New Document









คุยเฟื่อง...เรื่องของจิต

บทความทางเภสัชศาสตร์ และบทความทั่วไป

คุยเฟื่อง...เรื่องของจิต

โพสต์โดย ธวัชชัย วรรณสว่าง » 28 ก.ค. 2011, 14:36

คุยเฟื่อง...เรื่องของจิต
การที่บุคคลใดมีสุขภาพจิตที่ดี ย่อมจะทำให้ เรียนได้ดี ทำงานได้มากและได้ผลดีอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งสามารถเข้ากับผู้อื่นและช่วยเหลือสังคมได้ดี เพราะเป็นผู้มีสุขภาพจิตสูง ย่อมมีความสุขและมีความสำเร็จในชีวิตได้มากกว่าผู้ที่มีสุขภาพจิตเสื่อมและอ่อนแอ เช่นเดียวกับบุคคลที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ย่อมจะมีความสุข ความก้าวหน้าในชีวิตมากกว่าคนที่มีร่างกายอ่อนแอและเป็นโรค อันร่างกายจะมีความแข็งแรงสมบูรณ์ได้ ก็เพราะการออกกำลังกาย รู้จักรักษาสุขภาพ แต่จิตของบุคคลจะมีสุขภาพสมบูรณ์ได้ ก็เพราะเจ้าของได้เพียรฝึกฝนอบรมจิตใจด้วยวิธีการอันถูกต้องเท่านั้น
มนุษย์ทุกคนเกิดมา ส่วนใหญ่มีสมองที่เท่าเทียมกันหมด สมองแบ่งเป็น 2ส่วน
สมองซีกซ้ายจะเป็นส่วนของตรรกะ เหตุผล สัญลักษณ์ ภาษา การคิดแบบแยกย่อย หรือลงไปในรายละเอียด
สมองซีกขวาจะเป็นส่วน ของอารมณ์ ความรู้สึก จินตนาการ การหยั่งรู้ และการวิเคราะห์แบบองค์รวม
จิตคืออะไร จิตคู่กับใจ ใจเปรียบเหมือนฮาร์ดดิทในสมอง จิตเปรียบเหมือนซอฟแวร์ สิ่งภายนอกจะเข้าสู่จิตได้ทางทวารทั้ง 6 ตารับรู้รูป หูรับรู้เสียง จมูกรับรู้กลิ่น ลิ้นรับรู้รส กายรับรู้การสัมผัส ใจรับรู้จากการประเมินผลการรับรู้ของ ตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วออกมาเป็นอารมณ์ ความรู้สึก จินตนาการ การหยั่งรู้ และการวิเคราะห์แบบองค์รวม
จิตที่ฝึกดีแล้ว นำมาซึ่งความสุขความสำเร็จในชีวิต
จิตและใจไม่ใช่ส่วนเดียวกัน แต่จิตเป็นส่วนที่ควบคุมความคิดของสมองซีกซ้าย แล้วส่งไปให้สมองซีกขวาซึ่งเป็นสมองส่วนของอารมณ์ และความรู้สึกอีกที
จิต คือ ผู้คิด ผู้นึก ผู้ปรุง ผู้แต่ง โดยใช้ทวารทั้งหกเป็นเครื่องมือในการรับรู้ นึกคิดไปตามอารมณ์ต่างๆ ตามกิเลสของตนทั้งดีและไม่ดี ดีก็ชอบใจ ไม่ดีก็ไม่ชอบใจ ล้วนแต่เป็นเรื่องของจิต คือ ตัวกิเลสทั้งนั้น ซึ่งเป็นลักษณะอาการของจิตที่ไม่อยู่นิ่ง
ใจ คือ ผู้รู้เฉยๆ เราจะเอาใจไปไว้ที่ใดก็ได้ ไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือภายนอกกาย ไม่มีนึกคิดปรุงแต่งอะไรอีกเลย เปรียบเสมือนแม่น้ำและคลื่นของแม่น้ำ เมื่อคลื่นสงบลงแล้วจะยังเหลือแต่น้ำอันใสแจ๋วอยู่อย่างเดียว ฉันใด สรรพวิชาทั้งหลายและกิเลสทั้งปวงจะเกิดขึ้นมาได้ก็เพราะจิตคิดปรุงแต่งขึ้นมา สิ่งเหล่านั้นจะเห็น จะเห็นได้ชัดก็ด้วยใจของตนเองก็ต่อเมื่อจิตนิ่งแล้วเข้าถึงใจ
สติเป็นตัวคุมจิตให้สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ควบคุมความรู้สึกได้
สติคือความระลึกได้ถึงสิ่งที่ทำ คำที่พูด และเรื่องที่คิด ทั้งที่เคยทำมาแล้วในอดีต และจะทำในอนาคต
สัมปชัญญะ หมายถึงความรู้ตัว ในสิ่งที่เป็นไปในปัจจุบัน
ในปัจจุบันนิยมใช้คำว่าสติ ในความหมายของการรับรู้อาการทั้งหมดของจิต
สติคือส่วนหนึ่งของจิตแต่มันสามารถควบคุมทิศทางของจิตได้ประหนึ่งเป็นหางเสือเรือ ถ้าเราใช้สติควบคุมจิตได้จิตเป็นส่วนที่ควบคุมความคิด ความคิดเป็นตัวกำหนดความรู้สึก ถ้าคนเราศรัทธาและรับความรู้สึกราวกับว่ามันเป็นไปได้เช่นนั้นจริงๆ จิตจะเหนี่ยวนำให้สมองใช้พลังไปในทางสร้างสรรค์ วิเคราะห์หาส่วนดี ส่วนเด่น เหตุปัจจัยของความสำเร็จที่ชื่นชมอยู่ และเกิดการถ่ายทอดคุณสมบัติเหล่านั้นเข้าสู่ตัวเราโดยอัตโนมัติ
การฝึกจิต แยกออกได้เป็น ๒ ทาง ดังนี้
๑.ฝึกให้เป็นผู้รู้ ผู้สามารถทำงานให้สำเร็จได้ เช่น การสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ หรือการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น
๒.ฝึกให้เป็นผู้รู้ ผู้สามารถอันเป็นส่วนภายใน คือ ฝึกจิต ฝึกใจ ให้รู้ดีรู้ชอบตามความเป็นจริง เริ่มตั้งแต่การมีสติ คือ ความระลึกได้ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีสัมปชัญญะ เป็นตัวไตร่ตรองกิจที่ทำ เป็นหางเสือที่คอยควบคุมทิศทางของจิต
ธรรมดาจิตเป็นธรรมชาติดิ้นรน กวัดแกว่ง ห้ามยาก ฝึกยาก เที่ยวไปได้ไกล และชอบแสวงหาอารมณ์ที่มันปรารถนา คือ ชอบตกไปสู่กามคุณที่มันใคร่มันชอบใจ แต่จิตนี้ก็เป็นธรรมชาติที่ฝึกได้ ถ้าฝึกจนจิตตั้งมั่นอยู่นิ่งในอารมณ์เดียวได้แล้วย่อมจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่เจ้าของอย่างมหาศาล เมื่อฝึกใหม่ๆ จิตจะดิ้นรนมาก สติก็จะขาดบ่อยๆ แต่ถ้าไม่ละความเพียร ย่อมฝึกจิตให้หายพยศได้ในที่สุด
มนุษย์ต้องการสุข ๒ อย่าง คือ ความสุขทางกาย และความสุขทางใจ ความสุขทั้งสองอย่างนี้ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน คือ กายเป็นสุขใจก็เป็นสุขด้วย หรือถ้าใจเป็นสุขกายก็จะสุขด้วยเช่นกัน เพราะว่ากายกับจิตนั้นเกี่ยวเนื่องกันไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ในทางพระพุทธศาสนายอมรับทั้งความสุขกายและความสุขใจ แต่ยกย่องจิตว่าประเสริฐกว่ากาย เพราะกายนั้นปฏิบัติตามคำสั่งของจิต จิตเป็นผู้นำ และยกย่องความสุขทางจิตดีกว่าความสุขใดทั้งปวง จิตเมื่อถูกฝึกดีแล้วจิตจะอยู่นิ่งกับการที่มีอารมณ์เป็นหนึ่ง จะทำให้มีความสบายใจ เบิกบานใจ ทั้งผิวพรรณผ่องใส เพราะได้เสวยสุขที่เกิดจากสมาธิอันเป็นสุขที่เลิศยิ่ง เหนือกว่าโลกีย์สุข(คือ ความสุขที่ได้จากการสนองกิเลสตัณหาความต้องการทางโลก ) และถ้าหากฝึกจนสามารถกำจัดกิเลสออกไปจากจิตได้หมด ก็จะเสวยสุขอย่างยิ่ง
สรุปความว่าความสุขที่แท้จริงนั้น มิใช่มาจากทรัพย์สินเงินทอง อำนาจ หรือกามสุข เพราะสิ่งเหล่านี้มิใช่บ่อเกิดแห่งความสุขที่แท้จริง ซ้ำยังจะก่อให้เกิดความทุกข์จากสิ่งที่ตนมีเสียอีก แต่ความสุขที่แท้จริงนั้นจะหาได้จากจิตอันอยู่ในเรานั่นเอง คนจะได้รับความสุขชนิดนี้ก็จะต้องฝึกจิต(ปฏิบัติธรรม)เป็นประจำ ย่อมจะก่อให้เกิดความสุขแก่ตนได้
หมายเหตุ
ก่อนเขียนเรื่องนี้ได้อ่านหนังสือเรื่อง เดอะท็อปซีเคร็ต 2 เขียนโดยทันตแพทย์สม สุจีรา
ธวัชชัย วรรณสว่าง
 
โพสต์: 559
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 19:35







Re: คุยเฟื่อง...เรื่องของจิต

โพสต์โดย fulbright » 03 ส.ค. 2011, 20:15

ชื่นชมและยกย่องครับ
fulbright
 
โพสต์: 78
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2011, 06:27

Re: คุยเฟื่อง...เรื่องของจิต

โพสต์โดย penkwinrx » 16 พ.ค. 2012, 14:29

ขอบคุณมากค่ะ เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ
penkwinrx
 
โพสต์: 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มิ.ย. 2008, 20:41


ย้อนกลับไปยัง อาราบิก้า

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document