ใครเคยทำบู๊ท เข้ามาแชร์ที

[zzz]

ใครเคยทำงานร้านบู๊ท อยากสอบถามว่า หน้าที่ความรับผิดชอบ บรรยากาศในการทำงาน การกดดันเรื่องยอดขายมีแค่ไหนครับ

ขอบคุณครับ

[noey133]

หน้าที่ความรับผิดชอบของเภสัชกรที่ boots ก็มีจ่ายยา และแนะนำวิตามิน อาหารเสริมค่ะ เหมือนเภสัชกรร้านยาทั่วไป
แต่บางครั้งอาจจะต้องรู้เรื่องผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในร้านด้วย เพราะบางทีลูกค้าคาดหวังกับเราไว้มาก ว่าเป็นเภสัชต้องรู้ส่วนประกอบต่างๆ ด้วย
เช่น ยาสระผม ครีมบำรุงต่างๆ โลชั่น (พอดีว่าจบมาทางสาย techno ก็เลยพอตอบได้ รอดตัวไปเรา )
บรรยากาศในการทำงานก็ดีค่ะ ถ้าอยู่สาขาเล็กๆ ก็จะเหมือนพี่น้องกันเลย สนิทกันมากกับน้องๆ ในร้านทุกคน ถ้าสาขาใหญ่หน่อยก็มีคนเยอะ ก็สนุกไปอีกแบบค่ะ
การกดดันเรื่องยอดขายสำหรับเภสัชกรไม่ค่อยมีนะ ตอนเราเป็นเภสัชก็ขายไปเรื่อยๆ พี่ sm ใจดีมาก แต่อาจจะต้อง link วิตามินอาหารเสริมบ้างค่ะ แต่ก็มี train ให้ทุกตัว ไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ได้ค่ะ

[Three]

จากประสบการณ์ที่ทำบู๊ทมา 1 ปีครึ่ง 3 สาขานะครับ
พูดถึงข้อดีก่อน
- เงินดีครับ ยิ่งไปอยู่ต่างภูมิลำเนาจะได้ค่าเช่าบ้านด้วย ถ้าเลิกหลังเที่ยงคืนก็ได้พิเศษ
- มีสวัสดิการประกันสุขภาพ AIA OPD ให้ด้วย
...อืม ที่เด่น ๆ ประทับใจ นึกได้เท่านี้น่ะครับ
ทีนี้ข้อเสีย
- ไม่มีแคชเชียร์ประจำ ทุกคนในร้านต้องเป็นแคชเชียร์ได้
๐๐๐เวลาเงินขาด ทุกคนในร้านต้องร่วมหาร
๐๐๐เครื่องคิดเงินจะอยู่ติดกับชั้นวางยา ฉะนั้นเภสัชจะถูกแทรกแทรงตลอดเวลา เพราะต้องคิดเงินด้วย เช่นกำลัง counselling อยู่ก็จะมีคนเอาผ้าอนามัย เป๊ปซี่ ไวตามิลก์ ฮอลล์ ไอศครีม ฯลฯ มาจ่ายเงินตลอดเวลา พนักงานเค้าจะไม่ค่อยยืนอยู่แถวเครื่องคิดเงิน เพราะเค้าจะเห็นว่าเครื่องมันอยู่ติดชั้นวางยาซึ่งตรงนั้นก็มีเภสัชผู้ซึ่งคิดเงินได้ยืนอยู่แล้ว เค้าก็จะไปขายของทำยอดของเค้าในส่วนอื่น หรือไปทำอย่างอื่น
- ถูกกดดันเรื่องยอดขาย
๐๐๐ผมขอยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่าบู๊ทเน้นยอดขายมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
๐๐๐ตัวอย่าง สาขาแรกที่ผมทำ พี่ store manager คนนี้มาสอนเลยว่าให้ขายยาแพง ๆ "amoxy กล่องละ 100 น่ะ ขายให้ตายก็ปิดยอดไม่ได้" และบังคับให้จ่ายแต่ยานอกแรง ๆ แพง ๆ เช่นถ้าท้องเสียมา เธอจ่าย Ciprobay ทันที แล้วให้ผมจดยาทุกตัวที่จ่ายไปให้พี่แกดู ตอนนั้นรู้สึกว่าถูกแทรกแทรงเรื่องการจ่ายยามาก โชคดีที่ผมไปเทรนกับสาขานี้แค่ 1 เดือน
๐๐๐อีกตัวอย่าง ทุกเดือนจะมีการเล่นเกมแข่งกันขายในArea พอArea manager เห็นว่ายอดยังไม่ดี ก็กดดันหนักอีก อีก และอีก จนต้องตั้งTarget รายคนกันเลย ว่าพอสิ้นสุดสัปดาห์คุณต้องขายอาหารเสริมให้ได้กี่บาท เคยมีเภสัชคนนึงขายได้น้อย เธอลงอีเมล์(ในเมล์ก็พูดหลายเรื่องนะครับไม่ได้เน้นเรื่องนี้เรื่องเดียว) บอกชื่อของเภสัชคนนั้น และบอกว่า"เป็นเภสัชแต่ทำไมขายอาหารเสริมได้แค่นี้" กดดันกันขนาดนี้
๐๐๐ที่บอร์ดของร้านนี่จะคำนวณยอดกันทุกวัน และต้องพูดให้พนักงานฟังทุกวันว่าวันนี้คุณต้องทำยอดเท่านั้นเท่านี้ และการทักทายกันของบู๊ทจะทักกันเป็นปกติว่า "ยอดขายเป็นไง" สมัยอยู่สาขาแรก Area manager มาเยี่ยมสาขา เจอกันที่ร้านครั้งแรกก็ถามเลยว่า "มาอยู่นี่ทำยอดขายยาเค้าตกหรือเปล่าเนี่ย"
- เปลี่ยนโปรโมชั้นกันบ่อยมาก ๆ แต่ระบบก็ผิดพลาดบ่อยมาก ๆ เช่นกัน
๐๐๐เรื่องราคาไม่ตรงกับป้าย กลายเป็นเรื่องปกติไปเลย โดนลูกค้าว่าประจำ++อันนี้ขอแนะนำทุกคนที่เข้าร้านบู๊ทให้ตรวจราคาที่ป้ายกับใบเสร็จด้วย++
๐๐๐เปลี่ยนการจัดวาง เปลี่ยนราคา เปลี่ยนกันทุกสัปดาห์ หยุมหยิมมาก
- เภสัชกร ไม่ใช่ขายยาอย่างเดียว แต่ต้องทำทุกอย่าง อันนี้ถ้าใครจะมองเป็นข้อดีก็ได้นะ แต่กับผม ผมไม่ชอบการทำอะไรหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน เช่น ทำให้เราบริหารร้านไม่สะดวกเพราะจะถูกแทรกถ้าลูกค้ามาซื้อยา ในทางกลับกันทำให้เราบริการด้านเภสัชกรรมไม่มีประสิทธิภาพเพราะจะถูกแทรกจากการต้องเป็นแคชเชียร์คิดเงินของทุกอย่าง ทุกครั้งจะต้องพบเห็นภาพเภสัชยืนคิดเงิน รับเงิน ทอนงิน ใส่ถุง เปิดขวด แล้วก็มีคนไข้เดินเข้ามาถามหายา ไม่รู้จะถามกับใครก็เดินไปถามกับพนักงาน

+++วันนี้นึกได้แค่นี้+++

[rinko]

Boots เนี่ยนะเงินดี บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยค่ะ ถ้าอยู่ Boots เริ่มที่ 2 หมื่นเศษๆ ขณะที่บริษัทยาระดับโลกจริงๆ ไม่ใช่แค่ภาพลวงตา คุณต้องเริ่มตั้งแต่ 3-4 หมื่นแล้วค่ะ ทำงาน 5 วัน หยุด 2 วัน แต่เหมือนทำ 7 วันนั่นแหละ เพราะวันหยุดต้องคนละวันกับวันขายดี ซึ่งส่วนใหญ่ขายดีวันหยุดของคนอื่นนั่นเอง เรื่องดีดีก็มี เรื่องไม่ดีก็ขอข้ามไป

* Boots มีการอบรมเภสัชกรเยอะพอสมควร เหมาะกับคนอยากเป็นเภสัชกรชุมชนจริงๆ หรือเปิดร้านยาจริงๆ ก็เหมาะมาก
* ถ้าเราสามารถทำงานวันเสาร์อาทิตย์ได้ สักระยะหนึ่งจะชิน แล้วก็สามารถเปิดร้านยาได้ทุกวันอย่างไม่เบื่อ Boots เป็นที่ที่เหมาะสำหรับฝึกความอดทนด้านนี้
* การเมืองระดับโลกมีในทุกที่ทำงาน และที่นี่ก็มี เพราะมีพนักงานตั้งแต่ยังเรียนอยู่, เรียนจบ ม.3, ม.6, ยันเภสัชกรปริญญาโท เพราะฉะนั้นถ้าถือเป็นการฝึกมือในงานบริหารทรัพยากรมนุษย์ ก็ถือว่านี่เป็นแหล่งฝึกมือที่ดีเช่นกัน
* เภสัชกรที่นี่ดูเหมือนเงินเดือนดี ภาพลักษณ์ดี แต่นั่นคือเปรียบเทียบกับเพื่อนร่วมงานนั่นแหละ สวัสดิการบางบริษัทเยอะกว่านี้เยอะค่ะ พอเทียบกับเพื่อนเภสัชบริษัทยาระดับโลก ไม่ว่าเพื่อนจะอยู่ตำแหน่งไหนของบริษัท ก็จะได้เยอะกว่าเราอยู่ดี Boots จึงเหมาะกับการฝึกความพอเพียง และเก็บเงิน เพราะไม่มีโอกาสไปเที่ยวกะเพื่อนในวันหยุดตรงกับมันเลย แต่แปลก เก็บเงินได้เยอะกว่ามันมากๆ ทั้งๆที่มันได้เงินเยอะกว่าเราเป็นเท่าตัว
* Boots มีสาขาเยอะค่ะ ถ้าบ้านอยู่ใกล้สาขาไหน ก็น่าจะเป็นแรงจูงใจให้เภสัชกรที่ไม่ได้มีบ้านในตัวเมืองใหญ่ๆ มีโอกาสได้กลับบ้าน หรืออยู่ใกล้บ้านมากขึ้น ถือเป็นเรื่องดีค่ะ แต่สุดท้ายสาขาที่เขาเปิดก็มีแต่ในห้าง หรือพื้นที่ที่มีกำลังซื้อสูง จึงคงไม่ได้ช่วยให้ชุมชนเล็กๆ จังหวัดไกลๆมีเภสัชกรดูแลคนไข้มากขึ้น
* ธุรกิจก็คือธุรกิจค่ะ Boots ไม่ใช่แหล่งผลิตเภสัชกรที่เก่ง แต่เป็นแหล่งผลิตเภสัชกรให้มีหัวด้านธุรกิจด้วย ถ้ารับไม่ได้กับการทำยอดขาย ก็อย่าทำ แต่ถ้าอยากเข้าใจการจ่ายยาที่สัมพันธ์กับการทำยอดขายเพื่อให้ร้านอยู่รอด ก็ลองดูค่ะ เราปฏิเสธไม่ได้ว่าบ.ก็ต้องมีกำไร ไม่งั้นบ.ก็ไม่มีเงินจ้างเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าฝืนใจในการทำยอดขาย ก็ไม่ต้องอยู่ค่ะ

ข้อดีมักจะมาพร้อมข้อเสีย เพียงแต่เราจะมองเป็นวิกฤตหรือโอกาสเท่านั้นแหละค่ะ ทุำกวันนี้มีน้องเภสัชมาถาม ก็ยังแนะนำให้สมัครที่ Boots ค่ะ เพราะอยากให้ฝึกความอดทน และเข้าใจระบบการทำงานมากขึ้น คงไม่มีบ.ไหนดีไปซะทุกอย่าง แล้วก็มาเลือกเภสัชกรจบใหม่ที่ไม่ได้มีอะไรต่างกันสักคน ทั้งๆที่จบมาจากคนละที่หรอกค่ะ เขาต้องเลือกจากความสามารถอย่างอื่นมากกว่าเกรดเฉลี่ยในการเรียนอยู่แล้ว

[sukanya_rx19]

Boots เนี่ยนะเงินดี บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยค่ะ ถ้าอยู่ Boots เริ่มที่ 2 หมื่นเศษๆ ขณะที่บริษัทยาระดับโลกจริงๆ ไม่ใช่แค่ภาพลวงตา คุณต้องเริ่มตั้งแต่ 3-4 หมื่นแล้วค่ะ ทำงาน 5 วัน หยุด 2 วัน แต่เหมือนทำ 7 วันนั่นแหละ เพราะวันหยุดต้องคนละวันกับวันขายดี ซึ่งส่วนใหญ่ขายดีวันหยุดของคนอื่นนั่นเอง เรื่องดีดีก็มี เรื่องไม่ดีก็ขอข้ามไป

* Boots มีการอบรมเภสัชกรเยอะพอสมควร เหมาะกับคนอยากเป็นเภสัชกรชุมชนจริงๆ หรือเปิดร้านยาจริงๆ ก็เหมาะมาก
* ถ้าเราสามารถทำงานวันเสาร์อาทิตย์ได้ สักระยะหนึ่งจะชิน แล้วก็สามารถเปิดร้านยาได้ทุกวันอย่างไม่เบื่อ Boots เป็นที่ที่เหมาะสำหรับฝึกความอดทนด้านนี้
* การเมืองระดับโลกมีในทุกที่ทำงาน และที่นี่ก็มี เพราะมีพนักงานตั้งแต่ยังเรียนอยู่, เรียนจบ ม.3, ม.6, ยันเภสัชกรปริญญาโท เพราะฉะนั้นถ้าถือเป็นการฝึกมือในงานบริหารทรัพยากรมนุษย์ ก็ถือว่านี่เป็นแหล่งฝึกมือที่ดีเช่นกัน
* เภสัชกรที่นี่ดูเหมือนเงินเดือนดี ภาพลักษณ์ดี แต่นั่นคือเปรียบเทียบกับเพื่อนร่วมงานนั่นแหละ สวัสดิการบางบริษัทเยอะกว่านี้เยอะค่ะ พอเทียบกับเพื่อนเภสัชบริษัทยาระดับโลก ไม่ว่าเพื่อนจะอยู่ตำแหน่งไหนของบริษัท ก็จะได้เยอะกว่าเราอยู่ดี Boots จึงเหมาะกับการฝึกความพอเพียง และเก็บเงิน เพราะไม่มีโอกาสไปเที่ยวกะเพื่อนในวันหยุดตรงกับมันเลย แต่แปลก เก็บเงินได้เยอะกว่ามันมากๆ ทั้งๆที่มันได้เงินเยอะกว่าเราเป็นเท่าตัว
* Boots มีสาขาเยอะค่ะ ถ้าบ้านอยู่ใกล้สาขาไหน ก็น่าจะเป็นแรงจูงใจให้เภสัชกรที่ไม่ได้มีบ้านในตัวเมืองใหญ่ๆ มีโอกาสได้กลับบ้าน หรืออยู่ใกล้บ้านมากขึ้น ถือเป็นเรื่องดีค่ะ แต่สุดท้ายสาขาที่เขาเปิดก็มีแต่ในห้าง หรือพื้นที่ที่มีกำลังซื้อสูง จึงคงไม่ได้ช่วยให้ชุมชนเล็กๆ จังหวัดไกลๆมีเภสัชกรดูแลคนไข้มากขึ้น
* ธุรกิจก็คือธุรกิจค่ะ Boots ไม่ใช่แหล่งผลิตเภสัชกรที่เก่ง แต่เป็นแหล่งผลิตเภสัชกรให้มีหัวด้านธุรกิจด้วย ถ้ารับไม่ได้กับการทำยอดขาย ก็อย่าทำ แต่ถ้าอยากเข้าใจการจ่ายยาที่สัมพันธ์กับการทำยอดขายเพื่อให้ร้านอยู่รอด ก็ลองดูค่ะ เราปฏิเสธไม่ได้ว่าบ.ก็ต้องมีกำไร ไม่งั้นบ.ก็ไม่มีเงินจ้างเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าฝืนใจในการทำยอดขาย ก็ไม่ต้องอยู่ค่ะ

ข้อดีมักจะมาพร้อมข้อเสีย เพียงแต่เราจะมองเป็นวิกฤตหรือโอกาสเท่านั้นแหละค่ะ ทุำกวันนี้มีน้องเภสัชมาถาม ก็ยังแนะนำให้สมัครที่ Boots ค่ะ เพราะอยากให้ฝึกความอดทน และเข้าใจระบบการทำงานมากขึ้น คงไม่มีบ.ไหนดีไปซะทุกอย่าง แล้วก็มาเลือกเภสัชกรจบใหม่ที่ไม่ได้มีอะไรต่างกันสักคน ทั้งๆที่จบมาจากคนละที่หรอกค่ะ เขาต้องเลือกจากความสามารถอย่างอื่นมากกว่าเกรดเฉลี่ยในการเรียนอยู่แล้ว

[ck0707007]

เออะๆๆ>>>เขาฝึกให้เราเปิดร้านเอง

[zzz]

ขอบคุณพี่ๆมากครับ ที่อุตสาห์เสียเวลามาแชร์ประสบการ์ณ ได้ความรู้มากเลยครับ


ใครมีความเห็นเพิ่มเติม หรือแตกต่างรบกวนเวลานิสสสสหนึ่งนะครับ จะรอฟังเรื่อยๆครับ

[tintin_hcu]

เล่าประสบการณ์เพื่อนผมแล้วกันนะ เล่าสั้นๆแล้วกันเพราะฟังมาจากเพื่อนอีกคนนึง

คนที่อยู่บูทส์ ปรากฏว่าได้แต่งงานกับเด็กในร้านบูทส์นั่นแหละครับ ไปทำเค้าท้องซะได้ เลยต้องรับผิดชอบไปซะ

[zzz]

เล่าประสบการณ์เพื่อนผมแล้วกันนะ เล่าสั้นๆแล้วกันเพราะฟังมาจากเพื่อนอีกคนนึง

คนที่อยู่บูทส์ ปรากฏว่าได้แต่งงานกับเด็กในร้านบูทส์นั่นแหละครับ ไปทำเค้าท้องซะได้ เลยต้องรับผิดชอบไปซะ

[Rx64]

1.สวัสดิการ- ถือว่าดีนะคะมีประกันสุขภาพของ AIA OPD เวลาป่วยก้อไปรพ.แล้วใช้ระบบfax claim ไปเลยไม่ต้องสำรองจ่าย มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วยค่ะ ถ้ายึดหลักว่าเราสุขภาพดีไม่ได้ป่วยบ่อยๆ ก็ถือว่าพอรับได้ค่ะ
2.เงินเดือน - เหมือนความเห็นต้นๆค่ะ เริ่มต้นที่ หมื่นแก่ๆ + ค่าป้าย+ค่าที่พักถ้าไม่ได้อยู่ในภูมิลำเนาเดิม และก็มีเงินปันผลที่อังกฤษด้วย(แต่ไม่รฦตอนนี้ยังมีหรือเปล่านะ ที่เรียกกันเล่นๆว่า"ผลส้ม"น่ะค่ะ)เงินเดือนเพิ่มขึ้นทุกปีค่ะแต่ไม่เยอะนะคะ หลักร้อยถึงพันต้นๆต่อเดือน
3.เวลาทำงาน - สบายที่สุดค่ะ 5 วันต่อสัปดาห์ หยุดสัปดาห์ละ 2 วัน คนที่เพื่อนเยอะอาจลำบากเพราะต้องหยุดวันที่ขายไม่ดี มีวันหยุดประจำปีประมาณ 15 วัน และพักร้อนอีก 10 วันต่อปี
4.ความกดดันเรื่องยอด- ถ้าเป็นเภสัชกร สบายโคตรค่ะ อยากขายอะไรขายไปแต่ก็ต้องขายยาของตัวเองบ้างเพราะmargin เยอะสุด แต่อย่าบังอาจขึ้นเป็นSM นะคะ โดนArea manager มันไล่บี้เรื่องยอดแทบจะทุกลมหายใจ ไม่ว่าคุณจะอยู่ร้านหรือไม่ ต้องรู้สถานการณ์ในร้านตลอด อันนั้นเครียดดดดด ค่ะ

สรุปว่าอยู่ได้แบบพอเพียงท่านจะสบายใจที่สุดแต่ถ้าขึ้นเป็นSM เมื่อไหร่นับวันออกได้เลย ขอบอกเครียดสุดๆๆและแทบไม่ได้ใช้ความรู้ทางเภสัชกรรมเลย กลับต้องมาทำbusiness plan มันก็ต้องขึ้นอยู่กับมุมมองค่ะว่าคุณเป็นคนแบบไหน ชิลๆ หรือมีความมุ่งมั่นว่าจะทำอะไร แต่ออกจากบู๊ทส์แล้วความรู้เพียบค่ะแต่ออกแนว ผลิตภัณท์บำรุงผิวนะคะ อิๆๆๆ

[konis]

พอดีสาขาที่ได้ทำดันเป็นสาขาใหญ่ 1ใน 3 ของเค้า (สยามเซ็นเตอร์) ก่อนที่ร้านจะย้ายไปอยู่ชั้นสาม
เภสัชต้องทำทุกอย่างจริงๆ รู้ทุกอย่างขนาดว่าต้องไปช่วยเลือกแปรงสีฟัน โฟมล้างหน้า ครีมบำรุงผิว เจลแต่งผมสำหรับผมฟู
กดดันยอดไหมไม่รู้แต่อาทิตย์นึงตอนแรกไปอยู่ต้องขายให้ได้ล้านหกแสน พอทำได้ก้เพิ่มขึ้นเลื่อยๆ จนตอนลาออกขึ้นเป็นสองล้านกว่า
แต่ตอนแรกที่ไปทำงานบรรยากาศดีมากๆเพราะพี่ SM ดี แต่พอเปลี่ยนคน (มีนโยบายเปลี่ยนคนทุกปี) แล้วสุดๆไปเลย ขนาดป่วยจะตายแล้วยังจะให้มาทำงานบอกหาคนมาแทนเราไม่ได้ เลยลาออกเลย ที่สำคัญเป็นเส้นเลือดขอดเต็มขาคะได้มาเป็นของแถม

[Hawk]

เคยเป็น part time ต้องยืนขายทั้งวัน เส้นเลือดขอดเลยไม่ไหวคิดถึงระยะยาวคงไม่ไหวเลยเลิก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องห้ามนั่งมันน่าจะเป็นข้อเสียมากกว่าข้อดีเพราะกดดันและทำให้เราเครียด สังเกตุดู เภสัชบู๊ทจะมี turn over rate สูง

[nondinho]

ร้านที่เคยอยู่บรรยากาศดีมากๆ ครับ พี่ store manager ใจดีมาก ไม่เคยกดดันยอดยาเลย (แต่แกโดน area manager ไล่บี้เละ) ผมอยู่กับเพื่อนๆ พี่ๆ พนักงานแบบพี่น้องครับ อันนี้แล้วแต่สาขา และการวางตัวของเรา ในส่วนของค่าตอบแทนผมว่าดีนะครับ ได้เงินเดือน + ค่าเช่าบ้าน(ต่างจังหวัด) + OT + incentives (ผมไม่ค่อยได้) วันหยุดสัปดาห์ละ 2 วัน + วันหยุดกนักขัตฤกษ์ + วันลาพักร้อนสำหรับคนที่ทำงานนานกว่า 1 ปี (อันนี้ผมไม่ได้) ซึ่งผมว่าสวัสดิการดีเทียบกับเราไม่ต้องไปเสี่ยงขายยาที่ผิดกฏหมาย

เรื่องการจ่ายยาสำหรับผมแล้วผมไม่ค่อยซีเรียสเรื่องราคายาซึ่งของ boots จะแพงกว่าชาวบ้านอยู่บ้าง แต่ที่ผมเครียดคือบางครั้งเพื่อน และรุ่นพี่เภสัชที่ทำงานเวลาทับซ้อนกันมักจะมองผมเวลาจ่ายยา บางครั้งเขาจะแทรกแซงการตัดสินใจแล้วยัดยาเปลี่ยนให้ มีเคสหนึ่งลูกค้าเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ผมจะจ่าย norflox ของ boots แต่พี่เภสัชยัด levoflox มาให้ผมจ่าย เนื่องจากต้องการทำยอด ซึ่งการกำหนดยอดขายยาส่งผลให้ผู้ป่วยบางรายได้รับยาเกินความจำเป็น บางรายได้รับยาไม่เหมาะสม บางร้านขาย antibiotic ตัวใหม่ๆ กันอย่างเดียวเนื่องจากทำให้ได้ยอดขายเยอะ บางครั้งก็เอามาโชว์กันว่าขายเคสนั้นได้ เท่านั้นเท่านี้ เรื่องยอดหากเราขายได้น้อยก็จะเกรงใจเพื่อนร่วมร้านอีกเพราะเขาจะไม่ได้ incentives ซึ่งสำหรับเภสัชอาจจะไม่เยอะเท่าไร แต่สำหรับพนักงานมันเยอะมาก ถ้าเราไม่ทำเค้าจะไม่ได้เงิน ลำบากใจมากครับ

ในกรณีของเจ้าของกระทู้อยากทำก็แนะนำครับหากไม่มีปัญหากับเรื่องดังกล่าว (ซึ่งมันไม่มีอะไรมากเลย? ) boots ให้ประสบการณ์ และอะไรหลายอย่างมาก เรื่องการบริหารคน คลังสินค้า การจัดทำบริการเสริมการขาย และอีกหลายอย่าง แต่ตอบสนองความต้องการบางอย่างของผมไม่ได้

ิboots ทำให้ผมเปิดร้านยาเองครับ

[midazolam]

อ่านแล้วเลิกความคิดที่จะทำเลย แง่มแง่ม

[Rxyz]

โปรดทราบ
ประชาชนที่ไปซื้อยาจาก Boot's
ท่านอาจได้รับยาที่ไม่จำเป็น หรือเกินความจำเป็น จากเภสัชกร
ต้องขออภัยด้วย เนื่องจากยอดขายบังคับ
วิชาเภสัชกรรม ที่เรียนมา เรียนไว้เพียงเพื่อสอบเท่านั้น
เภสัชกรรม