เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของฮ่องกงและจีนรายงานผลการศึกษาล่าสุดว่า ไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ หรือเอช7เอ็น9 (H7N9) อาจมีการแพร่ระบาดผ่าน “อุจจาระ” ของมนุษย์ที่ได้รับเชื้อมรณะนี้
รายงานข่าว (15 ส.ค.) กล่าวว่า คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง และมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงของจีน เปิดเผยผลการวิจัยล่าสุด ระบุ ไข้หวัดมรณะ เอช7เอ็น9 (H7N9) อาจทำการแพร่เชื้อโดยใช้ “อุจจาระ” ของมนุษย์เป็นตัวกลาง หลังตรวจพบเชื้อไวรัสฯ ในอุจจาระของผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสดังกล่าวในมณฑลเจ้อเจียง
“ตามหลักทฤษฎีแล้ว ไวรัส H7N9 มีความเป็นไปได้ที่จะแพร่เชื้อในวิธีการเช่นเดียวกับเชื้อไวรัสซาร์ (Sars) ที่เคยเกิดการระบาดครั้งใหญ่ในจีนเมื่อปี 2546 โดยคราวนั้นเชื้อไวรัสซาร์ได้แพร่กระจายผ่านท่อสิ่งปฏิกูลภายในอพาร์เมนต์แห่งหนึ่งของเกาะฮ่องกง ทำให้ผู้อยู่อาศัยกว่า 300 คนได้รับเชื้อ” หยวน กั๋วหย่ง นักวิจัยด้านจุลชีววิทยาชั้นแนวหน้าของมหาวิทยาลัยฮ่องกง กล่าวกับเซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์
“การวิจัยนี้นับเป็นเครื่องหมายสำคัญ อันจะช่วยในการวางแผนควบคุมการแพร่ระบาดของโรค” นายหยวน และทีมวิจัยกล่าว
ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง (University of Hong Kong) ได้ร่วมทำการวิจัยศึกษาพร้อมกับโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง (Zhejiang University) ที่ตั้งอยู่ในเมืองหังโจว และได้ตีพิมพ์ผลการวิจัยดังกล่าวลงในนิตยสาร the Clinical Infectious Diseases เมื่อวันอังคาร (13 ส.ค.) ที่ผ่านมา โดยทีมนักวิจัยทั้งสองฝ่ายได้ทำการทดลองกับผู้ติดเชื้อที่เข้าพักรักษาตัวระหว่างวันที่ 10 และ 23 เม.ย. จำนวน 12 ราย ซึ่งมี 6 รายที่เสียชีวิตลงเนื่องจากอาการป่วยรุนแรง
โดยในขั้นตอนชันสูตรศพ ได้ทำการเก็บตัวอย่างอุจจาระผู้เสียชีวิต 4 รายจากทั้งหมด 6 ราย ตรวจพบเชื้อไวรัส H7N9 ปะปนอยู่ถึง 67 เปอร์เซนต์ ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงมาก หากเทียบกับเชื้อไวรัสที่พบในอุจจาระของผู้ป่วยไข้หวัดธรรมดาหรือผู้ป่วยไข้หวัดนก H5N1 ซึ่งมีอัตราอยู่ที่ 5-33 เปอร์เซนต์เท่านั้น
อย่างไรก็ดี นักวิจัยไม่พบเชื้อไวรัส H7N9 ในตัวอย่างเลือดและปัสสาวะของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย รวมถึงในตัวอย่างอื่นๆ อย่างปอด หัวใจ ตับ ไต และไขกระดูกด้วยเช่นกัน
อนึ่ง เชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ เอช7เอ็น9 (H7N9) พบผู้ติดเชื้อครั้งแรกบริเวณภาคตะวันออกของจีน ในช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งจนถึงปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อแล้ว 135 คน ผู้เสียชีวิตกว่า 45 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นสตรีชาวจีนในมณฑลเหอเป่ย วัย 61 ปี ที่ระบบการทำงานของอวัยวะภายในล้มเหลวทั้งหมด
http://www.manager.co.th/China/ViewNews ... 0000101483