New Document









บทความไร้สาระ...อย่าอ่านเลยเสียเวลาเปล่าๆนะ

บทความทางเภสัชศาสตร์ และบทความทั่วไป

บทความไร้สาระ...อย่าอ่านเลยเสียเวลาเปล่าๆนะ

โพสต์โดย plepod..Rx19 » 18 ม.ค. 2008, 09:27

ขอยืมห้องนี้เพื่อเอาบทความต่างๆที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ หรือเป็นบทความที่เตือนสติ
สำหรับการใช้ชีวิตประจำวันมาให้แบ่งๆกันอ่านเล่น
...ที่ตั้งชื่อหัวข้อว่า บทความไร้สาระ ก็เพราะว่า บางทีชีวิตคนเราก็ไม่เห็นต้องมีเหตุผล หรือมีสาระตลอดเวลาจริงไหมค่ะ...
สิ่งบางอย่างเราก็อยากทำโดยไม่มีเหตุผลในเรื่องที่ๆคิดจะทำ...แค่ทำแล้วมันสบายใจก็แค่นั้น...
บทความในที่นี้ก็จะถูกนำเอามาเพื่อทำให้สบายใจ..ก็แค่นั้นหล่ะค่ะ ไม่ได้มีสาระอะไร... :lol: :D

ปล.เห็นช่วงนี้ cafe เงียบๆชอบกลค่ะ(กลัวผีหลอกค่ะ) เลยหาอะไรทำยามว่าง... :lol: :lol: :lol:
ultraman ปล่อยพลัง เพี้ยงๆ ฮ่าๆๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
plepod..Rx19
 
โพสต์: 209
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2006, 16:50







Re: บทความไร้สาระ...อย่าอ่านเลยเสียเวลาเปล่าๆนะ

โพสต์โดย plepod..Rx19 » 18 ม.ค. 2008, 09:35

ในชีวิตคนเรามีสิ่งต่าง ๆ มากมายผ่านเข้ามาใช่มั้ย ?...

มีทั้งดี..มีทั้งไม่ดี..

มีทั้งที่ถูกใจ...แต่ไม่ถูกต้อง

และถูกต้อง...แต่ไม่ถูกใจ

แล้วสิ่งที่ดีที่สุดที่ไขว่คว้ากันอยู่ตรงไหนหล่ะ ?...

บางคนอาจบอกว่า...สิ่งที่ดีที่สุดคือ...

การได้รักใครสักคนที่ตนคิดว่าดี ว่าใช่ ถูกใจ

โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง...

บางคนอาจคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือ..

การได้ทำตามใจอย่างที่ตนต้องการ

โดยไม่คำนึงว่าผู้อื่นจะรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของตน..

บางคนอาจบอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...

การได้มีเพื่อนฝูงมากมายรายล้อมอยู่รอบข้าง

และเป็นที่สนใจของใครต่อใคร...

บางคนอาจบอกว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือ...

การได้มีทรัพย์สมบัติมากมาย... โดยไม่คำนึงว่าจะได้มาอย่างไร...

ต้องการมีเพียงให้ทัดเทียมคนอื่นเท่านั้น

บางคนอาจพบว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือ...

การใช้ชีวิตให้คุ้มค่า กับการได้กิน ได้เที่ยว ที่หรู ๆ ได้ใช้ชีวิตในสังคมที่ฟุ้งเฟ้อ หรูหรา

โดยไม่สนใจหรอกว่าจะใส่หน้ากากแบบไหนเข้าหากัน

เคยถามตัวเองบ้างไหม ?...

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ให้ความสุขที่แท้จริงกับคุณได้จริงหรือ ?..

เปล่าเลย...หากแต่ความสุขที่แท้จริงในชีวิต

คือการได้ทำในสิ่งที่มี...ที่อยู่รอบตัวให้ดีที่สุด!...

เพราะคุณจะไม่เสียใจเลย...หรืออาจเสียใจน้อยหน่อย

เมื่อถึงวันที่ต้องสูญเสียสิ่งนั้น..

ก็ในเมื่อคุณได้แต่สิ่งที่ดีที่สุดแล้ว...ตลอดเวลาที่ผ่านมา...

ถึงแม้นวันนี้เราจะได้พบสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว...

แต่วันข้างหน้ายังมีสิ่งที่ดีกว่ารอเราอยู่ไม่ใช่เหรอ...จริงมั้ย ?...



ขอขอบคุณที่มา...ทำดีดอทเนต
ultraman ปล่อยพลัง เพี้ยงๆ ฮ่าๆๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
plepod..Rx19
 
โพสต์: 209
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2006, 16:50

Re: บทความไร้สาระ...อย่าอ่านเลยเสียเวลาเปล่าๆนะ

โพสต์โดย plepod..Rx19 » 18 ม.ค. 2008, 09:39

นมสดหนึ่งแก้ว

......เมื่อหลายปีมาแล้ว ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

เด็กชายเคลลี่ ซึ่งอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะยากจน เขาต้องหาเงินไปโรงเรียนเองด้วยการนำสิ่งของใส่กระเป๋าเดินไปขายตามบ้านที่อยู่ใน เมืองใกล้เคียง วันหนึ่งเขาพบว่าเมื่อจ่ายค่ารถและค่าสินค้าแล้ว เขามีเงินในกระเป๋าเหลือเพียง 10 เซ็นต์เท่านั้น ขณะนั้นเขากำลังหิวมาก แต่เงินสดที่เขามีอยู่นั้นไม่พอที่จะซื้ออาหารแม้แต่เพียงมื้อเดียว ดังนั้นเขาจึงคิดจะไปขออาหารจากบ้านที่กำลังเดินไปถึง แต่เมื่อกดกริ่ง หญิงสาวเจ้าของบ้านมาเปิดประตู
เด็กชายเคลลี่ กับเกิดความละอายใจที่จะขออาหารเหมือนกับขอทาน เขาจึงขอเพียงน้ำเปล่าเพียงแก้วเดียวเท่านั้น แต่เจ้าของบ้านสาวสังเกตุเห็นท่าทางของเด็กชายเคลลี่ว่าคงจะกำลังหิว เธอจึงได้นำเอานมสดแก้วใหญ่มาให้เคลลี่ดื่ม เด็กชายเคลลี่ดื่มนมอย่างกระหาย จนหมดแก้วแล้วถามว่า "ผมต้องจ่ายเงินค่านมถ้วยนี้ให้คุณเท่าไหร่ครับ"

เจ้าของบ้านสาวตอบว่า

"ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก แม่ของฉันสอนไม่ให้รับสิ่งตอบแทนจากการให้น้ำใจไมตรี"
เคลลี่ซาบซึ้งใจมากและตอบว่า "ถ้าเช่นนั้น ผมขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง จากหัวใจของผมก็แล้วกันนะครับ" ขณะที่เด็กชายเคลลี่ได้เดินออกจากบ้านหลังนั้น เขาไม่เพียงแต่ รู้สึกว่ามีกำลังแข็งแรงขึ้นจากนมสดแก้วโตเท่านั้น แต่เขาได้มีความเข้าใจในเรื่องของน้ำใจไมตรีเพิ่มขึ้นด้วย......

อีก30 ปีต่อมา มีหญิงคนหนึ่ง ป่วยหนักด้วยโรคหัวใจ

ซึ่งแพทย์ท้องถิ่นไม่สามารถรักษาได้ จึงส่งไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ด้านโรคหัวใจทำการรักษา เมื่อได้อ่านประวัติผู้ป่วยแล้ว..... แพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นได้สะดุดใจกับชื่อหมู่บ้านของผู้ป่วยคนนั้น จึงตั้งใจรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจอย่างพิเศษ โดยใช้อุปกรณ์ทันสมัยที่สุด และยาราคาแพงที่ดีสุด จนผู้ป่วยหายเป็นปกติพร้อมจะกลับบ้าน ผู้ป่วยมีความกังวลว่าค่ารักษาพยาบาลคงจะมีราคาแพงหลายหมื่นดอลลาร์ ซึ่งเธอเข้าใจว่าคงจะต้องทำงานทั้งชีวิตกว่าเธอจะหาเงินค่ารักษาพยาบาลได้ เพราะเธอไม่มีประกันสุขภาพ และยังไม่สามารถไปเบิกได้จากที่ไหนได้ แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนนั้น ได้บอกเจ้าหน้าที่แผนกบัญชี
ให้นำใบเก็บเงินไปให้เขา แล้วหมอก็ใช้ปากกาเขียนข้อความสองบรรทัด แล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่บอกให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินเลย ข้อความที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นเขียนในใบเรียกเก็บเงินนั้นมีว่า "จ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ด้วยนมสดหนึ่งแก้ว" ลงนาม นายแพทย์โฮเวอร์ด เคลลี่ "ราคาของนมสดหนึ่งแก้ว" เป็นเหตุการณ์จริงที่เกี่ยวกับน้ำใจไมตรีในต่างประเทศ

---------------------------
ขอขอบคุณเว็บวัดยานนาวา
ultraman ปล่อยพลัง เพี้ยงๆ ฮ่าๆๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
plepod..Rx19
 
โพสต์: 209
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2006, 16:50

Re: บทความไร้สาระ...อย่าอ่านเลยเสียเวลาเปล่าๆนะ

โพสต์โดย apotheker » 18 ม.ค. 2008, 09:44

ไหนว่าไร้สาระ
หลอกกันนี่นา :lol:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
apotheker
Global Moderator
 
โพสต์: 2435
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2004, 11:48
ที่อยู่: simcity

Re: บทความไร้สาระ...อย่าอ่านเลยเสียเวลาเปล่าๆนะ

โพสต์โดย zartingtong » 18 ม.ค. 2008, 16:02

ตอนนี้ไม่ต้องจ่ายซักกาหน่อย
:lol: :lol: :lol:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
zartingtong
 
โพสต์: 1260
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2006, 19:14

Re: บทความไร้สาระ...อย่าอ่านเลยเสียเวลาเปล่าๆนะ

โพสต์โดย kumnungv » 18 ม.ค. 2008, 17:36

:D :D :D
อันนี้เพิ่งได้FW : เมล์มาวันนี้
'ปริญญาวิชาชีพกับปริญญาชีวิต'
ว.วชิรเมธี
ที่เมืองไทยปีที่แล้วมีข่าวเกรียวกราวมาก
คือมีดาราคนหนึ่งซึ่งมีชื่อดังมาก เป็นคนดำเนินรายการคนค้นคน
ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร นะ
มาเรียนที่อเมริกา เป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิส
ทำงานทุกอย่างต้องดูดีที่สุดแม้กระทั้งล้างจาน
ล้างเสร็จแล้วแกต้องเอามาดมดู ว่าสะอาดจริงมั้ย
กลับไปเมืองไทยก็ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
มีแฟนก็จีบดาวมหาวิทยาลัยเลย ต้องให้ดีที่สุด
เวลาแกไปเสนองานอะไรต่าง ๆ เขียนไว้สามแผน
แผนที่หนึ่งลูกค้าไม่ซื้อ แกเสนอแผนที่สอง แผนที่สองลูกค้าไม่ซื้อแกเสนอแผนที่สาม
ใครไปดีลงานกับแกติดทุกราย
แกมีบ้าน มีรถ มีลูก มีภรรยา มีธุรกิจ มีชื่อเสียงทุกอย่าง
แกมีทุกอย่าง
วันหนึ่งแกพักผ่อน หลังจากที่ทำงานแบบไม่ได้พักเลย
ลุกเมียไปขอพบ บอกไปเจอพ่อที่ออฟฟิต
วันหนึ่งแกไปพักที่ปากช่อง ตื่นขึ้นมากลางวันล้มฟุ๊บลงไป
ภรรยาพาเข้าโรงบาล ตรวจพบมะเร็ง
พอพบปุ๊บเป็นระยะสุดท้ายเลย
จริง ๆ เค้าก็เตือนตลอด
แต่พอไม่มีเวลาไปตรวจมันก็แก้ไม่ได้ แกไปนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล
แล้วก็สารภาพให้รายการคนค้นคน บันทึกชีวิตแก ก่อนจะเสียชีวิต
แกก็ไปนอนให้พ่อแม่เช็ดเนื้อเช็ดตัว
แกก็บอกว่าสังเวชตัวเองมากแทนที่ลูกจะได้ดูแลพ่อแม่
กลับมาเป็นว่าพ่อแม่ต้องมาดูแลลูก
ก่อนจะเสียชีวิตแกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึกบอกว่า
พ่อผมเคยบอกว่า เกิดเป็นคนต้องได้ปริญญาสองใบ
ปริญญาใบที่หนึ่ง 'ปริญญาวิชาชีพ'
เราจะต้องทำมาหากินเป็น กินอิ่ม นอนอุ่น พูดง่าย ๆ
ล้วงไปในกระเป๋าแล้วมีเงินใช้ อยากจะนอนมีบ้านเป็นของตัวเอง
แค่นี้คือปริญญาวิชาชีพ
แต่'ปริญญาวิชาชีวิต' ซึ่งเป็นปริญญาใบที่สองที่พ่อแกบอกไว้
แกบอกว่าผมสอบตกโดยสิ้นเชิง
ผมเป็นดอกเตอร์จากอเมริกาได้ปริญญาวิชาชีพ
แต่ปริญญาวิชาชีวิตสอบตก
เพราะอะไร เพราะทำงานจนป่วยตาย
ก่อนที่จะเสียชีวิตแกได้สารภาพว่าผมได้เตรียมทุกอย่าง บ้าน รถ
มอบมันให้กับลูกและภรรยา
แต่ในวันที่ผมมีทุกสิ่งทุกอย่ าง ผมกลับลืมมอบหนึ่งอย่างให้กับลูกและภรรยา
สิ่งนั้นคือสิ่งที่ผมลืมและทำให้ผมล้มเจ็บใหญ่ครั้งนี้
สิ่งที่ว่านี้คือผมลืมมอบตัวเองเป็นของขวัญให้กับลูกและเมีย
เพราะทำงานหนักจนกระทั่งป่วยตาย
นี่คือปริญญาวิชาชีวิต
ธรรมะเราจะต้องมี ถ้าเราไม่มีธรรมะ
เราจะกลายเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเอง
ที่ทำงาน แทบล้มประดาตายแล้วสุขภาพไม่ดี
ดังนั้นเมื่อเราทุกคนทำงานแล้ว อย่าลืมชั่วโมงสุขภาพของตัวเองในแต่ละวันนะ
แต่ละวันควรจะมีให้ดูแลตัวเอง ดูจิต ดูใจตัวเอง
ว่าเราเอ๊ะมันทุกข์มันทุกข์มากเกินไปรึเปล่า
แบกเรื่องโน้นเรื่องนี้ เกินไปหรือเปล่าพยายามลดลงในแต่ละวัน ๆ
เพื่อที่ว่าอะไร เพื่อที่ว่าเราจะได้ปริญญาสองใบในชีวิต
หนึ่งปริญญาวิชาชีพ
เราทำมาหากินจนประสบความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่ง
มีเงินมีทองใช้มีบ้านอยู่
แต่ ต้องไม่ลืมปริญญาใบที่สอง คือวิชาธรรมะ
สำหรับจะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง
ไม่ทุกข์เกินไปไม่เดือนร้อนเกินไป
ทำอะไรให้พอดี พอดีอยู่ดีมีสุข
อยากเที่ยวให้ได้เที่ยว อยากพักให้ได้พัก อยากทำบุญให้ได้ทำบุญ
ลูกหลานมาหาก็ให้ได้มีเวลากับลูกกับหลานบ้าง
อย่าวิ่งไปจนซ้ายสุด ขวาสุด และมารู้สึกตัวอีกทำจนล้มเจ็บใหญ่ ไม่ดี
เพราะอะไร เพราะว่าสิ่งสูงค่าทีสุดในชีวิตของเรา
เคยมีคนไปทูลถามพระพุทธเ้จ้า
ว่าอะไรคือสิ่งสูงค่่าที่สุด
บางคนก็ตอบเงิน
บางคนก็ตอบเพชร
บางคนก็ตอบทอง
บางคนก็ตอบอำนาจ
บางคนก็ตอบราชบัลลังก์
พระพุทธเจ้าบอกไม่ใช่
สิ่งสูงค่าที่สุดในชีวิตของพวกเธอคือสุขภาพและชีวิต
สุขภาพก็คือการที่เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
คนที่สุขภาพดีดื่มน้ำธรรมดาก็อร่อยนะ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kumnungv
 
โพสต์: 502
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2007, 12:59
ที่อยู่: เพชรบูรณ์

Re: บทความไร้สาระ...อย่าอ่านเลยเสียเวลาเปล่าๆนะ

โพสต์โดย plepod..Rx19 » 18 ม.ค. 2008, 20:33

apotheker เขียน:ไหนว่าไร้สาระ
หลอกกันนี่นา :lol:


แหน่ๆ...แสดงว่าพี่ก็อยากอ่านอะไรที่มันไร้สาระหละสิ...ถึงได้เข้ามาอ่าน หุหุหุ :lol: :lol: :lol:
ultraman ปล่อยพลัง เพี้ยงๆ ฮ่าๆๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
plepod..Rx19
 
โพสต์: 209
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2006, 16:50

Re: บทความไร้สาระ...อย่าอ่านเลยเสียเวลาเปล่าๆนะ

โพสต์โดย naproxen » 18 ม.ค. 2008, 22:28

การปกครองระบอบประชาธิปไตยคือ การปกครองเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ (พระอาจารย์พุทธทาส)
แก้ไขล่าสุดโดย naproxen เมื่อ 18 ม.ค. 2008, 22:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ภาพประจำตัวสมาชิก
naproxen
 
โพสต์: 223
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ค. 2006, 16:38

Re: บทความไร้สาระ...อย่าอ่านเลยเสียเวลาเปล่าๆนะ

โพสต์โดย apotheker » 18 ม.ค. 2008, 22:38

plepod..Rx19 เขียน:แหน่ๆ...แสดงว่าพี่ก็อยากอ่านอะไรที่มันไร้สาระหละสิ...ถึงได้เข้ามาอ่าน หุหุหุ :lol: :lol: :lol:


ปรกติเป็นขาประจำกระทู้ติดเรทห้องสวนลุม :lol:
ล้อเล่นหน่ะ

-----------------------------------------------


เพื่อน ๆ บอกผมว่า

ทำไมมรึงดูหน้าตาไม่ค่อยฉลาด แต่เรียนเก่งจังวะ ผมบอกเพื่อนผมว่า

แม่กรูสอน ให้ขยันแล้วก็ตั้งใจเรียน


เพื่อน ๆ ผมบอกว่า ทำไมพอมรึงมีตังค์ มรึงชอบเอาไป ทำบุญ แจกเด็ก เลี้ยงพระวะ ผมบอกเพื่อนผมว่า

แม่กรูสอน ให้รู้จักแบ่งปันคนอื่น ถึงเราจะมีตังค์น้อย แต่ก็มีคนอื่นที่เขาลำบากกว่าเรา


เพื่อน ๆ ผมบอกว่า ทำไมมรึงชอบเล่นกีฬา เล่นเป็นหลายอย่าง แล้วไม่เคยเห็นมรึงป่วยนอนโรง
พยาบาลเลยวะ ผมบอกเพื่อนผมว่า

แม่กรูสอน ให้กรูออกกำลังกาย จะได้แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วยง่าย ๆ เพราะเรามีตังค์น้อย เจ็บป่วยจะลำบาก


เพื่อน ๆ ผมบอกว่า ทำไมมรึงอารมณ์ดี ไม่เครียด ไม่โกรธใครบ้างเลยหรือไงวะ ผมบอกเพื่อนผมว่า

แม่กรูสอน ให้เป็นคนอารมณ์ดี ทำให้คนที่อยู่ใกล้เรามีความสุข แล้วจะสบายใจ กันทุกคน


เพื่อน ๆ ผมบอกว่า ทำไมมรึงพูดกับคนอื่น ดูสุภาพ อ่อนน้อม ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นลุงแก่ ๆ เป็นเด็ก
เสริฟอาหาร หรือแม้แต่ขอทานที่มรึงให้เศษตังค์แล้วเขาอวยพรให้มรึง ทำไมมรึง ต้องขอบคุณขอทานวะ ผม
บอกเพื่อนผมว่า

แม่กรูสอน ให้พูดดี ๆ กับทุกคน ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เราพูดดี ๆ กับเขา เขาก็จะได้พูดดี ๆ กับเรา


เพื่อน ๆ ผมบอกว่า ทำไมพี่ ๆ น้อง ๆ มรึงตั้งหลายคน ทำไมรักใคร่กันดี ไม่เคยทะเลาะกันเลยวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า

แม่กรูสอน ให้พี่น้องรักกันทุกคน เพราะหมากับแมวที่อยู่บ้านเดียวกัน มันยังรักกันได้ ทำไมพี่น้องกัน จะ
รักกันไม่ได้


เพื่อน ๆ ผมบอกว่า ทำไมมรึงถึงรักชาติ รักแผ่นดิน รักในหลวง มากมายนักวะ ผมบอกเพื่อนว่า

แม่กรูสอน ให้กรูสำนึกถึงบุญคุณของแผ่นดิน บุญคุณของพระมหากษัติรย์ ทุกพระองค์

แม่กรูสอน ให้กรูรู้จักคำว่า จงรักภักดี ตั้งแต่กรูยังไม่รู้ความหมาย จนทุกวันนี้ กรูรู้แล้วว่า คำว่า จงรักภักดี
นั้น ยิ่งใหญ่เพียงใด


เพื่อน ๆ ผมบอกว่า ทำไมแม่มรึงถึงสอนอะไรมรึงมากมายจังเลยวะ ผมบอกเพื่อนว่า

ที่กรูเป็นกรูอยู่จนทุกวันนี้ ก็เพราะ 'แม่กรูสอน' แม่กรูสอนอะไร กรูทำตามแม่กรูสอนทุกอย่าง

มีอย่างเดียวที่แม่กรูไม่ได้สอน แต่กรูทำ แล้วกรูทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว แม่กรูไม่ได้สอน

"ให้รักแม่ แต่......กรูรักแม่ว่ะ 
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
apotheker
Global Moderator
 
โพสต์: 2435
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2004, 11:48
ที่อยู่: simcity

Re: บทความไร้สาระ...อย่าอ่านเลยเสียเวลาเปล่าๆนะ

โพสต์โดย naproxen » 19 ม.ค. 2008, 01:21

ปัญญาและความดี คือ อาวุธที่ชนะทุกสิ่ง  :D :D :D :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
naproxen
 
โพสต์: 223
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ค. 2006, 16:38

Re: บทความไร้สาระ...อย่าอ่านเลยเสียเวลาเปล่าๆนะ

โพสต์โดย kumnungv » 19 ม.ค. 2008, 05:16

สิ่งที่เรียนรู้เมื่ออายุปูนนี้ของ อุดม แต้พานิช

1. มนุษย์ต้องการสิ่งที่ตนเองไม่มี
2. เวลาที่เราวิ่งมารับโทรศัพท์จากที่ไกลๆ เมื่อถึงโทรศัพท์ เสียงมันมักจะหยุด เราจะช้าไป 1 จังหวะเสมอ
3. ถ้าแอบรักใคร อย่าฝากใครไปบอก บอกด้วยตัวเองจะดีกว่า
4. เวลาสั่งอาหารไว้นานแล้วยังไม่ได้สักที ให้พูดว่าไม่เอาจะได้เร็ว
5. ถ้าเรียกเก็บเงินแล้วไม่มีใครมาเก็บเสียที ให้ลุกขึ้นทำท่าจะกลับทั้งโต๊ะ จะมีพนักงานพุ่งมาทันที
6. ปลูกต้นลั่นทมไว้หน้าบ้าน ไม่เกี่ยวอะไรกับความทุกข์ระทมของตัวเราเลย
7. ระวังคนขายโรตี ที่เพิ่งเดินออกมาจากป่าละเมาะ, พุ่มไม้, ซอกตึก อย่าตัดสินใจซื้อจนกว่าเขาจะล้างมือ
8. ไม่มีสัจจะในร้านตัดเสื้อ
9. ระวังคนที่แสดงออกว่าเป็นคนดีมากๆ
10. อย่าซื้อทุเรียนมาปอกเอง
11. หนังสือดี คือหนังสือที่เราชอบอ่าน, หนังดีคือ หนังที่เราชอบดู
12. อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เรานินทามากๆ อย่าลืมย้ำบ่อยๆ ว่าอย่าบอกใครนะ
13. อย่าทิ้งกระดาษชำระไว้ในชามก๋วยเตี๋ยว คนล้างจะเสียความรู้สึก
14. เรียกยามว่าซีเคียวรีตี้ การ์ด ยามจะตั้งใจโบกรถ
15. อย่าซื้ออะไรที่ต้องเอามาซ่อมต่อ
16. รถในเมืองไทยพวงมาลัยอยู่ทางขวา แต่ฝาน้ำมันไม่อยู่ขวาเสมอไป
17. ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนไม่ต้องเอายาสีฟันไปก็ได้ ยังไงเพื่อนต้องมี
18. ตลาด อ.ต.ก. มาจากคำว่า เอเวอรี่ติง เกินราคา
19. เวลาดูหนังโรง ควรจำว่ากระปุกน้ำอยู่ด้านไหน
20. ตัดผมวันพุธได้ ไม่บาป
21. คนไม่กินเนื้อ ไม่ได้แปลว่าเป็นคนดีเสมอไป
22. เวลาบ้วนน้ำยาลิสเตอรีนออกจากปาก ให้หลับตาด้วย
23. ปูอัด มันทำจากปลา
24. กินก๋วยเตี๋ยวจากตะเกียบไม้อร่อยกว่า
25. อย่าไปจ่ายตลาดเวลาหิว เราจะซื้อมาเยอะเกินจำเป็นเสมอ
26. ในโลกนี้จะชอบมีคนมาทักอยู่ 2 ประเภทเท่านั้น ประเภทแรก อ้วนขึ้นนะ กับประเภทที่ 2 ผอมลงนะ ไม่มีใครเข้ามาทักว่าปกติดีนี่ไปทำอะไรมา
27. คนที่เอาหมวกตำรวจ หรือชุดตำรวจแขวนไว้หลังรถมิใช่เพราะบ้านเค้าไม่มีตู้ เค้าไม่ได้ลืม เค้าแค่กลัวคนไม่รู้ว่าเขาทำอาชีพอะไร
28. คนที่มีรถทะเบียนเลขเดียวเรียงติดกันหลายๆ ตัว เป็นคนธรรมดาเหมือนกับเรา
29. คนที่มีความรู้มากๆ เขามักจะใช้ความรู้ขังจินตนาการ
30. ฟู่ฟ่าเดี๋ยวก็วาย เรียบง่ายอยู่ได้นาน
31. จงอย่าอิจฉาคนอื่น แต่จงใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา
32. เวลาที่เปิดหนังสือให้เพื่อนดู หน้าที่ตัวเองพูดถึงมักจะหาไม่เจอ
33. ขนมและน้ำในโรงหนัง จะแพงกว่าข้างนอก
34. ห้องน้ำผู้หญิง ผู้ชายเข้าไปดูเป็นพวกโรคจิต, ห้องน้ำผู้ชาย ผู้หญิงเข้ามาดูเป็นแม่บ้าน
35. เวลารถติด เลนอื่นมักไปได้เร็วกว่าเลนเราเสมอ
36. ถ้าเราขับรถไม่ทันไฟเขียวเป็นคันสุดท้าย ให้คิดว่าเดี๋ยวเราจะได้ไปเป็นคันแรก
37. ถ้ามีการแนะนำตัวว่า 'นี่เพื่อนฉัน' หมายความว่า 'แฟนฉัน'
38. ถ้ามีการแนะนำตัวว่า 'นี่แฟนฉัน' หมายความว่า 'ผัว/เมียฉัน'
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kumnungv
 
โพสต์: 502
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2007, 12:59
ที่อยู่: เพชรบูรณ์

Re: บทความไร้สาระ...อย่าอ่านเลยเสียเวลาเปล่าๆนะ

โพสต์โดย plepod..Rx19 » 19 ม.ค. 2008, 09:17

kumnungv เขียน:สิ่งที่เรียนรู้เมื่ออายุปูนนี้ของ อุดม แต้พานิช
37. ถ้ามีการแนะนำตัวว่า 'นี่เพื่อนฉัน' หมายความว่า 'แฟนฉัน'
38. ถ้ามีการแนะนำตัวว่า 'นี่แฟนฉัน' หมายความว่า 'ผัว/เมียฉัน'


เหมือนจะจริงทุกประการนะค่ะ โดยเฉพาะ สองข้อนี้ ฮ่าๆๆ :lol: :lol: :lol:
ultraman ปล่อยพลัง เพี้ยงๆ ฮ่าๆๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
plepod..Rx19
 
โพสต์: 209
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2006, 16:50

Re: บทความไร้สาระ...อย่าอ่านเลยเสียเวลาเปล่าๆนะ

โพสต์โดย kumnungv » 19 ม.ค. 2008, 20:04

:lol: :lol: :lol:
ญาติโยมหลายท่านมักถามว่า
" ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่อายุยังน้อย อยู่ในเพศบรรพชิตมามากกว่าครึ่งชีวิต มีโอกาสสัมผัสชีวิตฆราวาสไม่มากนัก
แล้วเอาข้อมูล วัตถุดิบหรือมุกมาจากไหนหนักหนา"

อาตมาก็ตอบว่า หลักๆ เลยก็คือ การอ่าน นอกจากนั้นก็หนัง ละคร  ที่ญาติโยมดูกันนั่นแหละ
พอตอบออกไปอย่างนี้ โยมก็สวนกลับทันที
" ไม่ผิดข้อห้ามหรือท่าน"

อาตมาก็จะอธิบายไปว่า ดูเพื่อให้เท่าทันกิเลสจะได้สกัดมันถูก  และที่สำคัญ  หากอาตมาไม่รู้หรือไม่เข้าใจ
ตลอดจนไม่เท่าทันเรื่องราวทางโลกและ  จะมาบรรยายธรรมให้ญาติโยมรู้สึกอินกันได้อย่างไร
ซึ่งนอกจากการอ่าน  การดูและการฟังแล้ว  หลายวัตถุดิบที่นำมาสร้างเป็นมุกฮา ก็ได้มาจากการพูดคุยกับ
เหล่าโยมๆ นี่แหละ
        อย่างวันหนึ่งระหว่างที่อาตมากำลังฉันเพลอยู่ก็มีโยมท่านหนึ่งโทร.มา
        " พระอาจารย์เหรอคะ  นี่อาตมาเองนะคะ"
        " หา อะไรนะ"
        " พระอาจารย์เหรอคะ  นี่อาตมาเองค่ะ"
        " ถ้าโยมแทนตัวว่าอาตมา แล้วอาตมาจะแทนตัวอาตมาว่าอะไร"
        " อ๋อ ขอโทษค่ะ"
        หลังจากนั้นก็คุยธุระกันจนจบ อาตมาก็กล่าวว่า
        " เจริญพร"
        " ค่ะ เจริญพรเช่นกัน"
        แน่ะ มีอวยพรให้พระด้วย

        ข้างต้นก็คือ  สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ระหว่างพูดคุยกับเหล่าญาติโยม  จนถือว่าเป็นเรื่อง
ปกติสำหรับอาตมาไปแล้ว  หรืออย่างก่อนหน้านี้มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง เดินถือสังฆทานมาอย่างมาดมั่น
พอเข้ามาในกุฏิแล้ว  เธอก็มุ่งตรงไปที่พระบวชใหม่รูปหนึ่งทันที
        " ถวายสังฆทานค่ะ"
        พระบวชใหม่ด้วยความที่ยังจำบทสวดต่างๆ ไม่ค่อยคล่องนัก จึงหยิบหนังสือขึ้นมาดู
        " ไม่ต้องค่ะ" โยมผู้หญิงคนนั้นกล่าวอย่างหนักแน่นตามสไตล์สาวมั่น
        " ดิฉันท่องได้ค่ะ เพราะคุณยายพาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ" เธอพนมมือขึ้น ก่อนกล่าวว่า
        " อิมานิ มะยัง ภันเต สะปะริวารานิ คิกขุ สังโฆ"  ( ที่ถูกต้อง จะต้องเป็น ภิกขุ สังโฆ)
        พระบวชใหม่มีสีหน้างุนงง ก่อนหันมาถามอาตมา
        " คิกขุสังโฆ นี่มันฟังทะแม่งๆ นะหลวงพี่"
        อาตมาเกรงว่าโยมผู้นั้นจะหน้าแตก ก็เลยตอบไปว่า
        " คิกขุ แปลว่า น่ารัก    สังโฆ  แปลว่า สงฆ์    คิกขุสังโฆ  ก็คือ แด่พระสงฆ์ผู้น่ารัก"
        เท่านั้นแหละ พระใหม่รูปนั้นนั่งยืดทั้งวันเลย

        แต่ก็มีบางกรณี  ที่การพูดผิดของคุณโยมทำให้อาตมาแทบจะสำลัก
        อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ มีโยมท่านหนึ่งโทรศัพท์มา
        " หลวงพี่ขา  ขอเรียนเชิญนิมนต์ค่ะ"
        " ไปไหนล่ะโยม"
        " ไปมรณภาพที่บ้านน่ะค่ะ"
        โห นิม นต์พระไปตายถึงที่บ้านเลย  อาตมาจึงบอกไปว่า  ถ้านิมนต์ไปงานศพไปให้ได้
แต่ถ้าเชิญไปมรณภาพนี่  ช่วงนี้อาตมาไม่ว่างจริงๆ ขอตัวเถอะนะโยม

        จากตัวอย่างที่อาตมาเล่าไว้ข้างต้น  คุณโยมอาจจะเห็นเป็นเรื่องขบขัน  แต่มันก็สะท้อน
ให้เห็นความห่างเหินระหว่างคนกับวัดได้ในระดับหนึ่ง  ปัจจุบันนี้คนจะนึกถึงวัดในกรณีพิเศษ
เท่านั้น  เช่นงานบวช  งานศพ  ต่างกับสมัยก่อนที่วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน  ฆราวาสกับพระจึง
สนทนากันไหลลื่น  ไม่มีคำแปลกๆ หรือผิดที่ผิดทางออกมาให้พระสุดุ้งแต่อย่างใด
        ซึ่งถ้าพูดถึงศัพท์แสงที่แสลงใจแล้ว  ตอนไปบิณฑบาตอาตมาจะเจอบ่อยมาก เช่นมีอยู่
ครั้งหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินๆ อยู่  ก็ได้ยินเสียงใสๆ แว่วขึ้นมา
        " แม่ๆ พระมาขอข้าว"
        " มาเยอะไหมลูก"
        " มา 2  อัน"
        โห  เรียกอย่างกับชิ้นส่วนรถยนต์ นี่ถ้ามาเยอะๆไม่เรียกเป็นฝูงเลยเหรอ
        ดังนั้นเวลาไปบรรยายธรรมให้นักเรียนฟังอาตมาจะนำเรื่องนี้ไปสอดแทรกเพื่อสอน
เด็กๆ ด้วย
        " ถ้าพระกิน  เรียกว่า  ฉัน"
        " พระนอน เรียกว่า จำวัด" (บางคนเรียกขี้เกียจเป็นพระนอนไม่ได้)
        " พระป่วย เรียกว่า อาพาธ"
        " พระตาย  เรียกว่า มรณภาพ" (ไม่ใช่เรียกป่อเต็กตึ๊งนะ)
        " แล้วพระอาบน้ำล่ะ เรียกว่าอะไรเอ่ย"  คราวนี้อาตมาถามให้เด็กๆ ตอบบ้าง
        " เรียกคนมาดู"
    ;    จบกัน
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kumnungv
 
โพสต์: 502
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2007, 12:59
ที่อยู่: เพชรบูรณ์

Re: บทความไร้สาระ...อย่าอ่านเลยเสียเวลาเปล่าๆนะ

โพสต์โดย kumnungv » 19 ม.ค. 2008, 20:09

FW:Mail
พระราชอารมณ์ขัน ของในหลวงของเรา
ราวปี พ.ศ.2498 เป็นต้นมา คราใดที่เสด็จพระราชดำเนิน
> แปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระราชวังไกลกังวลนั้น จะทรงขับรถยนต์พระที่นั่งไปยัง
> ท้องที่ห่างไกลทุรกันดารย่านหัวหิน หนองพลับแก่งกระจาน ด้วยพระองค์เอง ทำนอง
> เสด็จประพาสต้นของรัชกาลที่ห้า โดยที่ราษฎรไม่รู้ตัวล่วงหน้าว่าทรงมาถึงแล้ว
> วันหนึ่งทรงขับรถยนต์พระที่นั่งผ่านไปถึงยังบริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านหมู่
> บ้านห้วยมงคล อำเภอหัวหิน ซึ่งราษฎรกำลังช่วยกันตบแต่งประดับซุ้มรับเสด็จกัน
> อย่างสนุกสนานครื้นเครง และไม่คาดคิดว่าเป็นรถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์ "ต้อง
> ให้ในหลวงเสด็จฯก่อนแล้วพรุ่งนี้ถึงจะลอดผ่านซุ้มได้.. วันนี้ห้ามลอดผ่านซุ้ม
> นี้ เพราะขอให้ในหลวงผ่านก่อนนะ.. "ทรงขับรถพระที่นั่งเบี่ยงข้างทางไม่ลอดซุ้ม
> ดังกล่าว วันรุ่งขึ้นเมื่อทรงขับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยม
> ราษฎรในหมู่บ้านนี้อย่างเป็นทางการพร้อมคณะข้าราชบริพารผู้ติดตามและทรงมีพระ
> ดำรัสทักทายกับชายผู้นั้นที่เฝ้าอยู่หน้าซุ้มเมื่อวันวานว่า
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kumnungv
 
โพสต์: 502
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2007, 12:59
ที่อยู่: เพชรบูรณ์

ต่อไป

ย้อนกลับไปยัง อาราบิก้า

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document