New Document









ชีวิตคนขายของ(ยา)ยามดีก เป็นเภสัชก็มีสิทธิ์โดน

ประกาศรับสมัครงาน โยกย้าย
กระทู้ที่เกี่ยวข้องกับการแขวนป้ายจะถูกลบโดนมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

Re: เบื่อจุงเบย!!!ผู้(ยิ่ง)ใหญ่ในสมุย

โพสต์โดย เมจิก พี » 12 ก.ค. 2013, 17:58

เรียกได้ว่าหลงผิดมาตลอดที่คิดว่า"คนทำงานมีประสบการณ์ยิ่งเยอะยิ่งดี" แต่หลังจากได้พูดคุยสอบถามเจ้าของกิจการเกี่ยวกับยาหลายๆท่านเห็นตรงกันว่าประสบกาณ์มีเป็นเรื่องที่ดีแต่ไม่ต้องมากประมาณซัก5-6ปีพอแล้ว ถ้า7-8ปีหรือเป็น10ๆปีมากไป เราก็ว่ามากไปสิดีได้รู้ได้เห็นไรเยอะทำงานก็จะมีความถูกต้องดีแก้ไขปัญหาต่างๆได้ดีรวมทั้งจะมีวิสัยทัศน์ดีช่วยวางแผนหรือคาดการณ์อนาคตของงานหากจะมีการเปลี่ยนแปลง เจ้าของร้านพวกนั้นก็ไม่ว่าไรบอกแต่เพียงว่ามีประสบการณ์บ้างพอแล้วไม่ต้องมาก แล้วก็จบไป เลยไม่อยากไปถามไรต่อเดี๋ยวจะกลายเป็นไปขัดกัน ตกลงประสบการณ์มากเจ้าของกิจการหลายแห่งไม่ต้องการเป็นเพราะไร
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51







Re: เบื่อจุงเบย!!!พวกชอบเอาเปรียบเภสัชจบใหม่และรุ่นน้อง

โพสต์โดย เมจิก พี » 20 ก.ค. 2013, 01:11

เจ้าของธุรกิจยาบางคนที่ชอบรับเภสัชจบใหม่และรุ่นน้อง เพราะ
1.ให้เงินเดือนถูกๆแล้วรุ่นน้องๆคิดตามไม่ทันว่ามันเหมาะสมหรือไม่เพราะยังไม่มีประสบการณ์
2.ปกครองง่ายไม่กล้าหือ
3.ใช้งานได้ทุกอย่างไม่ต่างจากผู้ช่วยเภสัช
4. ทำงานเกินเวลาที่กฎหมายกำหนดก็ไม่บ่นซ้ากคำ(อันนี้อาจจะรวมเภสัชรุ่นพี่ด้วย)

5.สวัสดิการต่างๆที่ดูเหมือนว่ามี(หรือเปล่า) น้องๆมักไม่ค่อย(กล้า)ทวงถามหรือใช้สิทธิ์ พอน้องๆไม่(กล้า)พูดเรื่องนี้ เจ้าของบางท่านก็เฉยซะ(ประหยัดดี)
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!!พวกชอบเอาเปรียบเภสัชจบใหม่และรุ่นน้อง

โพสต์โดย justicestats » 20 ก.ค. 2013, 17:35

ผมก็เคยครับ ตอนสมัครงาน ถูกทางฝ่ายเลขาของ ผอ. โรงพยาบาลโทรมาบอกว่า ผอ.ไม่ว่างมาสัมภาษณ์งานด้วย ทั้งๆ ที่หัวหน้าเภสัชโทรนัด ผอ.ของมันไว้แล้ว ซึ่งถึงตอนนี้กลายเป็นแคนเซิลไปโดยปริยาย

ผมเคยโดนเงื่อนไขการสมัครงานที่ว่าให้ฝึกงาน 3 วัน โดยไม่ให้ค่าจ้างมาหลายที่ รพ. 2 ที่ ร้านยา 1 ที่ ผมว่า 7-11 เขายังมีน้ำใจมากกว่านี้อีก

อย่างผมก็ไม่คิดจะง้อรุ่นพ่งรุ่นพี่อะไรแล้ว ถึงแม้จะมีญาติเป็นเภสัชด้วยกันก็ตาม ผมก็ไม่ต้องนับมันเป็นพี่ก็สิ้นเรื่อง ทั้งคนที่เป็นเภและไม่ใช่เภสัช :lol:
รูปภาพ
เภสัชแขวนป้ายก็เหมือนแขวนเครดิต มันน่าจะถูกแขวนป้ายที่คอตัวเอง เอาโซ่ตรวนลากไป ให้คนอื่นประจานกลางถนนดีมั้ย!?
justicestats
 
โพสต์: 20
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2011, 13:34

Re: เบื่อจุงเบย!!!คนเห็นแก่เงิน

โพสต์โดย เมจิก พี » 28 ก.ค. 2013, 16:00

ในที่นี้จะกล่าวถึง "ยา" ในประเด็น"ธุรกิจยา" เมื่อมันเป็นธุรกิจ มันก็เป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่ต่างฝ่ายต่างต้องการผลประโยชน์สูงสุด ระหว่างเภสัชกับผู้ที่มาซื้อยาก็ต้องมีเรื่องคุณธรรม จรรยาบรรณ ความรู้ความสามารถ มาเกี่ยวข้องนอกจากเรื่องผลประโยชน์ แต่ระหว่างเภสัชกับเจ้าของธุรกิจยา มันเป็นเรื่องผลประโยชน์เกือบเต็มร้อย (อาจจะมีเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวบ้าง) ถ้าเจ้าของธุรกิจได้ผลกำไรพอสมควรก็ควรจะจัดสรรให้เป็นธรรมแก่ผู้ร่วมงานทุกคนตามหน้าที่ความรับผิดชอบ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าผลกำไรจากธุรกิจยามันมากหลายร้อยถึงเป็นพันเปอร์เซ็น ถึงแม้จะเฉลี่ยกับสินค้าบางตัวที่ไม่ค่อยมีกำไร รวมกับหักค่าใช้จ่ายต่างๆ มันก็ยังเหลือกำไรเป็นกอบเป็นกำอยู่ดี ท่านเจ้าของธุรกิจยาก็ควรจะแบ่งปันผลกำไรในรูปเงินเดือนและสวัสดิการให้กับผู้ร่วมงานอย่างเป็นธรรมตามราคาตลาด ดังนั้นการที่เภสัชกร(ที่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างครบถ้วนแล้ว ความจริงมันก็ต้องเป็นอย่างนั้น เพราะถ้าทำไม่ครบถ้วนเขาคงไม่จ้าง)มาเรียกร้องค่าตัวที่เจ้าของธุรกิจยากดราคาค่าตัวไว้ เพราะรู้ว่านายจ้างได้กำไรเยอะ เราไม่ได้ต้องการส่วนแบ่ง50-50 แต่เราต้องการค่าแรงตามที่ควรจะเป็น จะหาว่าเราเห็นแก่เงินหรือไม่ และการที่นายจ้างหลายแห่งกดค่าแรงเภสัชไว้ เพื่อผลประโยชน์สุงสุดแก่ตัวเองและพวกพ้อง ถามว่าใครเห็นแก่เงินกันแน่
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!!คนแก่กะผู้ชายเนี่ย???

โพสต์โดย เมจิก พี » 30 ก.ค. 2013, 01:05

ความแก่มันไม่เข้าใครออกใคร แล้วมันห้ามแก่ไม่ได้อย่างมากได้แค่ชลอ ส่วนความเป็นผู้ชายมันก็เลือกเกิดไม่ได้อีก(แต่จะกลายมาเป็นเพศที่3หรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง) ที่ว่าแก่ในที่นี้คือแก่เกิน30,35ปีหรือ40หรืออื่นๆตามแต่ที่นายจ้างจะกำหนดว่าถ้าเกินจะไม่รับหรือเป็นผู้ชายจะไม่รับเข้าทำงาน อันนั้นเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะไม่รับ สิทธิ์ของผมคือรณรงค์ให้เภสัชกรที่มีแนวคิดเดียวกับผมไม่ไปร่วมงานกับนายจ้างที่มีเงื่อนไขแบบนี้ บางคนบอกว่ายังมีหลายหน่วยงานที่ไม่มีเงื่อนไขพวกนี้ อันนี้ทราบแต่ผมเห็นว่า
1.การจำกัดอายุถือว่าเป็นการจำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นคน ซึ่งมันเป็นเพียงแค่ตัวเลขและมันเป็นไปตามธรรมชาติเราไม่อาจไปหยุดยั้งได้ แต่สุขภาพ ประสบการณ์และความสามารถเขายังมีอยู่ รวมทั้งยังดูน่าเชื่อถือ จึงขอย้อนถามว่า เวลาญาติท่านป่วยท่านอยากพบหมอผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์หรือไม่ สิ่งเหล่านี้มันต้องใช้กาลเวลาในการสะสม คงหาได้ยากในผู้อายุน้อย
2.การกำหนดเพศถือว่าเป็นการจำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นคน เช่นกันมันเป็นไปตามธรรมชาติเราเลือกเกิดไม่ได้ สินค้าชายสินค้าหญิงเราเภสัชทุกคนหาความรู้เพิ่มเติมก็ทำได้เหมือนๆกัน บางร้านอ้างว่ามีแต่พนักงานผู้หญิง ก็มีไปสิ ต่างคนต่างทำงานของตัวเองไป
ผมมองว่าวิชาชีพเภสัชกรรมไม่มีเพศไม่มีอายุ ตราบเท่าที่คุณยังสามารถทำงานได้คุณคือที่พึ่งของประชาชนทางด้านเภสัชกรรมครับ
ข้อเขียนนี้ต้องมีผู้ไม่พอใจ บอกแล้วว่า นายจ้างก็มีสิทธิ์จะไม่รับ ผมก็มีสิทธิ์จะรณรงค์ไม่เห็นด้วย ต่างคนต่างมีสิทธิ์ครับ
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!!"ออก"สถานเดียว

โพสต์โดย เมจิก พี » 02 ส.ค. 2013, 02:30

หมายความว่าไง ก็ตรงไปตรงมา ถ้าธุรกิจยาของเขา ขาดทุน ถึงเขาไม่ขอความเห็นใจให้เราช่วยกรุณาลาออก เราก็คงรู้อยู่แก่ใจว่าควรจะลาออกก่อนที่เขาจะไม่มีเงินเดือนจ่ายให้
แต่ถ้าธุรกิจยาเขามีกำไรเป็นกอบเป็นกำ อันนี้ดูจากยอดขายรายวันก็พอจะรู้ว่ากำไรเยอะแน่ บางที่(แต่เป็นส่วนน้อย)จะมีกฎเกณฑ์การขึ้นเงินเดือน แต่ร้านค้ายาส่วนมากจะไม่มีกฎเกณฑ์ตรงนี้ ถ้าเภสัชต่อรองเรื่องขอขึ้นค่าแรงเขาพยักหน้ารับทราบไม่ว่าอะไร อีกไม่กี่วัน จะมีประกาศหาเภสัชคนใหม่ในเวบแน่นอน เวลากำไรล่ะเก็บเงียบ เวลาขาดทุนก็ต้องขอความเห็นใจ อ้าว!!ไม่รู้เหรอ เจ้าของธุรกิจยาพวกนี้นอกจากจะเป็นสมาชิกอยู่ในสมาคมเกี่ยวกับยายาทั้งหลายแล้ว เขายังเป็นสมาชิกใน สมาคม กำไรไม่แบ่ง แห่งประเทศไทยด้วย
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!! ความจริงที่ต้องยอมรับ

โพสต์โดย เมจิก พี » 09 ส.ค. 2013, 00:30

ความจริงที่จำต้องยอมรับ

ร้านเชนใหญ่ๆที่กำลังรับเภสัชไปเป็นพระอันดับประดับร้าน ตอนนี้กำลังเร่งหาคน ต้องยอมรับว่ามีน้องๆเพื่อนๆเภสัชจำนวนมากให้ความสนใจกับประกาศหาคนของเชนใหญ่พวกนี้ หลายๆคนอาจคิดว่าเป็นพระอันดับก็ดีกว่าตกงานยังมีเงินเดือน ยังมีไรทำแก้ว่าง อาจจะได้ใช้ความรู้บ้าง ก็จริงของเขา ถ้าเบื่อ(ที่จะมานั่งหล่อนั่งสวยยืนหล่อยืนสวย)เมื่อไรก็ค่อยออกมา ยังมีร้านยาอีกมากที่ต้องการให้น้องๆและเพื่อนๆได้ใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่รวมทั้งให้เกียรติพวกเราตามสมควรด้วย ความรู้ถ้าไม่ค่อยได้ใช้ก็ไม่ต่างอะไรกับต้วอักษรบนแผ่นกระดาษที่ถูกแดดเผา นับวันมันก็จะค่อยๆเลือนหายไป
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!!เป็นเจ้าชีวิตเภสัชกรตั้งแต่เมื่อไร

โพสต์โดย เมจิก พี » 11 ส.ค. 2013, 01:18

ก็กำหนดเวลาทำงานวันนึง8-9-10-12ชั่วโมง ทำ5-6วันต่อสัปดาห์ กำหนดเงินเดือน กำหนดวันหยุดได้กี่วันต่อสัปดาห์ ยังมากำหนดอีกว่าให้หยุดวันนั้นวันนี้ วันโน้นห้ามหยุดเช่นให้หยุดวันจันทร์ วันอาทิตย์ห้ามหยุด มากไปไหมเพ่ ทราบ!!คุณทำเพื่อผลประโยชน์สุงสุดของพวกคุณ เภสัชก็ทำงานตามเวลาที่พวกคุณกำหนดทุกอย่าง วันหยุดมันก็เป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานที่จะได้หยุดตามจำนวนวันที่พวกคุณกำหนด ก็ขอใช้สิทธิ์ส่วนตัวที่จะได้หยุดในวันที่ต้องการซึ่งมันก็จะเป็นผลดีสะท้อนกลับมาทำงานในวันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะมีความสบายกายและใจพอสมควร อยากได้คนทำงานในวันที่นายจ้างต้องการก็จ้างP/Tมาสิ ก็ไม่ แต่อยากประหยัดแล้วมาริดรอนเบียดบังกำหนดโน่นนี่นั่น ถามดังๆว่า ท่านจ้างเภสัชเดือนละกี่ล้าน จะเอาให้ได้ดั่งใจทุกอย่างมาเป็นเจ้าของชีวิตเภสัชตั้งแต่เมื่อไร กำหนดโน่นนี่นั่น โดยเฉพาะร้านในห้างบางห้างพวกนี้ตัวดี สุดยอดแห่งการริดรอนสิทธิของความเป็นคน กฎระเบียบต้องมีอันนี้ทราบ แต่กฎระเบียบที่หยุมหยิมจุกจิกมันริดรอนสิทธิมนุษย์ชน แต่พวกผู้บริหารห้างมันไม่กลัว จุดแข็งของไอ้พวกเจ้าของห้างพวกนี้คือมันจะสนิทสนมมากๆๆๆกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง จึงเล่นงานไอ้พวกนายทุนพวกนี้ยากสส นี่แหละมาเฟียที่ถูกกฎหมายของประเทศไทยคือพวกนายทุน สังเกตไหมตามห้างใหญ่(department store)บางห้างพวกนี้มันจะมี รปภ.อยู่ตามชั้นต่างๆเป็นร้อยคน เอาไว้ดูแลทรัพย์สินก็จริง แต่อีกเหตุหนึ่งคือเอาไว้ป้องกันการเอาคืนของคนที่มัน"เล่นงาน"ไว้ก็พวกอดีตพนักงานกับคนที่เข้าไปลักของในห้างมันจะมีห้องสอบสวนอยู่ชั้นใต้ดินตรงลานจอดรถเอาไว้ "จัดหนัก" มันถึงกลัวการเอาคืน จึงจ้าง รปภ.มาเป็นพันคน
สรุปว่าการที่นายจ้างมากำหนดโน่นนี่นั่นมากไปประหนึ่งผู้บงการชีวิตแบบนี้ ใครเห็นด้วยก็ให้เขาจูงจมูกต่อไป อีกหน่อย เขาคงมีเหตุผลทางธุรกิจของเขาที่จะสั่งให้เรา เลิกกับแฟน เพราะแฟนเราเป็นลูกหลานของร้านคู่แข่งอาจจะมาแฮกข้อมูลหรือแฟนเราอาจเป็นคนที่นายจ้างไม่ถูกชะตาก็เลยมาสั่งให้เราเลิกกะแฟนก็เป็นด้าย
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!!เป็นเจ้าชีวิตเภสัชกรตั้งแต่เมื่อไร

โพสต์โดย rx-racer » 12 ส.ค. 2013, 17:15

ดัน
rx-racer
 
โพสต์: 61
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 18:49

Re: เบื่อจุงเบย!!!เป็นเจ้าชีวิตเภสัชกรตั้งแต่เมื่อไร

โพสต์โดย เมจิก พี » 13 ส.ค. 2013, 22:51

update ข้อเขียนข้างบนนี้หลายท่านยังไม่ได้อ่าน ไม่หวังให้เกิดการเปลี่ยแปลงเพราะผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องแบบนี้มีจุดยืนที่แข็งโป๊กด้วยการยึดมั่นถือมั่นในผลประโยชน์อันสูงสุดของตัวเอง แต่ต้องการเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงมาชั่วนาตาปีมาเขียนให้เห็นกันจะจะ ว่าสิ่งที่ไม่เป็นธรรมมันมีอยู่ทุกวงการ
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!! "เป็นลูกคนเร่ร่อน"

โพสต์โดย เมจิก พี » 17 ส.ค. 2013, 22:05

ไปตรวจดูประกาศรับสมัครงานของหัวแถววงการสา'สุข ทั้งหมอ สู ศัลย์ เมด เด็ก GP. หมอเฉพาะทางต่างๆ หมอฟัน ไม่เห็นเขากำหนดอายุและเพศในการรับสมัครเลยรวมทั้งไม่มีเงื่ิอนไขจุกจิกในการรับสมัครด้วย ขอให้มีความชำนาญตรงกับสายงานที่ต้องการก็พอ จะมีก็แต่ประกาศรับเภสัชนี่แหละ เงื่อนไขจุกจิกสารพัด กำหนดเพศ กำหนดอายุเข้มข้นมาก ต่างกับหัวแถววิชาชีพสา'สุขอื่นๆชัดเจนมากถึงมากที่สุด หรือเภสัชไม่ใช่หัวแถว แต่เป็นหางแถวสา'สุขไปแล้ว ถึงมีเงื่อนไขการรับเข้าทำงานจุกจิกมากมาย ไม่เรียกว่าลูกเมียน้อยก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร เงื่อนไขจุกจิกแบบนี้ตกลงเขารับเภสัชหรือรับพนักงานอ๊อฟฟิตกันแน่(วะ)
และถ้าพวกเรายังยอมรับทุกเงื่อนไขที่นายจ้างกำหนดมา ไม่เกี่ยงเงินเดือน ไม่ตั้งใจทำงาน ไม่พัฒนาความรู้ความสามารถ ทำตัวไม่มีคุณภาพ อย่าว่าแต่ลูกเมียน้อยเลย ลูกคนใช้จะได้เป็นหรือปล่าว หรือจะเป็นได้แค่ลูกคนเร่ร่อน???
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

เวทีชีวิตต่างกัน ตำแหน่งวางตัวต่างกัน คุณค่าของคนก็เปลี่ยนไป

โพสต์โดย NongTak » 18 ส.ค. 2013, 06:27

วันหนึ่งเณรน้อยเจ้าปัญญา มาหาพระอาจารย์ ....“พระอาจารย์ คุณค่าในตัวของข้าคืออะไร ”

พระอาจารย์ “ไปสวนหลังบ้านเก็บก้อนหินก้อนใหญ่มา 1 ก้อน เอาไปวางขายที่ตลาด ถ้ามีคนถามราคา ไม่ตอบ แค่ชู 2 นิ้ว ถ้าเขาต่อรอง อย่าขาย เอากลับมา อาจารย์จะบอกเองว่า คุณค่าในตัวของเจ้าคืออะไร”

วันรุ่งขึ้น เณรน้อยอุ้มหินไปวางขายที่ตลาด คนจ่ายตลาดเดินผ่านไปผ่านมา ต่างแปลกใจ มีแม่บ้านเดินมาถาม “ก้อนหินขายเท่าไหร ?”

เณรน้อยชู 2 นิ้ว
“2 เหรียญ”
เณรน้อยสั่นหัว

“งั้นก็ 20 ก็ได้ จะได้เอาไปทับผักกาดดอง”

เณรน้อยคิดในใจ “แม่เจ้าโว๊ย หินไร้ค่านี้ขายได้ตั้ง 20 เหรียญ บนเขาวัดข้ามีเยอะแยะเณรน้อยก็ไม่ขายตามที่พระอาจารย์บอก ไปพบพระอาจารย์ด้วยความดีใจ

“อาจารย์ วันนี้มีแม่บ้านคนหนึ่งให้ราคา 20 เหรียญจะซื้อหินของข้า อาจารย์บอกได้หรือยังว่า คุณค่าในตัวของข้าคืออะไร”

อาจารย์ “ไม่ต้องรีบ พรุ่งนี้ เอาไปวางไว้ในพิพิธภัณฑ์ ถ้ามีคนถามราคา ไม่ตอบพูด แค่ชู 2 นิ้ว ถ้าเขาต่อรอง อย่าขาย เอากลับมา แล้วมาคุยกันใหม่”

วันต่อมา ใน พิพิธภัณฑ์ มีจีนมุงล้อมวง คุยกันเองว่า “หินธรรมดาก้อนหนึ่ง มีค่าอะไรมาวางไว้ในพิพิธภัณฑ์” มาวางไว้ในพิพิธภัณฑ์ได้ มันก็ต้องมีคุณค่าของมัน แต่เราอาจจะไม่รู้ตอนนี้ มีคนโผล่มา ตะโกนถามเณรน้อยว่า “เณรน้อย หินก้อนนี้เท่าไหร่ขาย ”

เณรน้อยชู 2 นิ้ว

“200 เหรียญ”

เณรน้อยสั่นหัว

“งั้นก็ 2000 แล้วกัน กำลังหาหินไปแกะสลักพระพุทธรูป”

เณรน้อยตกใจ มากกว่าเมื่อวานอีก ก็ไม่ขายตามที่พระอาจารย์บอก ไปพบพระอาจารย์ด้วยความดีใจ

“อาจารย์ วันนี้มีคนให้ราคา 2000 เหรียญจะซื้อหินของข้า วันนี้อาจารย์ต้องบอกข้าแล้วนะว่า คุณค่าในตัวของข้าคืออะไร”

อาจารย์หัวเราะชอบใจ “พรุ่งนี้เอาไปที่ร้านขายวัตถุโบราณ เหมือนเดิม แล้วเอากลับมา ครั้งนี้ อาจารย์บอกคำตอบเธอแน่ ๆ “

วันต่อมา เณรน้อยเอาหินไปที่ร้านขายวัตถุโบราณ ก็ยังมีคนมามุงดู มีคนพูดว่า นี่มันหินอะไรว่ะ มาจากถิ่นไหน ของราชวงศ์ไหน ใช้ทำอะไร
สุดท้ายมีคนมาถามราคา “ เณรน้อย หินก้อนนี้เท่าไหร่ขาย ?”

เณรน้อยชู 2 นิ้ว

“20,000 เหรียญ”

เณรน้อยตกใจอ้าปากค้าง อุทานเสียงดัง “หา” คนนั้นนึกว่าตัวเองให้ราคาต่ำไป ทำให้เณรน้อยรมณ์เสีย แก้ไขทันทีว่า “ไม่ ๆ ๆ ข้าพูดผิดแล้ว ข้าจะให้เจ้า 200,000”

เณรน้อยได้ยินดังนั้น อุ้มหินวิ่งหนีกลับไปบนเขาหาพระอาจารย์ทันที พูดกับอาจารย์แบบกระหือกระหอบว่า “อาจารย์ครั้งนี้เรารวยแล้ว มีโยมจะให้ราคาเรา 2 แสนเพื่อซื้อหินก้อนนี้ อาจารย์บอกได้หรือยังว่า คุณค่าในตัวของข้าคืออะไรกันแน่ ?”

อาจารย์ลูบหัวเณรน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดูว่า

“เจ้าหนูน้อย คุณค่าในตัวเจ้าก็เหมือนหินก้อนนี้ ถ้าวางตัวเองในตลาดสด เจ้าก็มีค่า 20 ถ้าเอาตัวเจ้าไปวางไว้ในพิพิธภัณฑ์ เจ้าก็มีค่า 2000 ถ้าไปอยู่ในร้านขายวัตถุโบราณ เจ้าก็มีค่า 2 แสน เวทีชีวิตต่างกัน ตำแหน่งวางตัวต่างกัน คุณค่าของคนก็เปลี่ยนไป”
NongTak
 
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2008, 22:23

Re: เบื่อจุงเบย!!! "เป็นลูกคนเร่ร่อน"

โพสต์โดย เมจิก พี » 18 ส.ค. 2013, 22:39

คนเรามันต่างกันแค่หน้าที่แต่อยู่ในเวทีชีวิตเดียวกัน ในสังคมประเทศนี้ก็ให้คุณค่ากับพวกหมอมากหน่อย แต่ในบางสังคมคุณค่าของนักกฎหมายมีมากกว่า แต่การกำหนดกฎเกณฑ์การรับเข้าทำงานมันคือการตอบสนองความต้องการของนายจ้างโดยเอาความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่คุณค่าของคนทำงานคือความสามารถความเชี่ยวชาญ แม้คนทำงานมีความสามารถหรือเชี่ยวชาญมากเพียงไร แต่ถ้านายจ้างไม่ชอบใจคนทำงานคนนั้น ด้วยเหตุเช่นรู้สึกว่าคนทำงานคนนี้ดูหัวแข็งเกินไป หรือว่าคนทำงานคนนี้ดูไม่น่าเชื่อถือเช่นไว้หนวดเครารุงรัง เป็นผู้ชายแต่ใส่ตุ้มหูอาจจะรู้สึกว่าไม่เหมาะสมกับงานของตัวเอง นายจ้างก็ไม่พิจารณารับเข้าทำงานเพราะไม่ถูกใจนายจ้าง แต่คนทำงานคนนี้มีความสามารถ ดังนั้นคุณค่าเขายังเต็มเปี่ยม การที่จะตีความว่าคุณค่าของคนบางวิชาชีพน้อยเลยต้องมีกฎเกณฑ์ในการรับเข้าทำงาน จึงเป็นคนละเรื่องโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นคุณค่าของทำงานจะมากจะน้อยมันขึ้นกับความสามารถและความเชี่ยวชาญ แต่กฎเกณฑ์การรับเข้าทำงานมันตอบสนองกิเลสและความต้องการของนายจ้างไม่เกี่ยวกับคุณค่าของคนทำงานเลย คนทำงานยังมีคุณค่าเสมอตราบเท่าทีเขายังสามารถและเชี่ยวชาญ ถ้าสามารถมากย่อมต้องมีคุณค่ามากคนที่ทำงานด้วยกันจะเห็นผลงานสว่นค่านิยมทางสังคมมันเป็นเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกของคนในสังคมนั้น ค่าของคนมันอยู่ที่ผลของงาน(และอยู่ที่คนของใครด้วย)
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!! เก่งมาจากไหน ก็ให้แค่120

โพสต์โดย เมจิก พี » 10 ก.ย. 2013, 00:04

เก่งมาจากไหน ก็ให้แค่120 บาท/ชั่วโมง แถมยังมีเงื่อนไขต้องใช้ใบประกอบด้วย และจ้างไม่เกินวันละ3ชั่วโมงอีก แหมช่างเป็น120บาท/ชั่วโมงที่ไม่ได้มาง่ายๆเลย บางที่ก็ไม่มีเงื่อนไขอะไรแต่จะเก่งแค่ไหนก็จ่ายแค่120ต่อชั่วโมง
มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ทุกคนที่จบวิชาชีพเดียวกันแล้วจะเก่งเท่ากัน ประสบการณ์ความสามารถ เทคนิคแทคติคการทำงาน มันก็เก่งไม่เท่ากัน ดังนั้นเพื่อนๆน้องๆที่เก๋าๆคร่ำหวอดพอสมควรก็คงจะรู้อยู่เองว่าค่าตัวพวกท่านอย่างน้อยต้อง150บาท/ชั่วโมงup อย่าไปเสียเวลาต่อรองกับนายจ้างพวกนี้เลยมันเป็นนโยบายต้นทุนต่ำสุดกำไรสูงสุดของเขา ยิ่งหากมาได้เก่งๆอย่างพวกท่านบางคนแล้วจ้างในราคา120/ชั่วโมง นายจ้างพวกนี้ก็จะเหมือนถูกหวยรางวัลใหญ่ เอาเป็นว่าถ้าหาคนจ้างเกินกว่า120บาท/ชั่วโมงได้ยากและจำเป็นต้องรับค่าตัวแค่120/ชั่วโมง เราก็ปล่อยฝีมือให้เหมาะสมกับราคา120 บาท/ชั่วโมงแต่ถ้าใครจ้าง150up/ชั่วโมงเราก็จัดเต็มไป ราคา120บาท/ชั่วโมงแม้เป็นราคามาตรฐาน แต่มันก็เหมาะกับเภสัชน้อยฝีมือและประสบการณ์ เท่านั้น
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!! ฝ่ายหาคน ตัวถ่วงความเจริญ!

โพสต์โดย เมจิก พี » 01 ต.ค. 2013, 00:31

เพราะวาสนา(จะอ้างว่ามีความสามารถก็จัดไป)มาถึงจึงได้มีโอกาสมานั่งในตำแหน่งหาคนเข้าทำงาน "เพราะฉันมีส่วนในการรับพวกคุณเข้าทำงาน"ดูมีบุญคุณและมีอำนาจ พนักงานใหม่ๆเกรงใจพอสมควร แต่การที่ฝ่ายหาคนพวกนี้รู้เฉพาะงานในอ๊อฟฟิตที่ตัวเองเคยร่ำเรียนมาหรือเคยอบรมเพิ่มเติมตอนมาทำงานแล้ว แต่งานของผู้ชำนาญการเฉพาะทางที่ตัวเองจะต้องคัดคนเหล่านี้เข้ามาร่วมงานด้วย หารู้ไม่หรือรู้แค่เพียงผิวเผิน การคัดคนที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางของฝ่ายหาคนหลายครั้งจึงได้ปล่อยให้เพชรเม็ดงามหลุดมือตกลงไปในแม่น้ำอย่างช่วยไม่ได้ ที่กล้าโพสแบบนี้เพราะได้ไปพบไปเจอเภสัชที่ทำงานเก่งๆหลายคนแนะนำยาขายยาทำยอด(โดยไม่ได้ยัดเยียดยา)โอภาปราศรัยลูกค้าถูกใจ เภสัชเหล่านี้เคยไปสมัครบริษัทมาแล้วทั้งนั้น นั่งเขียนใบสมัคร สัมภาษณ์แต่เขาไม่เอา โอ้โฮ!ขายเก่งแนะนำดีแบบนี้ยังไม่เอา แล้วจะเอาอะไรอีก อย่ามาอ้างเลยว่ามีคนเก่งกว่า ผมก็ไปยืนดูเภสัชประจำร้านของบริษัทพวกนั้นเพื่อมาเปรียบเทียบกัน อย่างที่เคยบอกไว้มีแต่พระอันดับทั้งนั้น บ้างก็เอาแต่แช็ทแต่จิ้ม เคยเข้าไปสอบถาม ไม่ค่อยอยากจะคุยกะลูกค้าเท่าที่ควร นี่แหละผลงานของฝ่ายหาคนที่ไม่รู้จริงในสิ่งที่ตัวเองต้องเกี่ยวข้อง ตัวถ่วงความเจริญของบางบริษัท บางคนจะมีน้ำเสียงและท่าทีดูอวดเบ่งข่มผู้มาใหม่อีกด้วย(ประโยคหลังนี่ฝ่ายหาคนของโรงบาลเอกชนบางแห่งเป็นอย่างนั้นชัดเจน)
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง โรบัสต้า

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document