New Document









อยากทราบความแตกต่างผื่นโรคหัดกับผื่นแพ้ยาค่ะ

สนทนาวิชาการและปัญหาการใช้ยา
กรณีที่ผู้ถามไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ กรุณาแจ้งเพื่อการตอบคำถามที่เหมาะสมกับท่าน

อยากทราบความแตกต่างผื่นโรคหัดกับผื่นแพ้ยาค่ะ

โพสต์โดย princessjung » 12 มิ.ย. 2013, 22:20

พอดีลูกสาวมีไข้ มีอาการไอ และก็มีน้ำมูก แล้วก็มีผื่นขึ้นค่ะ น้องเป็นมา 3 วันแล้วค่ะ และเมื่อวานไปซื้อยาที่ร้านขายยามาแล้วได้ยามากิน 3 ตัวค่ะ แล้วผื่นน้องขึ้นเยอะกว่าเดิม อยากทราบว่าผื่นที่ขึ้นเกิดจากน้องแพ้ยารึป่าวค่ะ พอดีว่าอ่านเจอมาว่าเด็กไม่สบายจะเป็นหัดได้ แล้วผื่นที่ขึ้นเกิดจากน้องเป็นหัดรึเปล่าค่ะ จะสังเกตได้ยังไงค่ะ
princessjung
 
โพสต์: 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2013, 21:44







Re: อยากทราบความแตกต่างผื่นโรคหัดกับผื่นแพ้ยาค่ะ

โพสต์โดย ketone » 16 มิ.ย. 2013, 15:54

การสังเกตดูอาการต่างๆเพื่อแยกแยะว่ามีสาเหตุจากอะไร โดยคร่าวๆดังนี้

1. หัด จะมีไข้สูงจัดวันยังค่ำคืนยันรุ่ง (แม้กินยาลดไข้ก็ไม่ค่อยได้ผล) พร้อมกับอาการเป็นหวัดและไอ หน้าแดง ตาแดง หลังมีไข้ประมาณ 3-4 วัน จะมีผื่นแดงๆเล็กๆขึ้นตามหน้าแล้วกระจายไปตามลำตัวและแขนขา ขณะมีผื่นขึ้นก็ยังคงมีไข้สูงต่อไปอีก 1-2 วัน หลังจากนั้นไข้จึงค่อยๆลดลง คนไข้มักจะนอนซมและเบื่ออาหาร มักกินเวลาประมาณ 7-10 วัน กว่าจะหาย

2. หัดเยอรมัน จะมีไข้ไม่สูงนัก ครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นพักๆ และมีผื่นแดงๆ เล็กๆ ขึ้นที่หน้า ลำตัว และแขนขา โดยมากจะไม่มีอาการของหวัดหรือไอ คนไข้จะมีอาการไม่ค่อยรุนแรง สามารถกินข้าว วิ่งเล่น เรียนหนังสือ หรือทำงานได้เช่นปกติ
ถ้าใช้นิ้วมือคลำบริเวณข้างคอ หลังคอ และท้ายทอย มักจะได้ก้อนตะปุ่มตะป่ำขนาดเท่าเมล็ดถั่วลิสง ซึ่งเป็นต่อมน้ำเหลืองที่บวมโตจากโรคนี้ มักจะหายได้ภายในเวลา 5-7 วัน

3. อีสุกอีใส จะมีไข้เป็นพักๆ และมีตุ่มใสๆ ขึ้นที่บริเวณหน้าและคอในวันแรกที่ไม่สบาย ต่อมาจะมีตุ่มใสๆขึ้นกระจายตามลำตัวและแขนขา มักจะมีอาการคันร่วมด้วย ต่อมาตุ่มจะค่อยๆสุก และตกสะเก็ด กินเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์กว่าจะหาย

4. ส่าไข้ พบในเด็ก 1-2 ขวบ จะมีไข้สูงจัดตลอดเวลา (กินยาลดไข้ก็ไม่ได้ผล) นอนซึม และเบื่ออาหารโดยไม่เป็นหวัด จะจับไข้อยู่ประมาณ 3-4 วัน แล้วไข้จะลดลงได้เอง พอไข้ลดจะมีผื่นแดงๆเล็กๆ ขึ้นทั่วตัว ลักษณะแบบผื่นของหัด พอผื่นขึ้นเด็กจะกลับฟื้นคืนเป็นปกติทุกประการ ผื่นมักจะค่อยๆหายไปภายใน 3 วัน

5. แพ้ยา คนที่เป็นไข้หากกินยาแล้วมีอาการแพ้ ก็จะมีตุ่มนูนๆ ขึ้นแบบเดียวกับลมพิษ ซึ่งจะมีอาการคันคะเยอเป็นอย่างมาก บางคนอาจมีอาการบวมคันที่หนังตาและริมฝีปากร่วมด้วย คนไข้มักจะมีอาการหลังกินยา 15-30 นาที พอหมดฤทธิ์ยาผื่นอาจหายได้เอง แต่ถ้ากินยาแบบเดิมอีกก็จะมีผื่นคันเกิดขึ้นได้อีก คนไข้อาจมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้หรือพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคภูมิแพ้อยู่ก่อน ยาที่แพ้ได้ง่ายได้แก่ แอสไพริน เพนิซิลลิน และซัลฟา


จากคำถามดังข้างบนดังกล่าวของคุณ princessjung พบว่าลูกสาวของคุณมีผื่นขึ้นก่อนได้รับยาซึ่ง ผื่นที่เกิดขึ้นดังกล่าวอาจจะไม่ได้เกิดจากการแพ้ยา อาจจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียซึ่งเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียสามารถทำให้เกิดผื่นดังกล่าวได้ หากอาการดังกล่าวไม่ดีขึ้นหรือว่าพบผื่นมากขึ้นหลังจากไข้ลดลง พิจารณาให้คุณ princessjung พาลูกสาวไปพบแพทย์เพื่อทำวินิจฉัยและรักษาต่อไป

ทั้งนี้กลุ่มอาการไข้ออกผื่นบางชนิด เช่น โรคหัด หัดเยอรมัน จะมีวัคซีนป้องกัน คุณพ่อคุณแม่ สามารถพาลูกน้อยไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันได้ แต่บางชนิดไม่มีวัคซีนป้องกัน ฉะนั้น จึงควรดูแล และป้องกันอย่างเหมาะสม ด้วยวิธีต่อไปนี้
- เมื่อลูกมีไข้ ควรเช็ดตัว
- อาจให้กินยาลดไข้ระหว่างที่มีไข้
- ให้ลูกดื่มน้ำมากๆ หรืออาหารอ่อน เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
- หลีกเลี่ยงการพาลูกไปในสถานที่แออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก
- ให้ลูกกินอาหารครบ 5 หมู่ ดีต่อสุขภาพ เช่น ผัก และผลไม้ เพื่อสุขภาพและสร้างภูมิต้านทานให้ลูก
อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยในเด็กเล็กๆ การดูแลเรื่องไข้ของลูก ต้องอย่าให้ลูกขาดน้ำ เพราะถ้าลูกขาดน้ำ พลังงาน อาการจะหายช้า และเมื่อเพลียมากอาจเกิดอาการชักได้
ทั้งนี้ โรคไข้ออกผื่น ไม่มียารักษาเฉพาะทาง วิธีที่ดีที่สุด คือ ให้วัคซีนป้องกัน ที่ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ให้วัคซีนป้องกันโรคหัด 2 ครั้งฟรี ซึ่งครั้งแรก เมื่อเด็กอายุ 9-12 เดือน โดยให้ในรูปแบบของวัคซีนหัดชนิดเดี่ยว ส่วนครั้งที่ 2 เมื่อเด็กเข้าเรียน ป.1 จะให้ในรูปแบบวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน
ketone
 
โพสต์: 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2013, 23:50


ย้อนกลับไปยัง มอคค่า

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document