New Document









พิพากษายืน หมักหมิ่น

พิพากษายืน หมักหมิ่น

โพสต์โดย DrugCenter » 25 ก.ย. 2008, 10:52

ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ที่พิพากษาจำคุกนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และนายดุสิต ศิริวรรณ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานหมิ่นประมาทอดีตรองผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ถ้อยคำที่กล่าวในรายการเป็นการนำข้อมูลที่ได้รับจากผู้ชมในรายการมาบอกกล่าว ไม่ได้จงใจใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหายนั้น ศาลเห็นว่าเป็นพียงข้อกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยไม่มีน้ำหนัก ส่วนที่จำเลยทั้งสอง อุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ จำเลยที่ 1 อ้างว่า เคยประกอบคุณงามความดี รับใช้ประเทศชาติมาจนอายุ 72 ปี เคยตำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีหลายกระทรวง เป็นผู้ว่าฯ กทม.โดยได้รับการเลือกตั้งกว่า 1 ล้านเสียง และเป็น ส.ว.ของ กทม.ที่ได้รับคะแนนเสียงกว่า 2 แสนเสียง ศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการจงใจทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยเคยดำรงตำแหน่งระดับสูงและย่อมรู้ว่าคำพูดของจำเลย ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ อีกทั้งจำเลยทั้งสองยังไม่ได้สำนึก กระทำการเพื่อบรรเทาความเสียหายให้กับโจทก์ ประกอบกับจำเลยที่ 1 เคยต้องโทษฐานหมิ่นประมาท จนคดีถึงที่สุดมาแล้วถึง 3 ครั้ง คดีไม่มีเหตุให้รอการลงโทษพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยทั้งสอง 4 กระทงๆ ละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา

กรณีนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 12 เม.ย.50 ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาจำคุกนายสมัครและ นายดุสิต เป็นเวลา 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ในความผิดฐานหมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร โดยครั้งนั้นศาลอนุญาตให้บุคคลทั้งสองประกันตัวได้ และบุคคลทั้งสองได้ยื่นขออุทธรณ์ในคดีดังกล่าว

เมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา นายสมัคร ซึ่งขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยระบุเหตุผลว่า ต้องเดินทางไปประชุมที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ทำให้ไม่สามารถเดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฯตามกำหนดนัดได้ ซึ่งศาลอาญา ได้นัดให้ฟังคำสั่งในวันนี้ ว่าจะเลื่อนอ่านคำพิพากษาหรือไม่ แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้นายสมัคร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ กรณีเป็นพิธีกรดำเนินรายการ "ชิมไปบ่นไป" และรายการ "ยกโขยงหกโมงเช้า" ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ศาลจึงไม่เลื่อนอ่านคำพิพากษาดังกล่าว

นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า หากวันนี้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นสั่งจำคุก นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี คดีหมิ่นประมาท นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ตามขั้นตอนทางกฎหมายนั้น นายสมัคร ยังสามารถยื่นฎีกาได้ โดยจะต้องให้ อัยการสูงสุด ลงนามสลักหลังในคำร้องขอฎีกา แต่หากอัยการสูงสุด ไม่ลงนามคำร้อง นายสมัคร ยังมีช่องทางคือ สามารถยื่นเรื่องต่อผู้พิพากษาที่พิจารณาคดี เพื่อขอให้ส่งเรื่องสู่ศาลฎีกาได้เช่นกัน ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่า จะพิจารณาเช่นไร แต่หากทั้งสองช่องทางไม่เห็นด้วย นายสมัคร ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามคำตัดสิน

สำหรับความเห็นอัยการสูงสุดว่า จะรับรองคำร้องขอฎีกาหรือไม่นั้น นายธนพิชญ์ บอกว่า ไม่สามารถตอบแทนได้ ทั้งนี้นักวิชาการทางกฎหมาย ได้คาดการณ์คดีหมิ่นประมาทดังกล่าว เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวที่ นายสามารถ ฟ้อง นายสมัครต่อศาลโดยตรง พนักงานอัยการ มิได้เกี่ยวข้องในคดีนี้แต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุที่อัยการสูงสุด ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องรับรองให้ นายสมัคร ฎีกา

ขณะที่ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกทม. กล่าวว่า มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของศาล พร้อมกับยอมรับว่า ก่อนหน้านี้มีผู้ใหญ่ของบ้านเมืองท่านหนึ่งพยายามไกล่เกลี่ยให้ตนยอมความ แต่ตนยืนยันว่าจะขอใช้สิทธิ์ต่อสู้คดี ทั้งนี้เตรียมยื่นฟ้องศาลแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหาย จำนวน 100 ล้านบาท แต่ต้องรอให้คดีอาญาสิ้นสุดก่อน
ภาพประจำตัวสมาชิก
DrugCenter
 
โพสต์: 2502
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ต.ค. 2005, 07:45
ที่อยู่: Drug Center ขอนแก่น







Re: พิพากษายืน หมักหมิ่น

โพสต์โดย apotheker » 25 ก.ย. 2008, 13:27

แถมอีกคดี อ่านคำพิพากษาวันนี้เหมือนกัน :lol:

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลเยาวชน และครอบครัวกลาง ได้อ่านคำพิพากษา ในคดีที่หมายเลขดำที่ 511/2550 ที่นางอลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยาของ นายแพทย์ ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชา แอพพลายด์ ฟิสิกส์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต อดีตเพื่อนสนิทของ นายแพทย์ประกิตเผ่า เรื่อง เรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนทำนองชู้สาว จำนวนทุนทรัพย์ 27 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า นางอลิสาโจทก์ เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ โดยสมรสกันตามประเพณีอยู่กินฉันท์สามี ภรรยา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 มีบุตรด้วยกัน 2 คน ต่อมาเมื่อประมาณกลางปี พ.ศ.2549 จำเลยได้เข้ามาตีสนิทกับ นพ.ประกิตเผ่า สามีโจทก์ และได้มีความสัมพันธ์สนิทสนมกันมากขึ้น จนกระทั้งถึงต้นปี พ.ศ.2550 จำเลยได้บังอาจแสดงตนเปิดเผยต่อสาธารณะชนและบุคคลทั่วไปว่า มีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว โดยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่า การที่มารดาและพี่ชายของสามีโจทก์นำสามีโจทก์ไปรักษาพยาบาล ที่ โรงพยาบาลศรีธัญญา จ.นนทบุรี นั้น เป็นการสมคบร่วมกันนำตัวสามีโจทก์ ไปคุมขังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่ความจริงแล้วสามีโจทก์ป่วยเป็นโรคจิตเวช อันนำมาซึ่งผลแห่งคดีนี้ จำเลยมุ่งหวังที่จะนำสามีโจทก์ไปอยู่กับจำเลย อันเป็นการใช้สิทธิที่มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์

นอกจากนี้จำเลยยังได้ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนทุกแขนง โดยเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาว กับสามีโจทก์อีกหลายครั้ง การกระทำของจำเลยได้แสดงตนโดยชัดเจนเปิดเผยโดยที่โจทก์ไม่รู้เห็นเป็นใจและยินยอม ให้สามีโจทก์และจำเลยกระทำดังกล่าว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อความสัมพันธ์อันดี และการกินอยู่ฉันท์สามีภรรยา จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายดังกล่าว

ภายหลังศาลพิเคราะห์แล้ว พิพากษาให้น.ส.เปมิกา จ่ายเงิน 2 ล้าน และดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ฐานแสดงตนมีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวกับสามีโจทก์

ใครคิดจะแสดงตัวเป็นเมียน้อยใครตอนนี้ก็ต้องเตรียมเงินไว้เผื่อถูกฟ้องด้วยนะครับ สัก2ล้าน
:lol:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
apotheker
Global Moderator
 
โพสต์: 2435
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2004, 11:48
ที่อยู่: simcity

Re: พิพากษายืน หมักหมิ่น

โพสต์โดย NOOMCHAN » 25 ก.ย. 2008, 13:48

DrugCenter เขียน:...
นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า หากวันนี้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นสั่งจำคุก นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี คดีหมิ่นประมาท นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ตามขั้นตอนทางกฎหมายนั้น นายสมัคร ยังสามารถยื่นฎีกาได้ โดยจะต้องให้ อัยการสูงสุด ลงนามสลักหลังในคำร้องขอฎีกา แต่หากอัยการสูงสุด ไม่ลงนามคำร้อง นายสมัคร ยังมีช่องทางคือ สามารถยื่นเรื่องต่อผู้พิพากษาที่พิจารณาคดี เพื่อขอให้ส่งเรื่องสู่ศาลฎีกาได้เช่นกัน ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่า จะพิจารณาเช่นไร แต่หากทั้งสองช่องทางไม่เห็นด้วย นายสมัคร ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามคำตัดสิน

สำหรับความเห็นอัยการสูงสุดว่า จะรับรองคำร้องขอฎีกาหรือไม่นั้น นายธนพิชญ์ บอกว่า ไม่สามารถตอบแทนได้ ทั้งนี้นักวิชาการทางกฎหมาย ได้คาดการณ์คดีหมิ่นประมาทดังกล่าว เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวที่ นายสามารถ ฟ้อง นายสมัครต่อศาลโดยตรง พนักงานอัยการ มิได้เกี่ยวข้องในคดีนี้แต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุที่อัยการสูงสุด ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องรับรองให้ นายสมัคร ฎีกา
...


^^^
เรือ่งยื่นฎีกา,..
ก่อนหน้านี้ ผมเคยแต่ได้ยินเค้าคุยกันในทีวีว่า ถ้าศาลตัดสินมาแบบนี้ ..เมื่ออ่านคำตัดสินเสร็จ,ต้องย้ายก้นเข้าคุกอย่างเดียว
แต่พอดูเรื่องจริงที่เกิดขึ้น, กลับให้ประกันตัว เพื่อเตรียมการยื่นฎีกา
ทำเอางงเลยครับพี่น้องงงง!
(ที่งง..เพราะไม่รู้เรื่อง ป.วิ อาญา นั่นเอง แหะๆ :redface: )

,



ส่วนเรื่องอัยการไม่เกี่ยว..
..เห็นด้วยครับ เพราะคดีนี้เป็นเอกชนฟ้องเอกชน (อัยการต้องอยู่เฉยๆ! อิอิ)






:geek:
ภาพประจำตัวสมาชิก
NOOMCHAN
 
โพสต์: 140
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 เม.ย. 2008, 12:07


ย้อนกลับไปยัง เหตุบ้าน การณ์เมือง

ผู้ใช้งานขณะนี้

cron
New Document