หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ตัวกู-ตัวสู ตัวพี่-ตัวน้อง

โพสต์โพสต์แล้ว: 22 ม.ค. 2008, 02:23
โดย naproxen
ตัวกู-ตัวสู  :lol:

อันความจริง : "ตัวกู" มิได้มี
แต่พอเผลอ มันเป็นผี โผล่มาได้
พอหายเผลอ "ตัวกู" ก็หายไป
หมด"ตัวกู" เสียได้ เป็นเรื่องดี ;

สหายเอ๋ย จงถอน ซึ่ง "ตัวกู"
และถอนทั้ง "ตัวสู" อย่างเต็มที่
มีกันแต่ ปัญญา และปรานี
หน้าที่ใคร ทำให้ดี เท่านั้นเอย ฯ

                พุทธทาส อินทปัญโญ


ของกู--ของสู

อันความจริง "ของกู" มิได้มี
แต่พอเผลอ "ของกู" มี ขึ้นมาได้,
พอหายเผลอ "ของกู" ก็หายไป
หมด"ของกู" เสียได้ เป็นเรื่องดี;

สหายเอ๋ย จงถอน ซึ่ง"ของกู"
และถอนทั้ง "ของสู" อย่างเต็มที่
ของเปลี่ยนไป เปลี่ยนมา ทุกนาที
เพราะไม่มี ของใคร ที่ไหนเอย ฯ

                พุทธทาส อินทปัญโญ

ลองเปลี่ยน  กู เป็น พี่  แล้วเปลี่ยน สู เป็น น้อง

ลองเปลี่ยน  กู เป็น น้อง แล้วเปลี่ยน สู เป็น พี่ 
:lol: :lol: :lol: :lol:

Re: ตัวกู-ตัวสู ตัวพี่-ตัวน้อง

โพสต์โพสต์แล้ว: 22 ม.ค. 2008, 02:57
โดย naproxen
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต  ค้นลงได้ความตามปฏิจจสมุปบาทว่า

อวิชชา        เป็นปัจจัยให้เกิด  สังขาร
สังขาร        เป็นปัจจัยให้เกิด  วิญญาณ
วิญญาณ      เป็นปัจจัยให้เกิด  นามรูป
นามรูป        เป็นปัจจัยให้เกิด  สฬายตนะ
สฬายตนะ    เป็นปัจจัยให้เกิด  ผัสสะ
ผัสสะเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา
ตัณหาเป็นปัจจัยให้เกิดอุปทาน
อุปทานเป็นปัจจัยให้เกิดภพ
ภพเป็นปัจจัยให้เกิดชาติ
ชาติเป็นปัจจัยให้เกิดชรา  พยาธิ  มรณะ  โสกปริเทวนา

หลวงปู่มั่นแทงตลอดลูกโซ่ของภพชาติได้อริยมรรค  อันเป็นเครื่องตัดกิเลส  จึงพิจารณาในดวงจิตพบว่า

"เมื่ออวิชชาไม่เกาะเกี่ยวได้แล้ว  อวิชชาดับ สังขารก็ดับ  สังขารดับวิญญาณก็ดับ ตลอดจน ฯลฯ ตัณหา อุปทาน ภพ ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ โสกปริเทวะ ทุกข์โทมนัส อุปายสะก็ดับหมด"

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต 


อะไรคืออวิชชา อวิชชา คือ ความโง่ด้วยความไม่รู้
ไม่รู้อะไร ไม่รู้ อริยสัจ : ทุกข์ สมุทัย นิโรธ  มรรค
              ไม่รู้ ไตรลักษณ์ : อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

อนัตตา คืออะไร อนัตตา คือ ไม่มีตัวตน  ไม่มีกู  ไม่มีสู  ไม่มีพี่  ไม่มีน้อง        :lol: :lol: :lol: :lol:

Re: ตัวกู-ตัวสู ตัวพี่-ตัวน้อง

โพสต์โพสต์แล้ว: 22 ม.ค. 2008, 03:16
โดย naproxen
"เห็นความเป็นมาของสังขารทั้งหลายว่า  เกิดจากความคิดปรุงแต่งของวิญญาณ(จิต)ที่ได้รู้จากอาตนะนั่นเอง  เมื่อละความยึดมั่นได้  ความทุกข์ก็ดับ"

"ความเป็นตัวตนไม่มี เพราะไม่ได้เข้าไปเพื่อปรุงแต่ง ครั้นเมื่อความปรุงแต่งขาดไปและสภาพแห่งความเป็นตัวตนไม่มี ความทุกข์จะเกิดขึ้นแก่ใครได้อย่างไร"

"จิตส่งออกนอกเพื่อรับสนองอารมณ์ทั้งสิ้น  เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอกแล้วหวั่นไหว เป็นทุกข์
จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง  เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง  เป็นนิโรธ"

หลวงปู่ดูลย์  อตุโล

Re: ตัวกู-ตัวสู ตัวพี่-ตัวน้อง

โพสต์โพสต์แล้ว: 22 ม.ค. 2008, 03:26
โดย naproxen
        "ไม่มีต้นโพธิ์
ทั้งไม่มีกระจกเงาอันใสสะอาด
  เมื่อทุกสิ่งว่างเปล่าแล้ว
      ฝุ่นจะลงจับอะไร?"

พระอาจารย์เว่ยหลาง พระสังฆปริณายกองค์ที่ 6 ของจีน 
(ท่านละสังขารในท่านั่งสมาธิ ปัจจุบันสังขารที่ท่านละนั้นยังคงท่านั่งสมาธิ ไม่เน่าเปลื่อยจนถึงทุกวันนี้)

Re: ตัวกู-ตัวสู ตัวพี่-ตัวน้อง

โพสต์โพสต์แล้ว: 22 ม.ค. 2008, 03:52
โดย naproxen
"ปรากฏการณ์ทั้งปวงเป็นมายาภาพ  มายาภาพเหล่านี้ไม่มีภพที่แน่นอน  ไม่มีรูปที่ถาวร  เป็นสภาพที่ไม่เที่ยงแท้  อย่ายึดมั่นกับปรากฏการณ์ทั้งหลาย  แล้วท่านจะเป็นหนึ่งเดียวกับพุทธ"

"สิ่งซึ่งเป็นอิสรภาพจากรูปทั้งปวงคือพุทธภาวะ"

พระอาจารย์ตั๊กม้อ สังฆปรินายกองค์ที่ 1 ของจีน
(หลังจากท่านมรณภาพ ลูกศิษย์ได้นำสรีระท่านฝังในหลุมฝังศพ  ต่อมาลูกศิษย์ของท่านตั๊กม้อได้ตกลงที่จะเปิดดูหลุมฝังศพท่านอาจารย์ตั๊กม้อ  เมื่อเปิดแล้ว ทุกอย่างที่ลูกศิษย์ท่านพบเห็นก็คือ มีรองเท้าข้างเดียวอยู่ในหลุม)

Re: ตัวกู-ตัวสู ตัวพี่-ตัวน้อง

โพสต์โพสต์แล้ว: 31 พ.ค. 2008, 18:45
โดย sting19
zen...

Re: ตัวกู-ตัวสู ตัวพี่-ตัวน้อง

โพสต์โพสต์แล้ว: 15 มิ.ย. 2008, 19:33
โดย midnite
ชีวิตคือความว่างเปล่า

Re: ตัวกู-ตัวสู ตัวพี่-ตัวน้อง

โพสต์โพสต์แล้ว: 16 มิ.ย. 2008, 12:49
โดย apotheker
ถามอะไรหน่อยสิครับ
ถ้าเราไม่ควรยึดถือใน "อัตตา"

แล้วทำไมเราต้อง"รักชาติ"ด้วยครับ

คือสงสัยมานานแล้ว แต่ไม่กล้าถามใคร กลัวถูกด่า :?

Re: ตัวกู-ตัวสู ตัวพี่-ตัวน้อง

โพสต์โพสต์แล้ว: 23 มิ.ย. 2008, 00:54
โดย naproxen
รักชาติ กับบ้าชาติต่างกัน

ก็ในเมื่อสภาพทั้งหลายเป็นอนัตตา ผู้ที่ไม่เห็นว่าเป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน ก็ย่อมยึดมั่นเพราะหลงในตัวตนที่ไม่มีแต่เข้าใจว่ามี

รักชาติ นี่ท่านนิยามว่าอะไร

ถ้าผมนิยาม ว่า รักชาติ นี่คือ เป็น เมตตา เป็นกรุณา กับชาติไทย  ซึ่งถ้าแบบนี้คือไม่บ้าชาติ ไม่คลั่งชาติ

ใครที่มีตัวตนใหญ่โตก็ทุกข์ เพราะเห็นว่ามีตัวตน มีตัวเรา ตัวกู มีมากก็ทุกข์มาก มีน้อยก็ทุกข์น้อย

ชาติ ประเทศ จริงๆก็เป็นการกำหนดเอา ว่านี่เป็นชาติ  ประเทศไทยเองพื้นที่ที่เป็นประเทศนี่ก็เปลี่ยนแปลง ไม่เท่าเดิมตลอดไป
แม้แต่ชื่อ ยุคสมัยต่างไปก็เรียกต่างกัน

จิตไม่สูญ มิใช่ อัตตา แท้จริงจิตเป็นกระแส เกิด-ดับ  สลับไป รวดเร็ว  จนยากที่จะเห็นว่า จิตเป็นอนัตตา  จิตมี เกิด มีดับ  ไม่ใช่เกิดแล้วไม่ดับ

สภาพธรรมทั้งปวงล้วนเป็นอนัตตา 

ไม่สูญ ไม่ใช่ อัตตา
ไม่สูญ เพราะมี เกิด มีดับ แล้วเกิด สลับไป......จิตเมื่อวาน กับจิตวันนี้ก็คนละจิต แต่เป็นกระแสเดียวกัน  จึงสัมพันธ์กัน  อารมณ์ที่ผ่านอายตนะเมื่อ1นาทีที่แล้วก็คนละอารมณ์กับขณะนี้ แต่สัมพันธ์กันได้เพราะอยู่ในกระแสเดียวกัน

เพราะมีเกิด แล้วมีดับ แล้วมีเกิด จึงไม่มีตัวตน เป็นอนัตตา
ก็ถ้าเกิดแล้วไม่ดับ โน้นจึงเป็นอัตตา ซึ่งไม่มีอยู่จริง

Re: ตัวกู-ตัวสู ตัวพี่-ตัวน้อง

โพสต์โพสต์แล้ว: 23 มิ.ย. 2008, 13:48
โดย apotheker
ผมว่า ถ้าทุกคนไม่ยึดถือในอัตตา โลกนี้ก็คงมีความสุข แต่ทุกวันนี้ คนส่วนมากล้วนยึดถือใน อัตตา ตัวกูของกู  แล้วหากเราไม่ยึดอัตตา เราไม่ถูกเขาเอาเปรียบหมดหรือครับ
อย่างกรณีเขาพระวิหารเนี่ยเห็นชัดเลย

Re: ตัวกู-ตัวสู ตัวพี่-ตัวน้อง

โพสต์โพสต์แล้ว: 02 ก.ค. 2008, 08:48
โดย pingpong
สาธุ ท่านบวชมากี่พรรษาแล้วเจ้าคะ ชั่งรู้แจ่มแจ้มจังเลย หากคนเราเป็นเหมือนท่านหมดคงดีเนอะ        มีแต่จิตใจดีๆ มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ละซึ่งความเห็นแก่ตัว        แค่อยู่อย่างพอเพียงก็พอแล้ว ทำตัวให้ดีที่สุดตอนมีชีวิตอยู่ อยู่เพื่อทำความดีให้กับตัวเองและคนอื่น จิตถึงจะมีความสุข ไม่กลัวความตายเพราะมันมาถึงได้ทุกเมื่อจึงต้องรีบทำความดีเพื่อตัวเองและคนอื่นตายไปจะได้ไม่ต้องเสียดายว่าตอนเรามีชีวิตอยู่เราน่าจะทำความดีหรือทำอะไรให้กับคนที่เรารัก หรือคนที่เรารักตายไปก็จะได้ไม่เสียใจที่ยังไม่ได้ทำอะไรดีๆให้กับเขา    :P :P :P