อากาศเชียงใหม่วิกฤต! ค่าฝุ่นละอองพุ่งเกินมาตรฐานทะลุ 200

[kiatisak]

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 มีนาคม 2556 11:29 น.

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - อากาศเชียงใหม่แย่หนักหลังค่าฝุ่นละออง-ดัชนีคุณภาพยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง ล่าสุดค่า PM10 พุ่งทะลุ 200 แล้ว-เยอะที่สุดในรอบปี ส่วนหมอกควันปกคลุมหนาทั่วเมือง ด้านแม่ฮ่องสอน-แพร่อาการหนักเช่นกันค่า PM10 เกิน 200 ด้วย

หมอกควันจำนวนมากปกคลุมหนาแน่นตามจุดต่างๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ในวันนี้ (21 มี.ค. 56) ขณะที่ตัวชี้วัดคุณภาพอากาศ ทั้งปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ของจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มสูงจนเกินค่ามาตรฐานแล้ว โดยเฉพาะค่า PM10 ที่เพิ่มสูงถึงระดับ 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

โดยล่าสุดจากการตรวจสอบข้อมูลสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือข้อมูลแบบ Real Time รายชั่วโมงในเว็บไซต์ http://www.aqmthai.com ของกรมควบคุมมลพิษ พบว่า เมื่อเวลา 09.00 น.ปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ของจังหวัดเชียงใหม่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่สถานีตรวจวัดอากาศศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่มีค่า PM10 อยู่ที่ 183 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 127

ส่วนที่สถานีตรวจวัดอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย มีค่า PM10 อยู่ที่ 207 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 138 ซึ่งจากตัวเลขดังอยู่ในผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว ขณะเดียวกัน จากตัวเลขดังกล่าวถือเป็นค่า PM10 ที่สูงที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ในปีนี้ นับตั้งแต่เริ่มเกิดปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ

ทั้งนี้ ปริมาณหมอกควันหมอกควันที่ปกคลุมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เริ่มหนาแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่เมื่อวานนี้ (20 มี.ค.) แต่จากรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือของสำนักจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษเมื่อวานนี้ ระบุว่า ค่า PM10 แล AQI เฉลี่ย 24 ชั่วโมงจังหวัดเชียงใหม่นั้นไม่เกินค่ามาตรฐานแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลแบบ Real Time รายชั่วโมงในเว็บไซต์ http://www.aqmthai.com พบว่าปริมาณค่า PM10 และ AQI ที่ตรวจวัดได้จากสถานีตรวจวัดอากาศศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ และที่สถานีตรวจวัดอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่เวลา 10.00 น.วานนี้ จนกระทั่งในวันนี้ที่ตัวเลขค่า PM10 และ AQI ได้เพิ่มสูงจนเกินมาตรฐานแล้ว

โดยทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นให้ดูแลรักษาสุขภาพเป็นพิเศษในช่วงที่คุณภาพอากาศเลวร้าย โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคทางเดินหายใจ หอบหืด ภูมิแพ้ต้องดูแลเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงการออกมาอยู่ในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันการสูดฝุ่นควัน สวมแว่นตา เสื้อแขนยาว เพื่อป้องกันการสัมผัสกับฝุ่นละอองในระยะที่เกิดปัญหานี้ด้วย

ขณะเดียวกัน คุณภาพอากาศของจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน พบว่าหลายแห่งมีค่า PM10 และ AQI l สูงเกินมาตรฐานเช่นกัน โดยเฉพาะที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดแพร่ ซึ่งมีปริมาณค่า PM10 สูงถึงระดับ 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเช่นเดียวกันกับจังหวัดเชียงใหม่ โดยจากข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่สถานีตรวจวัดอากาศสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีค่า PM10 อยู่ที่ 260 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 161

ส่วนจังหวัดแพร่ ที่สถานีตรวจวัดอากาศสถานีอุตุนิยมวิทยาแพร่ มีค่า PM10 อยู่ที่ 238 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 151

ด้านพื้นที่อื่นๆ ของภาคเหนือที่มีปริมาณค่า PM10 และ AQI สูงนั้น ได้แก่ จังหวัดลำปาง ที่สถานีตรวจวัดอากาศสถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง มีค่า PM10 อยู่ที่ 183 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 127 จังหวัดพะเยา ที่สถานีตรวจวัดอากาศอุทยานการเรียนรู้กว๊านพะเยา มีค่า PM10 อยู่ที่ 168 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 121

จังหวัดเชียงราย ที่สถานีตรวจวัดอากาศสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีค่า PM10 อยู่ที่ 141 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 109 ที่สถานีตรวจวัดอากาศสำนักงานสาธารณสุขแม่สาย อ.แม่สาย มีค่า PM10 อยู่ที่ 123 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 101 และจังหวัดน่าน ที่สถานีตรวจวัดอากาศสำนักงานเทศบาลเมืองน่าน มีค่า PM10 อยู่ที่ 121 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 100

[kiatisak]

ค่าหมอกควันลำพูนพุ่ง ทัศนวิสัยการขับขี่แย่เห็นเพียง 2 กม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 มี.ค. )ที่ จ.ลำพูน ตลอดสองข้างทางถนนทางหลวงหมายเลข 106 สายลำพูน-ป่าซาง จากตัว อ.ป่าซาง มาถึง อ.เมืองลำพูน ระยะทาง 11 กิโลเมตร ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันที่หนาทึบสังเกตุได้จากการที่บ้านพักอากาศัย สถานที่ราชการตลอดจนร้านค้าต่างๆมองในระยะไกลไม่ชัดเจนเหมือนในสภาพปกติ กระทบต่อทัศนวิสัยในการมองเห็นและการขับขี่รถยนต์ รถจักรยานนต์เหลือเพียง 2 กิโลเมตร จากค่าเฉลี่ยหมอกควันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และสภาพอากาศเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของประชาชน ซึ่งสาเหตุเป็นผลมาจากควันไฟที่เกิดจากการเผาเศษใบไม้แห้ง ตอซังข้าวโพด เศษวัชพืบทุกชนิดรวมทั้งการเผาป่าล่าสัตว์และหาของป่า ซึ่งอยู่ในช่วงการรณรงค์ 100 วันงดการเผาทุกชนิดเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ 8 อำเภอคือ เมือง ป่าซาง บ้านธิ แม่ทา เวียงหนองล่อง ทุ่งหัวช้าง บ้านโฮ่ง และ อ.ลี้
จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ กรมควบคุมมลพิษ สนามกีฬากลาง อบจ.ลำพูน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน วันนี้(21 มี.ค.) พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) ค่ามาตราฐานไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เฉลี่ย 24 ชั่วโมง เมื่อเวลา 08.00 น.มีค่าอยู่ที่ 157 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร(มคก.ลบ.ม) คุณภาพอากาศค่า AQI. อยู่ที่ 117 ถือเป็นวันที่ 5 ที่มีค่าเกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว โดยเฉพาะชาวบ้านจำนวนมากบ่นว่ามีอาการแสบตา น้ำตาไหล แสบคอ
ล่าสุด จ.ลำพูนขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดําเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตร การเผา ริมทาง และพื้นที่ป่า โดยหากมีความจําเป็นต้องเผาต้องขออนุญาตจาก กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ในเขตปกครองท้องถิ่นนั้นๆ ก่อนดําเนินการทุกครั้ง และต้องจัดทําแนวกันไฟและควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่อื่นได้และให้ดําเนินการทางกฎหมายกับผู้ลักลอบเผา หรือขออนุญาตเผาแล้วแต่ไม่จัดทาแนวกันไฟหรือไม่ได้ควบคุมไฟให้อยู่ในพื้นที่ถือครองจนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไป ยังพื้นที่อื่นหรือลุกลามเขาไปในเขตป่าโดยเฉียบขาด นอกจากนี้ประสานไปยังสถานีวิทยุหลักและวิทยุชุมชน(วช.)กว่า 40 สถานี ประชาสัมพันธ์ชี้แจงทําความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและวิธีการป้องกันตนเองที่ถูกตองให้กับประชาชนด้วย เด็กผู้สูงอายุผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจและประชาชนทั่วไปควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากหรือใช้ผ้าปิดจมูก ปิดประตูหน้าต่างเพื่อกันฝุ่นควันเข้าบ้านติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามข้อแนะนําจากภาคราชการและหากเกิดอาการเจ็บป่วยควรปรึกษาแพทย์
นายนาวิน สินธุสะอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวภายหลังจากเป็นประธานเปิดการฝึกอบรมโครงการฟ้าใสไร้มลพิษสรรสร้างเศรษฐกิจชุมชน ณ หอประชุมที่ว่าการ อ.เมืองลำพูน ว่า "ปัญหาหมอกควันและไฟป่า จ.ลำพูนถูกจัดอยู่ในลำดับท้ายๆ ใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีค่า PM.10 สูงสุดที่ 428 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่าอันตรายที่สุด ตามด้วย จ.แพร่ เชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย ตามลำดับ จากสภาพภูมิประเทศของ จ.ลำพูนที่มีภูเขาล้อมรอบ ทำให้มลพิษหมอกควันถูกกักไว้และแผ่ปกคลุมทั่วเมือง
ดังนั้น ทาง อ.เมืองลำพูน จึงจัดอบรมโครงการฟ้าใสไร้มลพิษสรรสร้างเศรษฐกิจชุมชนขึ้น เพื่อให้ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้เรียนรู้และรับทราบถึงวิธีการปฏิบัติของประชาชน การมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและดูแลไม่ให้เกิดการลักลอบเผาป่าและการเผาในพื้นที่โล่งอื่นๆ ขยายผลสู่ประชาชนในพื้นที่ ร่วมมีบทบาทต่อการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความตระหนักต่ออันตรายจากมลพิษหมอกควัน มีความรู้ความเข้าใจต่อการใช้พลังงานและเชื้อเพลิง รวมทั้งการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมและวิถีท้องถิ่น ซึ่งการสร้างความรู้ความเข้าใจ ประกอบกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน จะช่วยให้การป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและการเผาในที่โล่งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และในวันที่ 25 มี.ค.ที่กำลังจะมาถึงนี้ จ.ลำพูนนำโดย นายพินิจ หาญพาณิชย์ ผวจ.ลำพูน เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์กรท้องถิ่น ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับทราบหารือแนวทาง และมาตรการแก้ปัญหาหมอกควันอย่างเร่งด่วนซึ่งเป็นวาระของจังหวัดและของรัฐบาล