New Document









กินยาคุมติดดต่อกันได้นานเท่าไหร่คะ

สนทนาวิชาการและปัญหาการใช้ยา
กรณีที่ผู้ถามไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ กรุณาแจ้งเพื่อการตอบคำถามที่เหมาะสมกับท่าน

กินยาคุมติดดต่อกันได้นานเท่าไหร่คะ

โพสต์โดย PHARMA » 22 พ.ค. 2006, 15:09

กินสัก 4ปี หยุด3เดือนค่ะ
** ความรักทำให้โลกอ่อนหวาน ** <==Click
อยากให้เข้าใจว่าโลกมีอยู่ 3 โลก คือ โลกของคุณ โลกของฉัน และโลกของเรา
ภาพประจำตัวสมาชิก
PHARMA
Global Moderator
 
โพสต์: 537
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2004, 20:55
ที่อยู่: กรุงเทพฯ-ปทุมธานี







Re: กินยาคุมติดดต่อกันได้นานเท่าไหร่คะ

โพสต์โดย Belleza » 15 มี.ค. 2012, 06:39

ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทานในปัจจุบันเป็นชนิดฮอร์โมนรวมโดยประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่ง
มีขนาดแตกต่างกัน และโปรเจสเตอโรนซึ่งแตกต่างกันตามชนิด ปัจจุบันยังไม่มีข้อกำหนดระยะเวลาของ
การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ผู้ใช้ยาสามารถใช้ยาต่อเนื่องได้ถ้ายังต้องการคุมกำเนิด
แต่ในสตรีที่มีอายุ > 35 ปี การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมต้องระมัดระวัง โดยควรเลือกใช้ชนิด
ที่มีฮอร์โมนต่ำที่สุด หรือใช้ถุงยางอนามัยแทน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ดี
และสามารถป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย


ตามองค์การอนามัยโลกที่ทำการศึกษาใน 21 ศูนย์ กว่า 17 ประเทศทั้งในทวีปแอฟริกา, เอเชีย, ยุโรป และละตินอเมริกา
พบว่าการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดกล้ามเนื้อขาดเลือด และหลอดเลือดสมองในสตรีสูงอายุ
และสูบบุหรี่ และความเสี่ยงนี้เพิ่มมากขึ้นในผู้ที่มีความดันโลหิตสูงร่วมด้วย หรือผู้ที่ไม่เคยวัดความดันโลหิตก่อนเริ่มใช้ยา
โดยความเสี่ยงเป็นสัดส่วนใกล้เคียงกันทั้งในประเทศกำลังพัฒนา และยุโรป ความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันสูงขึ้น
ในสตรีที่ใช้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนรุ่นที่ 3 ได้แก่ desogestrel , gestodene และ norgestimate มากกว่า levonorgestrel
(ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนรุ่นที่ 2) และพบว่าการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมมีฤทธิ์ป้องกันการเกิดมะเร็งรังไข่
และเยื่อบุมดลูกได้ ส่วนมะเร็งเต้านมพบว่าผู้ที่เคยใช้การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแทบไม่มีความเสี่ยงนี้
แต่ก็พบว่าผู้ที่กำลังใช้ หรือเพิ่งจะใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมมีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
และความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกพบว่าเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาการใช้ยาคุมกำเนิด
ไม่พบหลักฐานการเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งตับ หรือถุงน้ำดี (1)

จากการศึกษาล่าสุดในปี ค.ศ. 2008 ที่ทำการศึกษาความปลอดภัย และการที่สามารถใช้ยาอย่างต่อเนื่อง
ของยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ( Ethinyl estradiol 30 ไมโครกรัม และ chlormadinone actate 2 มก.)
ในสตรีสุขภาพดีที่สามารถตั้งครรภ์ได้ที่มีอายุระหว่าง 18-30 ปี (สูบบุหรี่), 18-40 ปี (ไม่สูบบุหรี่)
และรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดมาแล้วกว่า 24-45 รอบ/เดือน จำนวน 781 คน ไม่พบหลักฐานการ
เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน, โรคหลอดเลือดแดงแข็ง หรือมะเร็งปากมดลูก (2)

อย่างไรก็ตามเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่ใช้อยู่มีขนาด และชนิดของฮอร์โมนที่แตกต่างกัน

ผู้ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมควรเฝ้าสังเกตอาการแสดงของอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่ (3-4)
1.อาการปวดท้อง ซึ่งอาจเป็นอาการของโรคเนื้องอกที่ตับ, โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี หรือหลอดเลือดอุดตัน
2.อาการเจ็บหน้าอก (ไอรุนแรง หรือหายใจหอบ) อาจเป็นอาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือลิ่มเลือดอุดตันที่ปอด
3.อาการปวดศีรษะ (มึนศีรษะอย่างรุนแรง หรืออ่อนแรง) อาการแสดงของความดันโลหิตสูง ไมเกรน หรือหลอดเลือดสมอง
4.มีปัญหาการมองเห็น (ตาพร่ามัว) อาการแสดงของความดันโลหิตสูง หรือหลอดเลือดสมอง
5.อาการปวดขาอย่างรุนแรง (ปวดน่อง หรือต้นขา) อาจเป็นอาการของหลอดเลือดอุดตัน

สำหรับข้อห้ามใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ได้แก่ (3)
1.สตรีที่กำลังเป็น หรือเคยเป็นโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดที่บริเวณขา หรือปอด, โรคหลอดเลือดสมอง,
โรคหัวใจขาดเลือด, โรคลิ้นหัวใจ
2.โรคเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนทางไต ตา ระบบประสาท หรือหลอดเลือดต่างๆ, โรคเบาหวานที่เป็นมา > 20ปี
3.มะเร็งเต้านม
4.สตรีที่กำลังเป็น หรือเคยเป็นเนื้องอก หรือมะเร็งตับ โรคตับแข็งที่เป็นรุนแรง
5.ไมเกรนชนิดที่มองเห็นแสงสว่างวาบ มองภาพไม่ชัด
6.ไมเกรนชนิดที่ไม่เห็นแสงสว่างวาบ แต่มีอายุ > 35 ปี
7.ภาวะความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ (ความดันโลหิตค่าบน >160 มม.ปรอท หรือ ความดันโลหิตค่าล่าง >90 มม.ปรอท )
8. ผู้ที่ผ่าตัดใหญ่ที่ทำให้ไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นระยะเวลานาน, การผ่าตัดบริเวณขา
9.อายุ > 35 ปี และสูบบุหรี่จัด (>15 มวน/วัน)
10.หญิงตั้งครรภ์
11.หญิงให้นมบุตร (หลังคลอดมา <6 สัปดาห์)

การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมจึงไม่เป็นอันตรายต่อมดลูก และผู้ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดควรตรวจสุขภาพ
อย่างสม่ำเสมอ โดยการตรวจวัดระดับความดันโลหิต, ระดับไขมันในเลือด และระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อเฝ้าระวัง
อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้ หรืออาจเปลี่ยนวิธีการคุมกำเนิดเป็นวิธีการอื่นที่ให้ผลการคุมกำเนิดในระยะยาว
เช่น การฝังยาคุมกำเนิดใต้ผิวหนัง ซึ่งสามารถคุมกำเนิดได้นานถึง 5 ปี
เอกสารอ้างอิง
1.Skegg. D.C.G. Safety and efficacy of fertility-regulating methods: a decade of research. Bulletin of the World Health Organization, 1999; 9: 713-21.
2.Zahradnik H.P., Hanjalic-Beck A. Efficacy, safety and sustainability of treatment continuation and results of an oral contraceptive containing 30 mcg ethinyl estradiol and 2 mg chlormadinone acetate, in long-term usage (up to 45 cycles) — an open-label, prospective, noncontrolled, office-based Phase III study. Contraception. 2008 May; 5: 337-43.
3.Dipiro J.T.et al.,Pharmacotherapy: A pathophysiologic approach. 6th ed., The McGraw-Hill Companies, Inc: 2005.1318, 1320-2.
4.Helms R.A. et al. Textbook of Terapeutics Drug and Disease Management. 8th ed Lippincott Williams& Wilkins. Philadephia, Pennsylvania; 2006. 420-1.

เอกสารที่ทำการสืบค้น
: Tertiary Reference

ตอบโดย : นักศึกษาเภสัชศาสตร์ชลธิชา อินสม
Belleza
 
โพสต์: 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2012, 15:18

Re: กินยาคุมติดดต่อกันได้นานเท่าไหร่คะ

โพสต์โดย Belleza » 15 มี.ค. 2012, 06:41

เมื่อรับประทานยาคุมนานเกิน 5 ปี ควรหยุด 3-4 เดือน และในระยะนี้ควรให้สามีใช้ถุงยางอนามัย และก็ควรที่จะไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกาย เช่น การตรวจหาระดับไขมันในเลือด ตรวจการทำงานของตับ และอื่นๆ เพื่อความมั่นใจ
Belleza
 
โพสต์: 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2012, 15:18


ย้อนกลับไปยัง มอคค่า

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document