หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ปรึกษาพี่ๆที่จบ ป.โท สาขาเภสัชศาสตร์

โพสต์โพสต์แล้ว: 08 ก.ค. 2011, 23:58
โดย Bumzab
น้องจบป.ตรี เภสัชคลินิกค่ะ รหัส 46 ทำงานโรงพยาบาลอยู่ 3 ปี ตอนนี้อยากเรียนต่อ พอดีมีทุนที่ ม.สงขลานครินทร์ เลยตัดสินใจเรียนเลย เพราะคิดว่าสามารถนำมาใช้ต่อยอดงานของพี่สาวได้(ผู้แทนเวชสำอาง) ซึ่งมีโครงการจะเปิดบริษัทผลิต คิดสูตรเอง ให้เราช่วยคิดสูตร วิจัย พัฒนา และควบคุมคุณภาพ

แต่ปัญหาคือ สาขาที่เรียนคือด้านซูติก ซึ่งสมัยเรียนป.ตรี หลอนมาก อาจารย์ก็ดุด้วย ชอบตีมือ อิอิ แม้แต่ตอนสอบ ospe ยังจำเสียง syrinder กระทบกันเป็นจังหวะได้เลย คะแนนสอบแต่ละภาคก็ไม่เคยได้มากกว่า C จึงอยากทราบว่า เรียนโท ยากกว่าเรียนป.ตรีมากมั๊ยค่ะ และจบคลินิกมาจะมีปัญหามั๊ย แล้วหัวข้อวิจัย ถ้าอาจารย์ให้แนวทางมา แล้วเราทำต่อยอด มันจะยากมากมั๊ยคะ หรือเราต้องคิดเองทุกขั้นตอน
ตั้งแต่หัวข้อวิจัย เหอๆๆ และที่สำคัญจะได้มีโอกาสต่างประเทศมั๊ย น้องอยากโกอินเตอร์ เหอๆๆ
แต่โดยส่วนตัว ตอนนี้ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่ายาก จึงลาออกจากงาน และเริ่มอ่านหนังสือแล้วค่ะ

ขอบคุณพี่ๆล่วงหน้านะคะ

Re: ปรึกษาพี่ๆที่จบ ป.โท สาขาเภสัชศาสตร์

โพสต์โพสต์แล้ว: 09 ก.ค. 2011, 01:34
โดย sitaya
ผมก็จบ ป.ตรี tract คลินิก ครับ (ไม่ค่อยชอบการขึ้น ward เลย)
ป.โท เรียน ceutic ซึ่งสมัยเรียน ป.ตรี ผมก็ทำได้ไม่ดีและไม่ค่อยถนัดเหมือนกัน
ตอนเรียนโท เรียนแผนการศึกษาที่ทำวิจัย อย่างเดียว
ซึ่งในบางคน ถ้ามาแนวนี้อาจารย์จะให้เรียนวิชาต่างๆก่อน ซึ่งก็คิดว่าเป็นประโยชน์นะครับ
แต่ก็อาจทำให้ใช้เวลาในการเรียนเพิ่มเติมมากขึ้นได้
ส่วนการทำวิจัย งานจะออกมาอย่างไรผมว่าอาจารย์ที่ปรึกษามีส่วนเป็นอย่างมาก..

Re: ปรึกษาพี่ๆที่จบ ป.โท สาขาเภสัชศาสตร์

โพสต์โพสต์แล้ว: 09 ก.ค. 2011, 11:55
โดย zartingtong
น้องเอ้ย ไปหาเรียนมหาวิทยาลัยที่เค้าสอนด้านเครื่องสำอางเลยจะดีไหม เพราะซูติกน่ะกว้างไปรึเปล่า ส่วนยากหรือไม่ยากก็ดูหลักสูตรที่เค้า require ให้เรียนนั่นแหละ ถ้าเห็นใช้ประโยชน์ได้ก็เอา อยาก go inter น่ะต้องส่ง Thesis ไปลงพิมพ์Journalเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าได้ไปลงก็เท่ไม่หยอก แต่ตอนเขียนๆแก้ๆนี่ไม่รู้จะรอดรึเปล่าน่ะ :lol:

Re: ปรึกษาพี่ๆที่จบ ป.โท สาขาเภสัชศาสตร์

โพสต์โพสต์แล้ว: 09 ก.ค. 2011, 15:58
โดย Pharma_Name
ระดับปริญญาโทของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีทุนให้นักศึกษาหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นทุนยกเว้นค่าธรรมเนียมการศึกษา ทุนวิจัยโท ทุนวิจัยโทควบเอก

ปริญญาโทของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทรื ประเภท Pharm Science ต้องเขียนวิทยานิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดทุกคน แต่เรื่องของการตีพิมพ์งานวิจัย บางทุนเขากำหนดอยู่แล้วว่าต้องตีพิมพ์งานวิจัยในวารสารต่างประเทศ บางทุนไมได้กำหนด ไม่แน่ใจที่น้องเจ้าของกระทู้บอกว่า มีทุน คือทุนประเภทไหนครับ จะได้ช่วยแนะนำถูกต้อง

Re: ปรึกษาพี่ๆที่จบ ป.โท สาขาเภสัชศาสตร์

โพสต์โพสต์แล้ว: 09 ก.ค. 2011, 18:43
โดย Bumzab
ตอนแรกจะเรียน cosmetic หลักสูตรนานาชาติ แต่ไม่มีทุนค่ะ อาจารย์เลยแนะนำให้จบ เป็น เภสัชมหาบัณฑิต แล้วค่อยเลือกวิชา cosmetic ก็ได้
หัวข้อวิจัยมีอยู่แล้ว เรียนไม่ยาก อาจารย์ให้กำลังใจมากๆ จนรู้สึกว่า มันคงไม่ยากมั้ง แต่ก็รู้อยู่ค่ะว่ายากมากกกก


เรื่องเรียนไม่กลัว กลัวงานวิจัยอย่างเดียว เพราะจะเน้นเรื่อง drug delivery system ของน้องจะไปเรื่อง แผ่นแปะกระพุ้งแก้ม เลิกบุหรี่

Re: ปรึกษาพี่ๆที่จบ ป.โท สาขาเภสัชศาสตร์

โพสต์โพสต์แล้ว: 09 ก.ค. 2011, 19:58
โดย zartingtong
Advisor เก่งหรือเปล่า? พาลูกศิษย์จบมากี่คนแล้ว ตัวเราแค่เรียนวิชาที่ต้องการให้รอด ส่วนงานวิจัยถ้า Advisor ไม่เก่งก็หืดขึ้นเลยเป็นชาติกว่าจะจบ :lol:

ปริญาโทน่ะ C เรียกว่าตกก็ได้นะต้องหา A มาชดเชย

Re: ปรึกษาพี่ๆที่จบ ป.โท สาขาเภสัชศาสตร์

โพสต์โพสต์แล้ว: 09 ก.ค. 2011, 20:07
โดย Bumzab
แหะๆ อันนี้ไม่แน่ใจค่ะ รู้แต่อาจารย์ใจดี เด็ก มอ.คงรู้จักดี
ผศ.ดร.สมฤทัย แต่อาจารย์น่ารักมากกก

Re: ปรึกษาพี่ๆที่จบ ป.โท สาขาเภสัชศาสตร์

โพสต์โพสต์แล้ว: 10 ก.ค. 2011, 00:43
โดย Pharma_Name
ประเด็นเครื่องกิจการเวชสำอาง
หากน้องเจ้าของกระทู้ต้องการเรียน เภสัชศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ ที่ทำวิทยานิพนธ์ทางระบบนำส่งยาอดบุหรี่ แล้วจะมาต่อยอดกิจการเวชสำอาง มองว่าอาจจะไม่ตรงสายนัก น่าจะเลือกเรียนทางด้านเครื่องสำอางโดยตรง แต่ก็อย่างที่เจ้าของกระทู้บอกใน topic ไปแล้วว่า มีปัญหาเรื่องไม่มีทุน จึงแนะนำเลือกเรียนวิชาใน course work อาจจะเลือกวิชาทางด้านเครื่องสำอางได้

ประเด็นเรื่องความยากง่ายกว่าป.ตรี
ยากกว่าป.ตรีมั้ย มันก็ยากกว่าป.ตรีอยู่แล้ว ทั้งในแง่ความลึกของเนื้อหา และความหนักของวิทยานิพนธ์ แต่ก็ขึ้นกับความตั้งใจ และความพยายามของเราเองด้วย

ประเด็นเรื่องงานวิจัยเขาคิดให้หรือคิดเอง
อันนี้แล้วแต่อาจารย์นะครับ บางท่านก็ให้เราคิดเองหมด บางท่านก็ให้เราต่อยอดจากต้นร่าง บางท่านก็คิดมาให้หมดแล้วให้เราทำให้เสร็จเป็นพอ

ประเด็นเรื่องต่างประเทศ
เรียนปริญญาโทจะมีโอกาสไปต่างประเทศมั้ยก็มีครับ คือ ทำ lab ต่างประเทศ ตีพิมพ์วารสารต่างประเทศ ไป present งานในต่างประเทศ สำหรับระดับปริญญาโทของม.สงขลานครินทร์นั้นไม่มีการส่งนักศึกษาไปทำ lab ต่างประเทศ (จะมีเฉพาะพวกเรียนโทควบเอก หรือปริญญาเอกเท่านั้น) การตีพิมพ์ต่างประเทศขึ้นกับความสามารถของนักศึกษาเอง เพราะ requirement ของนักศึกษาปริญญาโทที่บัณฑิตวิทยาลัยกำหนดคือ ต้องตีพิมพ์วารสารหรือนำเสนอผลงานในที่ประชุมวิชาการ แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นในประเทศ หรือนานาชาติ ถ้าน้องเจ้าของกระทู้มีความสามารถ หรือทางอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์กำหนดมาว่าต้องนานาชาติ น้องก็จะได้ไปต่างประเทศ

หวังว่าคำตอบคงเป็นประโยชน์ต่อน้องเจ้าของกระทู้ไม่มากก็น้อยนะครับ

Re: ปรึกษาพี่ๆที่จบ ป.โท สาขาเภสัชศาสตร์

โพสต์โพสต์แล้ว: 10 ก.ค. 2011, 12:45
โดย Bumzab
เป็นประโยชน์มากค่ะ ขอบคุณพี่มากๆนะคะ

แต่น้องเองก็ยังไม่ทราบรายละเอียดมาก และไม่กล้าโทรไปรบกวนอาจารย์ด้วย

ซึ่งอาจารย์ที่จริงใจดีมาก แต่น้องไม่กล้าถามเองค่ะ รู้แต่ว่า อาจารย์แนะนำว่าอย่างนี้ งานวิจัยอาจาย์มีหัวข้อให้แล้ว แต่ไม่ใช่ nicotin และก็ไม่ใช่ nortriptyline แต่ยังไม่ได้บอกว่าเป็นอะไรค่ะ อาจารย์บอกไม่ต้องกังวล ว่าจะนำไปช่วยพี่ไม่ได้ เลือกวิชาเรียน cosmetic ก็ได้ เข้าห้องเรียน อ่านหนังสือ ทำข้อสอบ ว่าจะเข้าไปดูเวบ pharmacy.psu.ac.th ก้เปิดไม่ได้ซะอีก ในนั้นจะบอกว่าหลักสูตรเรียนอะไรบ้างที่ 12 หน่วยเป็นวิชาบังคับ 12 หน่วยวิชาเลือก และ 12 หน่วยเป็น วิทยานิพนธ์

คืออาจารย์ให้คำแนะนำจนน้องไม่ค่อยรู้สึกกังวลเท่าไหร่ แต่ก็อดกังวลไม่ได้เหมือนกัน เพราะตอนเรียน ป.ตรี เราก้รู้ว่ามันยาก

Re: ปรึกษาพี่ๆที่จบ ป.โท สาขาเภสัชศาสตร์

โพสต์โพสต์แล้ว: 30 ก.ค. 2011, 08:51
โดย INDY_Rx
คือจะว่าไปนะครับ จริงๆ จบปริญญาตรีก็สามารถทำเครื่องสำอางได้แล้วครับ
แต่เทคนิคหรือรายละเอียดอาจจะยังไม่ซับซ้อนเท่าการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นและตรงจุดมากขึ้น

ตรงนี้นอกจากการลงวิชาเรียนเครื่องสำอางแล้ว การได้ทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องด้านเครื่องสำอางเลย
มันจะช่วยให้คุณได้ฝึกทักษะที่ตรงจุดมากขึ้น เพราะทุกวันนี้ก็ได้พยายามเอาระบบการนำส่งยาบางอย่าง
มาใช้กับเครื่องสำอางมากขึ้น เพราะเรื่องการศึกษาความเป็นพิษของเครื่องสำอางค่อนข้างซับซ้อนน้อยกว่ายา
ปัจจุบันก็มี liposome / niosome /nanoparticle / etc.

ทั้งนี้ทั้งนั้นการจะเป็น formulator ที่ดีไม่ว่าจะเป็นยาหรือเครื่องสำิอาง นอกจากความรู้แล้ว
สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ คือจินตนาการหรือความคิดสร้างสรรค์
ในการที่คุณจะสร้างเอกลักษณ์ เพิ่มมูลค่า สร้างจุดขายของผลิตภัณฑ์

ระหว่างที่กำลังเรียนก็พยายามศึกษาความรู้แขนงอื่นที่จะมาช่วยต่อยอดงานในอนาคตที่ตั้งใจจะทำไว้ด้วยก็ดีครับ ^^