแต่ละรอบเดือนสามารถแบ่งออกได้เป็นระยะต่างๆ คือ ระยะฟอลิคูลาร์ (Follicular phase), ระยะตกไข่ (Ovulation) และระยะลูเตียล (Luteal phase)


ระยะฟอลิคูลาร์ (Follicular phase)

เริ่มจากวันที่ 1 ของรอบเดือน หรือวันแรกที่มีเลือดประจำเดือน สมองส่วนไฮโปทัลลามัส (Hypothalamus) จะหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่า โกนาโดโทรปิน-รีลีสซิง ฮอร์โมน (Gonadotropin-releasing hormone; GnRH) มากระตุ้นให้ต่อมใต้สมองส่วนหน้า (Anterior pituitary gland) หลั่งฟอลลิเคิล-สติมูเลติงฮอร์โมน (Follicle-stimulating hormone; FSH) ออกมาในกระแสเลือด ซึ่งจะกระตุ้นไข่อ่อนตั้งต้น (Primordial Follicle) ภายในรังไข่ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากให้เจริญ

ในช่วงวันที่ 5-7 จะมีฟอลลิเคิลเพียงอันเดียว (Dominant Follicle) ที่ถูกกระตุ้นให้เจริญต่อไปจนโตเต็มที่ (Graafian follicle) ส่วนไข่อ่อนที่เหลือจะถูกกดไว้ไม่ให้เจริญ กราเฟียนฟอลลิเคิลจะสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมากระตุ้นให้เยื่อบุผนังมดลูกหนาตัวขึ้น มีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น เพื่อรองรับการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิ


ระยะตกไข่ (Ovulation)

ในวันที่ 13-14 ของรอบเดือนระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) จะมีระดับสูงขึ้น ซึ่งมีผลเหนี่ยวนำให้ต่อมใต้สมองส่วนหน้าหลั่งฮอร์โมนลูทินไนซิง ฮอร์โมน (Luteinizing hormone; LH) ออกมาในปริมาณสูง (LH surge) ทำให้ฟอลลิเคิลแตกออก และปลดปล่อยไข่ภายในฟอลลิเคิลเข้าสู่ท่อนำไข่ (Fallopian tube)


ระยะลูเตียล (Luteal phase)

ฟอลลิเคิลที่แตกออกแล้วจะกลายเป็น คอร์พัส ลูเทียม (Corpus luteum) ซึ่งสร้างฮอร์โมนฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) โดยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะช่วยรักษาสภาพของเยื่อบุผนังมดลูกที่หนาตัวให้พร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน นอกจากนั้นฮอร์โมนที่หลั่งมาจาก คอร์พัส ลูเทียมมีผลยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน FSH และ LH จากต่อมใต้สมองส่วนหน้า ทำให้ในแต่ละรอบเดือนจะมีไข่ที่เจริญเพียงอันเดียว

ถ้าไข่ไม่ได้รับการผสมโดยอสุจิ ก็จะไม่เกิดการฝังตัวของตัวอ่อน จะทำให้คอร์พัส ลูเทียมฝ่อและสลายตัว ในช่วงวันที่ 23-25 ของรอบเดือน กลายเป็น คอร์พัส แอลบิแคน (Corpus albican) ซึ่งไม่สามารถสร้างฮอร์โมนได้แล้ว ทำให้เยื่อบุมดลูกสลายตัว หลุดลอกกลายเป็นเลือดประจำเดือน และผลการยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน FSH และ LH ก็จะหายไป ทำให้มีการหลั่ง FSH เกิดการเจริญของไข่อ่อนเกิดเป็นรอบเดือนใหม่

ในกรณีที่ไข่ได้รับการผสมกับอสุจิ ไข่ที่ได้รับการผสมจะใช้เวลาเดินทางจากท่อนำไข่ไปยังโพรงมดลูกและฝังตัวเพื่อเจริญเติบโตต่อไป ภายใน 1 สัปดาห์รกจะสร้างฮอร์โมน ฮิวแมน โคริโอนิค โกนาโดโทรปิน (Human chorionic gonadotropin; HCG) ทำให้คอร์พัส ลูเทียมยังคงทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนโปรเจนเตอโรนต่อไปได้ เยื่อบุผนังมดลูกจึงหนาตัว และมีเลือดมาเลี้ยงเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของตัวอ่อน

[โปรดติดตามตอนต่อไป]
แก้ไขล่าสุดโดย ธวัชชัย วรรณสว่าง เมื่อ 16 มี.ค. 2011, 11:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ธวัชชัย วรรณสว่าง
 
โพสต์: 559
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 19:35







Re: ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

โพสต์โดย ธวัชชัย วรรณสว่าง » 15 มี.ค. 2011, 11:06

ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด ตอนที่ 2

ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบสูตรผสม หรือ Combined oral contraceptives (COCs)

หมายถึง ยาเม็ดคุมกำเนิดที่ประกอบด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด คือ เอสโตรเจน และ โปรเจสโตเจน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดคือ

1. Monophasic combined pill เช่น Marvelon?, DIANE? ฯลฯ
ประกอบด้วย เอสโตรเจน และ โปรเจสโตเจน ในขนาดคงที่ทุกเม็ดจำนวน 21 เม็ด โดยถ้าเป็นชนิด 28 เม็ดอีก 7 เม็ดจะเป็นเม็ดแป้ง หรือ วิตามิน

2. Biphasic combined pill เช่น OILEZZ?
ประกอบด้วย เอสโตรเจน และ โปรเจสโตเจนในปริมาณที่ต่างกัน 2 แบบ เพื่อเลียนแบบการหลั่งฮอร์โมนตามธรรมชาติของร่างกาย โดยในช่วงต้นเดือน จะมีปริมาณ estrogen สูงกว่า โปรเจสโตเจน และในช่วงปลายเดือนจะมี โปรเจสโตเจน มากกว่า เอสโตรเจน

3. Triphasic combined pill เช่น Triquilar? ED
ประกอบด้วยเอสโตรเจน และ โปรเจสโตเจน ในปริมาณที่ต่างกัน 3 แบบ เพื่อให้คล้ายกับการหลั่งฮอร์โมนของร่างกายให้มากที่สุด โดยจะมีระดับเอสโตรเจน ต่ำอยู่ 2 ช่วงคือ ช่วงต้นและปลายรอบเดือน ส่วนในช่วงกลางรอบเดือนจะมีปริมาณเอสโตรเจน มากที่สุด สำหรับปริมาณ โปรเจสโตเจน จะเหมือนกับชนิด biphasic คือ จะมีปริมาณต่ำในช่วงต้นรอบเดือนและสูงสุดในช่วงปลายรอบเดือน

Estrogens ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมี 2 ชนิดคือ ethinyl estradiol (EE) ซึ่งออกฤทธิ์ได้ทันที และ mestranol ซึ่งจะต้องถูกเปลี่ยนเป็น EE ที่ตับก่อนจึงจะออกฤทธิ์ได้ ( mestranol 50 mcg เทียบเท่ากับ EE 35 mcg)

ยาเม็ดคุมกำเนิดส่วนใหญ่มักประกอบด้วย EE 20-50 mcg ซึ่งการที่มี EE ในปริมาณมากพบว่าทำให้เกิดอาการข้างเคียงเช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ได้ แต่หากมีปริมาณน้อย ถึงแม้ว่าจะทำให้มีอาการข้างเคียงข้างต้นลดลงแต่ อาจจะพบการเกิด breakthrough bleeding คือ การที่มีเลือดประจำเดือนมากระปริดประปรอยในช่วงที่ไม่สมควรมีเลือดประจำเดือน ได้

Progestogen แบ่งออกได้เป็น 3 รุ่น คือ
โปรเจสโตเจน รุ่นที่ 1 : ได้แก่
- Norethisterone
- Norethisterone acetate
- Norethynodrel
- Lynestrenol
- Ethynodiol diacetate

โปรเจสโตเจนในรุ่นนี้จะมีฤทธิ์ต่ำจึงต้องใช้ปริมาณมากทำให้มีอาการข้างเคียง ได้แก่ สิว หน้ามัน ขนดก น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ค่อนข้างมากและยังมีผลต่อกระบวนการเผาผลาญไขมัน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ ดังนั้น จึงไม่ค่อยนิยมใช้

โปรเจสโตเจน รุ่นที่ 2: ได้แก่
- Norgestrel
- Levonorgestrel

โปรเจสโตเจน รุ่นนี้จะมีความแรงมากกว่า โปรเจสโตเจน รุ่นแรก ดังนั้น จึงใช้ในปริมาณที่น้อยกว่า ทำให้อาการข้างเคียงต่างๆลดลง แต่ผลต่อกระบวนการเผาผลาญไขมัน ยังคงมีอยู่

โปรเจสโตเจน รุ่นที่ 3: ได้แก่
- Medroxyprogesterone acetate
- Cyproterone acetate
- Desogestrel
- Gestodene
- Norgestimate
- Drospirenone

โปรเจสโตเจน รุ่นนี้จะมีอาการข้างเคียงน้อยกว่ารุ่นที่ 1 และ 2 และบางตัวยังมีฤทธิ์ลดการสร้างไขมันที่ต่อมไขมัน จึงนำไปใช้ในการรักษาสิวได้ และยังทำให้ HDL เพิ่มขึ้นและ LDL ลดลงซึ่งจะลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ


กลไกการออกฤทธิ์

ยับยั้งกระบวนการก่อนการเกิดการปฏิสนธิ (fertilization) โดย ยังยั้งการตกไข่เป็นกระบวนการหลัก นอกจากนี้ยังมีผลทำให้ ปากมดลูกมีเมือกเหนียวข้นทำให้อสุจิผ่านเข้าไปได้ยาก หรือ การทำให้ผนังมดลูกบางลงจนไม่เหมาะแก่การฝังตัวของตัวอ่อน


วิธีการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด

- กรณีเริ่มทานครั้งแรก สามารถเริ่มทานเม็ดแรกได้ในวันที่ 1-5 ของการมีประจำเดือน

- ควรทานยาในเวลาเดียวกันเป็นประจำทุกวันเพื่อรักษาระดับยาในเลือดให้คงที่ตลอดวัน ซึ่งปกติมักทานก่อนนอนเพื่อป้องกันการลืมทานยา แล้วทานยาตามลูกศรไปเรื่อยๆ

- กรณีที่ทานยาแบบแผง 21 เม็ด เมื่อทานยาแผงแรกหมดแล้วให้หยุดทานยา 7 วัน เมื่อครบ 7 วันแล้ว ให้เริ่มทานแผงใหม่ได้เลย

- กรณีที่ทานแบบแผง 22 เม็ด เมื่อทานยาแผงแรกหมดแล้วให้หยุดทานยา 6 วัน เมื่อครบ 6 วันแล้ว ให้เริ่มทานแผงใหม่ได้เลย

- กรณีที่ทานยาแบบแผง 28 เม็ด ให้ทานยาในเวลาเดียวกัน ทุกวัน ติดต่อกันจนหมดแผง แล้วเริ่มทานแผงใหม่ได้ทันที หลังจากทานแผงแรกหมด

- สำหรับยาเม็ดคุมกำเนิดบางยี่ห้อ จะมีแถบสีแดงที่ด้านหลังแผง ให้เริ่มทานเม็ดแรกในช่วงแถบสีแดงที่ตรงกับวันแรกที่มีประจำเดือนก่อน แล้วทานตามลูกศรไปเรื่อยๆ จนหมดแผง โดยไม่ต้องทานเม็ดที่อยู่ในแถบสีแดงในวันก่อนหน้าวันที่มีประจำเดือน แล้วเริ่มทานแผงใหม่ได้ทันที หลังทานแผง แรกหมด โดยข้อดีของการทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบที่มีแถบสีแดง คือ ประจำเดือนจะไม่มีในวันเสาร์ และ วันอาทิตย์

ตัวอย่าง เช่น มีประจำเดือนมาวันแรกในวันเสาร์ ให้เริ่มทานเม็ดแรกในวันเสาร์ในช่วงแถบสีแดง (ดังรูป) ส่วนเม็ดก่อนหน้านั้นที่อยู่ในแถบสีแดง (วันจันทร์-วันศุกร์ในกรอบสีเหลือง ดังรูป) ให้แกะทิ้ง ไม่ต้องทาน จากนั้น ทานเม็ดต่อๆไปตามลูกศรจนหมดแผง ซึ่งการทานเช่นนี้จะทำให้ร่างกายได้รับฮอร์โมนเม็ดสุดท้ายในวันศุกร์เสมอ ดังนั้นทำให้วันเสาร์-อาทิตย์ (ซึ่งเป็นวันหยุด) ไม่มีประจำเดือน เนื่องจาก ประจำเดือนมักจะมาหลังจากที่หยุดทานฮอร์โมนได้ 2-3 วัน

รูปภาพรูปภาพ


- ในการเริ่มทานยาเม็ดคุมกำเนิดแผงแรก อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนมาก แต่อาการจะลดลงในแผงต่อๆไป แต่ถ้าทนอาการคลื่นไส้ อาเจียนไม่ได้ อาจเปลี่ยนไปใช้ยาคุมกำเนิดชนิดอื่นที่มีปริมาณ EE น้อยลง

[โปรดติดตามตอนต่อไป] :biggrin:
แก้ไขล่าสุดโดย ธวัชชัย วรรณสว่าง เมื่อ 16 มี.ค. 2011, 11:12, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
ธวัชชัย วรรณสว่าง
 
โพสต์: 559
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 19:35

Re: ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

โพสต์โดย ธวัชชัย วรรณสว่าง » 15 มี.ค. 2011, 11:16

ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด ตอนที่ 3

ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Mini pills / Progestin-only pills)

ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดนี้มีฮฮร์โมนเพียงชนิดเดียวคือ โปรเจสเตอโรน เช่น Levonorgestrel ในขนาดต่ำ มีจำนวนแผงละ 28 เม็ด ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดนี้จะรับประทานทุกวันโดยไม่มีช่วงเว้นระยะปราศจากฮอร์โมน กลไกการออกฤทธิ์คุมกำเนิดของยาคุมกำเนิดชนิดนี้คือ

1.ทำให้ผนังมดลูกชั้นใน (Endometrium) บางลงและฝ่อไปทำให้ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วไม่สามารถฝังตัวกับมดลูกได้

2.ทำให้มูกบริเวณช่องคลอดเหนียวข้นขึ้น ทำให้อสุจิผ่านเข้าไปผสมกับไข่ได้ยาก

3.ลดการเคลื่อนที่ของไข่ตามท่อนำไข่

4.ยับยั้งไม่ให้ไข่ตกโดยใช้การควบคุมแบบย้อนกลับ ยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน FSH และ LH

อย่างไรก็ตามยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวนี้มีประสิทธิภาพด้อยกว่ายาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนผสมสองชนิด และเนื่องจากยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวสามารถยับยั้งการตกไข่ได้เพียง 60% เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสตรีอายุน้อยอาจใช้วิธีคุมกำเนิดวิธีนี้ไม่ได้ผล


วิธีใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว

รับประทาน 1 เม็ด ในเวลาเดียวกันทุกวัน ควรเป็นเวลาเย็นหลังอาหาร หรือก่อนมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 4 ชั่วโมง หากเป็นการใช้ยาคุมกำเนิดหลังคลอดบุตรควรใช้ยานี้หลังคลอดบุตรแล้วเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ควรมีการคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วยในแผงแรกที่เริ่มรับประทาน


ข้อดีของยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว

1.เหมาะกับสตรีที่ไวต่อฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ไม่เกิดอาการข้างเคียงเช่น คลื่นไส้ อาเจียน

2.เนื่องจากไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบจึงลดความเสี่ยงในการเกิด โรคหลอดเลือดดำอุดตัน หรือโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจอื่นๆ

3.ไม่ถูกรบกวนการแปรสภาพยาจากการใช้ยาปฏิชีวนะ( เนื่องจากยาปฏิชีวนะจะทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนชนิดผสมลดลง) หรือยาและสารอื่นที่เปลี่ยนแปลงเอนไซม์ในการแปรสภาพสารในร่างกาย เช่น ยาPrimidone, Carbamazepine, Topiramet, Ritonavir, St. John?s wort เป็นต้น

4.สามารถใช้ได้ในสตรีที่ให้นมบุตร เนื่องจากโปรเจสเตอโรนจะไม่ยับยั้งการหลั่งน้ำนม และไม่ทำให้คุณภาพของน้ำนมลดลง

5.ลดการเสียเลือดจากการเป็นประจำเดือน และการเกิดโรคโลหิตจาง, ลดการปวดท้องก่อนเป็นประจำเดือน

6.เหมาะกับสตรีที่อายุมากกว่า 35 ปี และสูบบุหรี่มาก(คือ มากกว่า 15 มวนต่อวัน)


ข้อเสียของยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว

1.ไม่สามารถยับยั้งการตกไข่ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้อาจมีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์มากกว่าการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนผสม (พบว่าทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ถึง 8% หลังการใช้อย่างถูกต้องเป็นเวลา 1 ปี)

2.หากไม่ได้ใช้ยาอย่างถูกต้องหรือลืมรับประทาน ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์จะลดน้อยลงกว่าการลืมรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนผสม จนทำให้มีความเสี่ยงตั้งครรภ์สูง และมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก

3.ทำให้เกิดความผิดปกติของรอบเดือนได้ง่าย ประจำเดือนอาจมีการคลาดเคลื่อนหรือหายไปเลยก็ได้ นอกจากนี้ยังอาจมีเลือดออกกระปริดกระปรอยได้บ้าง


ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน (Emergency Contraceptives)

เป็นการคุมกำเนิดฉุกเฉินในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์โดนไม่ตั้งใจและไม่ได้ทำการคุมกำเนิดโดยวิธีอื่นไว้ก่อน หรือในกรณีที่การคุมกำเนิดวิธีอื่นล้มเหลว เช่น การลืมรับประทานยาคุมกำเนิด, ถุงยางอนามัยแตก ฉีก ขาด, ห่วงคุมกำเนิด หรือแผ่นแปะคุมกำเนิดหลุดออก เป็นต้น ไม่ควรใช้วิธีคุมกำเนิดวิธีนี้นอกจากจะมีเหตุฉุกเฉินจริงๆ และไม่ควรใช้เป็นประจำ เนื่องจากประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดไม่ได้สมบูรณ์ 100% และมีอาการแทรกซ้อนได้

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมี 2 แบบ

1.เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในขนาดสูง (Yuzpe)
ใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนผสมโดยรับประทานครั้งละ 4 เม็ด สองครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง การใช้วิธีนี้อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ควรให้รับประทานยาป้องกันการอาเจียน เช่น Motilium? (Domperidone) 1 เม็ดก่อนรับประทานยาคุมกำเนิด ? ชั่วโมง

2.โปรเจสเตอโรนขนาดสูง
ผลิตภัณฑ์ที่มีขายในประเทศไทยคือ Prostinor? และ Madonna? มีฮฮร์โมนโปรเจสเตอโรน คือ Levonorgestrel 0.75 มก. ซึ่งมีขนาดสูงกว่าในผลิตภัณฑ์ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวและฮอร์โมนผสม บรรจุแผงละ 2 เม็ด อย่างไรก็ตามการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดนี้อาจมีผลทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนหรือขาดหาย เลือดประจำเดือนออกผิดปกติได้


กลไกการออกฤทธิ์ของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน

กลไกหลักในการป้องกันการตั้งครรภ์ คือ ยับยั้งและชะลอการตกไข่ ส่วนกลไกเสริมที่เกิดขึ้นคือ ทำให้มูกบริเวณช่องคลอดเหนียวข้น และชะลอการเคลื่อนที่ของไข่และอสุจิ ดังนั้นหากใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินในช่วงเวลาหลังจากที่ไข่ตกไปแล้วอาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร


วิธีใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน

วิธีรับประทาน ควรแนะนำให้รับประทานหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด และรับประทานภายในเวลา 72 ชั่วโมง ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะลดลงตามเวลาที่ผ่านไป


การลืมรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด

มีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้

วิธีที่ 1 เหมาะกับยาเม็ดคุมกำเนิดชนิด 28 เม็ด ที่ด้านหลังแผงจะมีส่วนสีแดงอยู่ 7 เม็ด ตัวอย่างเช่น ไมโครไกนอน 30 ทว., ไกเนรา ทว., ไตรควิล่า ทว. เป็นต้น (เป็นยาเม็ดคุมกำเนิดที่เริ่มต้นอาจต้องกินเม็ดแป้งในส่วนสีแดงเป็นเม็ดแรก)

-หากลืมกินยา 1 เม็ด

ให้กินยาทันทีที่นึกได้ ไม่ควรเกิน 12 ชั่วโมง ถ้าเกิน 12 ชั่วโมง ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดจะไม่เต็มที่ ควรให้สามีใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย จนกว่าประจำเดือนจะมา และควรกินยาวันละ 1 เม็ดตามเดิมติดต่อกันไปเรื่อยๆจนหมดแผง


-หากลืมกินยา 2 เม็ดติดต่อกัน

ให้กินยาวันละ 2 เม็ดใน 2 วันถัดไป แล้วกินยาวันละ 1 เม็ดตามเดิมต่อไปจนหมดแผง ถ้ามีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ต้องให้สามีใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยจนกว่าประจำเดือนจะมา


-หากลืมกินยามากกว่า 2 เม็ดติดต่อกัน

ให้หยุดยาคุมกำเนิดแผงที่กินอยู่ และให้สามีใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยในช่วงนี้จนกว่าประจำเดือนจะมา แล้วเริ่มยาเม็ดคุมกำเนิดแผงใหม่ในวันแรกที่มีเลือดคล้ายประจำเดือนมา อย่าลืมว่า 14 วันแรกของการกินยาเม็ดคุมกำเนิดแผงใหม่นี้ ถือว่าไม่ปลอดภัย ต้องให้สามีใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย เนื่องจากมีการหยุดกินยาเม็ดคุมกำเนิดกลางคันไปแล้ว


วิธีที่ 2 เหมาะกับยาคุมกำเนิด 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ที่เริ่มกินยาเม็ดฮอร์โมนเป็นเม็ดแรก เช่น ไดแอน, พรีม, เมลิแอน, เมลิแอน ทว., แอนนา, ไมโครเจสต์ อีดี, มาร์นอน, มาร์วิลอน 28, วันเดย์ เป็นต้น

-หากลืมกินยา 1 เม็ด

ให้กินยาทันทีที่นึกได้ ไม่ควรเกิน 12 ชั่วโมง ถ้าเกิน 12 ชั่วโมง ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดจะไม่เต็มที่ ควรให้สามีใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย จนกว่าประจำเดือนจะมา และควรกินยาวันละ 1 เม็ดตามเดิมติดต่อกันไปเรื่อยๆจนหมดแผง


-หากลืมกินยา 2 เม็ด

กรณีลืมกินยาใน 14 เม็ดแรกของแผง (ฮอร์โมนเม็ดที่ 1 ถึงเม็ดที่ 14) ให้กินยาวันละ 2 เม็ด ใน 2 วันถัดไป แล้วกินยาวันละ 1 เม็ดตามเดิมต่อไปจนหมดแผง ถ้ามีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ต้องให้สามีใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย หรืองดมีเพศสัมพันธ์นาน 7 วัน

กรณีลืมกินยาใน 14 เม็ดหลังของแผง (ฮอร์โมนเม็ดที่ 15 ถึงเม็ดที่ 21) ให้หยุดยาแผงที่ลืมนี้ และเริ่มกินยาที่เป็นฮอร์โมนเม็ดแรกของแผงใหม่ในวันที่ลืมวันนั้นเลย ถ้ามีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ต้องให้สามีใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย หรืองดมีเพศสัมพันธ์นาน 7 วัน กรณีนี้ จะพบเลือดประจำเดือนมาอีกครั้งเมื่อกินยาแผงใหม่หมด


-หากลืมกินยามากกว่า 2 เม็ดติดต่อกัน

ให้หยุดยาคุมกำเนิดแผงที่กินอยู่ รอจนกว่าจะมีเลือดคล้ายประจำเดือนมา แล้วรีบกินฮอร์โมนเม็ดแรกของยาคุมกำเนิดแผงใหม่ในวันนี้เลย อย่าลืมว่า 7 วันแรกของการกินยาเม็ดคุมกำเนิดแผงใหม่นี้ ถือว่าไม่ปลอดภัย ต้องให้สามีใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย เนื่องจากมีการหยุดกินยาเม็ดคุมกำเนิดกลางคันไปแล้ว

หมายเหตุ หากลืมกินยาหลายเม็ดในแผงเดียวกัน แล้วทำให้เลือดประจำเดือนไม่มาตามปกติ แล้วพบว่าประจำเดือนขาดไป 2 เดือนติดต่อกัน ให้ตรวจการตั้งครรภ์ ยังไม่ควรเริ่มกินยาแผงใหม่จนกว่าจะทราบว่าไม่ได้ตั้งครรภ์

[โปรดติดตามตอนต่อไป] :mrgreen:
ธวัชชัย วรรณสว่าง
 
โพสต์: 559
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 19:35

Re: ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

โพสต์โดย ธวัชชัย วรรณสว่าง » 15 มี.ค. 2011, 12:09

ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด ตอนที่ 4

ผลข้างเคียงจากการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด

ปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง มีผลทำให้เกิดอาการ
- คลื่นไส้อาเจียน
- มึนงง
- บวม
- เป็นตะคริวที่ขา
- คัดตึงเต้านม
- ปวดศีรษะไมเกรน
- ฝ้า
- น้ำหนักเพิ่ม


ปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ มีผลทำให้เกิดอาการ
- ประจำเดือนมาน้อย
- ประจำเดือนออกกระปริดกระปรอย ในช่วง 14 วันแรกของรอบประจำเดือน
- ไม่มี เลือดคล้ายประจำเดือน (withdrawal bleeding)
- มดลูกเล็ก


ปริมาณฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนสูง มีผลทำให้เกิดอาการ
- น้ำหนักเพิ่ม
- เพิ่มความอยากอาหาร
- ซึมเศร้า
- สิว
- ผิวและหนังศีรษะมัน
- ขนดก
- ตกขาวจากเชื้อรา Candida spp.
- ประจำเดือนมาน้อย
- เต้านมเล็ก


ปริมาณฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนต่ำ มีผลทำให้เกิดอาการ
- ประจำเดือนออกกระปริดกระปรอย ในช่วง 14 วันหลังของรอบประจำเดือน
- มีเลือดคล้ายประจำเดือน (withdrawal bleeding) ช้า


นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียง ดังนี้
- เพิ่มโอกาสเสี่ยงทีจะเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial Infarction, MI) ในสตรีที่มีปัจจัยเสี่ยง ดังนี้
สูบบุหรี่, เป็นโรคเบาหวาน, เป็นโรคความดันโลหิตสูง, มีไขมันในเลือดสูง, อายุมากกว่า 35 ปี

- เพิ่มโอกาสเสี่ยงทีจะเป็น Stroke ในสตรีที่มีปัจจัยเสี่ยง ดังนี้
สูบบุหรี่, เป็นโรคความดันโลหิตสูง

- เพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะเป็น Venous thromboembolism (เส้นเลือดดำอุดตัน)

- เพิ่มความดันโลหิต

- มีโอกาสเกิด benign liver cell adenoma (มะเร็งตับ) และ cholestatic jaundice (ตัวเหลือง ตาเหลือง)


ข้อห้ามใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด

ข้อห้ามใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนผสม(Combine Oral Contraceptive)

- หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร

- สูบบุหรี่ และอายุมากกว่า 35 ปี

- เคยมีประวัติหรือเป็น ลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือด (thromboembolic disorders)

- เป็นโรค ดังนี้
มะเร็งเต้านม
เนื้องอกในตับ
เบาหวานที่มีอาการแทรกซ้อนทางหลอดเลือดร่วมด้วย (DM with vascular complications) หรือเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes)
โรคความดันโลหิตสูง
โรคเม็ดเลือดแดงเป็นรูปเคียว (Sickle cell disease)


ข้อห้ามใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว(Progestrogen-only Contraceptive/Minipills)

เนื่องจากยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัย จึงไม่มีข้อจำกัดหรือข้อห้ามการใช้ยาอย่างเด็ดขาด ส่วนโรคหรือสภาวะที่ไม่ควรให้ยา ได้แก่
- ตั้งครรภ์
- มีประวัติการตั้งครรภ์นอกมดลูก
- มีเลือดออกทางช่องคลอดที่ยังไม่ทราบสาเหตุ
- ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดอุดตัน
- Recurrent cholestatic jaundice หรือมีประวัติเป็นดีซ่าน หรือโรคเกี่ยวกับตับในขณะตั้งครรภ์
- มะเร็งเต้านม

**หากใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยวแล้วมีอาการดังต่อไปนี้ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
Abdominal pains (severe) : มีอาการปวดท้องรุนแรง
Chest pain or shortness of breath : มีอาการเจ็บหน้าอกหรือหายใจหอบเหนื่อย
Headaches (severe) : ปวดศีรษะรุนแรง
Eye problems, such as blurred vision : มีปัญหาสายตา มองภาพไม่ชัด
Severe leg or arm pain or numbness : มีอาการปวดแขนขาหรือชา

ผลิตภัณฑ์ยาเม็ดคุมกำเนิด

1. Combined Oral Contraceptive (COC)
1.1 Monophasic COC

รุ่นที่ 1
ชื่อการค้า : จำนวนเม็ด - - - Progestrogen (mg) /Estrogen (mg)

มากาเร็ต : 28 - - - Norethindorne (1)/Mestranol (0.05)
วันเดย์ : 28 - - - Norethisterone (1)/Mestranol (0.05)


รุ่นที่ 2
เจนนี่ เอฟ. เอ็ม. พี. : 28 - - - Norgestrel (0.5)/Ethinylestradiol (0.05)
ดิออร์ : 21 - - - D-norgestrel (0.15)/Ethinylestradiol (0.03)
ดิออร์รา : 28 - - - D-norgestrel (0.15)/Ethinylestradiol (0.03)
มาร์นอน : 28 - - - Norgestrel (0.5)/Ethinylestradiol (0.05)
ไมโครไกนอน 30 ทว : 28 - - - Levonorgestrel (0.15)/Ethinylestradiol (0.03)
ไมโครเจสต์ อีดี : 28 - - - Levonorgestrel (0.15)/Ethinylestradiol (0.03)
ไมโครเลนิน 30 ทว : 28 - - - Levonorgestrel (0.15)/Ethinylestradiol (0.03)
ริเกวิดอน : 28 - - - Levonorgestrel (0.15)/Ethinylestradiol (0.03)
อาร์เดน : 28 - - - Levonorgestrel (0.15)/Ethinylestradiol (0.03)
แอนนา : 28 - - - Levonorgestrel (0.15)/Ethinylestradiol (0.03)


รุ่นที่ 3
ไกเนล่า ทว : 28 - - - Gestodene (0.075)/Ethinylestradiol (0.03)
ซูซี่ : 21 - - - Cyproterone acetate (2)/Ethinylestradiol (0.035)
ไซโคลเม็กซ์-20 : 21 - - - Gestodene (0.075)/Ethinylestradiol (0.02)
ไซเลสต์ : 21 - - - Norgestimate (0.25)/Ethinylestradiol (0.035)
เดอมูท : 21 - - - Cyproterone acetate (2)/Ethinylestradiol (0.035)
ไดแอน-35 : 21 - - - Cyproterone acetate (2)/Ethinylestradiol (0.035)
พรีม : 21 - - - Cyproterone acetate (2)/Ethinylestradiol (0.035)
มาร์วิลอน : 21 - - - Desogestrel (0.15)/Ethinylestradiol (0.03)
มาร์วิลอน : 28 - - - Desogestrel (0.15)/Ethinylestradiol (0.03)
มินิโดส : 28 - - - Gestodene (0.06)/Ethinylestradiol (0.015)
เมลิแอน : 21 - - - Gestodene (0.075)/Ethinylestradiol (0.02)
เมลิแอน ทว : 28 - - - Gestodene (0.075)/Ethinylestradiol (0.02)
เมอร์ซิลอน : 21 - - - Desogestrel (0.15)/Ethinylestradiol (0.02)
ยาส : 28 - - - Drospirenone (3)/Ethinylestradiol (0.02)
ยาสมิน : 21 - - - Drospirenone (3)/Ethinylestradiol (0.03)
เลดี้-35 : 21 - - - Cyproterone acetate (2)/Ethinylestradiol (0.035)
แอนนี่ ลินน์ : 21 - - - Gestodene (0.075)/Ethinylestradiol (0.02)
โอซี-35 : 21 - - - Cyproterone acetate (2)/Ethinylestradiol (0.035)


1.2 Biphasic COC

รุ่นที่ 3
ออยเลส : 22 แบ่งเป็น 2 ส่วน 1. เม็ดสีฟ้า 7 เม็ด - - - Desogestrel (0.025)/Ethinylestradiol (0.04)
2. เม็ดสีขาว 15 เม็ด - - - Desogestrel (0.125)/Ethinylestradiol (0.03)


1.3 Triphasic COC
รุ่นที่ 2
ไตรควิล่า ทว : 28 แบ่งเป็น 4 ส่วน 1. เม็ดสีน้ำตาลอ่อน 6 เม็ด - - - Levonorgestrel (0.05)/Ethinylestradiol (0.03)
2. เม็ดสีขาว 5 เม็ด - - - Levonorgestrel (0.075)/Ethinylestradiol (0.04)
3. เม็ดสีเหลือง 10 เม็ด - - - Levonorgestrel (0.125)/Ethinylestradiol (0.03)
4. เม็ดใหญ่สีขาว 7 เม็ด - - - เม็ดแป้ง

รุ่นที่ 3
ไตรไซเลสต์ : 28 แบ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนละ 7 เม็ด
1. เม็ดสีขาว - - - Norgestimate (0.13)/Ethinylestradiol (0.035)
2. เม็ดสีฟ้าอ่อน - - - Levonorgestrel (0.215)/Ethinylestradiol (0.35)
3. เม็ดสีฟ้าเข้ม - - - Levonorgestrel (0.25)/Ethinylestradiol (0.035)
4. เม็ดสีเขียว - - - เม็ดแป้ง


2. Progestrogen-only pills (POP)

รุ่นที่ 1
พริโมลุท เอ็น : 10 - - - Norethisterone (5)
สเตอรอน : 10 - - - Norethisterone (5)
สำหรับพริโมลุท เอ็น และสเตอรอน เราไม่ใช้เป็นยาคุมกำเนิด แต่มีข้อบ่งใช้คือ เลื่อนประจำเดือน หรือใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีประจำเดือนมากผิดปกติ เช่น มีประจำเดือนตลอดทั้งเดือน เพื่อหยุดเลือดประจำเดือน

รุ่นที่ 3

เอ็กซ์ลูตอน : 28 - - - Lynestrenol (0.5)


3.Emergency contraceptive (EC)

โพสตินอร์ : 2 - - - Levonorgestrel (0.75)
มาดอนน่า : 2 - - - Levonorgestrel (0.75)

รวบรวมและเรียบเรียงโดย
นศ.ภ.เต็มสิริ นิ่มบุญจาช, นศ.ภ.ปภัสรา วรรณทอง, นศ.ภ.ปภาพิต รุ่งจิรธนานนท์, นศ.ภ.มัสยา คุณมาศ และ
นศ.ภ.วัณณิตา ศรีสุข
แก้ไขล่าสุดโดย ธวัชชัย วรรณสว่าง เมื่อ 16 มี.ค. 2011, 09:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ธวัชชัย วรรณสว่าง
 
โพสต์: 559
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 19:35

Re: ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

โพสต์โดย นิวัช » 15 มี.ค. 2011, 12:29

จบหรือยังพี่ ผมปักหมุดให้นะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
นิวัช
 
โพสต์: 2378
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2006, 12:02
ที่อยู่: นิวัชเภสัช

Re: ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

โพสต์โดย sukanya_rx19 » 15 มี.ค. 2011, 12:35

Progestrogen-only pills (POP)

รุ่นที่ 1
พริโมลุท เอ็น : 10 - - - Norethisterone (5)
สเตอรอน : 10 - - - Norethisterone (5)


ใช้เป็นยาคุมกำเนิดด้วยเหรอคะ .... จากที่อ่านทำให้เข้าใจว่า มันใช้คุมกำเนิด
อินดิเคชั่นจริงๆของตัวนี้ ใช้คุมกำเนิดรึเปล่า
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sukanya_rx19
Global Moderator
 
โพสต์: 2148
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2005, 16:06
ที่อยู่: ยโสธร

Re: ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

โพสต์โดย ธวัชชัย วรรณสว่าง » 15 มี.ค. 2011, 12:37

ขอบคุณคุณนิวัติมาก
ธวัชชัย วรรณสว่าง
 
โพสต์: 559
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 19:35

Re: ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

โพสต์โดย ธวัชชัย วรรณสว่าง » 16 มี.ค. 2011, 11:25

ตอบคุณ sukanya_rx19 : ขอบคุณสำหรับข้อท้วงติงครับ ผมได้ให้นักศึกษาแก้ไขให้ชัดเจนแล้วครับ :biggrin:

สำหรับยาพริโมลุท นี่ indication ที่ใช้กันมากคือใช้เลื่อนประจำเดือนครับ แล้วก็มีบ้างที่ใช้กับผู้ที่มีประจำเดือนมานานเกินปกติครับ
ธวัชชัย วรรณสว่าง
 
โพสต์: 559
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 19:35

Re: ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

โพสต์โดย sukanya_rx19 » 20 มี.ค. 2011, 10:23

ธวัชชัย วรรณสว่าง เขียน:ตอบคุณ sukanya_rx19 : ขอบคุณสำหรับข้อท้วงติงครับ ผมได้ให้นักศึกษาแก้ไขให้ชัดเจนแล้วครับ :biggrin:

สำหรับยาพริโมลุท นี่ indication ที่ใช้กันมากคือใช้เลื่อนประจำเดือนครับ แล้วก็มีบ้างที่ใช้กับผู้ที่มีประจำเดือนมานานเกินปกติครับ


:mrgreen: :mrgreen:

ฝากน้องๆ ดูกระทู้นี้ด้วยได้มั้ยคะ เอามาเขียนรวมกันเลยจะได้สรุปปักหมุดไว้ที่เดียว

viewtopic.php?f=17&t=33764&start=0
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sukanya_rx19
Global Moderator
 
โพสต์: 2148
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2005, 16:06
ที่อยู่: ยโสธร

Re: ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

โพสต์โดย battyz » 20 มี.ค. 2011, 10:59

กราบขอบพระคุณครับ
battyz
 
โพสต์: 336
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ต.ค. 2008, 17:24

Re: ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

โพสต์โดย white-blue » 08 มิ.ย. 2011, 14:32

ถ้ามี ref มาด้วยนี้ perfect เลย
เพราะแสวงหา...มิใช่เพราะรอคอย

เพราะเชี่ยวชาญ...มิใช่เพราะโอกาส

เพราะสามารถ...มิใช่เพราะโชคช่วย

ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"
white-blue
 
โพสต์: 350
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ค. 2009, 11:32

Re: ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

โพสต์โดย somsak01 » 18 ก.ค. 2011, 00:01

ความรู้ใหม่ ขอบคุณมากครับ
somsak01
 
โพสต์: 24
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มี.ค. 2011, 17:06
ที่อยู่: ประเทศไทย

Re: ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

โพสต์โดย premnoi » 24 ธ.ค. 2011, 16:30

เรื่องเกี่ยวกับยาเม็ดคุมกำเนิดบางยี่ห้อ ที่มีแถบสีแดงที่ด้านหลังแผง ที่บอกว่าต้อง"แกะเม็ดยาที่อยู่ในแถบสีแดงทิ้ง" ช่วยขยายความหน่อยได้ไหมคะ เนื่องจากดิฉันเข้าใจว่าการทานยาต้องเริ่มจากแถบสีแดงแล้วก็ทานไปเรื่อยๆจนยาหมด(โดยมิได้แกะเม็ดยาทิ้งแต่อย่างใด)จากนั้นก็เริ่มทานแผงต่อไปได้เลย(เริ่มจากแถบแดงเหมือนเดิม) หากดิฉันเข้าใจผิดก็ขออภัย และขอทราบข้อมูลที่ถูกต้องด้วยนะคะ
premnoi
ThaiPharmaSoft
 
โพสต์: 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 11:33
ที่อยู่: 225/28 หมู่ 6 ถ.อุดร-สามพร้าว ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000

Re: ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

โพสต์โดย ponkpich » 11 มี.ค. 2012, 16:30

premnoi เขียน:เรื่องเกี่ยวกับยาเม็ดคุมกำเนิดบางยี่ห้อ ที่มีแถบสีแดงที่ด้านหลังแผง ที่บอกว่าต้อง"แกะเม็ดยาที่อยู่ในแถบสีแดงทิ้ง" ช่วยขยายความหน่อยได้ไหมคะ เนื่องจากดิฉันเข้าใจว่าการทานยาต้องเริ่มจากแถบสีแดงแล้วก็ทานไปเรื่อยๆจนยาหมด(โดยมิได้แกะเม็ดยาทิ้งแต่อย่างใด)จากนั้นก็เริ่มทานแผงต่อไปได้เลย(เริ่มจากแถบแดงเหมือนเดิม) หากดิฉันเข้าใจผิดก็ขออภัย และขอทราบข้อมูลที่ถูกต้องด้วยนะคะ


ใช่ผมก็เข้าใจว่าแบบนั้นแฮะ ไม่เคลีย์เลย
ponkpich
 
โพสต์: 299
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ค. 2009, 11:13

Re: ความรู้เรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด

โพสต์โดย pixar » 10 พ.ค. 2012, 21:08

ponkpich เขียน:
premnoi เขียน:เรื่องเกี่ยวกับยาเม็ดคุมกำเนิดบางยี่ห้อ ที่มีแถบสีแดงที่ด้านหลังแผง ที่บอกว่าต้อง"แกะเม็ดยาที่อยู่ในแถบสีแดงทิ้ง" ช่วยขยายความหน่อยได้ไหมคะ เนื่องจากดิฉันเข้าใจว่าการทานยาต้องเริ่มจากแถบสีแดงแล้วก็ทานไปเรื่อยๆจนยาหมด(โดยมิได้แกะเม็ดยาทิ้งแต่อย่างใด)จากนั้นก็เริ่มทานแผงต่อไปได้เลย(เริ่มจากแถบแดงเหมือนเดิม) หากดิฉันเข้าใจผิดก็ขออภัย และขอทราบข้อมูลที่ถูกต้องด้วยนะคะ


ใช่ผมก็เข้าใจว่าแบบนั้นแฮะ ไม่เคลีย์เลย


ไม่ต้องตกใจครับ จริงๆเค้าแค่ต้องการกำหนดวันมีประจำเดือนให้ไม่ตรงกับเสาร์อาทิตย์เท่านั้น เค้าหมายถึงให้เริ่มยาในแถบสีแดงเม็ดไหนก็ได้(ในแผงแรก)ให้ตรงกับวันที่ตัวเองมีประจำเดือนวันแรกจากนั้นแล้วประจำเดือนจะมาในช่วง จ - ศ
- กรณีที่แกะยาทิ้ง(เหมือนในรูป)การเริ่มแผงใหม่จะเริ่มที่แถบสีแดงเม็ดแรก(วันจันทร์ ของแถวสุดท้ายและจะเริ่มแผงต่อๆไปที่ตำแหน่งนี้เสมอ)
- กรณีไม่ได้แกะแผงยา เมื่อกินจนหมดทุกเม็ดแล้วจึงเริ่มกินแผงต่อไปตามลูกศร(จะได้กินยาเม็ดแรกของแผงในตำแหน่งเดิมของแผงเสมอ)

**สรุปไม่มีความจำเป็นต้องแกะเม็ดยาครับ
pixar
 
โพสต์: 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2012, 20:35


ย้อนกลับไปยัง อาราบิก้า

ผู้ใช้งานขณะนี้

cron
New Document