แม้ใครจะบอกว่า ตีเหล็กควรตีตอนร้อนๆ
แต่นิสิตนักศึกษาหลายคน.. เลือก ที่จะใช้สิทธิเพียง อ่านและติดตามความคิดเห็นต่างๆ ... เท่านั้น
เที่ยงคืนของวันที่ยี่สิบห้า .. ดิฉันทราบข่าวเรื่องนี้จากอีเมลฉบับหนึ่ง
ยอมรับว่า ตกใจ ที่มีเอกสารเป็นรูปเป็นร่างขนาดนั้นแล้ว
แต่ยังสงสัยในหมายเหตุที่ว่า ..
".. แนวทางการสอบที่กำหนดข้างต้น เป็นมติคณะกรรมการการศึกษาเภสัชศาสตร์ ครั้งที่ 16 (6/2552)
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2552 ส่วนกำหนดการสอบคาดว่าจะเป็นไปตามประกาศนี้.. "
อย่างไรก็ดี ดิฉันตัดสินใจที่จะส่งอีเมลไปยังเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน ทั้งสถาบันเดียวกันและต่างสถาบัน
อาจจะมองว่า นั่นเป็นการตื่นตูมกับกระแสข่าว
แต่ .. เมื่อมองในมุมของ "บุคคลที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด" .. จึงไม่ลังเลที่จะทำ
====================
ความคิดเห็นสำหรับเรื่องนี้ ในฐานะที่เป็นนักศึกษาเภสัชศาสตร์คนหนึ่ง
ดิฉันเห็นด้วย.. กับการ "แยกสอบ" MCQ กับ OSPE เป็นคนละช่วงกัน
เพราะมันคงช่วยลดลูกโซ่ความเครียด ที่มักส่งผลให้สมองและร่างกายบอบช้ำ กว่าจะถึงวันสอบ OSPE วันสุดท้าย
(รุ่นพี่หลายคนเล่าว่า 90 นาทีในห้องสอบ เสียงกริ่งที่ดังขึ้นทุก 3 นาที ไม่ต่างอะไรกับ การตบหน้าเรียกสติให้เดินทีละก้าว - -")
เราจะได้พร้อมจริงๆ สำหรับการสอบเหล่านั้น
สภาเภสัชกรรมคงมีเจตนาดี.. ไม่อยากเห็นเด็กๆสอบตก แล้วต้องมาสอบซ่อม ทุกปีๆ
(พยายาม think positive สุดๆ)
และไม่เห็นด้วย.. กับการแนวทางการสอบ โดยเลื่อนเข้ามา อย่างไม่มีการแจ้งล่วงหน้า
ปฏิทินการศึกษาของแต่ละสถาบัน ถูกกำหนดไว้แล้วล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งภาคการศึกษา
จะคิดง่ายๆว่า เด็กสมัยนี้ไม่ต่างจากสมัยไหนๆ ที่เมื่อจะสอบแล้ว ใกล้ๆค่อยอ่าน
เลื่อนสอบเข้ามาแบบไม่ต้องให้เด็กตั้งตัว เด็กก็อ่านตอนจะสอบนั่นแหละ
อย่างนั้นแล้ว .. มันต่างอะไรกับการสนับสนุนพฤติกรรมเหล่านั้น?
อีกอย่างหนึ่ง ดิฉันว่า การเลื่อนสอบเข้ามาใกล้ขึ้น เหมือนมันขัดแย้งกับการประกาศใช้หลักสูตรหกปี
สภาฯเคยบอกว่า ห้าปียังไม่เพียงพอที่จะกลายเป็นเภสัชกรที่สมบูรณ์
แต่ถ้าสอบ MCQ ตุลานี้ .. แสดงว่า สี่ปีครึ่งนี่เพียงพอแล้ว อย่างนั้นหรือ?
เกี่ยวกับ จำนวนสถานที่สอบและผู้คุมไม่เพียงพอ
แล้วให้คนที่สอบไม่ผ่าน MCQ เดือนตุลา ไม่มีสิทธิ์สอบ OSPE เดือนมีนา
มองว่า แนวทางนี้แก้ไขได้ ก็จริง ...
แต่ .. มันน่าจะมีวิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุดกว่านี้ .. รึเปล่า?
แต่อย่างไรก็ดี ดิฉันยังเห็นด้วยกับคำพูดของอาจารย์ท่านหนึ่ง ...
"ใบประกอบวิชาชีพ ไม่ใช่สิ่งสุดท้ายของชีวิต"
ใบประกอบวิชาชีพอาจเป็น 'อาวุธของเภสัชกร' 'เครื่องหมายของเภสัชกร' 'หลักฐานยืนยันการเป็นเภสัชกร'
หากไม่มี .. เหมือนเสียเวลาห้าปี แต่ทำงานของเภสัชกรไม่ได้
แต่ถ้ามีไว้ในครอบครอง แล้วมิได้ปฏิบัติตนเป็นเภสัชกรที่ดี ... จงอย่าได้แขวนมันไว้ให้เกิดคำครหาแก่วิชาชีพเลย
สอบไม่ผ่าน ไม่ได้หมายความว่า คุณไม่ดีพอที่จะเป็นเภสัชกร
คุณแค่ยังไม่พร้อมที่จะออกไปเป็นเภสัชกร
หากทุกฝ่ายคิดว่า เวลาสามเดือน เพียงพอแล้วในพวกเราได้เตรียมพร้อม
พวกเราก็จะพยายามเต็มที่ ตามความสามารถ
อย่างน้อย.. ต้องให้คุ้มกับค่าสมัครสอบ (ค่าใช้จ่ายจะเปลี่ยนแปลงด้วยหรือเปล่าคะ?)
และคุ้มค่ากับน้ำใจจากเพื่อนๆ ทุกสถาบันที่ช่วยเหลือเพื่อให้ผ่านการ "จี้ให้สอบ"ครั้งนี้
ยังไง ถ้ามีการประกาศใช้แนวทางนี้จริงๆแล้ว ขอเหตุผลที่เป็นธรรมกับพวกเราด้วยนะคะ
ปล. เหมือนเว็บไซต์ของสภาเภสัชกรรม โดน malware เล่นงานเลยนะเนี่ย
