sssssss_nu เขียน:ผมเองก็จบ Pharm.D เป็นรุ่นแรกเลยแหล่ะ ผมเองเห็นด้วยที่อยากเห็นเภสัชกรเรียน 6 ปี (ในด้านคลินิก) เพราะพิสูจน์มาด้วยตนเองแล้วว่าสามารถทำงานได้ค่อนข้างดี ได้รับการยอมรับ แต่หากเป็นเช่นนี้ สิทธิ์ต่างๆ ยังคงเหมือนเดิม จะเสียเวลาเรียนไปทำไม (เข้าใจว่าเพื่อผู้ป่วยแต่....) เพราะการเสียเวลาเรียนไป 1 ปีที่เพิ่มขึ้น หมายถึงความก้าวหน้าต่างๆ จะช้าไป 1 ปี เงินต่างๆ ก็จะหายไปมากพอควร (เงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ชีวิตก็ต้องดำรงอยู่เหมือนกัน) สภาเภสัชกรรมควรดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้แล้ว รุ่นน้องๆ กำลังจะเข้าเรียนอีกเยอะ จะได้เป็นข้อมูลในการเลือกเรียน
เห็นด้วยมากๆ เพราะอะไรเหรอ
เพราะทุกวันนี้ภาระงานที่ต้องทำ เหมือนเภสัชกรที่จบ ป.โท เลยค่ะ ส่วนน้องที่จบ ป.ตรีมาอ่อนปีกว่า ปีสองปีเท่านั้น แต่ภาระงานยังไม่เท่าเลยค่ะ
มันเหมือนกับว่าใช้คนทำงานตามความสามารถที่มีอยู่ เป็นเรื่องดีค่ะ แต่ผลตอบแทนน่ะ ได้เท่า ป.ตรี
น้อยใจนะคะ
อย่างนี้ขอจบ 5 ปี ทำผลงานได้เร็วกว่าคนจบ pharm D อีก กรณีเลื่อนระดับจาก ซี5 เป็น 6 (เมื่อก่อน) ก็เร็วกว่าเพราะเริ่มทำงานก่อน แล้วก็ไม่ต้องทำงานอะไรที่มันยากๆ หรือใช้ความรู้มากนัก สบายดี เงินเดือนก็ไม่ได้ต่างกันซักเท่าไร เปลืองสมองน้อยกว่าเยอะ
เหนื่อยค่ะ
อ้อ แล้วอีกอย่าง ที่เจอคือ ป.โท เรียนมาก็เยอะ ช่วยทำงานสมกับเป็น ป.โทด้วย (สำหรับบางคนเท่านั้นค่ะ) ไม่ใช่งานคลินิกอะไรก็โยนในน้อง Pharm D มันทำหมด (อันนี้เพื่อนหลายคนบ่นมา ไม่ได้เจอกับตัว)
เฮ้อ
โล่ง
มิใช่ปล่อยเลยตามเลย เสียเวลาเรียนเพิ่ม 1 ปี สู้ไปเรียนพยาบาล 4 ปี ต่อโทอีก 2ปี บรรจุวุฒิปริญญาโทดีกว่าไหม เริ่มเข้าสู่ระดับ 4-5-6 ไม่เสียเวลาทำมาหากินด้วย ล่าสุด ก.พ.(มีนาคม 2553 )ก็ยังยืนยันสายงานเภสัชกร เริ่มจากระดับ (3-5)อยู่ดี สภาจะรับรองหลักสูตรเฉพาะ 6 ปี แต่สภาต้องไปต่อสู้กับก.พ. ด้วยเพื่อประโยชน์ของวิชาชีพ
