อนามัยโลกล้มเหลว......อนามัยโลกเปิด เผยข้อมูลตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยด้วยโรคอีโบลาเมื่อวันศุกร์ว่า ติดเชื้อกว่า 16,000 คน และเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 7,000 ศพ
เมื่อ 2 เดือนก่อน องค์การอนามัยโลกมีแผนหยุดการระบาดของไวรัสอีโบลาในประเทศแอฟริกาตะวันตก โดยกำหนดเป้าหมายแยกผู้ป่วยออกมาจากคนปกติให้ได้ร้อยละ 70 และฝังศพเหยื่ออย่างปลอดภัยให้ได้ร้อยละ 70 ในสามประเทศที่มีการระบาดอย่างหนักคือ กินี, ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน ไม่เกินวันที่ 1 ธันวาคม แต่ปรากฏว่า มีเพียงกินีชาติเดียวที่มีแนวโน้มเข้าสู่เป้าหมายของอนามัยโลก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อนามัยโลกประสบความล้มเหลว ไม่สามารถดำเนินแผนการได้ตรงตามเป้าหมาย
โดยที่ไลบีเรีย ผู้ป่วยราวร้อยละ 23 เท่านั้นที่ถูกแยกตัวออกมา และผู้เสียชีวิตร้อยละ 26 ถูกฝังได้อย่างถูกต้อง เช่นเดียวกับในเซียร์ราลีโอน ผู้ป่วยราวร้อยละ 40 ถูกแยกตัวออกมา และร้อยละ 27 ของผู้เสียชีวิตถูกฝังอย่างเหมาะสม ซึ่งไม่ตรงตามเป้าหมายของอนามัยโลก หลังอีโบลาระบาดครั้งแรกในกินีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จนควบคุมไม่อยู่ ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทางสาธารณสุขเมื่อเดือนสิงหาคม
ดร.บรูซ เอลวาร์ด รองผู้อำนวยการฝ่ายฉุกเฉินของอนามัยโลกยอมรับเมื่อไม่นานนี้ว่า การบรรลุถึงเป้าหมายเป็นเรื่องยาก หากเราไม่สามารถทำได้ใน 60 วัน เราต้องขยายเวลาเป็น 90 วัน อันดับแรก ประชาชนจะล้มตายอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเราจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในงานที่รับผิดชอบ
อย่างไรก็ ดี เมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ มีความคืบหน้าบางอย่างเกิดขึ้นเกี่ยวกับการควบคุมไวรัสอีโบลา เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยลดลงในไลบีเรีย และตัวเลขผู้ป่วยทรงตัวในกินี แต่ในบริเวณพื้นที่กรุงฟรีทาวน์ของเซียร์ราลีโอน และเขตทางตอนเหนือของประเทศ ยังมีผู้ติดเชื้ออีโบลาเพิ่มขึ้น
แอนโธนี บันบิวรี เจ้าหน้าที่อนามัยโลกฝ่ายจัดการอีโบลากล่าวว่า มีการกำหนดเป้าหมายวันที่ 1 ธันวาคมในหลายพื้นที่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ทุกวันนี้ยังมีคนติดเชื้ออีโบลาจำนวนมาก และล้มตายเป็นจำนวนไม่น้อย แต่ถึงแม้การกำหนดเป้าหมายประสบความสำเร็จ อนามัยโลกและองค์กรอื่นก็ยังเชื่อว่า อีโบลายังทำให้มีคนป่วยเพิ่มอีกในประเทศแอฟริกาตะวันตก และเป็นไปได้ที่อาจมีการระบาดไปทั่วจนกว่าจะถึงปีหน้า
อนามัยโลกเปิด เผยข้อมูลตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยด้วยโรคอีโบลาเมื่อวันศุกร์ว่า ติดเชื้อกว่า 16,000 คน และเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 7,000 ศพ โอเยวาเล โทโมรี แห่งมหาวิทยาลัยไนจีเรีย ซึ่งเป็นคณะกรรมการฉุกเฉินอีโบลาของอนามัยโลก บอกว่า ความล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายในวันที่ 1 ธันวาคม ทำให้อีโบลาจะแพร่ระบาดหนักยิ่งขึ้น เราต้องเพิ่มความพยายามอีกเท่าตัวเพื่อลดการระบาดและควบคุมไวรัส
ใน ที่สุด อนามัยโลกมีแผนการใหม่ในการบรรลุเป้าหมายแยกตัวผู้ป่วยและจัดหาที่ฝังศพ เหยื่ออีโบลาอย่างปลอดภัยเป็นวันที่ 1 มกราคมปีหน้า ดร.เดวิด เฮย์แมนน์ ผู้เชี่ยวชาญอีโบลาที่ก่อนหน้านี้ทำงานให้อนามัยโลกกล่าวว่า เราหวังว่า สิ่งที่เราเห็นในไลบีเรียจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่น่าเสียดายที่อีโบลาอาจลุกลามจนแพร่ระบาดในประเทศใหม่ สิ่งที่อันตรายสุดคือตอนนี้ผู้คนเริ่มคิดว่า โรคอีโบลาได้หยุดระบาดแล้ว
เมื่อ ต้นเดือนพ.ย. สหรัฐประกาศลดขนาดและจำนวนของคลินิกอีโบลา ที่ตอนแรกให้สัญญาว่า จะสร้างในไลบีเรีย แต่ต่อมาอ้างว่า สถานการณ์เปลี่ยน จำนวนผู้ป่วยลดลง อย่างไรก็ตาม บันบิวรี บอกว่า ความแตกต่างของวิกฤติไวรัสอีโบลาในพื้นที่
ต่าง ๆ คือเตียงใหม่ และว่า การหยุดโรค
อีโบลาจะต้องต่อสู้อย่างหนักและยาวนาน แต่ตอนนี้เรากำลังมาถูกทางแล้ว
ใน ปีหน้า บริษัทผู้ผลิตยาชั้นนำหลายแห่งของโลก จะนำวัคซีนต้านอีโบลามาใช้กับผู้ป่วยในแอฟริกาตะวันตก หลังจากมีการทดลองในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่อย่างน้อยโลกก็ได้พยายามคิดค้นตัวยามารักษาโรคอีโบลา.
http://www.dailynews.co.th/Content/Arti ... 5%E0%B8%A7
