"แพทยสภา"เห็นใจ สธ.อุทธรณ์คดี พญ.
แพทยสภาเสียใจคดี พ.ญ.ถูกจำคุก 3 ปี คดีฉีดยาคนไข้ไส้ติ่งตาย ระบุเป็นอุทาหรณ์ต้องศึกษาเพื่อหาทาง ออกร่วมกันเพราะหวั่นกระทบต่อขวัญกำลังใจหมอที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ต่อไปอาจไม่กล้าเสี่ยงผ่าตัดผู้ป่วยโดยส่งต่อไปยังร.พ.ใหญ่แทน ปลัดสธ.ส่งทนายไปช่วย พ.ญ.ยื่นอุทธรณ์ วอนสังคมเห็นใจหมอตามชนบทห่างไกล ที่ต้องดูแลผู้ป่วยจำนวนมาก ทุกวันนี้หมอเฉพาะทางมีไม่เพียงพอ หมอทั่วไปจึงจำเป็นต้องตัดสินใจเองเรื่องดมยาก่อนผ่าตัดเพื่อช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วย
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่แพทยสภา น.พ.อำนาจ กุสลานันท์ เลขาธิการแพทยสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลจังหวัดทุ่งสง พิพากษาจำคุกพ.ญ.สุทธิพร ไกรมาก แพทย์ร.พ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เป็นเวลา 3 ปี จากคดีญาติผู้ป่วยยื่นฟ้องฐานประมาทเลินเล่อฉีดยาชาเข้าไขสันหลัง เพื่อผ่าตัดไส้ติ่งทำให้ผู้ป่วยช็อกเสียชีวิตว่า แพทยสภารู้สึกเสียใจต่อวงการแพทย์ และถือเป็นอุทาหรณ์ ต่อจากนี้การผ่าตัดใดๆก็ตามที่ต้องดมยาสลบหรือยาระงับความรู้สึกโดยการฉีดเข้าทางช่องไขสันหลัง ควรต้องทำในร.พ.ที่มีวิสัญญีแพทย์เท่านั้น เพราะแพทย์จะมีความเสี่ยงอย่างมากหากผู้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงและอันตรายถึงชีวิตได้
น.พ.อำนาจกล่าวต่อว่า คดีนี้มีผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของแพทย์ และอาจทำให้แพทย์ตื่นตระหนกจนไม่กล้าเสี่ยงตัดสินใจรักษาผู้ป่วย ทำให้ต้องส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาที่ร.พ.จังหวัดหรือร.พ.ที่พร้อมมากกว่า จะยิ่งทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงขึ้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรเร่งทบทวนและหาทางออกร่วมกันว่าจะป้องกันปัญหาดังกล่าวอย่างไร ต้องทบทวนว่าเกิดจากอะไร โดยแพทยสภาจะนำคำพิพากษามาศึกษา
"กรณีดังกล่าวจึงต้องถือเป็นกรณีศึกษา เพื่อหาทางป้องกันให้แพทย์ที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ได้รับการคุ้มครอง เพื่อให้มีกำลังใจทำงานต่อไป" เลขาธิการแพทยสภา กล่าว
ด้านศ.น.พ.ธารา ตริตะการ ภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล อดีตประธานราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหลังการดมยาหรือฉีดยาระงับความรู้สึกทางไขสันหลังสามารถเกิดขึ้นได้ และทางการแพทย์ยังไม่สามารถหาสาเหตุได้ หากเป็นการดมยามักจะเกิดกับผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องปอดและโรคหัวใจ ผู้ป่วย 10,000 รายจะมีอัตราการเสียชีวิต 5-6 ราย แต่หากเป็นการฉีดเข้าทางไขสันหลัง ส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้ป่วยที่มีร่างกายแข็งแรง หรือนักกีฬา ผู้ป่วย 10,000 ราย มีอัตราการเสียชีวิต 2-6 ราย
ขณะที่น.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในงานประชุมแนวทางการสนับสนุนสร้างขวัญกำลังใจสำหรับแพทย์ ทันตแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ในร.พ.ชุมชน จัดโดยชมรมแพทย์ชนบท ว่า ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายกระทรวงสาธารณสุขติดต่อขอคำพิพากษาและคำร้องจากศาลจังหวัดทุ่งสงแล้ว เพื่อส่งทนายความของกระทรวงสาธารณสุขไปช่วยเหลือ และจะยื่นอุทธรณ์ต่อไปเพื่อสร้างเป็นบรรทัดฐานต่อการปฏิบัติงานของแพทย์ในชนบท เพราะถ้าแพทย์ในร.พ.ชุมชนปฏิเสธการผ่าตัดเนื่องจากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ป่วยอีกจำนวนมากก็จะประสบอันตราย เพราะระบบสาธารณสุขของไทยยังขาดแคลนแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ โดยเฉพาะแพทย์ดมยา แพทย์ผ่าตัดอีกมาก
น.พ.ปราชญ์ กล่าวอีกว่า อยากขอร้องสังคมเห็นใจและให้กำลังใจแพทย์ที่เสียสละปฏิบัติงานในต่างจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ชนบทห่างไกลทุรกันดาร ที่ต้องทำงานอยู่ในสถานการณ์ที่มีข้อจำกัดมากมาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ผู้ถูกฟ้องร้องรายนี้หรือแพทย์คนอื่นๆในร.พ.ทุกระดับทั่วประเทศ ต่างได้รับมอบหมายจากกระทรวงสาธารณสุขให้ทำหน้าที่ดูแลรักษาพยาบาลประชาชน และทุกคนต่างตั้งใจปฏิบัติงานเพื่อให้ผู้ป่วยทุกรายหายจากเจ็บป่วย ไม่มีใครต้องการให้ผู้ป่วยเสียชีวิต โดยเฉพาะในร.พ.ชุมชนที่อยู่ห่างไกล ซึ่งตามกฎหมายของแพทยสภา แพทย์ทุกคนสามารถดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทุกประเภท แม้ว่าจะไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพราะผู้ป่วยมีจำนวนมาก
น.พ.ปราชญ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ร.พ.ของกระทรวงสาธารณสุขต้องผ่าตัดผู้ป่วยปีละเกือบ 6 แสนครั้ง แต่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดมยาอยู่ในร.พ.น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนผู้ป่วยที่ต้องการผ่าตัด โดยมีแพทย์ดมยาทั้งหมด 107 คน อยู่ในร.พ. ศูนย์/ร.พ.ทั่วไป 106 คน และอยู่ในร.พ.ชุมชนเพียง 1 คน ขณะที่ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยไม่สามารถส่งตัวไปรักษาต่อที่ร.พ.ใหญ่ได้ ต้องให้การรักษาหรือผ่าตัดอย่างเร่งด่วนทันทีเพื่อช่วยชีวิต ในการผ่าตัดจึงต้องใช้แพทย์ทั่วไปซึ่งมีความรู้พื้นฐานด้านการดมยามาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็พบว่ามีความปลอดภัยดี