PharmaCafe.com

สอบใบประกอบโรคศิลป ณ.จุฬาลงกรณ์ วันที่ 5 มีนาคม 2553 ก็เตรียมตัวไปอย่างดี แอบได้ยินเด็กพูดถึง ยา Ethambutal พรบ.ยามตรา 32 and 39 เปิดหนังสือ และอีกหลายๆข้อ (ตอนแอบไปถ่ายท้องค่ะ)พอเข้าไปในห้องสอบเจอเต็มๆเลยว่ะ ออกมาได้ไงว่ะเนี้ย(ข้อสอบนี่หว่า)
มาตราฐานของเภสัชกรไทยเป็นเช่นไรถ้าต่อไปนี้ เราชาวเขียวมะกอกยังเหยียบย่ำกันเองในเพื่อนร่วมวิชาชีพไม่ช่วยกันส่งเสริม การที่ข้อสอบรั่วแบบนี้เป็นมาหลายปีหรือเกือบทุกๆปี โดยจะมีเพียงมหาวิทยาลัยเดียวที่ทำได้ดีโดยคิดว่าตัวเองนั้นยิ่งใหญ่กว่ามหาลัยอื่น ทั้งที่เมื่อจบแล้วไม่ได้มีป้ายแขวนคอว่ามาจากสถาบันใดเพียงแต่ทุกคนถูกเรียกว่าเภสัชกรเท่ากันหมด
กรรมการสภาในยุคปัจจุบันถือว่าเป็นบุคคลยุคใหม่ต่างจากสัตว์ยุคหิน(ภาวิช ดอกทองน้อย)น่าจะสามาพัฒนาการสอบให้มีความเท่าเทียมกันมากขึ้นกับนักศึกษาที่จบใหม่ทุกคนไม่ให้มีข้อสอบรั่วกอนสอบ(เป็นที่น่าอดสูเพราะวิชาชีพได้มาจากการทุจริต แล้วผู้ป่วยจะพึ่งใคร) ขออนุญาติเสริมการป้องกันข้อสอบรั่วแก่สภาเภสัชกรรม
1 สอบรวมในศูนย์สอบรวมกันพร้อมกันที่เดียวกันทั้งประเทศ(เช่นอิมแพค)
2 ให้มีอาจาย์มหาวิยาลัยทุกที่เท่ากันหมดและคละให้คุมสอบเท่ากันทุกห้อง
3 กักตัวอาจารย์ไม่ให้รู้ข้อสอบด็ดขาดจนกว่าจะถึงเวลาคุม
4 ตัดระบบการสื่อสารทั้งหมดรอบบริเวณสอบใรรัศหมี 1 กิโลเมตร
5 ให้อาจารญืตัวแทนแต่ละมหาวิทยาลัยทำข้อสอบแล้วหาคะแนนเฉลี่ยของอาจารย์มาเป็นคะแนนลบลงอีก 10 คะแนนเป็นคะแนนที่ถือว่าผ่าน(เพราะบางฐานนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะมีอาจารย์ท่านใดทำได้เท่าไรโดยเฉพาะเปิด พรบ.ยา)

ทุกสิ่งที่เขียนถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นขอโปรดนำไปพิจารณาว่าสมควรไหม นักศึกษาเภสัชและพี่ๆเภสัชกร ทุกหมาวิทยาลัยเห็นสมควรประใดแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ เพราะเราอยู่เมืองไทยเมืองแห่งเสรีภาพจริงไหมคับ

ที่มา ..... เวบไซด์สภาเภสัชกรรม

พี่บรูซขอถามว่าสภาจะแก้ไขปัญหาอย่างไรถ้าเป็นเรื่องจริง

อย่าได้จั่วหัวข้อว่า "...จบจากมหาวิทยาลัยรัฐ..." เลยครับ เพราะผมเองก็จบจากมหาวิทยาลัยของรัฐแต่ก็ไม่เคยได้รับโพยข้อสอบใด ๆ ตอนสอบใบประกอบเลย

เรื่องข้อสอบรั่วก็มีให้ได้ยินทุกปี จริงบ้างไม่จริงบ้างก็ว่ากันไปตามหลักฐาน ปีที่ผมสอบก็ได้ยินข่าวว่ามีรั่ว ผมเองก็แค้นอยู่ไม่น้อย "ทำไมตูถึงไม่ได้โพยบ้างว่ะ" แล้วมันก็ผ่านไป ปีที่รุ่นน้องของผมสอบ ก็เห็นน้อง ๆ พูดกันหน้าห้องสอบว่าข้อหัวข้อนี้ หัวข้อนั้น แล้วก็เร่งอ่านกันหน้าห้องสอบ พอสอบเสร็จมันก็ตรงจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าไงเน้อ

แต่แนวทางที่เจ้าของกระทู้เสนอ (หรือที่เจ้าของกระทู้ไป copy มา) ก็ดีนะครับ ผมว่าข้อสอบแบบนี้ของทุกวิชาชีพก็น่าจะให้เสมอภาคกัน สอบที่เดียวกัน อาจารย์คุมสอบก็ควรจะสุ่มเอามหาวิทยาลัยโน้นมาคุมมหาวิทยาลัยนี้ ไม่ใช้มหาวิทยาลัยตัวเองคุมเด็กของตัวเอง (เพื่อนที่เรียนแพทย์บอกว่าของเขามีสอบรอบเช้ากับรอบบ่ายด้วย พวกมหาวิทยาลัยดัง ๆ เลยขอสอบรอบบ่ายกันเป็นแถว)

ผมเองก็สอบ ปี 53 เช่นกัน ข้อสอบรั่วที่ส่งกันมา เป็นการเกร็งข้อสอบเองของแต่ละมหาวิทยาลัยครับ สุดท้ายก้ไม่ได้ออกตามที่เกร็งสักข้อเดียว สงสารหลายๆคนที่เชื่อโพย อ่านและเน้นเฉพาะตรงที่โพยเขียน ก็เลยสอบไม่ผ่านครับ แต่ผมรู้แค่มหาวิทยาลัยผมครับ ในส่วนกลางอันนี้ไม่ทราบจริงๆครับ

เรื่องขอสอบรั่ว ไม่ขอกล่าวถึงนะครับ

แต่อยากฝากข้อคิดไปยังสภาถึงการสอบ OSPE ครับ

เนื่องจากเรานั้นต่างทราบกันดีว่ามีความแต่ต่างในการให้คะแนนระหว่างอาจารย์แต่ละท่านผู้คุมสอบแต่ละคน

เรื่องนี้ทางสภาเห็นหรือมีความคิดอย่างไรครับ

อีกอย่างการสอบในห้องสอบแต่ละห้องนั้นมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างการสอบแล้วความยุติธรรมในการสอบจะหาได้จากจุดไหนครับ

และที่สำคัญมันมีอยู่หนึ่งข้อครับที่ผมยัง งงๆ ว่า ปีนี้ทำมไมถึงยังมีออกมาอีก ข้อที่ให้ การโทษแล้วเปิดหาความผิดตามมาตราของกฎหมายครับ

ปีที่แล้วก็มีการถกเถียงกันแล้วก็เงียบไป ปีนี้ทำไมกลับเอามาออกครับ กล่าวจะกล่าวโทษใครสักคนต้องพิจารณาให้ดีและเขียนกล่าวโทษล้อกับกฎหมายไม่ใช่หรือครับ


สุดท้าย ไม่รู้เหมือนกันครับ ว่า สิ่งเหล่านี้ที่เป็นความคิดเห็นเพียงเสียงหนึ่งจะไปถึงสภาหรือไม่ เพราะเคยไปสอบถามอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งมีส่วนในการสอบแล้วท่านก็หัวเราะ และบอกเพียงว่า คิดมากไปรึป่าว เท่านั้นจริงๆที่ผมได้คำตอบมา

การที่ข้อสอบรั่วแบบนี้เป็นมาหลายปีหรือเกือบทุกๆปี โดยจะมีเพียงมหาวิทยาลัยเดียวที่ทำได้ดีโดยคิดว่าตัวเองนั้นยิ่งใหญ่กว่ามหาลัยอื่น

แล้วถ้าเด็กเค้าสอบได้แค่ 30 - 50 % มันเสียหน้าหรือเปล่าครับกับชื่อเสียงที่สั่งสมมานาน ถ้าตำตอบคือเสีย แล้วยังต้องสงใสทำไม่ละครับว่าข้อสอบรั่วได้ยังไง


ถ้าสอบไม่ได้ก็อย่าท้อครับ สู้ต่อไปเรียนก็เรียนเหมือนกัน เค้าสอบผ่านเราก็ต้องผ่านครับ ถ้าเราเก่งจริง รู้จริงยังไงก็ผ่านครับ

เห็นได้ว่าการเอาจน.เภสัชกรที่สอบผ่านมากน้อยมาอุปมาอุปมัย กล่าวหาสถาบันนั้นไม่เป็นเหตุเป็นผลกัน เว้นแต่สภาจะใช้มาตราฐานเทียบเท่าการสอบเนติบัญฑิต

ข้อสอบมาจากไหนล่ะครับ... มหาวิทยาลัย...
คนคุมสอบ ให้คะแนนมาจากไหนล่ะครับ... มหาวิทยาลัย...
แล้วมหาวิทยาลัยมีส่วนได้ส่วนเสียกับการสอบผ่าน/ไม่ผ่านของนิสิตไม๊... ถ้ายังมีตัวชี้วัดจำนวนที่นิสิตสอบใบประกอบผ่าน... (บางที่ถ้านิสิตสอบผ่านเกิน XX% คณบดีบอกจะเลี้ยงอาจารย์ในคณะ... หุหุหุ...)

ปรับปรุงเรื่องการสะกดค่ะ
"เก็ง" คะ ไม่ใช่ "เกร็ง" ข้อสอบ เมื่อยแย่เลย
" บัณฑิต" คะ ไม่ใช่ "บัญฑิต"

อ้อ คริ คริ นามสกุล อาจารย์ภาวิชผิดนะคะ ไม่มี "ดอก" ค่ะ และไม่มีน้อยด้วย น้องแอนขออะคะ ให้เกียรติกันนิดหนึ่ง ยังไงอาจารย์ก็เป็นผู้ใหญ่ที่ทำงานเพื่อคนอื่นมาเยอะ แม้ความคิดอาจารย์จะขัดใจใครหลายคนก็ตาม หนูแอนไม่ได้เป็นอะไรกับอาจารย์นะคะ ไม่ต้องสงสัย

เข้าประเด็นคะถ้า "ข้อสอบรั่ว" ต้องมีหลักฐานประกอบคะ ไม่เช่นนั้นเป็นการปรักปรำกันด้วยวาจา มีความเป็นไปได้คะ ที่จะเป็นการเก็งข้อสอบ เพราะเนื้อหาก็วนอยู่แค่นี้ แนวทางการสอบก็มีประกาศเป็นสาธารณะอยู่แล้ว ก็คงไม่พ้นเนื้อหาเหล่านั้นแหละคะ เด็ก ๆ เขาอาจพูดกันมากกว่านี้ก็ได้ แต่เผอิญไปได้ยินเฉพาะข้อสอบพอดี๊ พอดี

เราใช้การสอบใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมให้เกิดประโยชน์ดีไหมคะ ดีกว่าจะเอามา rank กัน เอามากำหนดเป็นตัวชี้วัดบ้าบออะไรกัน บ้านเมืองไม่เห็นจะเจริญขึ้นตรงไหนเลย

ตอนสอบ อ่านข้อสอบเก่า เตรียมจากข้อสอบที่ผ่านมาและสิ่งที่ควรต้องรู้ ตกรอบแรก ผ่านรอบ2 เห็นมีปัญหามา 2 ปีแล้ว
สภาตอบโจทย์ชี้แจงอย่างไร คงต้องขอตรวจสอบกับแบบ a netเลยไหม

ผมเคยเก็งข้อสอบOSPE นะ ได้ไกล้เคียง เป็นสิบข้อแหน่ะ
ตามคูมือการสอบ ฯ น่ะครับ
อีกสามร้อยข้อไม่ต้องมานั่งเกร็งให้เสียเวลาหรอกครับ มันเยอะ
การที่ เก็งมาแล้วตรงกับที่ออกในข้อสอบ คงไม่ใช่เรื่องเเปลกใช่ใหมครับ