New Document









เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 11 มี.ค. 2009, 13:56

pharmacy เขียน:เรื่องของเรื่องเกิดมาจากมาจากอาจารย์มหาวิทยาลัยบางคนอยากดัง อยากแสดงบทบาทตัวเอง ก็แค่นั้น
บทบาทของวิชาชีพเภสัชกรรมที่ลดลงก้เกิดจากการที่ อจ.มหาวิทยาลัยอยากมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยเปิดภาคสมทบ ภาคลูกหลานร้านขายยา ภาคค่ำ แต่ไม่คิดจะพัฒนา จะปรับปรุงหลักสูตรการเรียนเภสัชกรรม คิดแต่อยากจะหาเงิน
เห็นรายชื่อ อจ.มหาวิทยาลัยที่อยากดัง ก็ได้แต่ปลง อีโก้สูงกันทั้งนั้น แต่ไม่เคยทำงานเอกชนสักคน ไม่เคยแม้แต่ผ่านงานในระบบโรงพยาบาล ไม่เคยผ่านงานเอกชน ไม่เคยผ่านงานโรงงานสักคน
พอสภาเภสัชกรรมคิดจะควบคุมมหาวิทยาลัย ก็ออกมาดาหน้าประท้วงหลักสูตร 6 ปี
ไปมองโลกรอบรอบตัวพวกคุณอาจารย์ทั้งหลายบ้างเถอะครับ พวกคุณก้เรียนจบมาก็เป็น อจ. เรียนต่อ แล้วก็สอนหนังสือ แต่เรื่องราวคตวามก้าวหน้าของเภสัชกรในภาครัฐบาล เรื่องราวเภสัชกรล้นตลาด กูไม่สน ขอให้กูได้รายได้พิเสษจากการสอนภาคสมทบ
เอาง่ายง่ายหลักสูตรที่ อจ.มหาวิทยาลัยสอนอยู่ทุกวันนี้ เคยคิดจะปรับปรุงหลักสูตรบ้างไหมครับ

บอกตรงตรง ทุเรศครับ ทุเรศกับความคิดของ อจ.มหาวิทยาลัยบางคน


ยินดีรับฟังค่ะ

ความเห็นต่างไม่เป็นไร แต่อย่าให้ข้อมูลผิดนะคะ แน่ใจในสิ่งที่เขียนมาข้างบนนะ...ว่าถูกต้อง

ต่างคนต่างมี background ไม่เหมือนกัน ความเห็นจึงต่างกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่กระบวนจัดการกับความเห็นที่ต่างกันสิเป็นเรื่องสำคัญ การจะคิดว่าเป้นเพราะคนนั้นอยากดัง คนนี้อยากดังก็ไม่แปลก แต่การอ้างว่าเค้าอยากดังมาเป็นเหตุผลนั้น มีความเป็นเหตุผลที่รับฟังได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเหตุผลอย่างนี้ ถ้ามีคนพูดบ้างว่าบางคนที่สภาเภสัชกรรมอยากดัง อยากให้ประวัติศาสตร์จารึกชื่อตัวเอง ก็พูดได้เช่นกัน แต่รับฟังได้ไหม สมควรเอามาเป้นเหตุผลประกอบไหม

เวลาสังเกตคนนะ อยากให้ลองสังเกตสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วย เพระมันจะพัฒนาตัวเราเองด้วย อย่าไปติดกับดักแค่ว่าเพราะคนนั้นเป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนี้ อย่างนี้เป็นการใช้ "ความเชื่อ" ไม่ได้ใช้ "ความคิด"

แต่ก็ดีใจนะ ที่ได้รับความเห็นนี้ มันบอกอะไรหลายอย่างดี ขอบคุณค่ะ

การถกเถียงทางความคิด และการตัดสินใจที่กระทบกับคนอื่น อย่าเอาเหตุผลพวกนี้มาใช้ เพราะมันก็พูดว่ากันไปมาได้ทั้งสองฝ่าย
ลองจินตนาการดูว่า ถ้าต่างฝ่ายต่างก็ยกเอาเหตุผลประเภทนี้ขึ้นมา แล้วมันจะมีทางออกที่ดีได้อย่างไร ทางออกมันเลยไปขึ้นอยู่กับว่า ตอนนั้นใครมีอำนาจ ซึ่งเป้นเรื่องอันตรายมากสำหรับสังคม
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08







Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย pharmacy » 11 มี.ค. 2009, 15:07

เรื่องหลักสูตรนั้นผมอยากจะให้เหมือนกันว่าจะเรียนกี่ปีก็เอาให้เหมือนกันทั้งประเทศ ให้จบเภสัชกรเเล้วมีหลักสูตรเหมือนกันหมด
เสียดายครับตอนนี้มีเภสัชกรจบ 5 ปี จบ 6 ปี มาต่างกัน แต่เวลารับราชการกลับโดนคิดเบี้ยเลี้ยง คิดเงินเดือนแบบ 5 ปี
เสียดายครับ อาจาร์ยมหาวิทยาลัยน่าจะไปคิดหลักสูตร คิดวิชาการที่ทำให้เภสัชกรจบมาทำงานได้เเบบผู้เชี่ยวชาญ แต่นี่แค่หลักสูตรยังทะเลาะกันไม่รุ้จบ แถมไปร้องเรียนนักการเมืองทั้งที่เรื่องหลักสูตรเรื่องการเรียนเป็นเรื่องของเภสัชกรมาคุยกัน
ไม่รู้จะเรียกว่าอยากดังหรือเปล่า แต่ที่แน่แน่เอาเรื่องหลักสูตรไปให้นักการเมืองพิจารณานี่ผมมองว่า ทุเรศ ครับ

แล้วขอถามอาจาร์ยหน่อยเถอะครับ ทำไมผลิดเภสัชกรมาเยอะจังครับ หรือคิดแต่อยากได้เงินค่าสอนในภาคสมทบ โดยไม่ดูตลาดสังคมเอาซะเลย
pharmacy
 
โพสต์: 20
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2007, 09:33

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย zartingtong » 11 มี.ค. 2009, 19:59

แต่นี่แค่หลักสูตรยังทะเลาะกันไม่รุ้จบ แถมไปร้องเรียนนักการเมืองทั้งที่เรื่องหลักสูตรเรื่องการเรียนเป็นเรื่องของเภสัชกรมาคุยกัน
ไม่รู้จะเรียกว่าอยากดังหรือเปล่า แต่ที่แน่แน่เอาเรื่องหลักสูตรไปให้นักการเมืองพิจารณานี่ผมมองว่า ทุเรศ ครับ

นั่นแหละนั่นแหละความทุเรศอยู่ที่ไม่ยอมคุยกับเภสัชกรกันเองก่อนไง เลยต้องเอาไปให้นักการเมืองดูเรื่องทุเรศๆของเภสัชกร
:lol: :lol: :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
zartingtong
 
โพสต์: 1260
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2006, 19:14

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย Mooma » 12 มี.ค. 2009, 15:14

เห็นรายชื่อ อจ.มหาวิทยาลัยที่อยากดัง ก็ได้แต่ปลง อีโก้สูงกันทั้งนั้น แต่ไม่เคยทำงานเอกชนสักคน ไม่เคยแม้แต่ผ่านงานในระบบโรงพยาบาล ไม่เคยผ่านงานเอกชน ไม่เคยผ่านงานโรงงานสักคน

ประโยคนี้ดูจะไม่ถูกต้องนะครับ คิดว่าน่าจะใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ครับผม
:biggrin:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mooma
 
โพสต์: 27
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2008, 19:28

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 17 มี.ค. 2009, 21:11

pharmacy เขียน:เรื่องหลักสูตรนั้นผมอยากจะให้เหมือนกันว่าจะเรียนกี่ปีก็เอาให้เหมือนกันทั้งประเทศ ให้จบเภสัชกรเเล้วมีหลักสูตรเหมือนกันหมด
เสียดายครับตอนนี้มีเภสัชกรจบ 5 ปี จบ 6 ปี มาต่างกัน แต่เวลารับราชการกลับโดนคิดเบี้ยเลี้ยง คิดเงินเดือนแบบ 5 ปี
เสียดายครับ อาจาร์ยมหาวิทยาลัยน่าจะไปคิดหลักสูตร คิดวิชาการที่ทำให้เภสัชกรจบมาทำงานได้เเบบผู้เชี่ยวชาญ แต่นี่แค่หลักสูตรยังทะเลาะกันไม่รุ้จบ แถมไปร้องเรียนนักการเมืองทั้งที่เรื่องหลักสูตรเรื่องการเรียนเป็นเรื่องของเภสัชกรมาคุยกัน
ไม่รู้จะเรียกว่าอยากดังหรือเปล่า แต่ที่แน่แน่เอาเรื่องหลักสูตรไปให้นักการเมืองพิจารณานี่ผมมองว่า ทุเรศ ครับ

แล้วขอถามอาจาร์ยหน่อยเถอะครับ ทำไมผลิดเภสัชกรมาเยอะจังครับ หรือคิดแต่อยากได้เงินค่าสอนในภาคสมทบ โดยไม่ดูตลาดสังคมเอาซะเลย



ขอโทษทีค่ะ ขอตอบสั้นๆละกันนะคะว่า ให้ย้อนกลับไปอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นเลย

ก่อนอ่าน ให้ลองคิดว่าเป็นประชาชนคนนอก หรือพ่อแม่นักเรียน คิดถึงคนส่วนใหญ่ของสังคมเป็นตัวตั้ง

ลองทำดูนะคะ

อีกนิดนึง คำว่า "ทุเรศ" เนี่ยะ ขอได้ไหมคะ เป็นห่วงน่ะค่ะ คำพูดพวกนี้มันเป็นบูมเมอแรงนะคะ คนส่งมา แต่ไม่มีใครรับ มันจะวกกลับไปหาคนส่ง
ขอเถอะค่ะ ดิฉันเอง แก่พอที่จะไม่หวั่นไหวกับคำพวกนี้ที่คนด่ามา และทบทวนมาอย่างรอบคอบรวมถึงได้ดำเนินการหลายๆอย่างมาก่อนแล้ว จนมั่นใจมากพอว่าถึงเวลาแล้ว แต่ที่หวั่นไหวและเสียใจที่ "เภสัชกร" ใช้คำนี้ มันแสดงถึงวุฒิภาวะของคนพูด ยกเว้นคนพูดไม่ใช่เภสัชกร คนอ่านที่มีวิจารณญาณ ถึงแม้เค้าจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของดิฉัน เค้าก็ไม่ได้คล้อยตามคุณหรอกค่ะกับการใช้คำหยาบคายใยการแสดงความเห็นที่แตกต่าง แถมเค้าจะมองคุณไปในทางลบเสียเปล่าๆ

อย่าคิดว่านีคือโลกไซเบอร์ จะแสดงอะไรออกไป ก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร การคิดอย่างนี้แล้วแสดงอะไรออกมาที่ไม่เหมาะสม จะยิ่งฉุดให้คนทำตกต่ำลงไปค่ะ อย่าทำเลยนะคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 17 มี.ค. 2009, 21:16

มีบทความที่ผู้เขียนไม่ประสงค์ออกนาม แต่บอกได้เลยว่า เป็นอีก 1 ข้อเสนอในการจัดการศึกษารวมถึงการพัฒนาวิชาชีพที่น่าสนใจ

ลองอ่านดูนะคะ ความเห็นแตกต่างได้นะคะ ร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยกันก็ยิ่งดี แต่ขอร้องว่าอย่าใช้อารมณ์
ได้แนบไฟล์มาให้ด้วยแล้วค่ะ

การฝึกงานก่อนได้รับอนุมัติให้ประกอบวิชาชีพเภสัชกร
ความคิดเห็น ณ กุมภาพันธ์ 2552


สมัยก่อนยังไม่มีสภาเภสัชกรรม การฝึกงาน (หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่าการฝึกปฏิบัติวิชาชีพ) ในหลักสูตรเภสัชศาสตร์เป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ไปเห็น เรียนรู้และลองทำ ใช้เวลาฝึกงานไม่กี่เดือนตามโรงพยาบาล โรงงานและร้านยา ส่วนใหญ่จะเลือกให้ได้หลาย ๆ อย่างให้ได้เห็นทุกอย่างเพื่อใช้ในการตัดสินใจเลือกงานหรือสมัครงานให้ตรงกับความชอบ โอกาสที่ได้เห็นได้ลองทำบ้างทำให้ได้รู้จักตัวเอง ได้ลองรับผิดชอบงานเล็ก ๆ ในความดูแลของรุ่นพี่เภสัชกรเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ปลูกฝังความรักในการงานอาชีพนี้ รุ่นพี่ก็ช่วยกันดูแลเลี้ยงข้าว บางท่านก็ลงทุนเปิดมุมในร้านตั้งโต๊ะประชุมน้อง ๆ (ฝึกหลายคนพร้อม ๆ กัน) บอกกล่าวพูดคุยกับน้องกึ่งคุยกันกึ่งสอน ทำให้พี่รักน้องและน้องก็ศรัทธาในตัวพี่และอยากเป็นอย่างพี่ อยากเอาอย่างพี่ที่ประสบความสำเร็จไปก่อนหน้าแล้ว

ในยุคสมัยนั้นการฝึกงานเป็นส่วนหนึ่งที่คณะเภสัชศาสตร์เป็นผู้กำหนดทางเดินให้นักศึกษาเพื่อให้ได้เห็น เรียนรู้และลองดู การควบคุมทางเดินของนักศึกษามีทั้งที่มีคะแนนเป็นตัวบังคับและบ้างก็ไม่มีคะแนน เก็บชั่วโมงให้ครบถ้วนก็เป็นอันว่าจบกระบวนการฝึก

ต่อมาการฝึกงานของมหาวิทยาลัยมีคะแนนบังคับ ทำให้เข้มข้นขึ้น นักศึกษาต้องทำตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ถูกประเมินด้วยคู่มือเป็นเล่ม ๆ การฝึกงานที่เคยมีความหลากหลายก็ต้องปรับให้เป็นระบบ จำนวนนักศึกษาที่เพิ่มขึ้นทุกปีบวกกับการเปลี่ยนแปลงในสังคมทำให้การปฏิบัติวิชาชีพต้องระมัดระวังมากขึ้น ความผิดพลาดในการปฏิบัติวิชาชีพทำให้มีความผิดมาถึงผู้ปฏิบัติวิชาชีพเอง ความรับผิดชอบกับการฝึกงานที่เคยมีลักษณะ ?สบาย ๆ? ฉันท์พี่น้องกลายมาเป็น ?ภาระ? ที่ไม่พึงปรารถนาของเภสัชกรผู้ปฏิบัติวิชาชีพ

คงมีพี่เภสัชกรจำนวนไม่น้อยที่ยังอยากเก็บบรรยากาศเก่า ๆ ไว้แต่การทำผิดจรรยาบรรณก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวไม่น้อย ไม่มีใครอยากเสียชื่อเสียงกับ ?ภาระ? ที่ไม่ใช่หน้าที่เลยแม้แต่น้อย มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก็เลยจำเป็นต้องหันหน้าเข้าหากันร่วมกันจัดการฝึกงานด้วยระบบ ศศภท. (ประกอบด้วยคณบดีคณะต่าง ๆ ประชุมร่วมกันเป็นระยะ ๆ และมีคณะกรรมการ/อนุกรรมการฝึกงานร่วมกัน) การจัดการฝึกงานร่วมไม่ใช่งานที่น่ารื่นรมย์ ผู้เกี่ยวข้องเวียนว่ายอยู่ในระบบฝึกงานนี้จะเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ทุกครั้งที่จะถึงวันประชุมจะต้องมีความรู้สึกนั้นหวนกลับมาเสมอ ๆ
แก้ไขล่าสุดโดย wannee เมื่อ 17 มี.ค. 2009, 21:29, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 17 มี.ค. 2009, 21:17

ต่อมาเมื่อมีสภาเภสัชกรรมควบคุมเภสัชกรในการปฏิบัติวิชาชีพ มีความคาดหวังที่จะทำให้วิชาชีพพัฒนาก้าวหน้าขึ้น มาตรการต่าง ๆ ที่สภาเภสัชกรรมกำหนดมามีผลต่อมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพของเภสัชกรได้ชัดเจน ที่กล่าวมานี้รวมถึงการควบคุมการสอบใบประกอบวิชาชีพที่มีผลต่อนักศึกษาเภสัชศาสตร์ทุกคนที่จะจบไปประกอบวิชาชีพในประเทศไทยด้วย

การกำหนดนโยบายเพื่อให้วิชาชีพเภสัชกรรมก้าวหน้ามีทิศทางชัดเจนมุ่งไปที่งานบริบาลเภสัชกรรมซึ่งก็ไม่แปลกแต่อย่างใด ด้วยหวังผลงานที่รวดเร็วและเห็นการเปลี่ยนแปลงในงานบริบาลเภสัชกรรมให้ชัดเจนสภาเภสัชกรรมจึงหันมากำหนดเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ควบคุมคณะเภสัชศาสตร์และหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต (ภบ.) ด้วย โดยออกเกณฑ์เกี่ยวกับการรับรองคณะเภสัชศาสตร์(มีเกณฑ์หลายข้อ) และหลักสูตร 6 ปี โดยขยายเวลาในเรื่องการฝึกงาน ทำให้ต้องใช้เวลาฝึกงานไม่น้อยกว่า 1 ปี นั่นก็คือการเพิ่มเวลาจากหลักสูตร 5 ปีเป็น 6 ปีนั้นเพื่อเพิ่มเวลาให้มีการฝึกงานเบ็ดเสร็จในหลักสูตร โดยที่บัณฑิตยังคงได้ปริญญาเทียบเท่าปริญญาตรี เปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้น

จะเห็นได้ว่าสภาเภสัชกรรมไทยใช้วิธีการบังคับสถาบันการศึกษาทั้ง ๆ ที่การฝึกงานเป็นในความเป็นจริงของวิถีเภสัชกรรมไทยเป็นอำนาจอันแท้จริงของสภาเภสัชกรรมไม่ใช่สถาบันการศึกษา สภาเภสัชกรรมโทษว่าสถาบันการศึกษาสอนนักศึกษาแล้วจบออกมาก็ใช้งานไม่ได้ตรงตามความต้องการของสังคม คณะเภสัชศาสตร์ทุกสถาบันตึงเครียดมากขึ้นกับการฝึกงาน นับวันมีเงื่อนผูกมีข้อเรียกร้องต้องการสูงขึ้น การจัดการเป็นไปด้วยความยากเย็นเพิ่มขึ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 17 มี.ค. 2009, 21:18

สิ่งที่สำคัญที่สุดในแหล่งฝึกงานก็คือเภสัชกรผู้ปฏิบัติวิชาชีพ การกล่าวถึงแหล่งฝึกที่ดีก็มักจะต้องคิดถึงเภสัชกรที่เป็นรุ่นพี่ที่ดี ๆ ที่มีคุณภาพ สภาเภสัชกรรมก็จัดการประเมินรับรองคุณภาพร้านยาขึ้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แหล่งฝึกประเภทร้านยาก็พัฒนาเพื่อการรับรองของสภาเภสัชกรรม ผู้ที่ทำการพัฒนาตรงนี้ก็คือแหล่งฝึก นี้เป็นตัวอย่างการดูแลของสภาเภสัชกรรมในเชิงระบบต่อสถานประกอบการ

หากแต่ยังขาดส่วนสำคัญของการดูแลสนับสนุนการฝึกงานที่อยู่ในอำนาจหน้าที่และบทบาทที่แท้จริงของสภาเภสัชกรรม เภสัชกรที่ปฏิบัติวิชาชีพอยู่ในการกำกับดูแลตามกฎหมายของสภาเภสัชกรรมโดยตรง นอกจากสภาเภสัชกรรมจะมองแหล่งฝึกในแง่ของสถานประกอบการแล้วหากจะมองให้ชัดแจ้งถึงแก่นของเรื่องนี้ต้องมองให้เห็นในเชิงของบุคคลมิใช่สถานประกอบการอย่างที่เคยทำ

การที่จะให้สถาบันการศึกษาไปเฝ้าร้องขอความช่วยเหลือจากแหล่งฝึกใน ?ภาระ? ที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งนอกจากจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่แหล่งฝึกเพื่อขอให้ช่วยฝึกงานให้นักศึกษาแล้วยังต้องยอมรับเงื่อนไขการรับนักศึกษาฝึกงานในทุกกรณี ต่อรองได้ยากเพราะแหล่งฝึกเห็นนักศึกษาฝึกงานเป็นภาระส่วนเกินมากกว่าเป็นหน้าที่ กลายเป็นความไม่ลงตัวของระบบการจัดการฝึกงานซึ่งไม่มีใครได้ประโยชน์อย่างแท้จริง นักศึกษากลายเป็น ?ภาระ? ของแหล่งฝึก ถ้าได้นักศึกษาดีก็ถือว่า ?โชคดี? แต่ถ้าได้นักศึกษากลาง ๆ หรือเฉย ๆ ก็ทำตามที่ควรจะทำพอไม่ให้รู้สึกผิดว่าตกลงรับไปแล้วก็ต้องทำให้ผ่าน ๆ ไป แหล่งฝึกไม่ได้ทุ่มเท ไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาตนเองทั้งที่การบังคับกลาย ๆ ของสภาเภสัชกรรมให้แหล่งฝึกใช้เป็นโอกาสในการพัฒนาตนเองของแหล่งฝึกตรงนี้จะทำได้ง่ายมาก ๆ ไม่ต้องไปเก็บ CE หรือหาแต้มจากที่ไหนเลย การทุ่มเทเตรียมเนื้อหาการสอนให้นักศึกษาเต็มที่เอามาเป็นส่วนเก็บคะแนน CE เป็นหนทางที่ทำได้ง่ายและช่วยให้แหล่งฝึกก็พัฒนาตนเองได้จากงานด้วย หน่วยงานก็ชอบเพราะว่าการพัฒนาตนเองของเภสัชกรในหน่วยงานแบบนี้เท่ากับได้งานดี ๆ เกิดขึ้นด้วย
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 17 มี.ค. 2009, 21:24

ดังนั้น ลองมองกลับมุมให้สอดคล้องกับความเป็นจริงตามสภาพวิถีวัฒนธรรมชาวเภสัชกรรมของประเทศไทย ทุกวันนี้เภสัชกรที่ประกอบวิชาชีพจะต้องระวังไม่ให้เสียใบประกอบวิชาชีพไป สภาเภสัชกรรมควบคุมความประพฤติและการพัฒนาตนเองของเภสัชกร ทุกคนต้องต่ออายุใบประกอบวิชาชีพด้วยการสะสมชั่วโมงการเข้าอบรมหรือทำแบบฝึกหัดที่ได้รับการรับรองของสภาเภสัชกรรม เป็นวิถีที่ใช้เวลาฟูมฟักจนเป็นที่ยอมรับเป็นวัฒนธรรมวิชาชีพไปแล้ว เภสัชกรจึงยอมรับในอำนาจการควบคุมของสภาเภสัชกรรมนี้ ไม่มีเภสัชกรคนไหนคิดว่าการควบคุมอยู่ที่คณะเภสัชศาสตร์

ดังนั้นเมื่อต้องรับผิดชอบการฝึกงานของนักศึกษาที่คณะเภสัชศาสตร์ส่งมาก็เลยรู้สึกว่าเป็นภาระส่วนเกิน ทำด้วยความเสียสละไม่ใช่หน้าที่ ถ้าหากการจัดการฝึกงานให้สอดคล้องกับความเป็นจริงที่กล่าวมานี้ ด้วยการให้สภาเภสัชกรรม(ซึ่งมีอำนาจเต็มในการควบคุมเภสัชกร) รับผิดชอบการฝึกงานของผู้จบใหม่ ผู้จบใหม่จะไปฝึกงานที่ไหนได้ถ้าจะให้ดีก็ไปอยู่ในที่ ๆ สภาเภสัชกรรมรับรองเป็นแหล่งฝึก รับรองตัวเภสัชกรพี่เลี้ยงการฝึกงานไปด้วยเลย ควบคุมคุณภาพได้ด้วย ขณะเดียวกันถ้าจะให้ incentives กับเภสัชกรพี่เลี้ยงก็ให้เป็นคะแนนสะสมชั่วโมง(ถ้าทำได้ตามคุณภาพ) ด้วยวิธีนี้ก็จะได้ผลตามที่ต้องการทุกประการกล่าว คือ

1.การฝึกงานตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งก็คือเภสัชกรแหล่งฝึกที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงการฝึกงานมาโดยตลอด แต่ในอดีตฝึกตามกรอบของคณะเภสัชศาสตร์ แต่เมื่อจัดระบบใหม่ให้ถูกต้อง การฝึกงานให้ตรงกับความต้องการของโรงพยาบาลจะได้ใช้งานได้เต็ม ไม่ต้องกังวลเกณฑ์การประเมินของคณะเภสัชศาสตร์

2. เภสัชกรแหล่งฝึกได้สะสมชั่วโมงการพัฒนาตนเองผ่านการพัฒนาผู้อื่น หากสภาเภสัชกรรมเป็นผู้ endorse การฝึกงานนี้และรับรองคุณภาพการฝึกงานรวมทั้งมองว่าการลงทุนลงแรงฝึกงานให้ ?ว่าที่เภสัชกร? เป็นการพัฒนาเภสัชกรที่ปฏิบัติวิชาชีพอยู่จริง เป็น on-site trainers ก็น่าจะได้คะแนนการพัฒนาตนเองด้วย เพราะการจะไปฝึกให้คนอื่นได้ตนเองก็ต้องทบทวนต้องฟื้นความรู้ด้วยเหมือนกัน

3.เนื้อหาสาระของการฝึกงานกำหนดโดยสภาเภสัชกรรมได้ตามนโยบายหรือมาตรการที่ปรับได้คล่องตัวตลอดเวลา การกำหนดเนื้อหาสาระของการฝึกงานที่ทำโดยสถาบันการศึกษามีความหลากหลาย แหล่งฝึกแต่ละแหล่งที่รับนักศึกษาจากต่างสถาบันจะพบว่าเหน็ดเหนื่อยกับการประเมินตามเกณฑ์และเนื้อหาสาระของแต่ละสถาบัน แทนที่จะเป็นมาตรฐานเดียวกันเกณฑ์เดียวกัน การปรับให้เป็นเกณฑ์เดียวกันทำได้ยากหากกำหนดให้แต่ละสถาบันการศึกษาไปทำหลักสูตรของตนเองซึ่งก็จะมีเงื่อนไขของแต่ละสถาบันอีก ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าการฝึกงานที่ทำโดยสถาบันการศึกษาก็จะวนปัญหาเดิม ๆ อยู่ปีแล้วปีเล่า ไม่สามารถทำให้เป็นสูตรสำเร็จแบบเดียวกันทั่วประเทศ นิสิตนักศึกษาแต่ละแห่งที่ไปฝึกงานในแต่ละแหล่งก็นั่งดูกันเองว่าแต่ละแห่งอาจารย์ประเมินและสนใจเนื้อหาแตกต่างกันอย่างไร เป็นอย่างนี้ร่ำไป
แก้ไขล่าสุดโดย wannee เมื่อ 17 มี.ค. 2009, 22:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 17 มี.ค. 2009, 21:26

นอกจากนี้ ถ้าจัดระบบใหม่ให้ดีกว่าเดิม การฝึกงานในปีที่ 6 (หลังจบหรือเรียกว่า intern) สภาเภสัชกรรมอาจจะออกใบประกอบวิชาชีพฉบับผู้จบใหม่ (สอบก่อนก็ได้) ผู้จบใหม่ก็น่าจะได้ค่าตอบแทนแต่ต่ำกว่าเภสัชกร เมื่อฝึกงานเสร็จจึงจะมีสิทธิ์สอบใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมจริง การทำเช่นนี้ได้สอบ 2 ครั้ง ผู้จบใหม่ต้อง alert ตลอดเวลาอย่างน้อยก็ 2 ปี ความก้าวหน้าในวิชาชีพจะมหาศาลกว่าเดิม ความคิดนี้ไม่ใช่ของใหม่หากแต่เป็นระบบที่ได้คิดทบทวนว่าอังกฤษและสกอตแลนด์เคยคิดทบทวนแบบนี้มาก่อนและใช้มาแล้วเป็นผลให้สกอตแลนด์ลดจำนวนปีที่นักศึกษาเรียนเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง

ในช่วงแรกของการปรับเปลี่ยนอาจทำทันทีไม่ได้ อาจจะต้องอาศัยคณะเภสัชศาสตร์โดยระบบเดิมที่มีอยู่ในการเป็น training the trainers ไปก่อนก็ย่อมทำได้ไม่ยาก ถ้าหากว่าสภาเภสัชกรรมมองเห็นบทบาทที่แท้จริงของสภาวิชาชีพอันทรงเกียรติและอำนาจที่มีอยู่นี้ตรงแก่นแท้แล้วใช้ให้สอดคล้องโดยไม่จำเป็นต้องลอกแบบของวิชาชีพแพทย์หรือ Pharm.D. ของอเมริกา ประเทศเราก็อาจสร้างเภสัชกรที่ทำงานบริบาลเภสัชกรรมได้เร็วขึ้นกว่าและตรงกับความต้องการของสังคมมากกว่าด้วย

ถ้าคิดในเชิงกว้าง บทบาทของสภาเภสัชกรรมที่ก้าวมากำหนดสถาบันการศึกษาในรายละเอียดเรื่องคนและหลักสูตรเป็นสิ่งที่อาจจะไม่จีรังยั่งยืนนัก แต่ถ้าทำงานในเชิงยุทธศาสตร์และวางรายละเอียดในการพัฒนาเภสัชกรที่ปฏิบัติวิชาชีพอยู่ก่อนและ ?ว่าที่เภสัชกร?ที่จะก้าวมาแทนที่เภสัชกรปัจจุบัน สิ่งนี้น่าจะเป็นงานเชิงรุกที่สำคัญและเป็นรากฐานที่ดีและยืนยงกว่ากันมากนัก

ในช่วงหลายสิบปีมานี้ เชื่อว่าเภสัชกรไทยส่วนใหญ่เคยชินกับการเปลี่ยนแปลงแล้ว การเปลี่ยนหลักสูตรจาก 5 ปีเป็น 6 ปีเป็นก้าวใหญ่ที่สำคัญซึ่งเภสัชกรที่จบแล้วอาจจะไม่ตระหนักและไม่ได้สนใจเท่ากับผู้ปกครองที่กำลังจะส่งบุตรหลานเข้าเรียน stake-holders ที่สำคัญกลุ่มนี้มีใครเคยรับฟังความคิดเห็นของเขาด้วยหรือไม่ คิดว่ายังไม่มีและหากรับฟังก็คงมีแต่คำว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง การเพิ่มเวลาเรียนอีก 1 ปีอาจจะไม่มีความหมายในสายตาของคนที่ไม่เดือดร้อนแต่ถ้าต้องกู้เงินเรียนทุก ๆ บาทและคิดว่าจบแล้วเทียบเท่าปริญญาโทในความหมายของปริญญาตรีก็ไม่ต่างอะไรกับคิดติดยึดกับการเป็นข้าราชการไปตลอดชีวิต หากแต่ชีวิตจริงของเภสัชกรมีเส้นทางเลือกมากกว่านี้ อีก 1 ปีที่จะต้องลงทุนจึงควรคิดให้ละเอียดรอบด้านกว่านี้ หรือปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมของผู้ไม่เคยมีสิทธิ์คิดหรือเลือกของสังคมไทย

ขอขอบคุณผู้เขียนด้วยค่ะ ที่สละเวลามาช่วยคิดช่วยเขียน
แนบไฟล์
preregistration idea.pdf
(60.28 KiB) ดาวน์โหลด 627 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย Mooma » 20 มี.ค. 2009, 15:28

ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์และน่าอ่าน ของ อาจารย์นะครับ
ผมดูอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาวันนี้ช่วง สส. สมคิด
อูว....ด่ากันไฟแลบครับผม
แต่ประธานบอกว่า ไม่ใช่คำไม่สุภาพ ...อืมม.. ปฏิเสธซ้อนปฏิเสธ
เฮ้อ.... ;)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mooma
 
โพสต์: 27
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2008, 19:28

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 21 มี.ค. 2009, 00:13

Mooma เขียน:ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์และน่าอ่าน ของ อาจารย์นะครับ
ผมดูอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาวันนี้ช่วง สส. สมคิด
อูว....ด่ากันไฟแลบครับผม
แต่ประธานบอกว่า ไม่ใช่คำไม่สุภาพ ...อืมม.. ปฏิเสธซ้อนปฏิเสธ
เฮ้อ.... ;)


เห็น สส. อภิปรายกันทีไร

นึกถึงที่เคยมีคนพูดว่า สส.เป็นยังไง คนที่เลือกพวกนี้เข้ามาก็คงเป็นอย่างนั้น

นึกขึ้นมาทีไรแล้วใจหาย

มีเพื่อนเพิ่งออกชุมชนมา คนในชุมชนเค้าบอกว่า อย่าเลือกตั้งบ่อย มีเลือกตั้งทีไร คนในชุมชนทะเลาะกันทุกที เพราะมันแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน

น่าสนใจนะว่า บ้านเราเมืองเราเดี๋ยวนี้ ไม่มีกลไกที่จะประสานความแตกต่างได้แล้วหรือไง

ว่าไปแล้วก็ดูกรณีสภาเภสัชกรรมเป็นตัวอย่าง..แวะเข้าเรื่องจนได้นะเรา
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย INDY_Rx » 21 มี.ค. 2009, 00:24

วันนี้ก็ฮาไปอีกฉากน่ะครับ...สส.หญิงปะทะกัน...อิอิ
หลังอภิปรายเสร็จก็ยกมือไหว้กัน...ถ้าเรารู้จักแยกแยะในเกม-นอกเกมได้ก็คงจะดี เหอๆ

PS.อาจารย์หมวยนอนดึกจังครับ...ลูกศิษย์เป็นห่วงสุขภาพน่ะครับ :biggrin:
INDY_Rx
 
โพสต์: 340
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 มี.ค. 2009, 14:02
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย wannee » 21 มี.ค. 2009, 00:34

INDY_Rx เขียน:
PS.อาจารย์หมวยนอนดึกจังครับ...ลูกศิษย์เป็นห่วงสุขภาพน่ะครับ :biggrin:


ขอบคุณหลายๆที่เป็นห่วงจ้า

ไม่ได้นอนดึกหรอกคุณน้อง
เนื่องจากคุณพี่หลับไปเมื่อตอนหัวคำที่ดูข่าวอภิปรายในสภาน่ะ
อย่างนี้คงต้องเรียกว่าตื่นตอนดึก...ตามประสาผู้มีอายุ :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
wannee
 
โพสต์: 187
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ธ.ค. 2007, 21:08

Re: เรื่องสภากำหนดให้ต่อไปมีแต่หลักสูตร 6 ปี

โพสต์โดย joeinoui » 21 เม.ย. 2009, 00:54

อยากให้ทุกคนรักกันครับในฐานะเภสัชฯจบใหม่ ดูบอร์ดแต่ละบอร์ดมีแต่ด่าๆๆๆๆๆๆกัน เสียใจมากเลย ทำไมพวกเราเภสัชฯเหมือนกัน แต่ดูไม่ค่อยรักกันเลย เศร้าใจจริงๆๆT_T
joeinoui
 
โพสต์: 145
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 13:38
ที่อยู่: เขตดินแดง กรุงเทพฯ

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง สายตรงถึงสภาเภสัชกรรม

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document