New Document









พ่อแม่คิดอย่างไรกับโรงเรียน 2 ภาษาหรือEnglish programe

บทความทางเภสัชศาสตร์ และบทความทั่วไป

พ่อแม่คิดอย่างไรกับโรงเรียน 2 ภาษาหรือEnglish programe

โพสต์โดย mom » 10 ก.ย. 2007, 12:03

ขอสอบถามความเห็นพ่อแม่ผู้มีประสบการณ์หน่อยค่ะ
mom
 







Re: พ่อแม่คิดอย่างไรกับโรงเรียน 2 ภาษาหรือEnglish programe

โพสต์โดย apotheker » 10 ก.ย. 2007, 12:19

ผมเชื่อว่าเด็กแต่ละคนมีอัจฉริยภาพในตัวกันทุกคน เพียงแต่จะด้านใด และได้รับการส่งเสริมในด้านนั้นหรือไม่ ภาษาก็เป็นอีกทางหนึ่งของอัฉริยภาพของเด็ก
ซึ่งต้องฝึกตั้งแต่อายุไม่มาก ถ้าเราฟังเพื่อนพูดภาษาอังกฤษ มักจะรู้ได้ว่าเค้าได้รับการฝึกมาตั้งแต่เล็กหรือไม่ บางคนพูดคล่องถูกไวยกรณ์ แต่สำเนียงไม่ได้ ก็เพราะเค้าไม่ได้รับการฝึกตั้งแต่เด็ก
อย่างไรก็ดีเราคงต้องดูเด็กของเราว่ามีอัจฉริยภาพด้านนี้หรือไม่ ถ้าเก่งด้านกีฬา ศิลปะ หรือการคำณวน แต่ เราเอามาเข้า เรียน 2ภาษา เขาจะไม่ได้รับการส่งเสริมด้านที่เขาถนัด เท่าที่ควร
แต่ถ้าเด็กสนใจการอ่าน และมีแววอัจฉริยภาพด้านนี้อยู่แล้ว และคุณมีทุนทรัพย์พอที่จะสนับสนุน อย่ารอให้เด็กเข้ามัธยม เพราะบางทีอาจจะสายเกินไป

ปล.โรงเรียน2ภาษาในต่างจังหวัดค่าเรียนต่ำกว่าในกรุงเทพหลายเท่าตัว แต่ ผมว่าประสิทธิภาพต่างกันไม่มาก
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
apotheker
Global Moderator
 
โพสต์: 2435
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2004, 11:48
ที่อยู่: simcity

Re: พ่อแม่คิดอย่างไรกับโรงเรียน 2 ภาษาหรือEnglish programe

โพสต์โดย spras77 » 10 ก.ย. 2007, 12:40

วันมีทติ้ง อย่างไม่เป็นทางการ ที่เขาค้อ บนภูพ่อบท ได้นั่งฟังพี่เภสัชอาวุโส กับ ดร.ทางวิศวกรรม ซึ่งร่วมทริปด้วย คุยกันถึงเรื่อง " ภาษาพอดี " เนื้อความใกล้เคียงกันมาก
ฟังแล้วได้อีกแนวคิดที่มีประโยชน์มากๆ ครับ

ผมเอามาบอกคงไม่ใช่ทั้งหมด
เดี๋ยวพี่เค้าได้เข้ามาอ่าน น่าจะได้เล่าให้ฟังเพื่อเป็นวิทยาทาน ต่อไป
ใช่ไหมครับ พี่เกาะบอย  :wink:

(อย่างน้อยๆคืนนั้นผมไม่ได้นั่งฟังเฉยๆแน่ คงเอาแง่คิดและวิธีคิดบางอย่างกลับไปใช้ด้วยครับ )
spras77
 
โพสต์: 182
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ม.ค. 2007, 14:53

Re: พ่อแม่คิดอย่างไรกับโรงเรียน 2 ภาษาหรือEnglish programe

โพสต์โดย kohboy » 10 ก.ย. 2007, 15:12

ถาม..
"พ่อแม่คิดอย่างไรกับโรงเรียน 2 ภาษาหรือEnglish programe ?"

ตอบ..
_สำหรับสองภาษา,คิดว่า ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
ถ้าเป็นภาษาเดียวคืออังกฤษล้วน ยิ่งดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ครับ

"ถ้ามีแรงส่งเรียนได้ ส่งเรียนเลยครับ"


ปล.
ผมโทรไปหาเภสัชคนที่ท่านสแปรสพูดถึงแล้วครับ
เค้าบอกว่า..
..ถ้าเรียบเรียงคำพูดให้สั้นๆได้, เค้าจะเข้ามาแสดงความคิดเห็น
ครับ

wink wink
ภาพประจำตัวสมาชิก
kohboy
 
โพสต์: 1437
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2006, 14:51

Re: พ่อแม่คิดอย่างไรกับโรงเรียน 2 ภาษาหรือEnglish programe

โพสต์โดย zartingtong » 10 ก.ย. 2007, 23:44

ม่ายได้เรื่องพอมาเรียนโรงเรียนธรรมดาเด็กยิ่งงง สู้เรียนเสริมไม่ได้
รูปภาพ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
zartingtong
 
โพสต์: 1260
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2006, 19:14

Re: พ่อแม่คิดอย่างไรกับโรงเรียน 2 ภาษาหรือEnglish programe

โพสต์โดย NuLeK » 18 ก.ย. 2007, 09:13

ดีค่ะ...แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง...ถ้าเรียนแต่เล็กเลย จะดีมาก...เด็กเค้าจะได้สำเนียง...

จะมีปัญหาตอนเข้ามหาลัย ถ้าเราจะให้ลูกเรียนสายการแพทย์  เพราะเท่าที่ทราบมา คณะแพทย์ ยังไม่มีอินเตอร์
จริงอยู่ว่า เวลาเรียน...text เป็นภาษาปะกิต ...แต่ไม่ได้ใช้ในการสื่อสารเลยอะ...
การสอบเข้าของเด็กที่เรียนร.ร. ๒ ภาษามาก้อเหนื่อยกว่าเรียนร.ร.ทั่วไป
นอกเสียจากต้องเรียนพิเศษเคมี ชีวะ ฟิสิกส์ เลข เพิ่มเอาเอง

แต่ถ้าเป็นทางวิศวะ ทางคอม อื่นๆ ก็มีอินเตอร์กันเยอะอยู่ในปัจจุบัน...ค่อนข้างรองรับได้

การเรียนโรงเรียน ๒ ภาษา แล้วเข้าเรียนมหาลัยหลักสูตรอินเตอร์ เด็กของเราจะค่อนข้างสบายกว่าเด็กที่เรียนทั่วๆไป
( อันนี้ยกเว้น เด็กบางคน ที่born to be นะคะหรือเด็กที่มีการเรียนพิเศษเพิ่ม )

จากประสบการณ์ที่พบ...ไปก่อนละ ...เด๋วค่ำๆมาต่อนะคะ... :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
NuLeK
 
โพสต์: 46
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 พ.ค. 2006, 13:42

Re: พ่อแม่คิดอย่างไรกับโรงเรียน 2 ภาษาหรือEnglish programe

โพสต์โดย apotheker » 18 ก.ย. 2007, 11:32

เห็นว่าเป็นหนังสือที่ดีเลยเอามาบอกต่อ

---------------------------------------------
โดยทฤษฎีพหุปัญญา ว่า มี 8 ด้าน คือ


ภาษาและการสื่อสาร (Linguistics Intelligence)
พูดได้หลายภาษา ชอบพกหนังสือติดตัว ชอบแต่งกลอนแต่งเพลง ชอบเขียน ชอบเล่าเรื่องที่อ่านให้คนอื่นฟัง คุณหนูดียังสอนวิธีการอ่านเร็วให้ไว้ด้วย

ร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily-Kinesthetic Intelligence)
พวกชอบขยับเขยื่อนเคลื่อนไหว เล่นกีฬา เต้นรำ ประดิษฐ์ของ บังคับเครื่องยนต์ หรือใช้อุปกรณ์เก่ง ไปไหนใกล้ๆมักก็จะเดินไป

มิติสัมพันธ์และการจินตภาพ (Spatial Intelligence)
จะเป็นคนพวกจินตนาการเก่ง จำเป็นภาพ คิดเป็นภาพ ชอบวาดรูป ชอบดูรูป อ่านแผนที่เก่ง ชอบต่อจิ๊กซอว์ ชอบไฮไลท์เวลาอ่านหนังสือ

ตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)
ชอบวางแผน คิดเลขในใจเร็ว กะระยะทาง-น้ำหนัก-ความสูงเก่ง คิดตามเหตุตามผล และชอบเล่นหมากรุก หรือเกมส์วางแผน

การเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)
มั่นใจในตัวเอง ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง กล้าปฏิเสธ อยู่คนเดียวได้สบาย ปลอบใจตัวเองได้ดี ดูแลตัวเองทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ชอบถามตัวเองว่าเกิดมาทำไม จุดหมายชีวิตคืออะไร และตั้งเป้าหมายของชีวิต

การเข้าใจผู้อื่นและมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Intelligence)
มีเพื่อนหลายกลุ่ม ชอบช่วยเหลือคน เข้าใจความรู้สึกคนอื่นได้ดี สังเกตุอารมณ์คนอื่นได้ ชอบทำงานอาสาสมัคร

การเข้าใจธรรมชาติ (Naturalist Intelligence)
เดาได้ว่าอากาศจะเป็นอย่างไร ชอบธรรมชาติ ชอบใช้วัสดุธรรมชาติ ชอบทำอาหาร ปั้นดินเผา หล่อโลหะ มีเซนส์ทางนี้ ปลูกต้นไม้งาม ชอบอยู่นอกห้องแอร์ ชอบสังเกตุสภาพแวดล้อม เอาตัวรอดในสถานการ์ืต่างๆได้

ดนตรีและจังหวะ (Musical Intelligence)
ชอบฟังเพลง เล่นดนตรี ชอบเคาะหรือทำอะไรเป็นจังหวะ แยกเสียงเครื่องดนตรีได้ ชอบแปลงเพลง
อัจฉริยะสร้างได้ กล่าวว่า เราสามารถฝึกให้เป็นอัจฉริยะได้ในทุกๆด้าน อ่านแล้วก็อาจจะพบว่าเราเอง และคนใกล้ตัวก็เป็นอัจริยะในหลายๆด้านเหมือนกัน อัจฉริยะสร้างได้จะบอกถึงวิธีสังเกตุความอัจฉริยะ และวิธีพัฒนาอัจริยภาพในด้านต่างๆ และมีบทความจากผู้ที่เป็นอัจฉริยะด้านต่างๆให้อ่านด้วย โดยทั้งหมดเป็นผู้ชนะและผู้เข้าร่วมรายการอัจฉริยะข้ามคืน

อย่างที่บอก นอกจากเป็นหนังสือดีแล้ว ยังกระตุ้นกำลังใจอีก คือจะบอกให้เราพยายามฝึกฝน ฝึกฝน ฝึกฝน อย่างที่เคยเขียนไว้ในไม่มีอะไรทำไม่ได้ ยังไงยังงั้น เพราะสมองจะสร้างเส้นใยใหม่ๆมา ถ้าเราไม่ฝึกต่อไป เส้นใยใหม่ที่ไม่แข็งแรงก็จะหายไป และอัจฉริยะสร้างได้ก็บอกให้เราเปิดตัวเอง เปิดใจ และไม่ให้จัดประเภทของคนและสิ่งของมากจนเกินไป คุยกับคนใหม่ๆ ทำสิ่งใหม่ๆ อันนี้ก็ตรงกับที่เคยเขียนในลองทำอะไรใหม่ๆ!เหมือนกัน เพราะสมองจะหลั่งสารแห่งการเรียนรู้ หรือ โดพามีน (Dopamine) ออกมาทุกครั้งที่เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ หรือแม้แต่ได้ของใหม่ก็ตาม ทำให้เรารู้สึกมีความหวัง รู้สึกสดชื่น เต็มๆในอก และถ้าสมองหลั่งโดพามีนออกมาบ่อยๆ มันก็จะหลั่งโดพามีนออกมาอย่างง่ายดายในครั้งต่อๆไป เราก็มีความสุข มีความหวัง

นอกจากนี้ คุณหนูดียังแนะทิปที่ดีกับสมองหลายอย่าง เช่น นั่งตัวตรง ยืนตัวตรง เพราะจะทำให้ร่างกายรับอ็อกซิเจนได้เยอะ และก็ไปเลี้ยงสมองได้ดี และก็จิบน้ำบ่อยๆ เพราะสมองมีน้ำเป็นส่วนประกอบเยอะ น้ำดีต่อสมองค่ะ

เอะๆ ที่บอกชื่อ หนูดีไม่ใช่เรานะ เขาคือผู้เชี่ยวชาญด้าน
การทำงานของสมอง และความสามารถที่สมองเราจะไปถึงได้ระดับอัจฉริยะในด้านต่างๆ โดยอธิบายถึงทฤษฎี "พหุปัญญา" หรือ Multiple Intelligences ของ ดร. โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ (Howard Gardner) แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) สหรัฐอเมริกา ซึ่ง "หนูดี" ผู้เขียนเป็นลูกศิษย์โดยตรง เธอจบปริญญาโท จาก Harvard ทางด้านวิทยาการทางสมอง (Neuroscience) ในโปรแกรม Mind Brain and Education และเธอก็เป็นผู้ชนะล้านที่ 15 ของรายการอัจฉริยะข้ามคืนด้วย

บอกด้วยนะว่ามีด้านอะไรบ้าง เราหน่ะด้านมิติสัมพันธ์และการจินตภาพหล่ะ

แล้วก็ลองไปซื้อๆกันดูก็ได้นะ "อัจฉริยะสร้างได้" ดีมากเลย

รูปภาพ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
apotheker
Global Moderator
 
โพสต์: 2435
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2004, 11:48
ที่อยู่: simcity


ย้อนกลับไปยัง อาราบิก้า

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document