ไม่เห็นด้วยกับองค์การเภสัชกรรม

[buntam]

เพิ่งทราบมาว่าองค์การเภสัชกรรมให้ทุนสำหรับหัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมและผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ซื้อยากับองค์การเภสัชกรรมมากตามเป้าไปเที่ยวต่างประเทศ(อ้างว่าไปดูงาน เช่นกัมพูชา ไม่ทราบว่าดีกว่าไทยตรงไหน) แล้วขอถามหน่อยว่าบังคับโรงพยาบาลใช้เงินภาษีประชาชนชื้อยาไม่พอ ยังเอาเงินภาษีประชาชนไปถลุงเล่นอีก ถ้าให้เป็นงบสำหรับโรงพยาบาลทำกิจกรรมเพือ่ประชาชนยังได้ประโยชน์กว่าอีก แย่ที่สุดประเทศไทย กับ องค์การ

[azzuri]

ลองมองอีกด้านนะครับว่า....GPO เป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งก้อเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ
ซึ่งรัฐวิสาหกิจมีหน้าที่หารายได้ส่งให้หลวง...ซึงก้อหมายความว่าต้องมีการแสวงหาผลกำไร

ในเมื่อมีการแสวงหาผลกำไร กำไรส่วนหนึ่งก้อต้องคืนให้กับหลวง...และกันไว้อีกส่วน
เพื่อใช้ในการบริหารจัดการองค์กร...มองไปว่า การให้ไปเที่ยวนั้นเปรียบเสมือนการให้รางวัลลูกค้าหรือ เปล่าครับ
เพราะองค์การก้อต้องมีการแข่งขัน กับ บ.ยาอื่นๆด้วย บ.ยาอื่นๆก้อมีพาไปเที่ยวเหมือนกัน

[apotheker]

ในส่วนตัวผมเห็นด้วยที่องค์การเภสัชต้องมีincentiveให้กับลูกค้า เผื่อเป็นไปตามกลไกตลาด เพราะบริษัทอื่นก็มีเหมือนกัน
หรือถ้าจะไม่ให้มี ก็ควรจะไม่ให้มีทั้งหมดทุกบริษัท (อันนี้น่าจะไอเดียลเกินไป)

แต่สิ่งที่ควรยกเลิกคือ ยกเลิกกฎผูกขาดที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องซื้อยาจากองค์การเภสัชกรรม เพราะเป็นการเอาเปรียบ และผิดต่อหลักการค้าเสรี
หลายครั้งที่รพ.ต้องซื้อยาแพงๆจากองค์การเภสัชกรรม

อย่างไรก็ตามที่เห็นด้วยมากๆคือการแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งหมด และยกเลิกกฎผูกขาดการซื้อยา

[py106]

ในส่วนตัวผมเห็นด้วยที่องค์การเภสัชต้องมีincentiveให้กับลูกค้า เผื่อเป็นไปตามกลไกตลาด เพราะบริษัทอื่นก็มีเหมือนกัน
หรือถ้าจะไม่ให้มี ก็ควรจะไม่ให้มีทั้งหมดทุกบริษัท (อันนี้น่าจะไอเดียลเกินไป)

แต่สิ่งที่ควรยกเลิกคือ ยกเลิกกฎผูกขาดที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องซื้อยาจากองค์การเภสัชกรรม เพราะเป็นการเอาเปรียบ และผิดต่อหลักการค้าเสรี
หลายครั้งที่รพ.ต้องซื้อยาแพงๆจากองค์การเภสัชกรรม

อย่างไรก็ตามที่เห็นด้วยมากๆคือการแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งหมด และยกเลิกกฎผูกขาดการซื้อยา

เห็นด้วยเลยครับ... อิอิ

[azzuri]

ในส่วนตัวผมเห็นด้วยที่องค์การเภสัชต้องมีincentiveให้กับลูกค้า เผื่อเป็นไปตามกลไกตลาด เพราะบริษัทอื่นก็มีเหมือนกัน
หรือถ้าจะไม่ให้มี ก็ควรจะไม่ให้มีทั้งหมดทุกบริษัท (อันนี้น่าจะไอเดียลเกินไป)

แต่สิ่งที่ควรยกเลิกคือ ยกเลิกกฎผูกขาดที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องซื้อยาจากองค์การเภสัชกรรม เพราะเป็นการเอาเปรียบ และผิดต่อหลักการค้าเสรี
หลายครั้งที่รพ.ต้องซื้อยาแพงๆจากองค์การเภสัชกรรม

อย่างไรก็ตามที่เห็นด้วยมากๆคือการแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งหมด และยกเลิกกฎผูกขาดการซื้อยา

เห็นด้วยเลยครับ... อิอิ

การผูกขาดที่ว่าเกิดเกิดจากการทำให้เป็นไปตามระเบียบพัสดุเดิม

ตอนนี้ ระเบียบพัสดุได้แก้ไขแล้วซึ่งปลดล็อกเรื่องของการผูกขาดแล้ว

ซึ่งรอแค่ว่าจะมีผลในราชกิจจาเมื่อไรเท่านั้นเอง

[azzuri]

ปล.เมื่อเร็วๆนี้ที่สหภาพพนักงานองค์การ มีการเดินขบวน เรื่องร้อง ก้อเป็นเพราะระเบียบพัสดุใหม่นี้เองครับ

[Wiz@rd.]

ถ้าให้เป็นงบสำหรับโรงพยาบาลทำกิจกรรมเพื่อประชาชนยังได้ประโยชน์กว่าอีก

เห็นด้วยครับ ถ้าถูกต้อง โปร่งใส และไม่เข้าไปอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง 555
ตอนนี้เรื่องบางเรื่องจะเอาไปพัฒนาระบบโรงพยาบาล ยังไม่มีงบเลย ถ้าได้งบตรงนี้มาคงจะดี

[iampharmacist]

การผูกขาดการจัดซื้อยาตามระเบียบพัสดุนั้น ถ้ามองอีกมุมก็ถือว่าดีนะครับ
องค์การเภสัชกรรม ได้นำเงินส่วนหนึ่งมาผลิตยาและวัคซีนที่มีราคาแพงให้กับคนไข้บางกลุ่ม
ที่ไม่สามารถซื้อได้
ถ้าให้เปิดการค้ายาแบบเสรี บริษัทข้ามชาติ เช่น จีน อินเดีย อาจผลิตหรือนำเข้ายามาในราคาถูก
แล้วกลืนกินตลาดยาของประเทศไทยทั้งหมด บริษัทผู้ผลิตในประเทศที่มีทุนทรัพย์ไม่พอก็จะค่อยๆ ทยอยหายไป
ต่างชาติจะเข้ามาครอบครองตลาดยา ถึงตอนนั้นเขาสามารถกำหนัดราคาอย่างไรก้ได้

ขอให้มองอะไรให้ดีๆ กว้างๆ ไว้นะครับ ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

(ขอโทษด้วยครับถ้าเขียนเล่าผิดประเด็น)

[azzuri]

จริงๆผมพอจะมีข้อมูลของจังหวัดที่ว่านี้นะครับ
เรื่องมีอยู่ว่า แต่ละ รพช และ รพ จังหวัดนั้น(สมมุตว่า จังหวัด ก.ไก่อ)
จะได้ทุนดูงาน จาก GPO ที่ไม่เท่ากัน
แต่ นายแพทย์สสจ. ก.ไก่ และ ผอ.รพ.กไก่ มีแนวความคิดที่ว่าการซื้อยาองค์การนั้นเป็นยอดของทั้งจังหวัดดังนั้นทุก รพ ควรได้ไป
จึงมีการเอาทุนดูงานที่ได้ไม่เท่ากันของทั้งจังหวัด ออกมา แล้วจัดไปดูงานที่ ประเทศกัมพูชา ดูงานหลักๆคือ นครวัด นครธม และ ปราสาทต่างในเสียมราฐครับ
(เพราะประเทศกัมพูชาปลูกอะไรก้อไม่ขึ้นนอกจากปลูกปราสาทเก็บตังคนมาดู)


ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีกว่าหลายๆจังด้วยซ้ำที่ ต่างคน ต่างไป ไปอียิปต์บ้าง ไป ญี่ปุ่นก้อมี ไปเวียดนาม ไปฮ่องกง ก้อเยอะ มีไปเกาหลีด้วย

[azzuri]

ปล.เข้าข่ายแนวความคิดของผู้ตรวจราชการเขตนี้เลยครับ "เฉลี่ยทุกข์  เฉลี่ยสุข"

[เภสัชทุง]

งบดูงานต่างประเทศขององค์การฯ ให้ทุกระดับตั้งแต่ รพ. สสจ. ผู้ตรวจราชการ อธิบดี รองอธิบดี จนถึงปลัดกระทรวงครับ

แม้ผมจะเคยได้รับทุนจากองค์การฯในเรื่องนี้ แต่ก็เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ

อยากให้ยกเลิก และให้ในรูปเงินอุดหนุนให้กับหน่วยงานมากกว่าตัวบุคคล น่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า

ซึ่งถ้านำมารวมกัน น่าจะได้หลายตังค์ที่จะนำมาเป็นสวัสดิการของหน่วยงานได้

ส่วนประเด็นเรื่อง ระเบียบพัสดุ ขณะนี้ ระเบียบใหม่ยังไม่คลอด

และก็ยังไม่แน่ว่าจะปลดล็อค ไม่ต้องซื้อยาจากองค์การฯ

เพราะมีการพิจารณาขอให้ทบทวนจากกระทรวงสาธารณสุข

ซึ่งผมก็เห็นด้วยครับ  หากระเบียบฯ ออกมาเมื่อไหร่ องค์การฯ จะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน จากการวิเคราะห์ ความพร้อมขององค์การฯ ขณะนี้

และประเทศจะขาดองค์กร buffer ในการตรึงราคายา การจัดหายากำพร้า

การทำ CL ยา และ การสำรองยาฉุกเฉินกรณีเกิดวิบัติภัย หรือ ภาวะสงคราม

[azzuri]

[manitee]

เป็นกลยุทธ์ทางการตลาด เหมือนบริษัทยาอื่นๆ ซึ่งก็ออกให้ตรงกับเป้าหมาย (ผู้บริหาร) ซึ่งสำหรับองค์กรก็มีเงินสวัสดิการที่GPO ให้อยู่แล้ว
มองในแง่ที่เราเป็นลูกค้าของ GPO คิดว่าดีที่มี ดีกว่ากอดกำไรไว้ไม่เคยปล่อยออกมา  แต่จะยุติธรรมสำหรับทุกคนคงเป็นไม่ได้ ดังนั้นควรพัฒนาตนเองให้เป็นผู้บริหารครับ
ก็เหมือนกับ หมอ นักการเมือง ฯลฯ ที่ในบางเรื่องมันมีสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าคนอื่น

[sting19]

มีมานานแล้วครับ
แต่ทราบกันเฉพาะกลุ่ม
ใครได้ไป ก็ถือว่าเป็นกำไรล่ะกัน
ใครไม่ได้ไป ถือว่าเสมอตัวล่ะกัน
ส่วนเรื่องการผูกขาดตามระเบียบพัสดุสำนักนายก ควรยกเลิกครับ เพื่อให้กลไกตลาดได้ทำหน้าที่ของมันเองบ้าง(บิดเบือนน้อยลง)
แต่ควรปรับอภ.เป็นองค์กรอิสระ คอยทำตัวbuffer ในการตรึงราคายา การจัดหายากำพร้า
การทำ CL ยา และ การสำรองยาฉุกเฉินกรณีเกิดวิบัติภัย หรือ ภาวะสงคราม แทนมากกว่า
โดนรัฐให้งบสนับสนุนมากกว่า ที่จะเป็นองค์กรแสวงหากำไร
แน่นอนมันต้องกระทบกับความมั่นคงของพนักงานในอภ.
"การแปรรูป"มันเป็นคำแสลงสำหรับสังคมไทยอยู่ครับ

[แมลงเมาท์]

ขออนุญาตชี้แจงนิดนึงครับ เรื่องการบกเลิกระเบียบพัสดุ

เท่าที่ทราบมา เมื่อมีการยกเลิกระเบียบไปแล้ว ทางกระทรวงการคลังจะไม่เก็บเงินรายได้ขององค์การเภสัช (ประมาณ 30 - 40%) เข้ารัฐ โดยให้ทาง อภ.จัดสรรค์กันเอง นั่นก้เท่ากับว่า รัฐยอมที่จะเสียรายได้ส่วนนี้ไป (จะหวังให้รัฐให้เงินสนับสนุนคงเป็นไปไม่ได้ เพราะ อภ.เป็นองค์กรใหญ่ ใช้งบประมาณเยอะมาก) เพื่อให้ อภ.ออกนอกระบบ แต่ขณะเดียวกัน ระเบียบอื่นๆ ยังคงอยู่ การตรวจสอบจาก สตง. ก็ยังเข้มข้นเหมือนเดิม แล้ว องค์การเภสัช จะเอาอะไรไปสู้ บริษัทยา นอกจากตัดแขนขาของตนเองเพื่อให้อยู่รอด ขายเฉพาะยาที่จะขายได้ ยาที่ต้องสำรองไว้ เช่น ยากำพร้า หรือยาบริจาคยามเกิดภัยพิบัติ ยาCL อันนี้อาจจะต้องเลิกหมด ณ เวลานั้น คนที่จะบัพเพอร์ราคา ก็คงไม่เหลือ

ไม่ลืมครับว่า ปณิธานที่จัดตั้ง อภ.ขึ้นมาเนี่ย คือ เพื่อบริการประชาชน แต่ถ้าขายยาไม่ได้จะเอาอะไรมาบริหารตัวเอง เมื่อ อภ.ปิดตัวลง หน้าที่นี้จะไปตกอยู่กับใครครับ