หน้า 1 จากทั้งหมด 1

บันทึกของหมออาสา ชีวิตภายใต้เงื้อมมือมัจจุราชอีโบลา

โพสต์โพสต์แล้ว: 09 ก.ย. 2014, 09:59
โดย kiatisak
บันทึกของหมออาสา ชีวิตภายใต้เงื้อมมือมัจจุราชอีโบลา

หมอแบรนท์ลีย์หายป่วยจากการติดเชื้อไวรัสอีโบลา โดยหลังจากพ้นเงื้อมมือมัจจุราช คุณหมอหนุ่มได้เขียนเล่าประสบการณ์ลงในนิตยสารไทม์ถึงความรู้สึกที่รอดชีวิตจาก "อีโบลา"
"เช้าวันที่ตื่นมาพร้อมกับอีโบลา ผมรู้สึกตัวร้อนเล็กน้อย อุณหภูมิร่างกายอยู่ที่ 100 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งสูงกว่าปกติ แต่มันไม่น่าวิตกจนเกินไปนัก ผมตัดสินใจหยุดงานและพักอยู่ที่บ้านเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน ผมใช้เวลา 7 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ต่อสู้กับการระบาดครั้งเลวร้ายที่สุดในโลกที่ไลบีเรีย ผมทำงานเป็นแพทย์ให้แก่องค์การ Samaritan's Purse ผมคิดว่าแค่เป็นไข้ธรรมดา แต่ก็ไม่ไร้เดียงสาเกินไปที่จะคิดว่าตัวเองคงจะไม่ติดเชื้ออีโบลา

พอถึงตอนเที่ยง อุณหภูมิของผมเพิ่มเป็น 101.4 ผมจึงใช้วิธีตรวจหาเชื้อมาลาเรียอย่างเร็ว ปรากฏว่าผลเป็นลบ ซึ่งไม่ใช่สัญญาณที่ดี ผมจึงติดต่อหัวหน้าทีมที่ได้ส่งแพทย์เพื่อนร่วมงานของผมมาที่บ้าน พร้อมกับอุปกรณ์การป้องกันเต็มที่
หลังการตรวจมาเลเซียที่เป็นลบอีก 2 รอบ ผมรู้ว่าจะถูกกักโรคอีกอย่างน้อย 3 วัน เพราะบ่อยครั้งที่การตรวจเลือดหาเชื้ออีโบลามักให้ผลเป็นลบในช่วง 3 วันแรกของการป่วย ดังนั้น เราจึงต้องรออีกสักสองสามวันเพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำ แต่ในขณะเดียวกันผมก็ป่วยหนักขึ้น ไข้ของผมสูง 104.9 รู้สึกคลื่นไส้และเริ่มถ่ายท้อง และในที่สุด ทีมงานก็ฉีดยาเข้าเส้นเลือดที่แขน และให้น้ำเกลือ เราต่างก็หวังกันว่ามันอาจจะเป็นแค่ไข้เด็งกี่

ในวันที่สี่ หัวหน้าทีมมาที่หน้าต่างห้องนอนของผมพร้อมกับข่าว "เค้นท์ เพื่อนยาก เราได้ผลการตรวจสอบนายแล้ว เสียใจจริงๆ ที่ต้องบอกว่าผลเป็นบวกสำหรับอีโบลา" ผมไม่รู้ว่าควรจะต้องคิดอย่างไร ผมจึงแค่ถามออกไปว่า "แล้วแผนของเราเป็นยังไง"
*********************************************
ระหว่างที่พักรักษาตัว ผมมักคิดถึงผู้ป่วยที่ผมรักษา อีโบลาเป็นโรคของความอัปยศอดสู มันได้ลบศักดิ์ศรีของคุณทิ้งไป คุณถูกแยกออกจากครอบครัว และต้องอยู่คนเดียวโดยไม่สามารถมองเห็นหน้าตาของคนที่รักษาคุณได้เนื่องจากการสวมชุดป้องกัน คุณสามารถเห็นได้แต่ตาของพวกเขาเท่านั้น คุณจะถ่ายท้องอย่างควบคุมไม่ได้ และมันก็น่าอับอาย คุณต้องพึ่งพาให้คนอื่นมาช่วยทำความสะอาด และ นั่นก็คือเหตุผลว่าทำไมเราพยายามทำอย่างดีที่สุดในการปฏิบัติผู้ป่วยให้เหมือนกับเป็นคนในครอบครัวของเรา เราพูดคุยกับผู้ป่วยทุกคนผ่านอุปกรณ์ป้องกัน เรียกผู้ป่วยด้วยชื่อ และสัมผัสพวกเขา เราต้องการให้พวกเขารู้ว่า พวกเขามีคุณค่า พวกเขามีคนที่รัก และเราอยู่ที่นี่เพื่อดูแลพวกเขา
*********************************************
อีโบลาได้เปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างในแอฟริกาตะวันตก เราไม่สามารถนั่งเฉยๆ แล้บอกว่า " โอ้....พวกนี้น่าสงสาร" เราต้องคิดนอกกรอบ และหาหนทางในการช่วย ผู้คนกลัวแผนกผู้ป่วยแยก เพราะนั่นจะเป็นที่ที่คุณจะตาย พวกเขาจะอยู่ที่บ้านแทน และก็ทำให้คนในครอบครัวติดไปด้วย บางทีเราจำเป็นต้องหาทางทำให้การดูแลผู้ป่วยที่บ้านมีความปลอดภัยด้วยการปกป้องคนที่ดูแล รัฐบาลของประเทศในแอฟริกาตะวันตก มีงานล้นมือ พวกเขาไม่สามารถรับมือกับการระบาด โดยได้รับแค่ความช่วยเหลือจากกลุ่มเอ็นจีโอบางกลุ่มได้ นี่เป็นปัญหาระดับโลก และมันจำเป็นต้องมีการดำเนินการจากรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลก และต้องเป็นการดำเนินการเพื่อหยุดยั้งมันในตอนนี้"

http://www.komchadluek.net/mobile/detai ... 91758.html