ฝากถึงสภาเรื่องการสอบใบประกอบครับ

[Fender]

คือได้ข่าวมาว่าจะเลื่อนการสอบจากเดือนมีนาคมทั้ง OSPE และ MCQ จากนั้นก็ได้ข่าวว่าจะเลื่อนมาเป็นปลายเดือนมกราโดยสอบ MCQ ให้ผ่านก่อนแล้วจึงมีสิทธิ์สอบ OSPE ได้ แต่ข่าวล่าสุดก็เลื่อนมาเป็นวันที่ 7 - 8 เดือนตุลาคมนี้อีก อยากถามว่า สาเหตุที่ต้องเลื่อนเป็นเพราะอะไรครับ แล้วปกติเค้าแจ้งล่วงหน้ากัน 4 เดือนหรือครับ แล้วอย่างนี้ มหาลัยจะมีเวลาเตรียมตัวอย่างไร จัดหลักสูตรให้เด็กได้เตรียมตัวสอบใบประกอบอย่างไร ท่านคิดกันดีแล้วหรือครับ ถ้าตามหลักการจะประกาศเปลี่ยนแปลงระบบ ควรจะเป็น อย่างน้อยก็ 1 ปีไม่ใช่หรือครับเพื่อให้สถานศึกษาเตรียมตัวปรับหลักสูตรเพื่อให้นักศึกษาได้เตรียมความพร้อมกับการสอบใบประกอบอย่างเต็มที่เพราะผมว่าทุกๆคนก็อยากจะสอบผ่านกันทุกคนนะครับ แต่บางมหาลัยช่วงปี 5 เทอม 1 ก็มีงานเยอะมากจนไม่มีเวลาเตรียมตัว ผมจึงอยากถามขอ้ 2 ครับว่าท่านมองภาพรวมประโยชน์ ผลดี ผลเสีย ของการเปลี่ยนแปลงระบบทุกมุมแล้วหรือยัง หรือท่านมองแค่บางมุม...

ขอนอกเรื่องนิดนะครับ
จากการที่ได้ติดตามข่าว เรื่องกฏหมายที่ว่าจะให้เภสัชกรจ่ายยาได้เท่านั้น ผมได้ยินมาหลายปีแล้วทำไมถึงไม่ผ่าน แล้วทำไมกฏหมายถึงให้พยาบาลขายยา พวก antibiotic ได้ มันแสดงให้เห็นถึงอะไรบ้างรึเปล่า ทำไมสภาแพทย์ศาสตร์ สภาพยาบาลเค้าถึงทำกันได้ เค้ารักกัน เค้าช่วยเหลือกัน แล้วลองมองดูตัวเองแล้วผมรู้สึกเศร้าใจครับ

ป.ล. ถ้าเห็นว่ากระทู้นี้เป็นการยุยงให้แตกแยก หรือไร้ประโยชน์วอนให้ ผู้ดูแลลบทิ้งไปได้เลยครับ

[jug]

ตอนนี้นักศึกษาทุกคนเดือดร้อนกันหมดแล้วเนื่องจากไม่มีการแจ้งล่วงหน้าในระยะเวลาที่เหมาะสม
อีกทั้งช่วงเวลาที่มีการสอบพวกเรายังต้องทำโครงการพิเศษและเรียนในภาคเรียนที่ 1 และ 2 นะครับ
ก่อนหน้านี้ผมและเพื่อนๆก็คิดว่าจะเตรียมตัวสอบอย่างจริงจังหลังจากที่ทำงานทุกอย่างเสร็จแล้ว
แต่ไม่คิดเลยว่าสภาฯจะทำให้อนาคตของพวกผมต้องมงไม่เห็นทาง
ลองคิดดูซิครับถ้าหากลูกหลานของพวกคุณที่มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องการสอบต้องมาเจอการเปลี่ยนแปลงที่ตั้งตัวไม่ทันอย่างนี้ พวกเขาจะเสียความรู้สึกและเสียกำลังใจหลังจากฝ่าฟันการเรียนอย่างหนักมาเป็นเวลา 5 ปี

ถ้าหากยังมีความเห็นอกเห็นใจกันอยู่ก็อย่าทำให้อนาคตของพวกเราต้องหมดไปเลย
ขอความเห็นใจด้วยนะครับ

[khwandao]

เห็นด้วย ว่าถ้าจะเลื่อนสอบ ควรจะมีการประกาศล่วงหน้ากว่านี้(มากๆ)
เพื่อให้นักศึกษาได้มีการเตรียมตัว และวางแผนล่วงหน้าของตนเองให้เหมาะสม
ไม่ใช่กระชั้นชิดแบบนี้ ซึ่งนศ.ได้วางแผนของตนไว้แล้ว แล้วต้องเปลี่ยนทุกอย่างกระทันหัน

ดิฉันเชื่อว่า นศ.ทุกคนคิดเหมือนกันคือ การสอบใบประกอบเป็นการตัดสินอนาคตในการประกอบอาชีพของพวกเราซึ่งสำคัญมาก สำหรับสิ่งที่ทุ่มเทไปห้าปีเต็ม
ถ้ารู้ว่าจะสอบตค.แต่แรก คงจะวางแผนนั่งอ่านหนังสือตั้งแต่ปิดเทอมแล้วค่ะ ไม่ใช่มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำโปรเจคให้เสร็จ
เพื่อที่จะได้มีเวลาอ่านหนังสือหลังจากนั้น

ขอให้มองกลับกันในฐานะถ้าท่านเป็นนศ.ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ

[Fender]

เภสัชศาสตร์เราคือหนึ่งเดียวกัน ต่างสถาบันไม่อาจแยกจิตใจ รวมเป็นพลังสร้างสรรค์วิชาชีพไกล มีน้ำใจให้แก่กันยึดมั่นคุณธรรม
เภสัชศาสตร์เราต่างรักสามัคคี สร้างความดีศักดิ์ศรีมะกอกขจรไกล จรรยาบรรณเป็นสิ่งมั่นไม่หวั่นไหว ร่วมก้าวไกลอย่างมั่นใจในหลักวิชา
อุปสรรคใดๆอย่าให้มาขวางผิดพลาดพลั้งเผลอไปใช่เป็นปัญหา รวมความคิดมุ่งพิชิตผองภัยโรคาสร้างคุณค่าเภสัชกรรมนำสู่หลักชัย

เพลงนี้ใช้ต่อไปไม่ได้อีกแล้วครับ วิชาชีพเรา... ร้องไปก็อายปาก

อยากให้ผู้ใหญ่เอาความคิดแบบผู้ใหญ่ทิ้งไปบ้าง อยากให้ลองคิดแบบเด็กๆดู บางทีความคิดของเด็กมันเข้าท่ากว่าความคิดของผู้ใหญ่อีกนะครับ
เอาใจเขามาใส่ใจเรา มองมุมกว้าง หา SWOT ของวิธีการนี้แล้วหรือยัง ข้อดี ข้อด้อย อะไรมันดีกว่ากัน จุดประสงค์อยู่ตรงไหน วิชาชีพ เพื่อนร่วมวิชาชีพ เพื่อน คน เงิน สังคม เภสัชล้นตลาดหรือ? แล้วที่ทำไปจุดประสงค์นั้นเอื้อต่อประโยชน์ส่วนรวมเอื้อต่อเพื่อนร่วมวิชาชีพด้วยหรือเปล่าถ้าจำไม่ผิดผมจำได้ในจรรยาบรรณของวิชาชีพเราต้องช่วยเหลือเพือนร่วมวิชาชีพด้วยกันช่วยส่งเสริมกันไม่ใช่รึ ทางที่ดีผมอยากให้ท่านคิด SWOT ของสภาเภสัชกรรมด้วยครับ

ผมจะคิด SWOT ของผมให้ดูครับ
streng ของผมคือการที่มีเพื่อนๆนักศึกษาร่วมวิชาชีพที่ดีมีอะไรก็แบ่งปัน หนังสือจากมหาลัยต่่างๆ มีมาให้อ่านอย่างไม่มีการงกหรือหวงความรู้เลย
weakness ของผมคือการที่มีผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจความคิดเด็ก อีกอย่างคือการที่ผมอาจผิดเองที่ไม่เข้าใจความคิดผู้ใหญ่ หาทางที่จะเลื่อนให้การสอบเป็นเหมือนเดิมทั้งๆที่โอกาสมันมีน้อยมาก ต้องเสียเวลามาเฝ้ารอความหวังอันน้อยนิด
Oppertunity ของผม ไม่มี เพราะ ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเด็ก หรืออาจจะมีถ้าผมเข้าใจความคิดผู้ใหญ่และปรับตัวให้ขยันขึ้น
Treat ของผม ต้องรับกรรมนี้่ต่อไป ต้องขยันให้มากขึ้นต้องเอาเวลากิน เอาเวลานอน เอาเวลาพักผ่อน เอาเวลาอยู่กับครอบครัว เอาเวลาส่วนตัวทั้งหมดทุ่มลงไปกับการสอบครั้งนี้ เพราะมันเป็นตัวตัดสินชะตาชีวิตของผม แต่ไม่ใช่ของคนที่ออกกฏ

[INDY_Rx]

ใจเย็นๆก่อนน่ะครับน้องๆ...พี่เข้าใจความรู้สึก

มันก็เหมือนเราถูกบอกเลิกก่อนที่เราจะทำใจได้...เกี่ยวกันไหมเนี่ย ฮ่าๆ

ยกตย.มอพี่ล่ะกัน...ปกติเค้าก็จะมีสอบ comprehensive กันช่วงก่อนสอบจริง...ซึ่งระยะเวลาก็จะล้อกับสอบสภา
ดังนั้นแล้วการเตรียมตัวสอบ comprehensive ก็สามารถเตรียมตัวสอบสภาได้เหมือนกัน...

บางที่อาจจะไม่มี...หรือไม่ตรงช่วง...น้องก็ต้อง active ตัวเองให้มากๆ...
จริงๆแล้ว...เราลองหยุดความไม่พอใจ...ตั้งสติและลองเดินออกมาจากเหตุการณ์นี้
แล้วลองมองกลับเข้าไปใหม่...ค่อยๆคิดน่ะครับ...

มองดูเวลาที่มีอยู่...มองดูความสามารถของเรา...มองดูศักยภาพ...มองดูอนาคต
เราทำทุกอย่างเพื่อตัวเราเองอยู่ใช่ไหม...ประมวลความคิดด้วยใจเป็นกลาง

อะไรที่คิดแล้วเครียดคิดแล้วอารมณ์เสียก็วางลงก่อน...มันหนัก...พี่รู้ว่าน้องๆสามารถทำมันได้
เหมือนที่รุ่นพี่ทุกคนเคยทำมาไง...situation ณ ตอนนั้นของแต่ละรุ่นอาจจะต่างกัน...เป็นบททดสอบนานาจิตตัง
แต่ situation ณ ตอนนี้ของทุกคนคือวิชาชีพของการเป็นเภสัชกร...

อย่าน้อยใจเลยครับ...บางครั้งชีวิตเรามันมีเรื่องเข้ามาเล่นตลกกับเราอีกเยอะ...มองขำๆคิดบวกๆ...เราก็มีความสุขได้
เป็นกำลังใจให้ทุกคนน่ะครับ

[wannee]

เห็นใจจริงๆค่ะ

นักศึกษาแต่ละที่ ลองปรึกษากับอาจารย์ในสถาบันดูก็ดีนะคะ

หรือลองสอบถามถึงความเป็นมาเป็นไปด้วยเลย ว่าเกิดอะไรขึ้น สภาฯมีเหตุผลอย่างไร

ว่าแต่ว่าตอนนี้เป็นแค่ข่าวลือ หรือเปล่าคะ ตรวจสอบแล้วใช่ไหมว่าเป็นอย่างนี้แน่นอน

ถ้าใช่ก็ลองใจเย็นๆ มีสติ ค่อยๆหารือกัน ทำไปทีละ step

[zartingtong]

แผนไม่มี ลุยถั่วประจำ (นี่พูดถึง Admission นะ )

[chadada]

อยากจะบอกว่าข่าววงในออกมาแล้วว่าปีนี้เค้าจะเปลี่ยนระบบการสอบใหม่
โดยการให้สอบ MCQ เดือนต.ค. แล้วสอบ OSPE ปีหน้า ซึ่งอาจจะเป็นเดือน ม.ค. หรือ ก.พ.ก็ไม่แน่
ถ้าสอบ MCQ ไม่ผ่านก็จะไม่มีสิทธิ์สอบ OSPE


ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดมันยุติธรรมแล้วหรอ
กลับการที่อยู่ๆก็จะมาเปลี่ยนโดยที่ไม่มีการแจ้งล่วงหน้า
อยากถามว่าสภาได้เห็นใจที่ยังสอบ OSPE ไม่ผ่านอยู่หรือไม่
ซึ่งรับประกันได้ว่าคนพวกนี้มีอยู่หลายร้อยคน



สภาได้นึกถึงอนาคตของคนพวกนี้หรือไม่
คิดจะทำอะไรก็ทำ

[Epinephrine]

มองมุมกลับไหมครับ โดยตัดคำว่าสภาออกไปจากหัวก่อน

ทีนี้มาลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า คุณคิดว่าคุณจะเป็นเภสัชหรือเปล่า

ถ้าคิดจะเป็น แปลว่าคุณมีความรู้พอที่จะเป็นเภสัชใช่หรือไม่

ถ้าใช่ก็ต้องพร้อมจะสอบได้ตลอดเวลาครับ

ถ้าประกาศว่าจะสอบเดือนตุลา คุณจะอ่านหนังสือตอนไหนครับ....เดือนกันยาใช่ไหม

แล้วถ้าบอกว่าสอบมกรา คุณจะอ่านเมื่อไหร่....ธันวาใช่ไหม

ถ้าใช่ ประกาศตอนนี้ก็ไม่ต่างกันหรอกครับ ล่วงหน้า 3 เดือนแล้ว
ถ้าคุณพร้อมจะเป็นเภสัช มันต้องทำได้ตลอดครับ

นี่ฝากให้คิดกันเล่นๆ มาอ้างว่าสอบไม่ผ่านเพราะ ประกาศเวลาสอบช้า ไม่มีเวลาอ่าน ข้อสอบไม่ยุติธรรม ฯลฯ

จริงๆ คะแนนแค่ 60% ผมยังว่าน้อยไปด้วยซ้ำ น่าจะเพิ่มให้เท่า OSPE ด้วย

ตราบใดที่เรายังยอมรับระบบใบประกอบที่ไม่ยอมแยกสาขาอยู่ เพียงเพื่อเอาไปเป็นยันต์กันผี ไว้แขวนป้ายหาเงินหลอกชาวบ้าน หรือว่าเพื่อให้รู้ว่าเราสามารถสอบได้

ก็ต้องทำได้ครับ

หรืออีกวิธีนึงคือลุกขึ้นพร้อมๆ กันเพื่อแยกใบประกอบตามสาขาอาชีพ แต่ก็นั่นแหละ ทำให้คนแขวนป้ายไม่ได้ แย่เลยเนอะ

[zartingtong]

หมอแยกใบประกอบหรือเปล่า?ถ้าไม่มีความสามารถเค้าก็ไม่จ้างเองแหละ บางคนอยากจะรู้แต่อย่างเดียวก็ช่าง ถามอะไรคนอื่นเค้าบางทีก็ไม่รู้ว่าจะถามไปทำไม
ว่างๆไปจับอาจารย์ที่ออกข้อสอบมาสอบใบประกอบใหม่อย่างกรรมการทั้งหมดเองคงสนุกดีฮ่า แม้แต่คนที่สนับสนุน CPE อย่างออกหน้าบางเรื่องก็แสดงความฉลาดออกมาเหมือนกันเรื่องใน forum ของ USP ขนาดให้อ่านยังหาว่าว่าเป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้ ต้องรอ USP ฉบับใหม่ แล้วก็ยังลุยถั่วไปเรื่อยๆแทนที่จะหยุดรอการทำงานของคณะทำงานใน forum

[Fender]

มองมุมกลับไหมครับ โดยตัดคำว่าสภาออกไปจากหัวก่อน

ทีนี้มาลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า คุณคิดว่าคุณจะเป็นเภสัชหรือเปล่า

ถ้าคิดจะเป็น แปลว่าคุณมีความรู้พอที่จะเป็นเภสัชใช่หรือไม่

ถ้าใช่ก็ต้องพร้อมจะสอบได้ตลอดเวลาครับ

ถ้าประกาศว่าจะสอบเดือนตุลา คุณจะอ่านหนังสือตอนไหนครับ....เดือนกันยาใช่ไหม

แล้วถ้าบอกว่าสอบมกรา คุณจะอ่านเมื่อไหร่....ธันวาใช่ไหม

ถ้าใช่ ประกาศตอนนี้ก็ไม่ต่างกันหรอกครับ ล่วงหน้า 3 เดือนแล้ว
ถ้าคุณพร้อมจะเป็นเภสัช มันต้องทำได้ตลอดครับ

นี่ฝากให้คิดกันเล่นๆ มาอ้างว่าสอบไม่ผ่านเพราะ ประกาศเวลาสอบช้า ไม่มีเวลาอ่าน ข้อสอบไม่ยุติธรรม ฯลฯ

จริงๆ คะแนนแค่ 60% ผมยังว่าน้อยไปด้วยซ้ำ น่าจะเพิ่มให้เท่า OSPE ด้วย

ตราบใดที่เรายังยอมรับระบบใบประกอบที่ไม่ยอมแยกสาขาอยู่ เพียงเพื่อเอาไปเป็นยันต์กันผี ไว้แขวนป้ายหาเงินหลอกชาวบ้าน หรือว่าเพื่อให้รู้ว่าเราสามารถสอบได้

ก็ต้องทำได้ครับ

หรืออีกวิธีนึงคือลุกขึ้นพร้อมๆ กันเพื่อแยกใบประกอบตามสาขาอาชีพ แต่ก็นั่นแหละ ทำให้คนแขวนป้ายไม่ได้ แย่เลยเนอะ

มองมุมกลับอีกทีนะครับ
ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนครั้งนี้ซะทีเดียว ผมเห็นด้วยในส่วนหนึ่งที่ว่าแยกกันสอบคนละครั้งเพราะเป็นการลดภาระแก่นักศึกษาที่ไม่ต้องตาลีตาเหลือกอ่านแล้วสอบพร้อมกัน แถมความเครียดจากการสอบวันแรกอาจส่งผลต่อการสอบวันที่สอง อันนี้ผมเห็นด้วยเต็มที่เลยว่าแยกๆไปเลย แต่ที่ไม่เห็นด้วยคือ ช่วงเวลาของการแจ้งให้เตรียมตัวนี่แหล่ะครับ มันน้อยเกินไปที่จริงมันอาจมากพอถ้าหากมหาลัยสามารถจัดหลักสูตรลดภาระให้นักศึกษาใช้เวลากับการติวการอ่านได้เต็มที่ แต่นี่มันสายฟ้าแลบมากทางมหาลัยวางแนวการสอนไว้แล้วก็ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ งานที่เข้ามามันมีเยอะ จนทำให้เวลาที่จะเตรียมตัวมีน้อยลงท่านอาจจะมองว่าน้อยแต่ถ้าเอาจริงก็เตรียมตัวกันได้เพราะท่านเป็นคนเก่ง แต่อยากให้เข้าใจด้วยว่าคนเรา cell ประสาท มันไม่เท่ากันบางคนต้องใช้เวลามากกว่าคนอื่นถึงเท่าตัวในการอ่านเพื่อสอบแต่ละครั้งแต่ถ้าให้เวลาก็ทำได้ และเรื่องความรู้ที่มีไปสอบมองกันง่ายๆเวลาสอบย่อยแต่ละครั้งคงมีคนเป็นเหมือนผมส่วนนึง ผมอ่านหนังสือก่อนสอบแค่ 1อาทิตย์อ่านเสร็จไปสอบถามว่าทำได้ไหม ทำได้ครับ ได้มากกว่า 60 % ด้วยแต่ถามว่ามันจำได้มั้ยนี่แหล่ะ ผมตอบได้ว่าที่ผมจำได้มีน้อยมากผมอ่านไปเพื่อให้พอมีติดสมองไปสอบ ถ้าลองมามองการสอบใบประกอบดูคุณต้องการให้มีความรู้ให้ใช้ต่อไปตลอด หรือความรู้แค่สอบผ่านก็พอกันแน่เรื่องการเป็นไม่เป็นเภสัชผมคิดว่าทุกคนที่จบจากคณะเป็นเภสัชกรที่มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันหมดเพียงแต่ใบประกอบเป็นตัวที่จะช่วยให้เราสามารถเปิดกว้างทางวิชาชีพได้มากกว่าเพื่อนบางคนเท่านั้น เรื่องการเตรียมตัวผมไม่รู้ว่าคุณเอาขอ้มูลบจากไหนว่าอ่านกันเดือนธันวา เด็กสมัยนี้เค้าวางแผนล่วงหน้ามีการวางแผนติวกันเรียบร้อยเพียงแต่กำหนดการทำให้การวางแผนที่วางไว้พังลงหวังว่าสายตาคุณคงจะกว้างไกลและมองถึงคนอื่นๆมากขึ้นนะครับ

[hnumhnim]

ฮือๆ แค่นี้ก็ไม่มีงานทำ ไม่มีตังใช้อยู่แล้วค่า
ไหนจะต้องจ่ายเงินกู้ยืมเรียนอีก
กะว่าจะตั้งใจอ่านหนังสือสอบให้ผ่าน
จะได้มีงานทำ ถ้าเป็นอย่างนี้จริงแล้วจะทำไงดีละคะ
แล้วจริงๆจะต้องสอบเดือนไหนคะนี่ เศร้าจัง

[~:๐Ambrosia๐:~]

ขอบคุณค่ะที่ตั้งห้องนี้ขึ้นมา

วิชาชีพเดียวกัน ถ้าไม่รักกัน
ไม่คิดเห็นใจกัน ก็ไม่เรียกว่าวิชาชีพได้อีก

ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ เคยทำงานแล้วกี่ปี
ถ้าไม่มองถึงคนรุ่นใหม่ ทำลายความรักในวิชาชีพ
หากผู้ใหญ่ยังทำงานแบบนี้ ไม่วางแผนที่ดี
ไม่มีคำตอบให้กับคำถามของเด็กรุ่นใหม่
กับการเลื่อนการสอบใบประกอบ

อนาคตของวิชาชีพนี้ คงเหลือน้อยเต็มที
หันมาดูแลกันเองบ้างเถอะค่ะ ขอร้อง

[namthip21]

ปกติเค้าต้องบอกล่วงหน้ากันเป็นปีไม่ใช่หรือคะ (เหมือนการเปลี่ยนระบบเอนฯ)
เพื่อให้เวลาพวกเราได้เตรียมตัว
แต่ทำไมถึงเพิ่งมาบอกล่วงหน้าเพียง 3 เดือน
ที่มหาลัยมีงานหลายๆอย่างๆที่ต้องทำซึ่งแต่ละงานสำคัญทั้งหมด เช่น งานโปรเจค , งานสัมมนา ซึ่งก็เหมือนกับเป็นโปรเจคย่อยๆเลย , งานติวใบประกอบ ซึ่งได้วางแผนไว้แล้วในตอนแรก แต่ในตอนนี้เมื่อมาเปลี่ยนวันสอบ ทุกอย่างที่วางแผนไว้ก็ไม่สามารถทำได้เพราะไม่ทัน ซึ่งงานทุกงานต้องใช้เวลาในการทำเป็นระยะเวลานานๆ คือทั้งเทอมทั้งนั้น เราไม่สามารถทุ่มให้กับงานใดงานหนึ่งได้ เวลาก็มีแค่ 24 ชั่วโมง ซึ่งทุกวันนี้ก็แทบไม่ได้นอนกันอยู่แล้ว แล้วอย่างนี้พวกเราจะเอาเวลาไหนมาเตรียมตัวให้พร้อม แล้วพวกเราก็ต้องเตรียมตัวสอบปลายภาคเหมือนกัน แค่นี้ก็อ่านไม่ทันกันอยู่แล้ว ระยะห่างหลังจากสอบปลายภาคกับการสอบ MCQ ก็ห่างกันแค่ 2-3 วัน อย่างนี้พวกเราจะเตรียมตัวทันได้อย่างไร ถ้าเราทุ่มให้กับการสอบใบประกอบ แล้วสามารถสอบ MCQ ผ่าน แต่เรียนไม่จบแล้วมันจะมีความหมายอะไร

เรียน คุณ Epinephrine
สมัยนี้เด็กทุกมอได้มีการติวกันแล้ว ซึ่งพวกเราได้ใช้เวลาของเทอม 1 ทั้งเทอมและเทอม 2 หลังฝึกงานเสร็จในการติว ซึ่งบางมอใช้เวลามากกว่านี้ด้วยซ้ำ ไม่ใช่มาเตรียมตัวสอบเพียงไม่กี่วันอย่างที่คุณเข้าใจ

[Lapatinib]

ผมขอพูดในฐานะ นศ คนนึงนะครับ ความคิดเห็นผมอาจไม่เหมือนคนอื่นๆบ้างก็อย่าว่ากันนะคับ

พวก นศ คิดว่าการสอบใบประกอบเป็นอะไร เป็นสอบเอาเกรดหรอ
การสอบใบประกอบเป็นการประมวลความรู้ที่สมควรมีของเภสัชกร และไม่จำเป็นที่เภสัชคนหนึ่งๆจะต้องมีความรู้ครบทุกสาขาจึงมีการกำหนดคะแนนเอาไว้ที่ 60% คือขอให้มีความรู้อยู่กับตัวในระดับที่เภสัชกรควรมี ถ้าคุณตั้งใจเรียน และสามารถเข้าใจบทเรียนทั้งหมดได้ คุณก็สามารถทำข้อสอบได้อย่างเบาใจ อาจมีบางส่วนที่คุณไม่ทราบ ก็ยังพอมีเวลาเหลือให้ทบทวนอีกตั้งหลายเดือน หรือที่ผ่านมาคุณสอบๆไปแค่พอผ่าน พอมาถึงการสอบใบประกอบ ก็อยากได้ใบประกอบ ทุ่มกับการสอบครั้งนั้ครั้งเดียว แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ คุณก็สมควรรับกรรมที่ไม่ตั้งใจเรียนเอง ไม่ใช่มาด่าสภาแบบนี้ ก็คุณอยากมาเรียนภายใต้คณะที่มีพวกเขา(สภาเภสัช)ควบคุมดูแลอยู่ทำไมล่ะ ถ้าโกรธ โมโห รับไม่ได้กับพวกเขา คุณก็ซิ่วไปสิ สภาแพทย์ สภาพยาบาล ดีนักไม่ใช่เหรอ คุณก็ไปอยู่ภายใต้พวกเขาสิ จะมาโวยวายอะไรล่ะ มีหน้าที่สอบก็สอบไป รับรู้แล้วทำก็พอ ทำไม่ได้ก็มาใหม่ปีหน้า อย่ามาอ้างเรื่องมีเวลาไม่พอ มีเวลาอีกตั้งปีที่คุณจะได้สอบใหม่ก็อ่านกันเข้าไปสิ




ขอให้รู้ไว้ว่า นศ ไม่ใช่วัวครับที่จะลากไปโน่นไปนี่ได้ "จับเขาโคขืนให้กลืนหญ้า" ผมชอบสุภาษิตนี้มากเลย

ทนมาตั้งแต่เอนทรานซ์แล้ว รุ่นสุดท้ายเหรอ มันก็แปลว่าสอบแล้วทิ้งไง แปลว่าไม่ได้รับโอกาสเหมือนที่คนอื่นเคยได้รับ แต่นั่นยังดี เพราะมีประกาศมาก่อนถึง 4 ปี ไม่ใช่ 4 เดือน

โปรเจคก็ต้องทำ สอบคอมพีก็ต้องทำ สอบมิดเทอมก็ต้องทำ สอบไฟนอลก็ต้องทำ สอบสภาก็ต้องทำ เข้าใจรึเปล่าคับ

เวลา มันคือนามธรรม อย่าคิดว่ามันเท่ากันในทุกคน ในเมื่อเวลาที่ทุกคนหัดพูด จำ เดิน อยู่ในท้องแม่ ยังไม่เท่ากันเลย มนุษย์เป็นคนกำหนดหน่วยของเวลาขึ้นมาเอง และก็ควบคุมมัน ไม่ใช่ว่าต้องให้เวลาทุกคนที่จะพร้อมแล้วจึงสอบ แต่ให้เวลาทุกคนที่จะเตรียมพร้อม

คนพูดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้พูด

เภสัชกร คนที่อยากจะเป็นก็มี คนที่ขอให้ได้เป็นมันก็มี

วิธีการเอาหญ้าที่ไม่ต้องการออกจากสนามหญ้ามันก็มีหลายวิธี ไม่ได้มีแต่การสาดน้ำยากำจัดหญ้าไปทั่วสนาม

มนุษย์ชอบรวมกลุ่มกัน เพราะจะได้ช่วยกันระวังภัยหลายด้าน และแต่งตั้งหัวหน้ากลุ่มขึ้น เพื่อยุติข้อพิพาท และนำทางกลุ่มไปในทิศทางที่ทุกคนยอมรับ

ขงเบ้งกล่าวไว้ว่า "ในสงคราม หากมีทางเลือกแค่สองทาง จงคิดไว้เสมอว่าศัตรูของคุณจะเลือกทางที่สาม"

ปล. หวังว่าทุกคนคงไม่ได้เข้าใจในตัวของผมผิดไป และคงเข้าใจความหมายที่ผมบอกไว้