New Document









The Main Problem of Thailand

The Main Problem of Thailand

โพสต์โดย Wiz@rd. » 31 ส.ค. 2008, 18:53

The Main Problem of Thailand
31 August, 2008 - 16:05 in

* Merry
* Politik
* Social Class

มี มิตรสหายท่านหนึ่งทักมาทาง IM ว่าพักนี้ผมเขียนเรื่องชนชั้นกลางเยอะมากผิดสังเกต เลยขออนุญาตตอบผ่านบล็อกว่า เข้าใจถูกต้องแล้วครับ (และน่าดีใจที่มีคนเห็น)

ในสายตาของผมแล้ว นับวันต้นตอปัญหาของประเทศยิ่งเด่นชัด พันธมิตรเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งที่ลอยพ้นน้ำ เป็นสัญลักษณ์ทาง visual ที่เคลื่อนไหวแสดงออกให้สังคมได้รับรู้อย่างชัดแจ้งเท่านั้น ส่วนมโหฬารที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำ และเป็นปัญหาตัวจริงคือ วิธีการคิดของชนชั้นกลางไทย ต่างหาก

ปี 2543 ชนชั้นกลางเลือกสมัครเป็นผู้ว่ากทม. ด้วยคะแนนเกินล้าน ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์
แต่ปี 2550 ชนชั้นกลางกลุ่มเดียวกันนี้ ยี้สมัครด้วยเหตุผลเรื่องจมูก และคำพูดหยาบคาย

ปี 2548 ชนชั้นกลางในกรุงเทพเลือกไทยรักไทยซะถล่มทลาย จนประชาธิปัตย์แทบจะสูญพันธุ์
แต่ปี 2550 ชนชั้นกลางกลุ่มเดียวกันนี้ เลือกประชาธิปัตย์ถล่มทลาย พลังประชาชนได้ที่นั่งมาเล็กน้อย

ปี 2549 ชนชั้นกลางด่าชาวบ้านว่าโง่ บ้าประชานิยม โดนทักษิณหลอก
แต่ปี 2551 ชนชั้นกลางกลุ่มเดียวกันนี้ สรรเสริญ Bangkok Green Wi-Fi ของอภิรักษ์ และต้องไม่ลืมว่า ชนชั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่โหยหารถไฟฟ้ามากกว่าใคร

ปี 2544 ชนชั้นกลางกดดันศาลว่า ตัดสินคดีซุกหุ้นของทักษิณ ต้องใช้ทั้งนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ควบคู่กันไป
แต่ปี 2549 ชนชั้นกลางกลุ่มเดียวกันนี้ บอกว่ารัฐศาสตร์ไม่ได้ผล ต้องใช้ศีลธรรมและจริยธรรมต่างหาก

ปี 2549 ชนชั้นกลางบอกว่าไทยรักไทยเล่นไม่ซื่อคดี CTX
แต่ปี 2550 ผ่านมาไม่ถึงปี ชนชั้นกลางกลุ่มเดียวกันนี้ ไม่มีปัญหากับสพรั่งนั่งบอร์ดการท่าอากาศยานไทย (หรือมีปัญหาแต่กลัวปืนก็ไม่ทราบได้)

ปี 2549 ชนชั้นกลางบอกว่าทักษิณนั่งในอุโบสถวัดพระแก้ว เป็นเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
แต่ปีเดียวกัน พอสำนักพระราชวังแถลงว่าไม่มีปัญหา ชนชั้นกลางกลุ่มเดียวกันนี้ ก็ทำลืมไป

ปี 2548 ชนชั้นกลางบอกว่าทีวีไทยน้ำเน่า ดู ASTV มีสาระกว่า เปิดโปงข้อเท็จจริง
ปี 2551 ชนชั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่บอกว่า ASTV หยาบคาย ดู Nation Channel ดีกว่า มีการศึกษา พูดจาสุภาพ (รู้จักสุทธิชัย หยุ่น น้อยไปซะแล้ว)

ชนชั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่เชื่อฟอร์เวิร์ดเมลวิถีชีวิตของในหลวง แต่พอมีคนเปิดโปงว่าแปลฝรั่งมาแล้วแปะหัวหลอก ก็ทำลืมไป

ชนชั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่เชื่อฟอร์เวิร์ดเมลเปลี่ยนเวลาครึ่งชั่วโมง แต่พอทางการแถลงว่าของปลอมแล้วแปะหัวหลอก ก็ทำลืมไป

ชนชั้นกลางกลุ่มนี้เแหละ ที่เชื่อเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ เปิดไฟหน้ารถตอนกลางวัน เอาหลอดไฟมาใส่หน้าชื่อ MSN แล้วตอนนี้ก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างที่แล้วมาเป็นจักรวาลคู่ขนาน

ชนชั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่บอกว่าขายหุ้นชิน 73,000 ล้านไม่เสียภาษีนั้นไม่ถูกต้องทางจริยธรรม แต่พอเจอตำรวจเรียก ก็จ่ายตรงนั้น

ชนชั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่บอกว่าต้องตรวจสอบทรัพย์สินนักการเมือง แต่พอเป็นผู้ว่า สตง. หรือ ปปช. ไม่มีใครว่าอะไร

ชนชั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่บอกว่าเราควรเคารพในกฎหมาย กฎระเบียบของสังคม แต่ตัวเองปล่อยบ็อตเกมออนไลน์ ดาวน์โหลดเพลงและหนังผ่านบิต และรู้วิธีแคร็กโปรแกรมมากกว่าใคร

ชนชั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่บอกว่าการแปรรูป ปตท. นั้นมีปัญหา แต่ตัวเองก็มีหุ้น ปตท. เหมือนกัน แรงขนาดนั้นใครจะไม่เอา

ชนชั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่บอกว่าไม่ควรขายชาติ แปรรูปรัฐวิสาหกิจ แต่พอรถไฟหยุดเดิน สนามบินโดนปิด ก็ไม่มีใครว่าอะไร ขอแค่อย่าหยุด BTS กับ MRT และอย่าปิดสุวรรณภูมิก็พอแล้ว ที่อื่นไม่ใช่เรื่องของเรา

ชนชั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่บอกว่าข้อสอบเอ็นต์รั่วปีที่อุ๊งอิ๊งเข้าจุฬา แต่ก็จ่ายแป๊ะเจี้ยะ เพื่อให้ลูกตัวเองเข้ามาแตร์ เซ็นโย โรงเรียนสาธิตชื่อดังต่างๆ ฯลฯ ด้วยเหตุผลว่า เพื่ออนาคตของลูก

ชนชัั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่บอกว่าอเมริกานั้นเลวร้าย น่ารังเกียจ รุกรานชาวโลก แต่ตัวเองเรียกร้องให้เอาเขาพระวิหารคืน บุกเขมรมันเลย

ชนชั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่บอกว่าวัฒนธรรมอเมริกันแดกด่วน แต่ตัวเองทำทุกวิถีทางที่จะส่งลูกไปเรียนต่อเมืองนอกให้จงได้

ชนชั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่บอกว่าโลกาภิวัฒน์มันไม่ดี ทำสังคมท้องถิ่นเสียอัตลักษณ์ โชว์ห่วยสูญพันธุ์ แต่ทุกคนก็ซื้ออาหารที่โลตัส บิ๊กซี ท็อปส์ และคาร์ฟูร์

ชนชั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่บอกว่าเศรษฐกิจพอเพียงคือทางรอดของประเทศ แต่ตอนนี้ทุกคนพก iPhone เครื่องละหลายหมื่น และงัดออกมาโชว์อย่างภูมิใจ

ชนชั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่บอกว่ารัฐชอบใช้ความรุนแรงกับประชาชน แต่ประชาชนใช้ความรุนแรงกับรัฐได้

ชนชั้นกลางกลุ่มนี้แหละ ที่สมัยสนธิลิ้มออกมาใหม่ๆ ก็บอกว่าเปิดโปงรู้ทัน แต่พอสนธิออกลาย ก็บอกว่าไม่ได้เห็นด้วยกับเขาทั้งหมด ฟังๆ เขาไว้บ้าง พอรู้เป็นข้อมูล ตัดสินใจเองได้

ชนชั้นกลางไทย ไม่มีทางแพ้ ไม่มีทางผิด ถ้าเคยตัดสินใจผิด และโดนด่า ก็จะบอกว่า "อย่ามาเหมารวม" หรือ "เราไม่เข้าข้างฝ่ายใด" หรือ "ไม่ชอบทั้งสองฝ่ายนะ" หรือ "เราเป็นกลาง" หรือ "เพื่อลูก" หรือ "เพื่ออนาคต" หรือ "ใครๆ ก็ทำกัน" หรือ ฯลฯ

...

นับวันผมยิ่งรู้สึกว่า ชาวบ้านที่ทุ่มเทแรงใจเชียร์ทักษิณโดยไม่แปรเปลี่ยน หรือสาวกพันธมิตรที่เชื่อในอุดมการณ์ของตัวเองอย่างแรงกล้าตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา น่าเคารพและยกย่อง อย่างน้อยพวกเขาเหล่านี้มีแนวทางเป็นของตัวเอง เชื่อมั่น สู้เป็นสู้ ตายเป็นตาย

ชนะมาเป็นฮีโร่ แพ้อย่างมากก็โดนตี โดนจับขังคุก แต่อย่างน้อยก็ได้พิสูจน์ในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ

เมื่อเทียบกับชนชั้นกลางที่ "สฤษฎก" อย่างที่เขียนไปแล้ว คงไม่ต้องอธิบายว่า รู้สึกเช่นไร

...

ผมก็เป็นชนชั้นกลาง ผมทำหลายอย่างข้างต้นที่ว่ามา จ่ายเงินให้ตำรวจตอนโดนเรียก อยากได้รถไฟฟ้า มาเรียนต่อเมืองนอก ไม่มี iPhone แต่มี MacBook Air ชอบช็อปปิ้งที่โลตัส

แต่ผมไม่เคยเอาหลอดไฟมาใส่หน้าชื่อ MSN ผมไม่เคยเชื่อฟอร์เวิร์ดเมล ไม่เคยเชื่อปฏิญญาฟินแลนด์ ด่าพันธมิตรตั้งแต่ปี 2548 ไม่คิดจะไปม็อบ อย่ามา "เหมารวม" ว่าผมเป็นชนชั้นกลางทั่วไปนะ ไม่ได้โง่แบบนั้น ฉันฉลาดกว่าเธอ :P

* mk's blog

ที่มา : http://www.isriya.com/node/2143/the-mai ... f-thailand

ผมอ่านแล้วชอบ เลยเอามาเผยแพร่
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wiz@rd.
Global Moderator
 
โพสต์: 942
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มี.ค. 2004, 20:15
ที่อยู่: โลก







Re: The Main Problem of Thailand

โพสต์โดย pharmakop » 01 ก.ย. 2008, 13:15

จริงๆแล้ว main problem คือ การศึกษาของไทย และการไม่ศึกษาธรรมะ หลักกาลามสูตร ที่บอก อย่าเชื่อเพราะ.......
น่าจะมี รมว.ศึกษา ซักคน ที่บังคับเรียนวิชา ไตรปิฎก
คริสต์ ตามโรงแรมชั้นนำของไทย มีพระคัมภีร์ให้เขาอ่าน
พุทธ ไทยอย่างเรา อ่านพระไตรปิฎก ซักกี่คน
ภาพประจำตัวสมาชิก
pharmakop
 
โพสต์: 227
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2006, 15:41
ที่อยู่: ร้อยเอ็ด

Re: The Main Problem of Thailand

โพสต์โดย Wiz@rd. » 01 ก.ย. 2008, 18:08

ภาค 2 ครับ

คนชั้นกลาง - part II
1 September, 2008 - 02:02 in

* Merry
* Politik
* Social
* Social Class
* Thailand

ตอนนี้เป็นซีรีย์ต่อของ คนชั้นกลาง โดยจะพยายามตอบคำถามของคุณ @chanwit จากเอนทรี The Main Problem of Thailand

บทความตอนที่สองของนิธิเพิ่งลงพิมพ์วันนี้พอดี การปรับระบบการเมือง (2) ผมแนะนำให้ตามไปอ่านบทความของนิธิทั้งสองตอนก่อน เพราะผมจะตอบโดยการอ้างนิธิ

ถ้าอ่านจบแล้วก็เริ่มเลย

ถ้าใช้วิธีการแบ่งชนชั้นแบบของนิธิ เราจะได้ประมาณนี้ (การแบ่งของผมไม่ตรงเป๊ะทีเดียวกับของนิธิ)

* คนจน จนไปเลยแบบไม่มีอะไรกิน
* คนชั้นกลางระดับล่าง อธิบายไปในตอนที่แล้ว
* คนชั้นกลางระดับกลาง อยู่ในตอนที่สองของนิธิ
* คนชั้นกลางระดับบนสุด หรือ นายทุน ในที่นี้หมายถึงตั้งแต่ทุนใหญ่ระดับ จิราธิวัฒน์ สิริวัฒนภักดี จึงรุ่งเรืองกิจ ฯลฯ ไปถึงเศรษฐีใหม่ที่เริ่มพอมีซีรีย์ 5 ซีรีย์ 7 ขับอะไรประมาณนี้
* อภิชัน หรือ อีลิท หรือ ศักดินา ที่มีสถานะทางสายเลือด รวมถึงกลุ่มคนรายล้อม (เช่น ระดับองคมนตรี หรือ ดร. สุเมธ)

บทความของนิธิอธิบายลักษณะการสนับสนุนขั้วทางการเมืองของคนชนชั้นต่างๆ ส่วนผมจะพยายามอธิบายเรื่องความเชื่อและวิถีชีวิตของคนที่แบ่งชั้นด้วยวิธี เดียวกัน ที่ต้องบอกว่า ?พยายาม? ก็เพราะมันไม่มีทฤษฎีใดๆ มาสนับสนุนเลย มาจากการสังเกตของผมเองล้วนๆ

พูดเป็นภาษาวิจัยคือ inductive แล้วเสือกยังขี้เกียจทำ literature review อีก

เอาแบบรวบรัด สาเหตุของอาการ ?เชื่อคนง่าย? ของชนชั้นกลาง (ไม่ว่าจะเป็นเชื่อ ASTV, ธรรมกาย, ฟอร์เวิร์ดเมล หรือแอมเวย์) มาจากตัว ?ชนชั้น? กลางเองยังเป็นชนชั้นที่ใหม่มากๆ และไม่มีชุดความเชื่อหรือวิธีคิดของตัวเอง

* คนจน และคนชั้นกลางระดับล่าง เชื่อหวย เชื่อลิงออกลูกเป็นควาย (ซึ่งถ้าเรียกให้เป็นวิชาการ มันคือ folk belief) เป้าหมายชีวิตคือ ทำยังไงให้มีสตางค์ กินอิ่มนอนหลับ มีเงินส่งลูกเรียน มีเงินส่วนเกิน (surplus) ตอบสนองความสุขเล็กๆ น้อยๆ ระยะสั้น เช่น กินเหล้าสนุกๆ กับเพื่อนฝูง ซื้อของเล่นให้ลูก ฯลฯ
* นายทุน เป้าหมายชีวิตก็ตามชื่อ คือทำยังไงให้ได้กำไรสูงสุด (max profit) ส่วนเงินที่เหลือใช้ก็ตามแต่ไลฟสไตล์ของแต่ละคน เช่น ซื้อมายบัค หรือจะเลี้ยงไซด์ไลน์ก็ตามชอบ ชนชั้นนายทุนนั้นพัฒนามาจากชนชั้นที่เราเรียกว่า กระฎุมพี ซึ่งก็สืบทอดชุดความคิดเดิมที่เน้น ?ความมั่งคั่ง? มานานแล้ว
* อภิชน เป้าหมายชีวิตเรียบง่ายมาก คือการรักษาความเป็นอภิชนของตัวเองไว้ อันนี้ไม่ได้เจาะจงเฉพาะเมืองไทย แต่รวมไปถึงอุดมการณ์ conservative ในภาพรวมด้วย เหตุผลง่ายๆ คือเกิดมาเป็นอภิชนแล้ว จะใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชนก็คงทนไม่ได้แน่ ดังนั้นใครจะเป็นอะไรไว้ว่ากันทีหลัง ขอเรารักษาสภาพอภิชนให้มั่นคงเสียก่อน

จะเห็นว่าคนชั้นกลางระดับกลาง (ซึ่งหมายถึงพวกเราๆ) จะอยู่ระหว่างคนชั้นกลางระดับล่างกับนายทุน คือชีวิตเลยจุดต้องปากกัดตีนถีบมาแล้ว กินอิ่มนอนหลับ มีเงินติดเคเบิลทีวี ติดอินเทอร์เน็ต ซื้อคอมให้ลูกใช้ ซื้อมือถือใช้ มีความมั่งคั่งในระดับที่ใช้จ่ายเพื่อความสุขได้ เช่น ดูหนังทุกเสาร์อาทิตย์ กินโออิชิเดือนละครั้ง แต่ก็ยังไม่รวยถึงขนาดนายทุน

ชีวิตที่ไม่ต้องปากกัดตีนถีบอย่างคนชั้นกลางระดับล่าง ทำให้คนชั้นกลางระดับกลาง มี ?เวลา? มากขึ้น เอาไปใช้เสพสุขได้ประมาณหนึ่ง แต่ว่ายังไม่สามารถเสพสุข ?อะไรก็ได้? เหมือนชนชั้นนายทุน เช่น คิดอยากกินเป็ดย่างโฟร์ซีซั่นขึ้นมา ก็ไม่สามารถไปได้ทันที

ชนชั้นนายทุนมีเวลามากขึ้นเช่นกัน แต่ด้วยปัจจัยเอื้อเรื่องฐานะ ทำให้มีโอกาสใช้เวลาส่วนนี้ได้มากตามไปด้วย เช่น ไปเล่นเรือยอร์ช เปิดร้านถ่ายรูปกลางสยามแบบเสี่ยโอ๊ค หรือแม้กระทั่งไปลงทุนต่อ (เพราะมีหัวด้านการค้าและทุนเดิมพร้อมอยู่แล้ว)

กลับมาที่คนชั้นกลางระดับกลาง ถึงจะมีเวลาว่างใช้เสพสุข แต่ชีวิตคนเราไม่ได้ต้องการความสุขฉาบฉวย (อาหารอร่อย หนังสนุก เพลงเพราะ สาวสวย) เพียงอย่างเดียว แต่เราต้องการความสุขขั้นกว่า (ถ้าเอาตาม Maslow ที่เคยเรียนสมัยปี 1 ก็ขั้น 4-5) เช่น การบำเพ็ญประโยชน์ อุทิศตน เสียสละ ต่อสู้เพื่อความถูกต้อง (ไม่ว่าในแง่มุมไหน) ฯลฯ

เรื่องมุมมองเรื่องการบำเพ็ญประโยชน์หรือการบริจาคของชนชั้นกลาง ลิ่วเคยเขียนไว้แล้วใน We?re just ?pity? ซึ่งคงอธิบายได้ดีกว่าผม

ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นการบูมของชุดความเชื่อระดับนี้ จำนวนมากแบบในหมู่คนชั้นกลางระดับกลาง เช่น

* ทักษิณรอบแรก (ทุนนิยมใหม่ โลกาภิวัฒน์ ความสามารถในการแข่งขัน)
* ธรรมกาย (ความสุขทางใจ, ธรรมะแบบแดกด่วน)
* ASTV, ศีลธรรม (ความยุติธรรม ไม่โกงกิน โปร่งใส ตรวจสอบ)
* สมานฉันท์ (ความสงบ ไม่ทะเลาะกัน สังคมที่เสถียรภาพ)
* เศรษฐกิจพอเพียง (การเสพสุขแบบไม่แข่งขัน ภูมิปัญญาทางเลือก)
* Wristband, เสื้อเหลือง (การเป็นส่วนร่วมกับ clan เดียวกัน การได้รับการยอมรับ ไม่หลงฝูง)
* โลกร้อน (เสียสละ ห่วงใย ใส่ใจ มีความรับผิดชอบต่อสังคม)

ชนชั้นล่าง (ไพร่) นายทุน (กระฎุมพี) และอภิชน (เจ้าและอำมาตย์) เกิดขึ้นมานานแล้วในประวัติศาสตร์ ชนชั้นนายทุนอาจเกิดมาทีหลังหน่อย (ถ้าเป็นเมืองไทยน่าจะสัก ร.2-3 ได้มั้ง) แต่ว่าก็นานพอที่จะมีลักษณะเฉพาะของตัวเองแล้ว

แต่การที่ชนชั้นกลางยังไม่มีแนวทางของตัวเองมากนัก (จริงๆ ผมเชื่อว่ามีอยู่จำนวนหนึ่ง เพียงแต่คืออะไรยังหาไม่เจอนัก ตอนนี้เจออันเดียวคือ สฤษฎก) ทำให้เกิดอาการเบื่อง่ายหน่ายเร็ว ลองผิดลองถูกกันไปเรื่อยๆ ตอนนี้เราจะเห็นว่ากระแสสมานฉันท์กับ wristband เริ่มจางไปแล้ว แต่ความเชื่อลักษณะเดียวกันสามารถกลับมาได้เสมอ ถ้ามีคนคิดรูปแบบที่สดใหม่กว่าขึ้นมาได้ (เช่น เสื้อเหลือง)

การที่คนชั้นกลางมีเวลา และต้องการ ?ความสุขขั้นกว่า? ประกอบกับการไม่มีชุดความเชื่อของชนชั้นตัวเอง (ซึ่งต้องใช้เวลายาวนานในการสะสม) เป็นคำอธิบายของผมต่อพฤติกรรมเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของชนชั้นกลางระดับกลางครับ

ที่มา : http://www.isriya.com/node/2145/คนชั้นกลาง-part-ii
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wiz@rd.
Global Moderator
 
โพสต์: 942
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มี.ค. 2004, 20:15
ที่อยู่: โลก

Re: The Main Problem of Thailand

โพสต์โดย Wiz@rd. » 01 ก.ย. 2008, 18:13

พอดีผม copy มาได้บางส่วน ส่วนที่เป็น link เชื่อมโยงมัน paste ไม่ได้ แนะนำว่าไปตาม link อ่านต้นฉบับจะมันส์กว่า โดยเฉพาะ อ่านต่อ link ที่เกี่ยวข้อง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Wiz@rd.
Global Moderator
 
โพสต์: 942
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มี.ค. 2004, 20:15
ที่อยู่: โลก

Re: The Main Problem of Thailand

โพสต์โดย kumnungv » 01 ก.ย. 2008, 19:39

โชคดี...ผมเป็นชนชั้นกลางตอนล่าง :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
kumnungv
 
โพสต์: 502
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2007, 12:59
ที่อยู่: เพชรบูรณ์


ย้อนกลับไปยัง เหตุบ้าน การณ์เมือง

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document