New Document









ถึงเวลา สู้เพื่อคนไข้

ข่าวสารสาธารณสุข

ถึงเวลา สู้เพื่อคนไข้

โพสต์โดย GPE » 29 พ.ย. 2009, 08:30

ช่วยผมที ...ดูแลคนไข้ NS+DM ไม่หมูอย่างที่คิด
ต้องสู้ ...เพื่ออะไรบางสิ่ง
การดูแลคนไข้NS ไม่หมูอย่างที่คิด
นายสด คนไข้ผู้อาภัพ
ช่วยผมที ...ดูแลคนไข้ NS+DM ไม่หมูอย่างที่คิด
ภก.ศุภรักษ์ ศุภเอม1
ผมเองได้มีโอกาส พบเจอคนไข้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก อยู่หลายครั้งพบว่าคนไข้ ที่เป็นโรค Nephrotic syndrome บางรายจะมีอาการรุนแรงโดยเฉพาะคนไข้เบาหวาน มักจะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากเสมอ หากมีภาวะ Nephrotic syndrome คนไข้รายหลายจะมีภาวะไตวายร่วมด้วย โดยคนไข้โรคนี้ ส่วนมากจะมีอาการบวมน้ำ บวมหน้า บวมเท้าอยู่เสมอ
นอกจากนี้ คนไข้ ยังมีการทำงานของไตที่เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว หลายรายมีภาวะไตวายเรื้อรัง ทำให้จำเป็นต้องจำกัดน้ำ และเกลือโซเดียมมิฉะนั้น อาจทำให้คนไข้มีภาวะบวมน้ำได้นั่นเอง นอกจากนี้ คนไข้ยังมีภาวะความดันโลหิตสูงอีกด้วย รวมทั้งอาจจะมี โปรตีนรั่วในปัสสาวะ ปกติผู้ป่วย ภาวะ Nephrotic syndrome แพทย์มักจะสั่งยา prednisolone ในขนาดสูง หลายครั้งจำเป็น ต้องเพิ่มขนาดอินซูลิน เนื่องจากเกิดภาวะ hyperglycemia
นายสด คนไข้เบาหวาน ไตวาย และ Nephrotic syndrome ดูจากประวัติแล้วมี Cr=3.36 และ มีความดันค่อนข้างสูง คือ SBP=160-170 mmHg นอกจากนี้ ยังมีปัญหา Severe hyperglycemia มี FBS ประมาณ 300-500 mg/dLแพทย์ส่งตัวไปที่ โรงพยาบาลขอนแก่น ผมเลยคิดว่า คนไข้รายนี้ เป็น high risk patient นายสด อยู่บ้านโนนอินทร์แปลง เมื่อผมได้ไปตามหาแกอยู่ที่บ้าน ก็พบว่าคนไข้ ยาจากโรงพยาบาลขอนแก่น มามากมายไม่ว่าจะเป็น ยารักษาหัวใจล้มเหลว ยารักษาไวรัสตับอักเสบ ยารักษาภาวะไตเสื่อม ยาเบาหวาน แต่แปลกที่นายสด ไม่ได้ยา prednisolone เพื่อรักษา Nephrotic syndrome และได้แต่ยาลดความดันโลหิตที่ออกฤทธิสั้น
จากการประเมินผู้ป่วยผมพบว่า คนไข้หน้าบวม ตีนบวมชัดเจน ยาขับปัสสาวะที่เคยได้ก็ไม่ได้ ผมจึงไม่แน่ใจว่าโรงพยาบาลขอนแก่นจะรู้ว่าคนไข้เป็น Nephrotic syndrome หรือไม่ เพราะให้ยาเหมือนๆ กับคนไข้เป็น หัวใจล้มเหลว วัดความดันโลหิตคนไข้พบว่า BP=220/110 PR=80 วัดซ้ำก็ได้เหมือนเดิม ส่วน DTX=102 mg/dL ผมจึงบอกให้คนไข้ไปนอนโรงพยาบาลทันที คนไข้บอกว่า ไปไม่ได้ เพราะไม่มีใครอยู่กับหลานสองคน ผมมองดูก็ว่าน่าจะจริง ถ้าเป็นผมก็คงห่วงหลานไม่กล้าทิ้งหลานไว้ที่บ้านตามลำพังเช่นกันครับ
ผมจึงได้จัดยาของพ่อสด เป็นแบบยา DOT รวมทั้งเอายาของ รพ.อุบลรัตน์ ที่ใช้กับแกมาจัดเข้าชุดกัน กับยาโรงพยาบาลขอนแก่นแบ่งเป็น ยา 4 มื้อ หลังจากนั้นทุกวัน ผมต้องมาตามดูแกทุกวัน พอเข้าวันที่ 4 ความดันโลหิตของพ่อสดก็ลดเหลือ BP=150/84 PR=77 ซึ่งเป็นค่าที่ผมพอใจ แต่อย่างไรก็ตาม พ่อสดก็ยังมีอาการบวมอยู่นั่นเอง ต่อมาเมื่อยาหมดพ่อสดจึงไปโรงพยาบาล แพทย์ให้นอนโรงพยาบาลเพื่อติดตามอาการเราพบว่า Cr=6.51 mg/dL ไปเสียแล้วครับ โอไตพังลงไปอีก ผมจะทำไงดีเนี่ย...
ใครก็ได้ช่วยผมที โปรดติดตามตอนต่อไป...
1เป็นเภสัชกร รพ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ทำงานมานานกว่า 14 ตั้งแต่ปี 2538 โน่นเลยครับ frxbaby@gmail.com
หมวดหมู่: การศึกษา การเรียนการสอน
คำสำคัญ: km patient care primary care เภสัชกร เยี่ยมบ้าน
สัญญาอนุญาต: ซีซี: แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน Cc-by-nc-sa
สร้าง: ศ. 27 พ.ย. 2552 @ 12:50 แก้ไข: ส. 28 พ.ย. 2552 @ 14:41
ความเห็น
1.
P
ขจิต ฝอยทอง
เมื่อ ศ. 27 พ.ย. 2552 @ 12:59
#1699943 [ ลบ ]

* งานๆม่ง่ายเลยนะครับ
* รอผู้รู้มาบอกดีกว่า
* เผื่อจะได้เรียนรู้ด้วย
* ได้รับเมล์หรือยังครับ

2.
P
JJ
เมื่อ ศ. 27 พ.ย. 2552 @ 13:04
#1699950 [ ลบ ]

ตามมาเรียนรู้ครับ
3.
P
นาย ศุภรักษ์ ศุภเอม
เมื่อ ศ. 27 พ.ย. 2552 @ 17:16
#1700444 [ ลบ ]

ขอบคุณ ท่าน
P

JJ ที่มาหใ้กำลังใจเสมอครับ
4.
P
นาย ศุภรักษ์ ศุภเอม
เมื่อ ศ. 27 พ.ย. 2552 @ 17:17
#1700447 [ ลบ ]

อาจารย์
P

ขจิต ฝอยทอง ผมไม่ได้เมลล์ครับ


5.
P
โรจน์
เมื่อ ส. 28 พ.ย. 2552 @ 09:03
#1701658 [ ลบ ]

สวัสดีครับพี่สุภรักษ์....พี่มีชื่อเล่นไหม (พี่เอก?) ผมอ่าน case นี้แล้วถ้าเป็นผม....จะ review ว่า

1.ตอนนี้เป็น active renal failure ที่ Rx แล้วหายหรือไม่ ...เพราะถ้ากลายเป็น chronic ไปแล้วเราคงหมดหวัง จริง ๆ ถ้า cause คือ NS แล้วไม่ response ต่อ pred ใน 6 เดือน ต้องดูว่าจากอะไร ...connective tissue disease หรือเปล่า อันนี้ผมว่าปรึษา ผอ.ด่วนครับ......ถ้าผมเป็นหมอที่นั่น ผมจะโทรไปคุยกับ nephrologist เพื่อขอ second opinion....ในบางรายได้ ได้ pulse methyl pred หรือ cyclophosphamide ตอบสนองดี (ไม่ทราบว่าอุบลรัตน์มีหมอ med เขาน่าจะช่วยได้)

2. มุมเรื่องการดูแลหลาน...ลองคุยกับลูกๆ นิดนึง่วา ถ้ารู้เหตุผลข้อแรกที่ผมให้ดีพอ ที่จะทำให้เปลี่ยนการตัดสินใจไหม...ให้ autonomy กับครอบครัว

3.อันนีเกินบทบาทเภสัช แต่ ไม่เกินบทบาทเพื่อนมนุษย์....ถ้าคนคนนี้เปรียบเสมือนเป็นญาติเรา

ให้กำลังใจครับ....ถ้าให้ดีใช้ทีมให้ประโยชน์
6.
P
นาย ศุภรักษ์ ศุภเอม
เมื่อ ส. 28 พ.ย. 2552 @ 14:50
#1702221 [ ลบ ]

ไตวายแย่ลงอาจเกิดจาก

1. รพ.ขอนแก่น off ยา prednisolone นานเป็นเดือน ทำให้ตีนบวมชัดเจน
2. ความดันตัวบนสูง คุมไม่ได้ เกิน 180 มม.ปรอท
3. คนไข้แบบนี้ ที่อุบลรัตน์ ตายไป 2 รายแล้ว ปี 51
4. คนไข้คนนี้ ตอบสนองต่อยา prednisolone หรือไม่
5. คนไข้ไม่อยากไป รพ.ขอนแก่น เนื่องจากเปลืองเงิน และไม่พอใจบริการ
6. ปกติ พอใช้ prednisolobe FBS มักสูงเกิน 300 ตลอด

7.
P
โรจน์
เมื่อ ส. 28 พ.ย. 2552 @ 16:15
#1702457 [ ลบ ]

case นี้เป็น case ยาก เพระติดล๊อคทั้งเชิงวิชาการและ psychosocial

รู้สึกว่าตอนนี้อยู่ รพ. ใช่ไหมพี่...เห็นว่า BP เริ่มไม่สูงมาก

ดู แล้วที่เร่งด่วนที่มาด้วยกันคือ ARF ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง อาจต้อง dialysis ก่อนถ้า rising Cr หรือมีข้อบ่งชี้อื่น เช่น hyperkalemia

โดย ธรรมชาติ DM ใน CRF มักคุมไม่ยาก เพราะ insulin ที่ถูกทำลายที่ไต น้อยลง ถ้าไม่มีปัจจัยเรื่องยามาเกี่ยว แต่รายนี้น่าจะเป็น steroid induced hyperglycemia ฉีด RI เป็น dose ๆ ไป
8.
P
นาย ศุภรักษ์ ศุภเอม
เมื่อ ส. 28 พ.ย. 2552 @ 21:04
#1703109 [ ลบ ]

วันนี้ คนไข้ hypoglycemia DTX=17 mg/dL

ผมเจอคนไข้ก็ทุ่มกว่าแล้ว คนไข้อยู่กับหลาน ภรรยาไปเกี่ยวข้าว

เห็นว่า ไม่ค่อยได้กินอะไรทั้งวัน เบื่ออาหาร เมื่อคืน DTX=336 mg/dL อยู่เลย

ไม่รู้ตัว แต่ BP 120/80 PR=88 สุดท้าย หมอ refer ใส่ tube ไม่รู้รอดไหม ทำใจครับ
9.
P
โรจน์
เมื่อ ส. 28 พ.ย. 2552 @ 23:29
#1703464 [ ลบ ]

ทำดีที่สุดแล้วครับ
10.
P
นาย ศุภรักษ์ ศุภเอม
เมื่อ อา. 29 พ.ย. 2552 @ 08:23
#1703708 [ ลบ ]

คุณหมอโรจน์ เมลล์หาผมเลยครับ ที่ frxbaby@gmail.com

อ้อนายสด ไม่โคม่าแล้ว ออกจาก ICU แล้ว

แต่อาการยังน่าห่วงครับ
TENS LG 7000 --- TENS LG 7000 ... |
เลิกบุหรี่ -เว็บเลิกบุหรี่ ... |
ภาพประจำตัวสมาชิก
GPE
 
โพสต์: 201
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2004, 11:08
ที่อยู่: จ.ขอนแก่น







Re: ถึงเวลา สู้เพื่อคนไข้

โพสต์โดย GPE » 11 ธ.ค. 2009, 19:50

Posted by ศุภรักษ์ ศุภเอม at 12/08/2009 08:50:00 PM 0 comments
ตัวเลือกที่ไม่เข้าท่า ... ของเภสัชกรโรงพยาบาลชุมชน
ตัวเลือกที่ไม่เข้าท่า ... ของเภสัชกรโรงพยาบาลชุมชน
ทำไม เราไม่ยอมตั้ง คำถาม หรือสงสัย ในที่สิ่งที่เราจำต้องทำ
ทำไมเภสัชกรโรงพยาบาลชุมชนจึงต้องทำ DUE และ High Alert Drug
ในมุมมองทางสังคมวิทยา
ภก.ศุภรักษ์ ศุภเอม1
ผม เอง อยู่ในระบบโรงพยาบาลชุมชนมาตลอดชีวิตการทำงานรู้สึกสงสัย และขัดข้องใจเสมอว่าทำไม โรงพยาบาลชุมชนถึงต้องมาบังคับให้ทำ DUE และ High Alert Drugกันด้วย ในมุมมองความคิดของผมเอง คิดว่ามีกิจกรรมหลายอย่าง ที่เภสัชกรควรทำและได้ประโยชน์มากกว่ามานั่งทำเรื่อง DUE และ High Alert Drug มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหายาชุดให้ประชาชน ปัญหาการเฝ้าระวัง ADR ที่มีอันตรายสูงที่เกิดขึ้นในผู้ป่วย ปัญหาที่ผู้ป่วยไม่ยอมใช้ยาตามแพทย์สั่ง หรือแม้กระทั่งปัญหาแพทย์สั่งยาไม่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตามผมเองเป็นคนตัวเล็กตัวน้อยในระบบสาธารณสุข คงไม่มีอำนาจใดๆไปทัดทาน แนวคิดดังกล่าวของผู้มีอำนาจในวงการเภสัชกรรมได้
เมื่อ ผมสงสัย ผมจึงเข้าไปค้นหาข้อมูลใน อินเตอร์เนต เพื่อดูว่ากิจกรรม DUE และ High Alert Drug มีประโยชน์มากเพียงใด จึงมาสั่งให้เภสัชกรบ้านๆ ตามโรงพยาบาลชุมชนต้องมาลำบากขุดยาพื้นๆ บ้านๆ เพื่อที่จะมาทำ DUE จากการสืบค้นข้อมูลทาง อินเตอร์เนต พบว่าในฝั่งอเมริกาและยุโรปเลิกทำ DUE ไปแล้ว เนื่องจากการสั่งใช้ยาถ้ายึดตาม clinical practice guideline ก็คงไม่จำเป็นต้องทำ DUE อยู่แล้ว มี อยู่ครั้งหนึ่งโรงพยาบาลที่ผมอยู่น้องเภสัชกร จะทำ DUE โดยกลัวว่าไม่มีรายงาน DUE ส่งจังหวัด เลยเลือกเอายา Budesonide inhaler มาทำ DUE ผมอยากจะบ้าตายเพราะ ยานี้ เป็น ยาบัญชี ก จำเป็นต้องใช้ในสถานพยาบาลทุกระดับ ในส่วนของงาน High Alert Drug ก็เช่นกัน ข้อมูลเภสัชสนเทศ ก็ไม่พบว่าการทำงาน High Alert Drug จะเกิดประโยชน์คุ้มค่าทางวิชาการแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม คดีความที่มีการฟ้องร้องโรงพยาบาลยังมีคดีความ ที่เกิดจากความคลาดเคลื่อนของ High Alert Drug อยู่บ้าง
กล่าว โดยสรุปก็คืองาน DUE และงาน High Alert Drug มีหลักฐานทางวิชาการสนับสนุนน้อยมาก ว่าทำแล้วได้ประโยชน์คุ้มค่า แต่ทำไมทางเบื้องบนของวงการเภสัชกรรม ยังส่งเสริมให้ โรงพยาบาลชุมชนทำงานนี้อยู่อีก หรือว่าคำกล่าวของ ดร.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ จะเป็นจริงที่ว่า สังคมไทยเป็นสังคมปรนัย สังคมเภสัชกรโรงพยาบาลก็เป็นด้วย ที่มีผู้บริหารจำนวนน้อย คิดงานให้เภสัชกรจำนวนมาก ทำไปวันๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก
เป็นไปได้หรือไม่ว่า การ เรียนการสอนของเภสัชกร ที่สอนให้เรียนรู้แบบข้อสอบปรนัย หรือแค่สอนให้จดจำข้อมูล และสอนให้คิดตามสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว การเรียนการสอนแบบนี้ ทำให้เภสัชกรเชื่อง และเชื่อฟัง เพื่อที่จะออกไปรับใช้ระบบ ที่มีคนจำนวนน้อย คิดแทนและคอยสั่งการคนจำนวนมาก ทำตามโดยไม่มีการตั้งคำถามหรือสงสัยอะไรมาก จึงทำให้เภสัชกรโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ ยอมทำงาน DUE และ High Alert Drug อย่างเชื่อฟัง โดยไม่มีคำถามหรือข้อสงสัยใดๆ เลยถึงแม้งานเหล่านั้น จะมีงานวิชาการสนับสนุนอยู่น้อยมากกว่าตามที
นอก จากนี้ งาน DUE และ High Alert Drug ยังมีลักษณะงาน ที่แฝงไปด้วยการ ควบคุมและสั่งการ ด้วยระบบส่งรายงานประจำเดือน ซึ่งเป็นระบบที่ลงตัวในการรับใช้โครงสร้างอำนาจของระบบราชการ ที่ทางจังหวัดจะบังคับให้โรงพยาบาลชุมชนต้องส่งรายงานทุกเดือน โดยเฉพาะงาน DUE ที่สูญพันธุ์ไปแล้วในต่างประเทศ กลับถูกนำกลับมาใช้อย่าง สนุกสนานในประเทศไทย เนื่องจากผู้บริหารระดับสูงคิดว่า การทำ DUE จะช่วยทำให้ รัฐประหยัดงบประมาณด้านยาลงได้(ซึ่งอาจไม่จริง) การที่ผู้บริหารมีความสามารถในการลดต้นทุนการดำเนินการลงได้ ถือว่าผู้บริหารมีความสามารถ ดังนั้น DUE จึงเข้ากับระบบราชการของไทยอย่างลงตัวทีเดียว
ในส่วน งาน High Alert Drug นั้น คัดลอกงานนี้ มาจากอเมริกา น่าแปลกที่งานเภสัชกรรมคลินิกที่อเมริกาดีๆ มีมากมาย แต่ ดันคัดเอาประเด็น งาน High Alert Drug มา ในอเมริกามีการฟ้องร้องทางการแพทย์กันมาก โดยเฉพาะ หากมีการให้ยาผิดพลาดจนคนไข้ตายในโรงพยาบาล แพทย์และเภสัชกร ต้องถูกฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงมากเอาการเลยทีเดียว หมายเหตุ การที่คนไข้ตายเพราะไม่ยอมใช้ยาตามแพทย์สั่ง หรือเกิด อาการไม่พึงประสงค์ปกติจนตายก็ฟ้องโรงพยาบาลไม่ได้ นอก จากนี้ในอเมริกายังเน้นกำกับดูแลแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยให้ได้ตาม clinical practice guideline เพื่อที่จะไม่ให้ มีการฟ้องร้องได้ว่าให้การรักษาพยาบาลที่ผิดพลาด แต่ อย่างไรก็ตามในระบบสาธารณสุขไทย มีแพทย์เป็นใหญ่ เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด การนำประเด็นแพทย์สั่งยาไม่เหมาะสมตาม clinical practice guideline อาจทำได้ยากในโรงพยาบาลของรัฐชาติไทย จึงเป็นการง่ายกว่า ที่จะมาบังคับว่าให้เภสัชกรโรงพยาบาลชุมชนทำงานพัฒนาคุณภาพโดยเน้นงาน ด้าน High Alert Drug และงาน DUEก่อน
นอกจากนี้ งานด้าน DUE และ High Alert Drug นั้น ถือว่า เป็น งานที่มีความสำคัญในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ที่มีการใช้ยาราคาแพง จากต่างประเทศมาก ยาหลายชนิดมีอันตรายและความเสี่ยงสูง การดูแลจัดการเรื่องยาแพงๆ และยาเสี่ยงสูงเหล่านี้ จึงมีความชอบธรรมอยู่มากในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เวลา ผู้เยี่ยมสำรวจที่มานิเทศระบบยาซึ่งมักมาจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ หรือมาจากมหาวิทยาลัย จึงมีความคุ้นเคยและเชี่ยวชาญยาแพงๆ เหล่านั้น มากกว่าเภสัชกรตามโรงพยาบาลชุมชนเป็นแน่ ในทางตรงกันข้าม การ เฝ้าติดตามแก้ปัญหา ความไม่ร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วย และติดตามผลอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยานั้น มีประโยชน์มาก มีหลักฐานทางวิชาการสนับสนุนมากมาย แม้ แต่เภสัชกรที่อเมริกาเองก็นิยม ทำกิจกรรมเหล่านี้ในการบริบาลผู้ป่วย แต่งานเหล่านี้ ทำได้ยาก ลำบากในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ หรือโรงเรียนแพทย์เนื่อง จาก ผู้ป่วยกับโรงพยาบาลมักไม่มีความใกล้ชิดกัน แตกต่างจากเภสัชกรโรงพยาบาลชุมชนเล็กๆ ที่ทำงานมานาน มีความคุ้นเคยกับผู้ป่วยมากกว่า จึงสามารถทำงาน ด้าน การเฝ้าติดตามแก้ปัญหา ความไม่ร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วย และติดตามผลอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา ดีกว่าเภสัชกรโรงพยาบาลขนาดใหญ่ได้
จะเห็นได้ว่า การเน้นงาน DUE และ High Alert Drug ในระบบโรงพยาบาลชุมชนนั้น ถือ เป็นการครอบงำ การทำงานของเภสัชกรโรงพยาบาลชุมชน อย่างแยบผลเป็นการกลบเกลื่อนเชิงอำนาจที่ทำให้เภสัชกรจากโรงพยาบาลใหญ่ๆ มีอำนาจมากกว่า มีความรู้สูงกว่า เภสัชกรโรงพยาบาลเล็กๆ อย่างแนบเนียน ซึ่งอาจไม่ใช่สาระสำคัญของบทความนี้ ส่วนสำคัญก็คือ การที่เน้นให้เภสัชกรโรงพยาบาลชุมชน ต้องจำทำงาน ด้าน DUE และ High Alert Drug นั้น ทำให้ประชาชนในชนบท เสียโอกาส ในการได้รับการดูแลในสิ่งสำคัญด้านยาอื่นๆ จากเภสัชกรของพวกเขา นี่อาจเป็นตัวเลือกที่ไม่เข้าท่าของการทำงานระบบยา ตามความคิดของผมเองฝ่ายเดียวก็ได้ (ในอนาคตผม อาจทำ อภิวิเคราะห์จากงานวิจัย ให้ดูว่า เภสัชกร ต้องทำอะไรคนป่วยจึงได้ประโยชน์) แต่ผมขอด่วนสรุปว่า การบังคับให้เภสัชกรโรงพยาบาลชุมชน ทำงานดังกล่าวเป็นตัวเลือกที่ไม่เข้าท่า เป็น Fallacy of false dilemma เป็นตัวเลือกผิดๆ แบบสังคมปรนัยก็เป็นได้ครับผม สาธุ
1เป็น เภสัชกรโรงพยาบาลชุมชน มาตลอดสิบกว่าปี ไม่คิดไปโรงพยาบาลใหญ่ มีความสนใจงานด้าน patient care primary care งานธรรมชาติบำบัด งานสมาธิ งานบำบัดผุ้ติดบุหรี่ สุรา ชอบทำวิจัย ทำวิจัยเสร็จตีพิมพ์ ไป 7 เรื่องแล้ว กะว่าสักวันจะ go inter ตีพิมพ์งานวิจัยลง วารสารระดับนานาชาติ สักวัน อีเมลล์ติดต่อ frxbaby@gmail.com
หมวดหมู่: สังคม ครอบครัว ชุมชน เศรษฐกิจ
คำสำคัญ: km patient care บทความ เภสัชกร
สัญญาอนุญาต: ซีซี: แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน Cc-by-nc-sa
สร้าง: พ. 02 ธ.ค. 2552 @ 13:15 แก้ไข: พ. 02 ธ.ค. 2552 @ 22:23
ความเห็น
1.
P
วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--
เมื่อ พ. 02 ธ.ค. 2552 @ 22:17
#1711451 [ ลบ ]

สวัสดี ครับท่านศุภรักษ์เภสัชพันธ์หายาก ยาวมากแต่อ่านอิ่ม ได้ความรู้เรื่งยาเรื่องเภสัช และเรื่งไม่เข้าท่า ของผู้ใหญ่ ที่ชอบทำอะไรแบบยกเข่ง เชียร์ ชื่นชม และชื่นชอบ เข้ามาอ่านแล้วได้อาหารสมิงกลับไป .....และเรียนรู้ เรียนคิดไปด้วยครับ
2.
P
สามสัก
เมื่อ อา. 06 ธ.ค. 2552 @ 05:06
#1717273 [ ลบ ]

* ผม มาแวะหาความรู้ในการทำงานเชิงบริหาร ที่จะส่งผลให้เกิดการบูรณาการอย่างได้ผลดีมากมายจริงๆ มีทั้งเรื่องเล็กๆใหญ่ๆ มาโดยตลอด..ชอบที่ท่านสะท้อนได้อย่างตรงๆ ดี ไม่อ้อมค้อม เห็นด้วยกับผู้เฒ่าวอญา..น๊ะ
* ระลึกถึงท่าน..เสมอครับ
* อากาศเย็นๆ รักษาสุขภาพมากๆ ด้วย
* ช่วง นี้จะไม่ค่อยว่าง ขอถือโอกาสอาราธนาคุณพระศรีรัตน์ตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้ท่านและครอบครัว จงประสบแต่ความสุขความเจริญตลอดปีใหม่ที่ถึงและตลอดไปด้วยครับ

3.
P
นาย ศุภรักษ์ ศุภเอม
เมื่อ จ. 07 ธ.ค. 2552 @ 21:51
#1720403 [ ลบ ]

ขอบคุณท่าน
P

วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--

ที่มาอ่าน และให้กำลังใจครับ

ปล.ขอให้เกาต์ไม่มาเบียดเบียน โอม.*//*-*-
4.
P
นาย ศุภรักษ์ ศุภเอม
เมื่อ จ. 07 ธ.ค. 2552 @ 21:53
#1720407 [ ลบ ]

ขอบคุณท่าน
P

สามสัก

ขอบคุณ ที่มาชม และให้กำลังใจครับ

อีบุค ของท่านผมอ่านแล้วดีมากๆ ครับ
Posted by ศุภรักษ์ ศุภเอม at 12/08/2009 07:08:00 AM 0 comments
TENS LG 7000 --- TENS LG 7000 ... |
เลิกบุหรี่ -เว็บเลิกบุหรี่ ... |
ภาพประจำตัวสมาชิก
GPE
 
โพสต์: 201
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2004, 11:08
ที่อยู่: จ.ขอนแก่น


ย้อนกลับไปยัง คาปูชิโน

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document