New Document









PM2.5 จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็ง

ข่าวสารสาธารณสุข

PM2.5 จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็ง

โพสต์โดย kiatisak » 26 ธ.ค. 2016, 08:13

ฝุ่นพิษ PM2.5 ทำไมใครก็ว่าร้าย?
ในปี พ.ศ.2556 องค์การอนามัยโลก(WHO) จึงกำหนดอย่างเป็นทางการให้ PM2.5 จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็ง

แม้จะเล็กเกินว่าที่ตาเราสามารถมองเห็น แต่ฝุ่นพิษขนาดเล็กไม่เกิน2.5ไมครอน ( PM2.5) คือภัยที่กำลังคุกคามสุขภาพของคนไทย ลองไปทำความรู้จักกับฝุ่นพิษ PM2.5 ว่าคืออะไร และร้ายกาจอย่างไร

โดยทั่วไปฝุ่นละอองนั้นมีอยู่ในธรรมชาติ เช่น เกสรดอกไม้ ละอองดินทราย และฝุ่นที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น อุตสาหกรรม การคมนาคม การเผาในที่โล่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานฟอลซิล ฝุ่นละอองขนาดใหญ่จะถูกกรองโดยขนจมูก แต่ฝุ่นพิษขนาดเล็ก PM2.5 นั้น สามารถเล็ดลอดผ่านขนจมูก เข้าสู่กระแสเลือดและอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างง่ายดาย

PM2.5 คืออะไร และทำไมจึงสามารถก่อมะเร็ง
ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน คือ มลพิษฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ กล่าวคือ เล็กจนสามารถเล็ดลอดขนจมูกเข้าสู่ร่างกายได้ และมีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของขนาดเม็ดเลือด (5 ไมครอน) ดังนั้นฝุ่นพิษจึงสามารถเข้าสู่เส้นเลือดฝอยและกระจายไปตามอวัยวะได้ ฝุ่นมีลักษณะที่ขรุขระคล้ายสำลี ฝุ่นเป็นพาหะนำสารอื่นเข้ามาด้วย เช่น แคดเมียม ปรอท โลหะหนัก ไฮโดรคาร์บอน และสารก่อมะเร็งจำนวนมาก

ฝุ่นขนาดใหญ่จะตกลงสู่พื้นตามแรงดึงดูดของโลก แต่ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน10ไมครอน (PM10) และฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน2.5ไมครอน (PM2.5) จะสามารถลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศได้นานและปะปนกับมลพิษอื่นในอากาศ หากปะทะเข้าจมูกหรือปาก ฝุ่นละอองขนาดใหญ่กว่านี้บางส่วนถูกขับออกมาเป็นเสมหะและสามารถแพร่กระจายเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ถุงลมในปอด และผ่านเข้าสู่กระแสเลือดไปยังอวัยวะต่าง ๆ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรังและมะเร็งหากสะสมอยู่ในอวัยวะใดนาน ๆ จากการศึกษาโดย Institute for Health and Evaluation มหาวิทยาลัยวอชิงตัน พบว่ามลพิษทางอากาศเป็นปัจจัยร่วมที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ เนื่องจากมีส่วนประกอบของสารเคมีหลายชนิด ทั้งที่เป็นสารระคายเคืองไปจนถึงสารก่อมะเร็ง จึงเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรค ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือดในสมอง โรคหัวใจขาดเลือด โรคมะเร็งปอด และโรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจส่วนล่าง ก่อให้เกิดการตายก่อนวัยอันควรในประเทศไทย ประมาณ 50,000 รายต่อปี

PM2.5 มาจากไหน?
ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มาจากการคมนาคมขนส่ง การผลิตไฟฟ้า การผลิตของภาคอุตสาหกรรม กิจกรรมจากแหล่งที่อยู่อาศัยและธุรกิจการค้า และการเผาในที่โล่ง แบ่งได้เป็นฝุ่นที่เกิดจากแหล่งกำเนิดโดยตรงและฝุ่นที่เกิดจากการรวมตัวของก๊าซและมลพิษอื่นๆ ในบรรยากาศ โดยเฉพาะซัลเฟอร์ไดออกไซด์และออกไซด์ของไนโตรเจน ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ยังเป็นมลพิษข้ามพรมแดนและปนเปื้อนอยู่ในบรรยากาศได้นาน เป็นฝุ่นอันตรายไม่ว่าจะมีองค์ประกอบทางเคมีใดๆ ก็ตาม เช่น ปรอท แคดเมียม อาร์เซนิก หรือโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน(PAHs) เป็นต้น ในปี พ.ศ.2556 องค์การอนามัยโลก(WHO) จึงกำหนดอย่างเป็นทางการให้ PM2.5 จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็ง
kiatisak
 
โพสต์: 1231
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2011, 13:37







Re: PM2.5 จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็ง

โพสต์โดย kiatisak » 26 ธ.ค. 2016, 08:14

ใครคิดว่าฝุ่น ไม่เป็นอะไร อ่านดูนี่ได้ ถึงตายเลยล่ะ ... จะใส่หน้ากากอนามัย ก็ต้องชนิด N95 ไม่ใช่หน้ากากทั่วไป เพื่อป้องกันละอองฝุ่นระดับ pm2.5 ที่มีสารคล้ายยางมะตอยเข้าไปเกาะติดถุงลมปอดแบบถาวร

ฝุ่นละอองในอากาศมีทั้งชนิดที่เป็นอินทรีย์และอนินทรีย์ ทั้งนี้ขึ้นกับแหล่งที่มาของฝุ่นละออง ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ความอันตราย ซึ่งอันตรายจากฝุ่นละอองในอากาศมักจะหมายถึงการทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ (allergic reaction) การอุดตันจนเกิดปอดอักเสบ (pneumonitis) และการเกิดพังผืดในปอด (fibrosis) ซึ่งส่วนมากเป็นอนินทรีย์สาร แต่จะไม่รวมอันตรายที่เกิดจากกลุ่มอินทรีย์สารที่เป็นกลุ่มโรคหรือสารพิษ เช่น เชื้อวัณโรค เชื้อแอนแทรกซ์ เชื้อไวรัสหัด เชื้อไข้ทรพิษ (ฝีดาษ) เชื้อราชนิด Histoplasmosis หรือสารอินทรีย์เคมี เช่นยากำจัดศัตรูพืช เป็นต้น
เมื่อฝุ่นละอองเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาภายในร่างกาย เริ่มตั้งแต่เกิดอาการแพ้หรืออักเสบในโพรงจมูก โพรงไซนัส ช่องคอ และหลอดลม จนทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ หรือโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน หอบหืด เนื่องจากเมื่อฝุ่นละอองเข้าไปถึงส่วนที่อยู่ลึกที่สุดของทางเดินหายใจ ซึ่งก็คือ ถุงลมปอด

เมื่อฝุ่นละอองสะสมเป็นปริมาณมากเกินกว่าความสามารถที่มาโครฟาจ จะกำจัดออกไปได้ จึงทำให้เกิดการบาดเจ็บของเนื้อปอด จนเกิดเป็นโรคปอดอักเสบ เมื่อเป็นเรื้อรังก็จะทำให้เกิดพังผืด หรือเกิดรอยแผลเป็นภายในปอดได้ ปัจจัยที่มีผลต่อปฏิกิริยาเหล่านี้ได้แก่ ปริมาณ ขนาด ชนิดของฝุ่นละออง รูปแบบการหายใจ อัตราการหายใจ และระยะเวลาที่หายใจอากาศที่มีฝุ่นละอองเหล่านี้

ในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีฝุ่นละออง หมอกควันได้ มีคำแนะนำง่ายๆ ที่ได้ผลคือ ควรสวมหน้ากากอนามัยชนิดกรอง 3 ชั้น ซึ่งจะช่วยป้องกันฝุ่นละอองที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 ไมครอนได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยชนิด N95 ที่สามารถกรองฝุ่นละอองที่มีขนาดตั้งแต่ 0.3 ไมครอนได้

http://www.bangkokhealth.com/index.php/ ... B8%A7.html
kiatisak
 
โพสต์: 1231
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2011, 13:37

Re: PM2.5 จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็ง

โพสต์โดย kiatisak » 22 ก.พ. 2017, 11:57

ผลสำรวจเผย คนจีน คนอินเดีย 2.2 ล้านคน ตายเพราะอากาศพิษ
17 กุมภาพันธ์ 2560 13:30 น.

ซีเอ็นบีซี เผย (14 ก.พ.) รายงานสำรวจของ The State of Global Air 2017 พบว่าฝุ่นอนุภาคเล็กมีส่วนร่วมกับการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของมนุษย์ มากกว่า 4 ล้านคนในปี 2015 มีประชากรโลกราวร้อยละ 92 อาศัยอยู่ในเขตที่อากาศไม่เหมาะสมกับสุขภาพ

รายงานดังกล่าวจัดทำร่วมกันโดย the Health Effects Institute and the Institute for Health Metrics และ Evalution's Global Burden of Disease Project

แดน กรีนโบม ประธานสถาบัน Health Effects Institute แถลงว่า ทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหามลพิษอากาศมากขึ้น และแนวโน้มที่เราพบว่าแม้จะมีการปรับปรุงแก้ไขดีขึ้นแต่วิกฤติยังคงอยู่

ผลสำรวจชี้ว่า อินเดียซึ่งมีประชากรสูงวัยมาก กำลังมีปัญหาและภาระทางสาธารณสุขเช่นเดียวกับประเทศจีน โดยในปี 2015 ทั้งสองประเทศ ต่างก็มีจำนวนผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรเนื่องจากมลพิษอากาศ ราว 1.1 ล้านคน

ไม่ใช่เพียงจีน และอินเดียเท่านั้น ที่มลพิษอากาศขยายผลเป็นปัญหาใหญ่ แต่ในปีที่ผ่านมา รายงานของ Royal College of Paediatrics and Child Health และ Royal College of Physicians ระบุว่า อากาศในที่โล่งแจ้งนอกบ้าน มีส่วนร่วมกับการเสียชีวิตของประชาชนอังกฤษและสหราชอาณาจักร ราว 40,000 คนทุกปี

http://www.manager.co.th/China/ViewNews ... 0000016636
kiatisak
 
โพสต์: 1231
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2011, 13:37

Re: PM2.5 จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็ง

โพสต์โดย kiatisak » 28 มี.ค. 2017, 14:46

สารพิษบนฝุ่นละอองจะออกฤทธิ์ได้มากที่สุด สารพิษนั้นได้แก่ สารจำพวกพีเอเอช(PAHs; Polycyclic Aromatic Hydrocarbons)

สารนี้เกิดจากการเผาใบไม้ กิ่งไม้ การปิ้งย่างอาหาร และสารจากท่อไอเสียรถยนต์ สารพีเอเอชนี้ เป็นอันตรายต่อสุขภาพทางเดินหายใจและปอดมาก เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ กระตุ้นให้ร่างกายไอออกมา บางคนไอมากๆ จนหายใจไม่ทัน หรือเส้นเลือดฝอยแตกจนเสมหะปนเลือด บางคนถึงกับหายใจไม่ออกเพราะสารพิษดังกล่าวไปรบกวนการแลกเปลี่ยนก๊าซของปอด ยิ่งคนที่มีโรคประจำตัว เช่น ภูมิแพ้ หอบหืด ยิ่งอันตราย เพราะอาจจะทำให้อาการหอบหืดกำเริบ จนกระทั่งเสียชีวิตได้

นอกจากนี้ ถ้ามีใครเผลอป่วยเป็นหวัดในช่วงฤดูกาลหมอกควันนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะกว่าจะหาย ต้องหมดยาไปหลายชุด และเสียเวลาทำงานไปหลายอาทิตย์แน่นอน ยังไม่รวมกับข้อเท็จจริงจากงานวิจัยมากมายที่พบว่า สารพีเอเอชนี้เป็นสารก่อมะเร็งที่สำคัญชนิดหนึ่งอีกด้วย

http://www.rajavejchiangmai.com/tip_full.php?id=18
kiatisak
 
โพสต์: 1231
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2011, 13:37


ย้อนกลับไปยัง คาปูชิโน

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document