New Document









รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

โพสต์โดย Infectious_RPh » 29 ต.ค. 2008, 22:46

วันนี้รู้สึกอัดอั้น อยากระบายครับ สิ่งต่างๆที่เห็นมาที่คิดว่ามันยังไม่เหมาะสม หรือควรพัฒนา สิ่งต่างๆที่อยากจะแสดงความคิดเห็นมุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง ขอใช้webboard นี้เป็นสื่อกลางก็แล้วกันนะครับ
1. อยากให้การศึกษาหรือการเรียนการสอนปลูกฝังจิตสำนึก และคุณธรรม/จริยธรรมให้กับนักศึกษา ให้พวกเขาเหล่านั้นเห็นคุณค่าในวิชาชีพ ให้ตระหนักได้ว่า วิชาชีพของเรานั้น สังคมได้มอบหมายให้คุ้มครองความปลอดภัยในการใช้ยาของประชาชน มิใช่เป็นวิชาชีพที่แย่งกันเข้ามาเรียนเพราะได้เงินเดือนเยอะ ผลตอบแทนเยอะ ให้เขารู้ว่าการแขวนป้ายนั้นมันเป็นสิ่งที่ผิด สิ่งที่ผมเห็นคือ เพื่อนๆเภสัชส่วนหนึ่งในรุ่นของผมเข้าใจกันคือ เขาเข้าใจกันว่า การแขวนป้ายนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ตอนจะเรียนจบเขาก็ถามกันเลยว่า หาร้านเตรียมแขวนกันหรือยัง??? เชื่อไหมว่าหลังจากที่สภาได้มอบใบประกอบมาให้กับเภสัชกรกลุ่มนี้ เขาก็เอาไปแขวนป้ายกัน ซึ่งมันเกิดจากการที่พวกเขาไม่รู้จักพอ หรือว่าเขารับรู้ว่ามันเป็นเงินที่เขาควรจะได้จากการไปแขวนป้าย หรือไม่ก็อ้างว่าใครๆเขาก็แขวนกัน ซึ่งผมเองรู้สึกว่า ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรคนกลุ่มนี้ เอ หรือว่ามันเกิดจากการเรียนที่คณะที่ไม่ได้ปลูกฝังความเป็นวิชาชีพให้กับพวกเขาเหล่านั้น หรือปลูกฝังแล้วแต่คนส่วนนี้ไม่ได้เกิดจิตสำนึกกันแน่
2. ด้วยการที่ผมทำงานในโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ จึงได้เห็นนศภ.และนสภ.ที่มาฝึกงานด้านการตลาด ซึ่งก็มากันเป็นกลุ่มเดินถือถุงตามพวกรุ่นพี่มา แล้วก็มายืนรวมกันอยู่ตามมุมตึก หรือนั่งเป็นกลุ่มในโรงพยาบาลเพื่อรอพบแพทย์ ซึ่งก็ได้เห็นอาจารย์บางท่านได้บอกนิสิตและนักศึกษาแล้ว ว่าการฝึกงานด้านการตลาดให้ใส่ชุดนักศึกษา ห้ามใส่เสื้อกาว์น เพราะคนไข้จะเข้าใจว่าเด็กกลุ่มนี้เป็นบุคลากรทางการแพทย์ แต่ด้วยเหตุอันใดนิสิตและนักศึกษาส่วนใหญ่จึงไม่ปฏิบัติตามอาจารย์หลายท่านแนะนำ รวมถึงมีคนเล่าให้ฟังว่าอาจารย์แพทย์ที่โรงพยาบาลก็ยังเข้าไปตักเตือนนักศึกษาพวกนี้แล้วด้วย น่าอายจริงๆ อาจารย์หมอเค้าคงเหลืออด
3. ร้านยาแขวนป้าย ทำไมนานนับสิบปีก็ยังไม่สามารถกำจัดไปได้ นโยบายไม่เข้มแข็ง บทลงโทษไม่รุนแรง หรือการปฏิบัติหน้าที่ในการกำจัดร้านยาแขวนป้ายไม่จริงจัง เป็นอย่างไรกันแน่ อีกกี่ศตวรรษเราจะพัฒนาวิชาชีพให้ประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์เชื่อถือได้
4. ร้านยาบางร้านยังคงแอบขายยาผิดกฎหมายอยู่ เช่น โลแอคคิวเทน ไวอากร้า สเตียรอยด์แบบกิน แม้ว่าจะเป็นร้านยาที่มีเภสัชกร และเป็นแหล่งฝึกงานให้ นศภ.และนสภ. ทำให้นักศึกษาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาก็ทำกันได้ เห็นแล้วปลง คงต้องทบทวนเรื่องคุณภาพแหล่งฝึกงานกันด้วย รวมถึงร้านยาที่รับนศภ.และนสภ.ฝึกงานครั้งละเป็นสิบคน ร้านก็เล็กๆ อัดกันเข้าไป
5. โรงพยาบาลไม่ยอมเก็บใบวิชาชีพตัวจริงของเภสัชกรโรงพยาบาลไว้ ทำให้คนบางกลุ่มเอาไปแขวนป้ายกัน
6. หลายคนตีค่าคุณค่าของการทำงานด้วยเงิน หรือค่าตอบแทนที่ได้ แต่ที่จริงแล้วคุณค่านั้ควรเกิดจาการที่ได้ทำงานเพื่อช่วยเหลือด้านการใช้ยาแก่ผู้ป่วยได้อย่างเต็มศักยภาพที่ผู้ป้วยได้ใช้ยาอย่างปลอดภัยต่างหาก
ทั้งหมดนี้ไม่ได้กล่าวว่าเภสัชกรทั้งหมดไม่ดี เภสัชกรที่เป็นแบบอย่างที่ดีก็มีอยู่เยอะ แต่พวกที่ทำตัวนอกลู่นอกทางนั้นก็มีอยู่บ้าง ซึ่งคนพวกนี้เหมือนเป็นมะเร็งร้ายที่ทำลายวิชาชีพ ขอให้สภาช่วยพิจารณา และหาแนวทางในการช่วยกันแก้ปัญหา เพื่อให้วิชาชีพเภสัชกรรมธำรงอยู่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ และตอบสนองต่อการปฏิบัติงานตามวิชาชีพเพื่อรับใช้ประชาชน และประเทศชาติ
แก้ไขล่าสุดโดย Infectious_RPh เมื่อ 01 พ.ย. 2008, 21:38, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
Infectious_RPh
 
โพสต์: 12
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2008, 20:36







Re: รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

โพสต์โดย sukanya_rx19 » 30 ต.ค. 2008, 11:32

H45
ภาพประจำตัวสมาชิก
sukanya_rx19
Global Moderator
 
โพสต์: 2148
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2005, 16:06
ที่อยู่: ยโสธร

Re: รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

โพสต์โดย ruralphar » 30 ต.ค. 2008, 13:11

สภาเภสัชกรรม ว่ายังไงครับ ยังอยู่กันสบายดีเหมือนไม่มี
อะไรเกิดขึ้นใช่ไหมครับ :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
ruralphar
 
โพสต์: 146
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2007, 09:45

Re: รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

โพสต์โดย zartingtong » 30 ต.ค. 2008, 13:44

ก็ยกให้เป็นหกปีหมดแล้วไง
:mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
zartingtong
 
โพสต์: 1260
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2006, 19:14

Re: รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

โพสต์โดย Infectious_RPh » 30 ต.ค. 2008, 18:32

พอดีเห็นมีพี่มาให้ความเห็นว่า "ก็ยกให้เป็นหกปีหมดแล้วไง" ผมว่าจะหกปี หรือห้าปี มันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า เนื้อหาในหลักสูตรจะมีการสอดแทรกจิตสำนึกในวิชาชีพ ซึ่งผมว่ามันสามารถเอาเข้าไปสอดแทรกได้ เช่น พอเรียน pharmacotherapy เรื่อง asthma หรือ COPD แล้วมีการพูดถึงยา steroid หรือเรียน med-chem เรื่องนี้ก็ควรจะมีการแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยว่า มันห้ามขายในร้านยานะ อีกทั้งก็ควรพูดไปจนถึงเรื่องยาชุด เป็นต้น แต่เท่าที่ผมเองเพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ ก็ไม่เห็นมีการสอดแทรกความรู้มาบูรณาการในการสอนเลย จะมีพูดถึงเรื่องจริยธรรม หรือจรรยาบรรณ ก็เฉพาะคาบที่เรียนวิชา pharmacy law & Forensic เท่านั้น อีกทั้งทำไมอาจารย์ไม่ค่อยยกตัวอย่างหรือพูดถึงเภสัชกรที่ดี ที่เป็นแบบอย่างที่ดีในเภสัชกรรมสาขาต่างๆ ให้เด็กเภสัชได้ยึดเป็น role model เขาจะได้ดำเนินรอยตามแนวทางที่ถูกที่ควร
เออ วันนี้เห็นอีกแล้วหล่ะ คงต้องเห็นทุกวันจนหมดฤดูกาลฝึกงานนี้เลยกระมัง นศภ. และ นสภ.ที่ฝึกงานการตลาดยาใส่เสื้อกาว์นเดินถือถุงยามาเป็นกลุ่ม ไม่อยากเห็นอาจารย์หมอเรียกไปเทศน์เด็กเภสัชอีกจริงๆ เพราะในเมื่อในวิชาชีพเรากันเอง เนี่ยไม่สามารถจัดการกันเองได้ ก็คงต้องปล่อยให้อยู่ในสภาพนี้ต่อไปหรือ แพทย์เค้าคงดูถูกเราหน่ะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Infectious_RPh เมื่อ 01 พ.ย. 2008, 21:41, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
Infectious_RPh
 
โพสต์: 12
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2008, 20:36

Re: รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

โพสต์โดย Infectious_RPh » 30 ต.ค. 2008, 19:01

ผมจะเข้ามารายงานสถานการณ์ให้บ่อยๆนะครับ และท่านใดที่มีสถานกาณ์ที่เกียวกับวิชาชึพเราก็เอามาเล่าสู่กันฟังนะครับ ถือว่ามาทำ KM แชร์ประสบการณ์และแนวคิดกันครับ :lol:
แก้ไขล่าสุดโดย Infectious_RPh เมื่อ 02 พ.ย. 2008, 07:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
Infectious_RPh
 
โพสต์: 12
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2008, 20:36

Re: รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

โพสต์โดย Infectious_RPh » 01 พ.ย. 2008, 21:59

Re: หมอเครียดคนไข้เยอะแนะ3วิธีป้องกันจำหน่ายยาพลาด

Infectious_RPh เขียน:ในมุมมองของผม ผมว่า med-error สามารถป้องกันโดยเภสัชกร ซึ่งเภสัชกรก็ทำได้ดีมาก เพราะที่รพ.ของผมเกือบจะทั้งหมดนั้นเป็น pre-dispensing error ซึ่งเภสัชกรผู้ verify เป็นคนพบ หรือเภสัชกรผู้จ่ายยาดักไว้ได้ ซึ่งนี่แหละเป็นบทบาทที่เภสัชกรที่อยู่ห้องยาเค้าก็ทำกันได้ดีมาก แต่ว่ามุมมองส่วนใหญ่ของคนทำงานนั้นมักมองภาพแค่งาน ณ จุดที่ตนเองรับผิดชอบ ซึ่งยังไม่ได้มองไปถึง ณ จุดที่ผู้ป่วยได้รับยาจริง หรือการบริหารยาของผู้ป่วย จากการที่ผมทำ med-reconcile ที่ ward ศัลย์ พบว่า ผู้ป่วยเกิดปัญหาหลายๆอย่าง เช่น หมอบอกว่าให้หยุดยาต้านการแข็งตัวของเลือดมา แต่ผู้ป่วยไม่รู้ว่าตัวไหน จึงหยุดยามาทุกตัว หรือบางที่หมอให้หยุด ASA 7 วันก่อนมาผ่าตัด แต่ผู้ป่วยไม่เข้าใจ หยุด ASA ตั้งแต่วันที่พบหมอ เลยหยุดมาเกือบเดือน บางทียาเปลี่ยนยี่ห้อแล้วยาเดิมเหลืออยู่ คนไข้ไม่รู้ว่ามันเป็นยาชนิดเดียวกัน จึงกินยามาทั้งสองยี่ห้อ ไปจนกระทั่งยาที่ห้ามแบ่ง แต่คนไข้ไม่ได้อ่านฉลากช่วย แล้วก็เอามาแบ่ง บางทีผ่าตัดเสร็จแล้วหมอก็ลืมสั่งยาเดิม/สั่งยาให้ไม่ครบตอนคนไข้กลับบ้าน จนกระทั่งปัญหาหาการบริหารยาของพยาบาลบน ward สารพัดปัญหาที่เกิดขึ้นจริง มีอีกมากมายเล่าไม่ไหวครับ
ผมคิดว่า ไม่ใช่เฉพาะแพทย์แล้วที่ขาดแคลน เภสัชกรก็ขาดแคลนด้วย เพราะปัจจุบัน work load ของเภสัชห้องยานั้นมาก ทำให้ขาดคนที่จะไปทำงานเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ป่วยบน ward หรือ ตามไป D/C counselling หรือทำงาน pharm care ต่างๆ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วคือ การหวังจะให้เกิด patient safety ครับ
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะขยายตำแหน่งเพิ่มให้น้องๆเขามาช่วยกันทำงาน มาพัฒนาวิชาชีพ ตำแหน่งงานราชการก็มีให้น้อยจริงๆ ช่วยเพิ่มให้ด้วยได้ไหมครับ ผู้ป่วยจะได้ได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยในการใช้ยาโดยเภสัชกรอย่างทั่วถึงครับ
Infectious_RPh
 
โพสต์: 12
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2008, 20:36

Re: รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

โพสต์โดย Infectious_RPh » 03 พ.ย. 2008, 06:07

asinus เขียน:
Infectious_RPh เขียน:เภสัชกรก็ขาดแคลนด้วย เพราะปัจจุบัน work load ของเภสัชห้องยานั้นมาก ทำให้ขาดคนที่จะไปทำงานเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ป่วยบน ward หรือ ตามไป D/C counselling หรือทำงาน pharm care ต่างๆ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วคือ การหวังจะให้เกิด patient safety ครับ
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะขยายตำแหน่งเพิ่มให้น้องๆเขามาช่วยกันทำงาน มาพัฒนาวิชาชีพ ตำแหน่งงานราชการก็มีให้น้อยจริงๆ ช่วยเพิ่มให้ด้วยได้ไหมครับ ผู้ป่วยจะได้ได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยในการใช้ยาโดยเภสัชกรอย่างทั่วถึงครับ


จริงๆ เห็นด้วยนะ เอ่อ จะบอกว่าเห็นด้วยทั้งหมดที่กล่าวมาก็ว่าได้

แต่ ณ Quote ที่ยกมานั้น แค่อยากจะบอกว่า ปัญหาเภสัชกรขาดแคลนนั้นมองได้หลายแง่ แต่ที่เด่นๆ และเป็นปัญหาจริงๆ สำหรับวงการเภสัชกรรมโรงพยาบาลในสยามประเทศคือ

๑. รัฐบาล - ขาดการสนับสนุนตำแหน่งงานสารวิชาชีพเภสัชกรรม อาจจะเรียกได้ว่า "โดยสิ้นเชิง" เนื่องจากว่า รัฐบาลเองแทบจะไม่ได้มองถึงเภสัชกรเลย แม้จะพูดถึงระบบยา ซึ่งควรจะเป็นเภสัชกรที่รู้เรื่องนี้มากที่สุด แต่กลับกลายเป็นว่า "แพทย์" คือคนที่รัฐบาลกล่าวอ้างถึง เมื่อพูดถึงระบบยาของประเทศ

๒. กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) - เฉกเช่นเดียวกับ ข้อ ๑. คือ เค้ารู้จักเภสัชกรมากแค่ไหนกันเหรอครับ ... จริงๆ กรรมการใน สธ. น่าจะมีเภสัชกรเข้าไปบริหารงาน ณ จุดนี้ด้วย (หรือมีแล้วแต่ไม่มีสิทธิไม่มีเสียง) เพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหาการขาดแคลนเภสัชกรในระบบสาธารณสุขของประเทศ ... น่าจะมีการเสนอชื่อเภสัชกรเพื่อเข้าไปรับตำแหน่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการ HR ในส่วนของการจัดสรรตำแหน่งเภสัชกรในหน่วยงานราชการ/หน่วยงานรัฐ เพื่อเสนอเพิ่มอัตราเภสัชกรในโรงพยาบาลรัฐต่างๆ ทั่วประเทศให้มากขึ้น

๓. สถาบันการศึกษา - คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ ควรปลูกฝังความคิด-ค่านิยม บทบาทของวิชาชีพ จรรยาบรรณวิชาชีพ และการตอบแทนคุณสังคม/ตอบแทนภาษีของประชาชน ให้มากขึ้น(จากที่ไม่ค่อยมีเลย ณ ปัจจุบัน ที่สอนๆ เรียนๆ กันเพื่อสอบ แล้วก็ผ่านไป) เพราะหาก นศภ./นสภ. ได้ตระหนักรู้ถึงบทบาทของเภสัชกรแล้วไซร้ ย่อมจะนำมาซึ่งการพัฒนาวิชาชีพ และระบบสาธารณสุขของประเทศ(ที่เกี่ยวเนื่องจากยา)ได้อย่างแน่นอน

๔. สภาเภสัชกรรม - ก็ไม่รู้ว่าพวกท่านกรรมการสภาฯ ทำอะไรกันอยู่ ไม่ทราบว่าในวาระหนึ่งๆ ของกรรมการกลางสภาฯ พร้อมกับอนุกรรมการทั้งหลายคณะ หลายท่านเนี่ย ได้ทำอะไรที่ส่งผล/เอื้อประโยชน์ต่อวิชาชีพเภสัชกรรมอันเป็นที่รักของเราบ้างหรือเปล่าครับ จริงๆ ไม่ต้องถึงขั้นเอื้อประโยชน์กับวิชาชีพหรอกครับ แค่เอาให้คนเค้ารู้ว่าอย่างนี้เค้าเรียกว่า "เภสัชกร" นะ ก็น่าจะเป็นอะไรที่น่ายินดีแล้วล่ะครับ // จริงๆ สภาฯ เภสัชกรรมเองน่าจะเป็นผู้ที่มีบทบาทมากที่สุดที่จะทำเกิด Impact กับระบบยาของประเทศ เนื่องจากว่าถือว่าท่านคือตัวแทนของเภสัชกรไทยทุกคน ความคิด บทบัญญัติ กฎหมาย พรบ. ต่างๆ ท่านคือผู้ที่อยู่ในฐานะที่ควรกระทำได้มากกว่าใครเพื่อนเลยนะครับ

๕. สถาบันการศึกษา+สภาฯ - ทั้งสองสถาบันนี้ควรจะมาประชุมปรึกษาหารือกันถึงเรื่องของหลักสูตรเภสัชศาสตร์ของสยามประเทศ พร้อมทั้งการวางระบบฝึกปฏิบัติการทางวิชาชีพ พร้อมทั้งเกณฑ์การประเมิณเพื่ออนุมัติใบประกอบวิชาชีพ ให้เป็นมาตรฐานอันหนึ่งอันเดียวกัน มิใช่มีหลายมาตรฐานเฉกเช่น ณ ปัจจุบันที่เป็นอยู่ เพราะหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็จะเกิดการเปรียบเทียบ และขาดซึ่งมาตรฐานไม่จบสิ้น

๖. สธ. + สถาบัน + สภาฯ - สามสถาบันนี้ควรคุยกันอย่างจริงจัง ในเรื่องของการทำงานใช้ทุนของเภสัชศาสตรบัณฑิต หลังสำเร็จการศึกษา เนื่องจากการผูกด้วยสัญญาการใช้ทุนนี้ คือทางออกที่ถือว่าอาจจะดีที่สุดสำหรับการแก้ปัญหาการขาดแคลนเภสัชกรผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลรัฐ และหน่วยงานส่วนอื่นของรัฐ นั่นเพื่อหวังที่จะกระจายเภสัชกรออกสู่พื้นที่ชนบท เพื่อการใช้ยาที่ถูกต้องของประชาชนแห่งสยามประเทศ

๗. สถาบันการศึกษา(อีกครั้งหนึ่ง) - ควรจะยกเลิกระบบฝึกงานเภสัชการตลาด หรือ ผู้แทนยา อันเนื่องมาจากว่าการฝึกงานในลักษณะนี้ ไม่ได้เป็นการเพิ่มทักษะหรือประสบการณ์ทางวิชาชีพแก่ตัวผู้ฝึกเลย เป็นการฝึกการตลาดเสียมากกว่า หนำซ้ำประโยชน์ที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ตอบคำถามของการเรียนเภสัชศาตร์มาตั้ง ๕-๖ ปี เสียด้วยซ้ำ ผมมองว่า นั่นไม่ใช่วิชาชีพ แต่เป็นอาชีพนักขาย Salesman เสียมากกว่า

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคล ไม่ได้เจตนาจะอ้างอิงถึงใคร สถาบันใดเป็นพิเศษ (นอกจากที่กล่าวไว้ ^^)

โปรดใช้วิจารณญาณ พร้อมจิตวิญญาณแห่งวิชาชีพในการอ่าน

ขออนุญาตนำความคิดเห็นดีดี จากคุณ asinus มาแปะครับ อ่านแล้วลื่นดี เห็นด้วยที่ซู้ด :lol: :razz: :lol: :lol:
Infectious_RPh
 
โพสต์: 12
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2008, 20:36

Re: รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

โพสต์โดย Infectious_RPh » 03 พ.ย. 2008, 18:29

เนื่องจาก มีท่านสมาชิก เข้าใจผิด มาทักทายผมว่า ผมเป็นเภสัชกรผู้ทรงคุณวุฒิด้านโรคติดเชื้อท่านหนึ่ง คาดว่า เนื่องมาจากการที่ผมตั้งชื่อว่า Infectious_RPh ผมจึงมาทำความเข้าใจว่า ผมไม่ใช่นะครับ ผมเป็นเพียงเภสัชกรโรงพยาบาลธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่เผอิญว่า สนใจด้านโรคติดเชื้อ เพื่อที่จะป้องกันการเข้าใจผิดต่อเนื่องไปในอนาคต กลัวเจ้าตัวที่คนคิดว่าเป็นเค้าจะเดือดร้อน ผมจึงขอยุติการใช้ชื่อ Infectious_RPh แต่เพียงเท่านี้ และได้สมัครใหม่แล้วครับ ในชื่อของ PatientSafety_RPh ครับ จึงเรียนมาเพื่อทราบ
Infectious_RPh
 
โพสต์: 12
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2008, 20:36

Re: รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

โพสต์โดย NJ » 03 พ.ย. 2008, 19:10

^
^
^
5555
ภาพประจำตัวสมาชิก
NJ
 
โพสต์: 70
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 พ.ค. 2008, 21:30

Re: รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

โพสต์โดย PatientSafety_RPh » 03 พ.ย. 2008, 19:18

ผมเปลี่ยนชื่อเป็น PatientSafety_RPh แล้วนะครับ จะได้แสดงความเห็นได้คล่องตัวหน่อย เพราะว่าเมื่อวานมีสมาชิกเข้ามาทักว่า ผมเป็นคนดังที่เค้าเชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อท่านหนึ่ง ซึ่งใครๆหลายคนคงรู้จักเค้า ผมกลัวว่าเค้าจะได้รับผลกระทบหน่ะครับ

วันนี้ที่จริงไม่ได้มีอะไรมา update มากมายนักหรอก แต่ว่ามีเรื่องดีๆ ที่อยากเล่าให้ฟังมากกว่า วันนี้ได้มาช่วยงานที่ห้องยา IPD พบว่า ขณะที่เช็คยาก่อนส่งขึ้น ward เราก็ช่วยเหลือคนไข้ได้มากเช่นกัน ไม่ใช่แค่ว่ายาต้องถูก ต้องครบตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น วันนี้ได้เกิด drug interaction แบบว่า ต้อง consult แพทย์เลย ไม่ consult คงไม่ได้ เนื่องจาก ยา Home-med ผู้ป่วยได้รับ warfarin และ amiodarone ซึ่งเกิด drug interaction ที่ classic มาก การได้โทรจากห้องยาขึ้นไปบน ward เพื่อ confirm และให้ข้อมูลของ drug interaction พร้อมเสนอแนวทางให้ทีมรักษา ซึ่งหวังช่วยให้ผู้ป่วยได้รับความปลอดภัยอย่างสูงสุด และทีมรักษาก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการดูแลรักษาผู้ป่วยผมรู้สึกว่า เภสัชกรสามารถทำงานแบบ Best practice ได้ในทุก setting ไม่ว่าจะเป็นที่ ห้องยา หน่วยผลิตยา หน่วยผลิตยาปราศจากเชื้อ หน่วยเตรียมยา extemperaneous หรืองานใดๆก็ตามที่เภสัชกรเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งเภสัชกรสามารถที่จะทำให้ดีที่สุดภายใต้ข้อจำกัดของหน่วยงาน หรือองค์กรครับ ก็เลยหวังเล็กๆ เรื่องการพัฒนาเรื่อง competency ของเภสัชกร อยากให้มีการจัดอบรม หรือจัดประชุมกันบ่อยๆ รวมถึงองค์กรต่างๆ อยากให้มีการทำ KM (Knowledge Management) ร่วมกันเพื่อแชร์ความรู้ระหว่างองค์กร หรือร่วมพัฒนาไปด้วยกัน เพราะเห็นบางโรงพยาบาลพัฒนาไปไกลมากแล้ว แต่ว่าโรงพยาบาลบางแห่งก็ยังคงพัฒนาไปไม่ได้มาก อาจมาจากข้อจำกัดบางอย่าง หรือมุมมองของผู้บริหารหน่ะครับ :lol: :lol: :biggrin:
แก้ไขล่าสุดโดย PatientSafety_RPh เมื่อ 03 พ.ย. 2008, 19:48, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
PatientSafety_RPh
 
โพสต์: 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 พ.ย. 2008, 18:16

Re: รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

โพสต์โดย PatientSafety_RPh » 03 พ.ย. 2008, 19:23

:lol: :lol: :mrgreen:
แก้ไขล่าสุดโดย PatientSafety_RPh เมื่อ 17 พ.ย. 2008, 22:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
PatientSafety_RPh
 
โพสต์: 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 พ.ย. 2008, 18:16

Re: รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

โพสต์โดย TeacherKen » 08 พ.ย. 2008, 02:42

"๓. สถาบันการศึกษา - คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ ควรปลูกฝังความคิด-ค่านิยม บทบาทของวิชาชีพ จรรยาบรรณวิชาชีพ และการตอบแทนคุณสังคม/ตอบแทนภาษีของประชาชน ให้มากขึ้น(จากที่ไม่ค่อยมีเลย ณ ปัจจุบัน ที่สอนๆ เรียนๆ กันเพื่อสอบ แล้วก็ผ่านไป) เพราะหาก นศภ./นสภ. ได้ตระหนักรู้ถึงบทบาทของเภสัชกรแล้วไซร้ ย่อมจะนำมาซึ่งการพัฒนาวิชาชีพ และระบบสาธารณสุขของประเทศ(ที่เกี่ยวเนื่องจากยา)ได้อย่างแน่นอน"

จากข้อความแบบข้างบน อ่านทุกครั้งก็รู้สึกพูดไม่ออกทุกที ในฐานะที่อยู่ในสถาบันการศึกษา เอะอะอะไรก็มาลงที่สถาบันการศึกษาควรทำนั่น ควรทำนี่ คิดว่าสถาบันการศึกษาไม่ได้สอนหรือ ถ้าลองเข้ามาอยู่ในสถาบันการศึกษาเองบ้างจะรู้ว่าข้อจำกัดมีอย่างไร การเอาเด็กที่ถุกปั่นและทำลายโดยสังคมและตัวอย่างที่ไม่ดีที่เขาเห็นอยู่ในสังคมมาสอนแค่ 5-6 ปีคิดว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงให้มีจรรยาบรรณวิชาชีพได้อย่างที่ต้องการเชียวหรือ เด็กยุคนี้ ความรับผิดชอบ และวุฒิภาวะก็ไม่เหมือนกับแต่ก่อน สอนยากเย็น อยากทำแต่อะไรที่ง่ายๆ สบายๆ ใครรับน้องรุ่นใหม่เข้าไปทำงานคงรู้ ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นสถาบันการศึกษาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้นักศึกษาจบมาเป็นเภสัชกรที่ดี แต่การหวังและโยนให้สถาบันการศึกษาทำทุกอย่างฝ่ายเดียวคงไม่สามารถทำได้ ต้องอาศัยความร่วมมือกัน ในความเป็นจริงเวลาประชุมร่วมกัน เภสัชกรที่ทำงานในวิชาชีพกล่าวดูถูกคนในสถาบันการศึกษาอยู่ตลอดเวลาว่าไม่รู้เรื่องการประกอบวิชาชีพ เคยมีถึงขั้นประชุมหาแนวทางฝึกงานร่วมกัน กลับกันให้คนในสถาบันการศึกษาออกไปจากห้องประชุมให้หมดเพื่อให้ประชุมเฉพาะคนที่ทำงานเท่านั้น สถานการณ์เป็นคล้ายๆ อย่างนี้มาตลอด แล้วจะให้คนในสถาบันการศึกษาทำอย่างไร เวลาเกิดปัญหาอะไรในวิชาชีพ ก็หันมาโทษกันไว้ก่อน คิดและบอกตลอดว่าคนในสถาบันการศึกษาไม่มีความรู้เลยเชียวหรือว่าการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมทำอะไรกันคนเป็นอาจารย์ ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยประกอบวิชาชีพกันมานะ อีกตัวอย่างเรื่องการฝึกงานนักศึกษา สภาฯบังคับและเพิ่มชั่วโมงมาสารพัด แต่ไม่ได้ช่วยอะไรกับสถาบันการศึกษา ไม่ช่วยเรื่องการประสานงานกับแหล่งฝึก แหล่งฝึก(หลายแหล่ง)ก็คิดแต่ว่าเป็นภาระ ไม่คิดว่าจะต้องช่วยกันปลูกฝังความเป็นวิชาชีพเหมือนวิชาชีพอื่นๆ เขา ฟังเรื่องแบบนี้มาหลายปี อึดอัดเหมือนกัน คนในวิชาชีพไม่เคยคิดแก้ปัญหาร่วมกัน ดูถูกสถาบันการศึกษาตลอดเวลา ลองมาอยู่ในสถาบันการศึกษาบ้างจะรู้ว่ามันมีข้อจำกัดแค่ไหนมันเหนื่อยนะ ถ้าทำแค่พ่นๆ สอนตามตำราแบบที่ผู้ประกอบวิชาชีพด้านอื่นๆ คิด คงไม่เหนื่อยขนาดนี้หรอก เฮ้อ ก็แค่ขอบ่น ก็ต้องช่วยตัวเองกันไป H58
TeacherKen
 

Re: รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

โพสต์โดย med_pharm » 08 พ.ย. 2008, 15:51

ขอเสนอมุมมองที่ผมเคยเขียนให้ อ.ที่มข. เอาไปคัดค้านเรื่อง 6 ปี

12.1 การพัฒนาหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิตควรพัฒนาจากความต้องการของสังคมเป็นที่ตั้ง จากการพัฒนาหลักสูตรที่ผ่านมา ข้อบกพร่องเกิดจากการเลียนแบบอารยประเทศ โดยมิได้คำนึงถึงพื้นฐานและปัญหาของประเทศไทย ดังจะเห็นจากบทความทางบริบาลเภสัชกรรมที่บอกที่มาของการเรียนบริบาลเภสัชกรรมว่าคัดลอกมาจากสหรัฐอเมริกา โดยไม่ได้นำปัญหาด้านสาธารณสุขและปัญหาการใช้ยาในประเทศไทยเป็นที่ตั้ง
12.2 การแบ่งแยกระหว่างภาคการศึกษาและภาคปฏิบัติอย่างเอกเทศ ทำให้เหมือนการเรียนจากชีวิตจริงของเภสัชกรเหมือนเข้าห้องเรียนเรียนทฤษฎี แต่เวลาเข้าปฏิบัติการ (ปฏิบัติงาน) ก็จะเป็นอีกแบบ ทำให้เกิดความสับสน และอาจกล่าวได้ว่าเป็นความล้มเหลวของระบบการศึกษา
12.3 การขาดความสนใจในการพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่อง และหลักสูตรต่อยอด เนื่องจากขาดความคิดแบบบูรณาการ การศึกษาต่อเนื่องในปัจจุบัน จึงมักเป็นการเอาความรู้ภาคทฤษฎีจากอาจารย์เป็นหลัก ขาดองค์ความรู้จากภาคปฏิบัติ จึงน่าเสียดายที่องค์ความรู้หลายอย่างจึงใช้ไม่ได้จริง
12.4 ขาดงานวิจัยด้านการศึกษาเภสัชศาสตร์ จึงทำให้การพัฒนาไม่มีคำตอบจากวิชชา อันเป็นความรู้จริง อาศัยการคาดเดา จากอวิชชาต่างๆ หรือจากความคิดเห็นที่หลากหลาย ซึ่งไม่เป็นระบบ ทำให้ขาดองค์รวมในการพัฒนา
12.5 ขาดการลำดับความสำคัญของข้อมูลที่ให้การศึกษาแก่เภสัชกร ทำให้หลายครั้งเภสัชกรรู้ในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ไม่รู้ในสิ่งที่ต้องรู้ เนื่องจากอาจารย์มุ่งสอนจากตำราจากต่างประเทศ และผนวกกับข้อ 12.2 จึงเกิดปัญหาการเรียนที่นำไปใช้ในชีวิตการงานได้น้อย ดังที่เคยมีเภสัชกรท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า อาจารย์มักสอนวิชาการ แต่ไม่ได้สอนวิชางาน
12.6 การขาดองค์รวมในการประกอบวิชาชีพ เนื่องจากความคิดที่แยกการทำงานของเภสัชกรตามการทำงาน (เป็นเภสัชกรโรงพยาบาล เภสัชกรชุมชน เภสัชกรโรงงาน) จึงขาดแนวคิดที่ว่า การผลิตเภสัชกรในภาพรวมนั้นเพื่ออะไร ในแง่ของวิชาชีพ จึงขาดอุดมการณ์ทางเภสัชกรรมอย่างมาก และบอกตัวตนไม่ได้ว่า สิ่งที่ตัวเองทำอยู่นั้นเพื่ออะไร

เลข 12 เนื่องจากผมคัดลอกมาจากการตอบเอกสารในข้อ 12 ผมขอเน้นในข้อ 12.6 ว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก วิชาชีพต้องตอบตัวเองให้ได้เสียก่อนว่าในภาพรวม อุดมการณ์ในการผลิตเภสัชกรเพื่อทำหน้าที่อะไร มากกว่าการตอบว่าผลผลิตของการผลิตเภสัชกรแยกไปตามงานต่างๆ ตามแต่ที่จะไขว่คว้าได้

มีสิ่งเล็กๆ ที่มีความสำคัญในวิชาชีพ เช่น การบัญญัติศัพท์ว่า "การบริบาลเภสัชกรรม (pharmaceutical care)" มีความเข้าใจที่ตรงกันหรือยัง เพราะหากเสวนากับผู้รู้ในวิชาชีพ ก็จะดูเหมือนว่าจะต่างๆกันออกไป และมีทั้งบทนิยามแบบแคบ และแบบกว้างของตนเอง เวลาสื่อกันในคำเดียวกัน ก็จะเข้าใจสับสนไปคนละเรื่อง การบีบบังคับด้วยการนิยามศัพท์แบบเอาแต่ใจตัวของสภาเภสัชกรรม อาจไม่ได้แก้ปัญหา เพราะรังแต่จะทำให้เกิดความอัดอั้นในวิชาชีพไปเสียอีก การเปิดกว้างและเสวนาทางการศึกษา (ไม่ถึงกับต้องสานเสวนาก็ได้ครับ) จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ครับ มากกว่าการที่สภาฯจะมัวแต่มองปัญหาทางการศึกษา เป็นเพียงปัญหาของสถาบันการศึกษา ซึ่งเป็นมุมมองที่คับแคบ เมื่อเทียบเคียง ก็จะพบว่า หากนักสาธารณสุขมองปัญหาทางสาธารณสุขเป็นเพียงแต่ปัญหาของบุคลากรสาธารณสุขเท่านั้น คนป่วยคนไข้ก็คงเต็มบ้านเมืองนี้ เหมือนสภาฯที่มองแต่ปัญหาการศึกษาเป็นเพียงปัญหาของสถาบันการศึกษา ความล้มเหลวในการปฏิบัติงานของเภสัชกรที่เกิดขึ้นเสมอๆครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
med_pharm
 
โพสต์: 96
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ธ.ค. 2006, 19:34

Re: รายงานสถานการณ์ถึงสภา (มุมมองของเภสัชกรคนหนึ่ง)

โพสต์โดย PatientSafety_RPh » 10 พ.ย. 2008, 05:18

TeacherKen เขียน:"การเอาเด็กที่ถุกปั่นและทำลายโดยสังคมและตัวอย่างที่ไม่ดีที่เขาเห็นอยู่ในสังคมมาสอนแค่ 5-6 ปีคิดว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงให้มีจรรยาบรรณวิชาชีพได้อย่างที่ต้องการเชียวหรือ เด็กยุคนี้ ความรับผิดชอบ และวุฒิภาวะก็ไม่เหมือนกับแต่ก่อน สอนยากเย็น อยากทำแต่อะไรที่ง่ายๆ สบายๆ ใครรับน้องรุ่นใหม่เข้าไปทำงานคงรู้

คงต้องยอมรับว่า ถ้าคนที่เป็นเภสัชกรที่ถือว่าเป็นน้องรุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งเรียนจบและเพิ่งเริ่มทำงานคงสะดุด ผมขอบอกว่าผมและเพื่อนๆบางส่วน เป็น New generation ของเภสัชกร มิได้อยากทำแต่อะไรที่ง่ายๆ สบายๆ เพราะการทำงานของผมและทีม เราทำงานบนพื้นฐานที่ว่า ผู้ป่วยได้รับความปลอดภัยอย่างสูงสุด ผมพยายามทำให้ดีที่สุด (Best Practice) แม้ว่าองค์กรจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง พยายามที่จะทำให้ทีมรักษาได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งเวลาจากการทำงานตลอด 7-8 เดือนที่ผ่านมาหลังจากได้รับมอบปริญญาเภสัชศาสตร์ และใบประกอบวิชาชีพ ผมคิดว่าได้ทำประโยชน์ให้ผู้ป่วยและทีมรักษาเป็นอย่างมาก และได้ generate งานด้านเภสัชกรรมคลินิกใหม่ๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในองค์กร จึงขอเรียนว่า อาจารย์ TeacherKen คงเข้าใจผิด และอาจประเมินศักยภาพเด็กจากเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น :lol: :lol: :mrgreen:
อาจารย์ครับ ผมว่า เด็กไม่ว่าจะยุคไหน หรือสถาบันไหน เขาก็สามารถถูกขัดเกลาได้ ถ้าได้ชี้แนวทางที่ถูกต้องให้เดินตามรอยทางนั้นๆ หากพวกเขาได้มีแบบอย่างที่ดี แต่ทว่าไม่ค่อยมีใครช่วยกันจุดแสงเทียนให้พวกเขา ผมเองในปัจจุบัน ยึด ภญ.ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ และอาจารย์ที่คณะท่านหนึ่ง เป็น role model มาตลอด จึงมีเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะทำงานเพื่อผู้ป่วยครับ :lol: :lol: :mrgreen:
PatientSafety_RPh
 
โพสต์: 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 พ.ย. 2008, 18:16


ย้อนกลับไปยัง สายตรงถึงสภาเภสัชกรรม

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document