kohboy เขียน:ผมจะพยายามสรุปเนื้อหาการนำเสนอของคุณ สสจ.ลำบากใจ เป็นตอนๆ
แล้วว่ากันเป็นตอนๆ ดังนี้นะครับ
ตอนแรก ขึ้นต้นลักษณะ สสจ. พูดกับเจ้าของร้าน
สสจ. ก็ลำบากใจเป็นนะ เขียน:... อยากเรียนให้ทราบเลยว่า เภสัช สสจ. โอนอ่อน ผ่อนปรน ให้กับร้านยามาก ๆ เลยนะ ยังไงก็คนในวิชาชีพเดียวกัน ลองคิดดูเวลาคุณมาขอเปิดบางอย่างไปตรวจยังไม่เรียบร้อย ยังหยวน ๆ กันไป แล้วตอนจะมาขอก็บอกให้ทราบข้อกำหนด และรายละเอียดทุกอย่างหมดแล้ว แต่พอไปตรวจอีกทีเห็นอะไรผิดไปส่วนใหญ่ก็จะตักเตือน ให้คำแนะนำไป ก็น่าจะรับฟังกันบ้าง เพราะที่เตือนก็เพราะหวังดีนะ เราก็ลำบากใจที่จะพูดเหมือนกัน..
ประเด็นเรื่องของร้านใหม่ ที่จะเกิดขึ้นต่อๆไป ในเมืองไทย
สบายใจได้ครับ
ร้านที่เปิดใหม่ ส่วนใหญ่เปิดโดยเภสัชกร
เพราะจำนวนมีมากขึ้นทุกวัน
ถ้าติดตามดูปริมาณเภสัชกรที่เข้าสู่ตลาดในทุกๆปี จะเห็นว่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
(มหา'ลัยเปิดสอนมาก จนต้องมีระบบสอบเอาใบประกอบโรคศิลป์)
ถึงแม้จะมีร้านเฟรนไชส์เกิดขึ้นเรื่อยๆ
ร้านเหล่านั้นก็จะจัดให้มีเภสัชประจำร้านครับ
ที่คุณ สสจ.ลำบากใจ พูดว่าผ่อนปรนให้ในการขอเปิดร้าน
ผมเห็นด้วยครับ ว่า สสจ. ทำอย่างนั้นจริงๆ
ทีนี้ปัญหาของเภสัชแขวนป้ายจริงๆมันอยู่ที่ร้านกลุ่มไหนหละ?
คำตอบคือร้านยาเก่าๆที่แขวนป้ายมาตั้งแต่โบร่ำโบราณนั่นแหละ
ร้านเหล่านี้ "ขายยาแบบไม่มีเภสัช" มาจนเป็นนิสัย
แทบทุกจังหวัด จะเจอร้านแบบนี้ เอาง่ายๆ ถ้าเราไปจังหวัดไหนก็แล้วแต่ ลองถามหาร้านขายส่งที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดนั้น แล้วเดินเข้าไปหาดูหน้าเภสัชกร โอกาสแห่งการไม่เห็นผู้ปฏิบัติการ มีเกินครึ่ง
ยิ่งร้านที่เขียนไว้ว่า "เวลาปฏิบัติการ 17.00-20.00 น." ร้านนี้เดาไว้ก่อนได้เลยว่า"แขวนป้าย ชัวร์"
ร้านยาอีกกลุ่มที่มีเภสัชแขวนป้าย นั่นคือ ขย.2 ที่ถูก สสจ.ขู่ให้เปลี่ยนเป็น ขย.1
ร้านกลุ่มนี้ ผมว่าเกิน80เปอร์เซ็นต์ ยังแขวนป้าย
ร้านเก่าแก่พวกนี้แหละ ที่ สสจ.ไม่กล้าไปบังคับให้เค้ามีเภสัชFull Time เพราะ สสจ.คุ้นหน้าคุ้นตากับเจ้าของร้านดี
เจอกันบ่อยๆ ทั้งการประชุมที่ สสจ.จัด และในสังคมท้องถิ่น
สสจ.เองก็เคยขอความช่วยเหลือจากร้านขายยากลุ่มนี้บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ซองผ้าป่า, โต๊ะจีน, เลี้ยงรับ-ส่ง คนใหญ่คนโตของกระทรวง, ฯลฯ
สรุป ด้วยบุญคุณ และ ความคุ้ยเคยแบบนี้แหละ ที่ทำให้ สสจ. "ไม่กล้า" กับร้านขายยาแขวนป้ายเหล่านี้