New Document









ขอสอบถามครับ

สนทนาวิชาการและปัญหาการใช้ยา
กรณีที่ผู้ถามไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ กรุณาแจ้งเพื่อการตอบคำถามที่เหมาะสมกับท่าน

ขอสอบถามครับ

โพสต์โดย naigigg » 31 ส.ค. 2011, 15:47

ป้าผมทานยาชื่อ Risperdal Quicklet 0.5 mg อยากทราบผลข้างเคียงของยาตัวนี้ว่ามีอะไรบ้าง ขอบคุณล่วงหน้าครับ
naigigg
 
โพสต์: 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2011, 15:39







Re: ขอสอบถามครับ

โพสต์โดย naiaun » 01 ก.ย. 2011, 17:52

ริสเพอริโดน

Description
Risperidone เป็นยารักษาโรคจิต (antipsychotic drug) ในกลุ่มที่เป็นอนุพันธ์ของ benzisoxazole มีชื่อทางเคมี คือ 3-[2-[4-6-Fluoro-1,2-benzisoxazol-3-yl)-piperidin]ethyl]-6,7,8,9-tetrahydro-2-methyl-4H-pyrido(1,2-a)pyrimidin-4-one เป็นผงสีขาว ละลายน้ำไม่ดี ละลายได้ดีใน methylene chloride ละลายใน methanol และ 0.1 N HCl สูตรโมเลกุล คือ C23H27FN4O2
แต่ละเม็ดของยาเม็ดเคลือบฟิล์ม ประกอบด้วยยา risperidone 1, 2, 3 และ 4 มก. ส่วนสารที่ไม่ออกฤทธิ์ประกอบด้วยสารดังต่อไปนี้
คุณสมบัติ
เภสัชพลศาสตร์ (Pharmacodynamics)
Risperidone เป็น selective monoaminergic antagonist โดยมีคุณสมบัติไปจับกับตัวรับของซีโรโตนิน ชนิด5-HT2และตัวรับของโดปามีนชนิดD22-5 ได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถจับกับตัวรับอะดรีเนอจิคชนิดแอลฟา 16 Risperidone จับกับตัวรับของฮิลตามีนชนิด H1 และตัวรับอะดรีเนอจิคชนิดแอลฟา 2 ได้ไม่ดีนักและไม่จับกับตัวรับโคลิเนอร์จิคชนิด muscarinic และตัวรับอะดรีเนอจิคชนิดบีตา1(?1) และบีตา2 (?2) ถึงแม้ว่า Risperidone จะเป็นยาต้าน D2 ที่ออกฤทธิ์แรงซึ่งช่วยในการบรรเทาอาการจิตเภทชนิดpositive แต่ยานี้จะกดการเคลื่อนไหว(motor activity)และเหนี่ยวนำให้เกิดcatalepsyได้น้อยกว่ายาจำพวกclassical neuroleptics ความสมดุลของซีโรโตนินในสมองกับฤทธิ์ต้านโดปามีนอาจช่วยลดอาการข้างเคียงทาง extrapyramidal ที่จะเกิดขึ้นและทำให้ตัวยาดังกล่าวมีฤทธิ์ในการรักษาครอบคลุมอาการจิตเภทชนิด negativeรวมทั้งอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง2-6

เภสัชจลนศาสตร์ (Pharmacokinetics):

Risperidone ถูกดูดซึมจากทางเดินอาหารได้ดีและจะมีความเข้มข้นสูงสุดในพลาสมาภายใน 1 ถึง 2 ชั่วโมง อาหารไม่มีผลกระทบต่อการดูดซึมตัวยา จึงสามารถให้ Risperidone โดยไม่ต้องคำนึงถึงมื้ออาหาร มีค่า absolute oral bioavailability เท่ากับ 70%(CV=25%) และ relative oral bioavailability จากยาเม็ดเมื่อเทียบกับรูปแบบสารละลายเท่ากับ 94% (CV=10%)7
Risperidone กระจายไปในร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยมีค่าปริมาตรของกระจายตัว(volume of distribution) 1-2 ลิตร/กิโลกรัม ในพลาสมา Risperdone จับกับอัลบูมินและอัลฟา1 แอซิดกลัยโปรตีน
Risperidone ส่วนใหญ่ถูกเมตาบอไลซ์ที่ตับเป็น (+)-9-hydroxy-risperidone 8 ด้วยเอนไซม์ cytochrome P450 IID6 หรือ debrisoquine hydroxylase ซึ่งเป็น genetic polymorphism(Debrisoquine polymorphism)พบประมาณ 6-8% ในกลุ่มคนเชื้อชาติคอเคเซียนและส่วนน้อยในคนเอเซียจะมี เมตาบอสิซึมต่ำ วิถีเมตาบอลิซึมอีกทางหนึ่งของ Risperidone ได้แก่ N-dealkylation
หลังจากผู้ป่วยรับประทานยา ระดับยาในพลาสมาสูงสุดของ Risperidone และ 9-hydroxy-risperidone ประมาณ 1 และ 3 ชั่วโมงตามลำดับ และที่ประมาณ 2 ชั่วโมง ระดับของ Risperidone จะต่ำกว่า 9-hydroxy-risperidone จะถึงระดับ steady-state ภายใน 1วัน และ 4-5 วัน ตามลำดับ สำหรับคนที่มีเมตาบอสิซึมต่ำมีข้อมูลเฉพาะระดับของ Risperidone จะถึง steady-state ภายใน 5 วัน
เนื่องจาก 9-hydroxy-risperidone ออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาคล้ายกับ Risperidone และมีประสิทธิภาพเกือบเท่ากันในการจับกับตัวรับ ผลรวมของระดับยาในพลาสมาของ Risperidone และ 9-hydroxy-risperidone เป็น fraction ที่ออกฤทธิ์ต้านอาการทางจิต ซึ่งเป็นสัดส่วนกับขนาดยาที่ได้รับ (dose-proportional) ในช่วงวันละ 1 ถึง 16 มก. และผลรวมนี้ความเข้มข้นของทั้งสองค่อนข้างคงที่ และเภสัชจลนศาสตร์หลังการได้รับยาครังเดียวเหมือนกับการได้รับยาหลายครั้งทั้งกรณีคนปกติและคนที่มีเมตาบอลิซึมต่ำ6,9-10

Risperidoneและ 9-hydroxy-risperidone จับกับโปรตีนในพลาสมา 88% และ 77%ตามลำดับ11
จะถูกขับออกจากร่างกายโดยมีค่าครึ่งชีวิต (half-life)ประมาณ 3 และ 24 ชั่วโมง ตามลำดับ สำหรับคนที่มีเมตาบอสิซึมต่ำ จะมีค่าครึ่งชีวิตประมาณ 20 และ 30 ชั่วโมง ตามลำดับ12 หลังรับประทานยานาน1สัปดาห์70%ของยาทั้งหมดจะถูกขับออกทางปัสสาวะ14%ถูกขับออกทางอุจจาระ ในปัสสาวะจะพบในรูป Risperidone รวมกับ 9-hydroxy-risperidone ประมาณ 35-45% ของยาที่ได้รับ ส่วนที่เหลือเป็นเมตาบอไลท์ที่ไม่มีฤทธิ์ในการรักษา13
ในผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่มีความบกพร่องในการทำงานของไต หลังจากรับประทานยาแบบครั้งเดียว ( single dose) พบว่าค่าความเข้มข้นของยา Risperidone ในพลาสมาสูงกว่าและการกำจัดยาออกจากร่างกายช้ากว่าผู้ป่วยโดยทั่วไปประมาณ 60% สำหรับผู้ป่วยที่มีความบกพร่องของตับ ระดับความเข้มข้นของ Risperidone ในพลาสมา จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 35% เนื่องจากระดับของ albumin และ ?1-acid glycoprotein ลดลง ดังนั้นควรมีการปรับลดขนาดยาในผู้ป่วยดังกล่าว

ข้อบ่งใช้
Risperidone มีข้อบ่งใช้สำหรับรักษาโรคจิตเภทชนิดเฉียบพลันและเรื้อรังรวมทั้งโรคจิตอื่นๆ ที่มี กลุ่มอาการทางบวก (positive symptoms) เช่น ประสาทหลอน หลงผิด ผิดปกติทางความคิด ไม่เป็นมิตร ขี้ระแวงสงสัย และ /หรือกลุ่มอาการทางลบ (negative symptoms) เช่น blunted effect หลบเลี่ยงจากสังคม และผิดปกติในการพูด
Risperidone ยังช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับโรคจิตเภท เช่น ซึมเศร้า14 ความรู้สึกผิด (guilt feelings) และวิตกกังวล

ข้อห้ามใช้
ห้ามใช้ Risperidoneในผู้ป่วยที่ทราบว่ามีความไวเกิน (hypersensitivity) ต่อยาดังกล่าว7

คำเตือนและข้อควรระวัง
Orthostatic hypotension: เนื่องจากฤทธิ์ยับยั้งที่ตัวรับอะดรีเนอจิคชนิดแอลฟาของRisperidone อาจทำให้ผู้ป่วยมีความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนอิริยาบถ(orthostatic hypotension)15 โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างการปรับขนาดยาในขณะที่เริ่มใช้ยารักษา ควรใช้ยาRisperidone ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีประวัติของโรคหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ หัวใจล้มเหลว กล้ามเนื้อหัวใจตาย ความผิดปกติของการนำกระแสประสาทของหัวใจ ภาวะขาดน้ำ ภาวะเลือดน้อยมีปริมาตรต่ำ หรือโรคของหลอดเลือดในสมอง และควรค่อย ๆปรับขนาดยาขึ้นตามคำแนะนำ(ดูหัวข้อขนาดและวิธีใช้) หากความดันโลหิตต่ำควรลดขนาดยาลง7

Tardive dyskinesia: ยาบำบัดโรคจิตที่มีคุณสมบัติ dopamine receptor antagonistic สามารถเหนี่ยวนำให้เกิด tardive dyskinesia ซึ่งมีอาการผิดปกติในการเคลื่อนไหว (rhythmical involuntary movements) โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณลิ้น และ/หรือใบหน้า ผู้ป่วยสูงอายุมีโอกาสเกิดอาการเหล่านี้ได้สูง โดยเฉพาะหญิงผู้สูงอายุ Risperidone ก็มีความเสี่ยงในการเหนี่ยวนำให้เกิด tardive dyskinesia ได้เช่นกัน ดังนั้นกรณีที่มีอาการของ tardive เกิดขึ้นควรพิจารณาหยุดการใช้ยารักษาโรคจิต15-16
Neuroleptic Malignant Syndrome: มีรายงานว่า classical neuroleptics ทำให้เกิด Neuroleptic Malignant Syndrome ซึ่งประกอบด้วยอาการความร้อนในร่างกายสูง (hyperthermia) กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง (muscle rigidity) ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ (autonomic instability) ความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง (altered consciousness) และมีระดับ CPK สูงขึ้น ในกรณีเช่นนี้ควรหยุดยารักษาโรคจิตทุกชนิด ซึ่งรวมทั้ง Risperidone จึงควรระมัดระวังการใช้ Risperidoneในผู้ป่วยด้วยโรคพาร์กินสันเนื่องจากตามทฤษฎีแล้ว ยานี้อาจทำให้เกิดอาการของโรคเลวลง17
Seizures: เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า classical neuroleptics ทำให้ threshold ของการชักลดต่ำลง จึงควรระมัดระวังการใช้ Risperidone ในผู้ป่วยโรคลมชัก
Potential for proarrhythmic effects: Risperidone และ 9-hydroxy-risperidone ทำให้สัญญาณคลื่นหัวใจช่วง QT ยาวขึ้นในผู้ป่วยบางราย ซึ่งจะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ จึงควรระมัดระวังในการใช้ยานี้ร่วมกับยาอื่นที่มีผลต่อสัญญาณนี้และในผู้้ป่วยที่มีประวัติโรคหัวใจชนิด myocardial infarction18, 19
การใช้ยานี้ในผู้ป่วยสูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของตับหรือไต ควรลดขนาดยาเหลือครึ่งหนึ่งทั้งขนาดยาเริ่มต้น(starting dose)และขนาดยาในครั้งต่อไป(Maintenance dose)
และควรงดดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างการใช้ยา อาจแนะนำผู้ป่วยให้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมากเกินไป เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้น้ำหนักตัวสูงขึ้น18, 20, 21, 22

ข้อควรระวังพิเศษ
เช่นเดียวกับยารักษาโรคจิตตัวอื่นที่ออกฤทธิ์ที่ตัวรับ Dopamine D2 ทำให้ระดับของ serum prolactin สูงขึ้น3, 23 ดังนั้นควรใช้อย่างระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม

ปฏิกิริยาระหว่างกันของยา
ยังไม่มีการประเมินอย่างเป็นระบบถึงความเสี่ยงของการใช้ Risperidone ร่วมกับยาอื่น เนื่องมาจากฤทธิ์ของ Risperidone ที่มีต่อระบบประสาทส่วนกลาง จึงควรระมัดระวังการใช้ยานี้ร่วมกับยาที่ออกฤทธิ์ต่อสมองและ alcohol
เนื่องจาก Risperidone มีแนวโน้มที่จะลดความดัน จึงอาจเสริมฤทธิ์กับยาลดความดันชนิดอื่น
Risperidoneอาจต้านฤทธิ์ของ levodopaและตัวกระตุ้นdopamineอื่น ๆ
การใช้ยา carbamazepine ร่วมกับ Risperidone อาจเพิ่มการกำจัด Risperidone ทำให้ลดระดับของactive antipsychotic fraction ของRisperidoneในพลาสมา เช่นเดียวกันกับตัวยาอื่นที่มีฤทธิ์เหนี่ยวนำเอนไซม์จากตับ ดังนั้นหากจะหยุดใช้ carbamazepineหรือยาที่มีฤทธิ์ดังกล่าว ก็ควรพิจารณาขนาดยา Risperidone เสียใหม่และลดขนาดยาลงถ้าจำเป็น
Phenothiazines, tricyclic antidepressants และbetablockers บางชนิด อาจลดความเข้มข้นของ Risperidone ในพลาสมา แต่ไม่มีผลต่อ antipsychotic fraction
เมื่อใช้ Risperidone ร่วมกับยาที่สามารถจับกับโปรตีนในพลาสมาได้สูง ไม่พบว่ายาเหล่านั้นมีการแทนที่ซึ่งกันและกันในการจับกับโปรตีนดังกล่าว


ผู้ใหญ่: ภายใน 3 วันแรกของการรักษาโรคให้ค่อย ๆ เพิ่มขนาดยาขึ้นเป็น 3mg วันละ 2 ครั้ง ผู้ป่วยทุกรายไม่ว่าจะมีอาการแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ให้เริ่มใช้ยาในขนาด 1mg วันละ 2 ครั้ง แล้วเพิ่มขึ้นเป็น 2 mg วันละ 2 ครั้ง ในวันที่สอง และ 3 mg วันละ 2 ครั้ง ในวันที่สาม จากนั้นให้คงขนาดยานั้นไว้หรือปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ขนาดยาตามปกติอยู่ระหว่าง 2 ถึง 4 mg วันละ 2 ครั้ง การให้ยาขนาดสูงกว่า 5 mg วันละ 2 ครั้งไม่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าขนาดต่ำกว่า และอาจทำให้เกิด extrapyramidal symptoms เนื่องจากยังไม่มีการประเมินความปลอดภัยของการใช้ยาขนาดสูงกว่า 8 mg วันละ 2 ครั้ง จึงไม่ควรใช้ยาสูงกว่าระดับดังกล่าว ในกรณีที่ต้องการฤทธิ์สงบประสาท (sedation) เพิ่มขึ้น ควรใช้ยาตัวอื่นร่วมด้วยเช่น benzodiazepine โดยไม่ควรเพิ่มขนาดของยา Risperidone

คนชรา: แนะนำให้เริ่มใช้ยาขนาด 0.5 mg วันละ 2 ครั้ง หลังจากนั้นอาจปรับขนาดยาให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยค่อยๆ เพิ่มขึ้นครั้งละ 0.5 mgวันละ 2 ครั้ง เป็น1 ถึง 2 mg วันละ 2 ครั้ง ควรระมัดระวังการใช้ยาในผู้ป่วยกลุ่มนี้

เด็ก: ไม่มีประสบการณ์การใช้ยาในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี

ผู้ป่วยด้วยโรคไตและตับ : แนะนำให้เริ่มใช้ยาขนาด 0.5 mg วันละ 2 ครั้ง หลังจากนั้น อาจปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยค่อย ๆ เพิ่มขึ้นครั้งละ 0.5 mg วันละ 2 ครั้ง เป็น 1 ถึง 2 mg วันละ 2 ครั้ง ควรระมัดระวังการใข้ยาในผู้ป่วยกลุ่มนี้

อาการไม่พึงประสงค์
อาการสงบประสาท(Dose dependent sedation) ไม่ใช่ผลข้างเคียงที่เด่นที่สุดของ risperidone อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ได้รับรายงานระหว่างการใช้ Risperidone มีดังนี้
อาการที่พบบ่อย : นอนไม่หลับ ปั่นป่วน (agitation)25 วิตกกังวล กลุ่มอาการ extrapyramidal symptoms ปวดศีรษะ
อาการที่พบรองลงมา: ง่วง26 เมื่อยล้า27 เวียนศีรษะ ขาดสมาธิ ท้องผูก อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เห็นภาพไม่ชัดเจน 27 ภาวะที่องคชาตลุกแข็งอยู่นานเกินปกติและปวด มักไม่มีกำหนัด (priapism, erectile dysfunction) การหลั่งน้ำกามผิดปกติ28 (ejaculatory dysfunction) จุดสุดยอดของของความรู้สึกทางเพศผิดปกติ (orgastic dysfunction) การกลั้นปัสสาวะไว้ไม่อยู่ (urinary incontinence) เยื่อบุจมูกอักเสบ(rhinitis) ผื่นแดง และอาการแพ้อื่น ๆ
Risperidone ทำให้เกิด extrapyramidal symptoms ได้น้อยกว่า classical neuroleptics18 อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจเกิดน้ำลายไหลมากผิดปกติ, bradykinesia, akathisia, กล้ามเนื้อแข็งแกร่ง, อาการเหล่านี้มักจะเป็นชนิดไม่รุนแรงและกลับสู่สภาพปกติได้หากลดขนาดยาลง และหรือให้ยาต้านพาร์กินสันเมื่อจำเป็น
ในบางครั้งผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะหรือความดันเลือดต่ำขณะเปลี่ยนอิริยาบถและเกิด reflex tachycardia ขึ้นภายหลังได้รับRisperidoneโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ยาในขนาดสูง(ดูข้อควรระวัง)
Risperidone สามารถทำให้ความเข้มข้นของ prolactin ในพลาสมาเพิ่มขึ้น ซึ่งขึ้นกับขนาดของยาที่ให้ (dose-dependent) อาการที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ มีน้ำนมไหล หน้าอกโต รอบประจำเดือนผิดปกติ และไม่มีประจำเดือน (amenorrhea) พบว่าผู้ป่วยมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น (ดูข้อควรระวัง) บวมน้ำ ระดับของเอนไซม์ในตับสูงขึ้นระหว่างการรักษาด้วยRisperidone นอกจากนี้ยังพบอาการดังต่อไปนี้ water intoxication เนื่องจากpolydipsia หรือการหลั่ง antidiuretic hormone (SIADH)ผิดปกติ, tardive dyskinesia, neuroleptic malignant symdrome อุณหภูมิร่างกายผิดปกติและชัก



การเก็บรักษา
- เก็บในที่แห้ง อุณหภูมิ 15?C ถึง 30 ?C และป้องกันไม่ให้ถูกแสง
Uthongbhaesaj
naiaun
 
โพสต์: 49
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 11:30


ย้อนกลับไปยัง มอคค่า

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document