ศาลจังหวัดจังหวัดขอนแก่น ได้พิจารณาคดีแพ่ง หมายเลขแดงที่ 928/47 ฐานละเมิด โดยมีด.ญ.นัทธมนต์ พงษ์ธีรมิตร เป็นโจทก์ที่ 1 , นางจาฏุพัจน์ พงษ์ธีรมิตร เป็นโจทก์ที่ 2 และนายบุญยศิษย์ พงษ์ธีรมิตร เป็นโจทก์ที่ 3 โดยมีบริษัทโรงพยาบาลขอนแก่นราม เป็นจำเลยที่ 1 และพญ.ทัศนีย์ โกวิทย์สมบูรณ์ เป็นจำเลยที่ 2 ฐานละเมิด เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
โดยศาลได้อ่านคำพิพากษาว่า จำเลยได้ทำการละเมิดต่อโจทย์ที่ 1 ตามที่ศาลชั้นต้นพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับการกระทำผิด ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 เห็นพ้องด้วย ดังนั้น คำอุทธรณ์จึงฟังไม่ขึ้น ซึ่งจำเลยต้องร่วมกันรับผิดชอบค่าเสียหายในช่วงเวลาที่รักษาตัวโจทก์เป็นเงิน 700,000 บาท และค่าปลงศพอีกจำนวน 80,000 บาท โดยศาลได้ยกค่าขาดไร้อุปการะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณปี พ.ศ.2547 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาคดีไปแล้ว โดยระบุว่า จำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดจริง ตามฟ้อง โดยกระทำการประมาทเลินเล่อ หรือเป็นการละเมิด ต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยทั้งสอง ร่วมกันหรือแทนกัน รับผิดชดใช้สินไหมทดแทนให้โจทก์ทั้งสาม เป็นเงินจำนวน 1,580,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตรา 7.5 เปอร์เซ็นต์ นับตั้งแต่วันฟ้อง 29 ธ.ค. 2541 รวมทั้งให้จ่ายค่าธรรมเนียมทนายความแทนโจทก์ ต่อมาทางโรงพยาบาลขอนแก่นรามได้ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งมีการตัดสินคดีในวันนี้(20 ธ.ค.)
โดยนางจาฏุพัจน์ พงษ์ธีรมิตร ที่ได้ใช้เวลาในการต่อสู้คดีนานกว่า 10 ปี แม้ว่า น้องบูบู๊ หรือ ด.ญ.นัทธมนต์ พงษ์ธีรมิตร ลูกสาวจะได้เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อวันที่ 16 ต.ค.45 ที่ผ่านมา แต่เธอก็ยังต่อสู้ จนกระทั่งศาลได้พิพากษาให้ได้รับชัยชนะ ทำให้เธอถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปลื้มใจ
นางจาฏุพัจน์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า คำพิพากษาในครั้งนี้ ตนรู้สึกพอใจ โดยก่อนหน้านี้ เราเคยบอกมาตลอดว่า ไม่ได้ติดใจในเรื่องของตัวเงิน แต่อยากให้โรงพยาบาล ออกมาแสดงการยอมรับในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเท่านั้น ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุ หากทางโรงพยาบาลเข้ามาดูแล ตั้งแต่แรกก็ไม่จำเป็นต้องมีวันนี้ ซึ่งการที่ต้องเดินทางมาขึ้นศาลในแต่ละครั้งนั้น ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงการสูญเสียในอดีต