New Document









ชีวิตคนขายของ(ยา)ยามดีก เป็นเภสัชก็มีสิทธิ์โดน

ประกาศรับสมัครงาน โยกย้าย
กระทู้ที่เกี่ยวข้องกับการแขวนป้ายจะถูกลบโดนมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

Re: เบื่อจุงเบย!!! พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

โพสต์โดย เมจิก พี » 04 ต.ค. 2013, 02:05

ได้โพสเรื่องราวต่างๆมาพอสมควรเพื่อต้องการจุดประกายความคิดและต้องการการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์รวมทั้งเป็นธรรมต่อเพื่อนพี่น้องเภสัช(ที่ไม่ใช่เจ้าของธุรกิจ)และไม่น้อยหน้าจนเกินไปในเรื่องผลตอบแทนเมื่อเปรียบเทียบกับแพทย์และทันตแพทย์ ทำให้ตัวเองเหมือนสายล่อฟ้าหาเรื่องเข้าตัวตลอดเวลา ก็อย่างที่จั่วหัวไว้" พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง"ขอยุติกระทู้นี้แต่เพียงเท่านี้
Note1:"เงียบ นิ่ง เฉย"

ฝากถึงน้องๆและเพื่อนเภสัช(ที่ยังไม่ใช่เจ้าของธุรกิจ)ว่า ถ้าพวกท่าน "เงียบ นิ่ง เฉย"ไม่มีปากไม่มีเสียง นายจ้างว่าอย่างไรเราก็ว่าตามนั้น ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ยกระดับstatusของเภสัชกรมนุษย์เงินเดือน (นายจ้างที่ยุติธรรมในเรื่องผลตอบแทนก็พอมีแต่เป็นส่วนน้อย)ถึงแม้ท่านจะมีฝีมือและความสามารถเก่งกาจปานใด นายจ้างก็จะมองเพียงว่านั้นเป็นสิ่งที่ท่านต้องทำให้คุ้มเงินเดือน อย่าหวังเลยว่านายจ้างจะบวกค่าจ้างเพิ่มให้ถ้าท่านเอาแต่เงียบและรอสวรรค์มาประทานพรให้ นายจ้างเขามีพลัง มีปากมีเสียงและโพสแสดงออกรวมทั้งให้กำลังใจระหว่างนายจ้างด้วยกันตลอดเวลามากกว่าเภสัชมนุษย์เงินเดือนที่เอาแต่เงียบ ส่วนผม(คนที่นายจ้างเกลียดอันดับต้นๆ)มีstatusพอสมควรแล้วและได้ออกมาเรียกร้องให้เภสัชมนุษย์เงินเดือน(โดยที่ไม่มีใครร้องขอให้ออกมาทำหน้าที่ตรงนี้)ได้ทำหน้าที่ตรงนี้จนมีคนเกลียดพอสมควรแล้วจึงขอหยุดจำนวนคนเกลียดไว้แต่เพียงเท่านี้
Note2:"สุดฝีมือ"
น้องๆและเพื่อนๆที่ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนจงแสดงความสามารถในการทำงานให้เต็มที่ทั้งด้าน บริบาลเภสัชกรรม counselling,dispensing,ตรวจ วัด เจาะ(ถ้ามีอุปกรณ์หรือขอให้เจ้าของร้านจัดหามา เคยไปอบรมที่อย.ผู้อบรมแนะว่าทำได้) ทำแผ่นพับหรือฟิวเจอร์บอร์ดคำแนะนำ คำเตือนต่างๆเกี่ยวกับยา และอื่นๆ(รวมทั้งทำยอดขายด้วย)เพื่อให้ชาวบ้านและเจ้าของธุรกิจได้ประจักษ์ชัดว่าการมีเภสัชประจำร้านและให้โอกาสเภสัชได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่มันมีความแตกต่างอย่างฝุดๆกับการไม่มีเภสัชประจำร้านหรือแค่จ้างมาประดับร้านให้ครบองค์ประกอบเท่านั้น เมื่อเภสัชมีฝีมือในการดูแลชาวบ้านได้มากมายหลายด้านแบบนี้ ชาวบ้านจะถามหาหรือเลือกร้านที่มีเภสัชมาบริการพวกเขา และในที่สุดร้านยาที่ไม่มีเภสัชจะอยู่ไม่ได้ ไม่ต้องหวังพึ่งกฏหมายบังคับ ถ้าผู้บริโภคมีความต้องการตลาดจะตอบสนองเอง "แล้วพวกเราพร้อมที่จะแสดงฝีมือไหม เจ้าของร้านพร้อมที่จะสนับสนุนพวกเราหรือยัง"
Note3:"อยู่กันแบบพี่แบบน้อง"
เจ้าของเงินหรือเจ้าของธุรกิจหลายๆคนอยากจะให้ทุกๆอย่างภายในร้านทั้งคนทึ่ทำงานในร้านและข้าวของสินค้าต่างๆรวมทั้งบรรยากาศในร้านเป็นไปอย่างที่ตัวเองคิดทุกอย่าง ก็คิดได้ฝันได้ตามประสาของคนที่เป็นเจ้าของ เรื่องการทำงานและพฤติกรรมของคนในร้านมีการตรวจสอบกำกับดูแลด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิดหรือไม่ก็ส่งฝ่ายตรวจสอบมาสอดส่องเดือนละบ่อยๆครั้ง ติดกล้องวงจรปิดไว้จับการเคลื่อนไหวทุกอย่างในร้านทั้งลูกค้าและพนักงาน บางที่มีเครื่องดักฟังซ่อนไว้ด้วย เริ่มเกิดความไม่ไว้วางใจกัน ความเป็นมิตรเริ่มน้อยลง(ก่อนมาทำงานเจ้าของมักมีประโยคทอง "อยู่กันแบบพี่แบบน้อง"คนที่ทำงานด้วยในร้านอึดอัดแต่ไม่แสดงออก ประโยคที่ตามมา "ถ้าไม่ทุจริตทั้งเรื่องเวลา ทั้งเรื่องข้าวของเงินทองก็ไม่ต้องกังวล" คนทำงานมีใครมาคอยจ้องจับผิดจะโดยตรงโดยอ้อม คงไม่มีใครปลอดโปร่งใจ ก็อยู่กันไปแบบเชื่อใจกันไม่ถึงร้อย ทีสำคัญการคิดทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับร้านและลูกค้าด้วยสปิริตหรือด้วยใจที่รักต่องานและร้าน(พนักงานแบบนี้มี ) ต้องถูกตรวจสอบก่อนว่ามีอะไรทุจริตแอบแฝงหรือไม่ พวกเจ้าหลักการ นักบริหารบอกก็ต้องเป็นอย่างนั้นคือต้องตรวจสอบก่อน คนทำงานหรือผู้ปฏิบัติการคงต้องทำใจ รวมถึงกรณีที่การทำงานและพฤติกรรมของคนทำงานบางคนก็เป็นปรกติแบบนี้ไม่ได้คิดอคติกับร้าน แต่เจ้าของร้านมองว่าเป็นคน"หน้าไหว้หลังหลอก"เพราะเขาไม่ไว้ใจ ดังนั้นถ้าไม่ลาออกก็อยู่เฉยๆประครองตัวไปวันๆอย่าไปทำไรนอกจากงานประจำวัน อยากให้ทุกอย่างเป็นอย่างใจ ต้องทำเอง หรือจะเอาญาติพี่น้องมาทำจะสบายใจกว่าจ้างใครก็ไม่รู้(จริงอยู่การรับคนเข้าทำงานมีความเสี่ยงแต่ถ้าเรายอมลดความเสี่ยงด้วยการหาคนทำงานรวมทั้งเภสัชที่เราเคยเห็นผลงานและพฤติกรรมของพวกเขาจากการทำงานของพวกเขาในร้านอื่น ก็ต้องยอมลงทุนซื้อตัวมา ถือเป็นเรื่องทางธุรกิจที่มีการซื้อตัวกันเป็นเรื่องปรกติ การมาจุกจิกเข้มงวดอาจจะดูสบายใจดีกับเจ้าของแต่คนทำงานที่ดีๆเขาเสียความตั้งใจ) ถ้าเจ้าของเงินกับผู้ที่ทำงานด้วยอยู่กันแบบพี่แบบน้องจริง ก็จะได้ใจคนที่ทำงานด้วย เขาจะทำงานให้ด้วยใจ อยู่กันแบบสบายใจ ก็จะอยู่ทำงานด้วยกันได้นาน การมีสิ่งอำนวยความสะดวกและสิ่งที่ให้ความบันเทิงต่างๆในร้านเป็นสิ่งที่ดี แต่การไว้วางใจและเป็นมิตรต่อกันให้ความสุขใจในการทำงานมากกว่า น้องๆและเพื่อนๆเภสัชหลายคนถ้าเจอปัญหาแบบนี้ จะลาออกมาหาที่ทำงานที่ไว้วางใจและเป็นมิตรกับเรา หรือจะมาเปิดร้านเองก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เจ้าของเงินหรือผู้ประกอบการหลายๆคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้กำลังทำให้ผู้ร่วมงานเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ
Note4: "อย. บุกจับร้านยาผิดกฎหมาย เภสัชโดนด้วย"
เมื่อวันที่27 ก.พ. ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการ อย. พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ ผกก.4บก.ปคบ.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมร้านขายยาลักลอบขายยาผิดกฎหมายหลายรายการโดย ภก.ประพนธ์ กล่าวว่า อย.ได้รับเรื่องเรียนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรีว่ามีร้านขายยาครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 2 จึงได้แจ้งตำรวจบก.ปคบ.ให้เข้าจับกุมร้านขายยาชื่อ ยาเภสัชกร เลขที่ 75ถนนสุดบรรทัด ต.ปากเพรียว อ.เมืองจ.สระบุรี พบว่ามีการลักลอบขายยาหลายรายการ ประกอบด้วย โคเดอีน 8,000 เม็ด ซึ่งยาดังกล่าวจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ออกฤทธิ์คล้ายกับมอร์ฟีนอย.อนุญาตให้มีการจำหน่ายใน รพ.ที่มีผู้ป่วยค้างคืนเท่านั้นนอกจากนี้ยังพบการจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 และประเภท4 เช่น ยาแก้หวัดชนิดเม็ดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนที่ อย.ห้ามจำหน่ายไปเมื่อกลางปี 2555 และยังพบยาแผนปัจจุบันที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาได้แก่ วัตถุสีม่วงประมาณ 49,269 เม็ด และวัตถุสีเขียวอ่อนประมาณ 48,000 เม็ดบรรจุในภาชนะทึบแสงไม่มีฉลากแสง คาดว่าจะเป็นอัลปราโซแลม หรือยาเสียสาว ซึ่งต้องรอตรวจสอบจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อยืนยันอีกครั้ง

รองเลขาธิการอย.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบยาเสริมสมรรถภาพทางเพศ 8 รายการซึ่งยาดังกล่าวอาจมีส่วนผสมของซิเดนาฟิลซึ่งเป็นยารักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ที่ผ่านมาอย.ได้ส่งยาเหล่านี้ไปตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่ายาปลอมที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่มีส่วนผสมของซิเดนาฟิล ขนาดตั้งแต่กว่า10 มก.– กว่า 100มิลลิกรัม ซึ่งไม่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้ยาดังกล่าวเป็นยาอันตรายต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้นหากรับประทานเกินขนาดจะทำให้มีปัญหาต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ขณะเดียวกันยังตรวจพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่มีเลขอย.ได้แก่ กาแฟสำเร็จรูปชนิดผงยี่ห้อบูมส์ อ้างสรรพคุณ อกฟู รูฟิต ไม่มีกลิ่น ซึ่งอาจจะมีการผสมฮอร์โมนเพศหญิงคือเอสโตรเจนลงไป หากรับประทานเข้าไปอาจจะก่อให้เกิดมะเร็งได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงและกาแฟปรุงสำเร็จสลิม พลัส คอฟฟี่ อวดอ้างสรรพคุณว่าผอมขั้นเทพ ซึ่งอาจจะมีส่วนผสมของไซบูทรามีนรับประทานเข้าไปอาจส่งผลกระทบต่อหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงจับกุมผู้กระทำผิด พร้อมยึดของกลางมูลค่ากว่า 5 แสนบาทส่วนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ยึดไว้จะนำส่งตรวจวิเคราะห์หาสารอันตรายที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภก.ประพนธ์กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นได้แจงความดำเนินคดีใน 7 ข้อหาคือ 1.มีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีและปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท 2. ขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ฝ่าฝืนมาตรา 13 ทวิมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 – 20 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 – 400,000 บาท3.ขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 4 โดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีและปรับไม่เกิน 100,000 บาท 4.ขายยาไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 5.เภสัชกรผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการไม่อยู่ประจำณ สถานที่ขายยาแผนปัจจุบันตลอดเวลาที่เปิดทำการ มีโทษปรับตั้งแต่ 1,000 – 5,000 บาท6.จำหน่ายอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกิน 30,000บาทและ 7. จำหน่ายอาหารปลอมมีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รองเลขาธิการอย.กล่าวว่า ในส่วนของเภสัชกรประจำร้านทางอย.จะส่งชื่อไปยังสภาเภสัชกรรมเพื่อพิจารณาด้านจริยธรรม จรรยาบรรณของเภสัชกรต่อไปขณะเดียวกัน อย. จะดำเนินการพักใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบันจนกว่าจะดำเนินคดีสิ้นสุดดังนั้น ขอให้ผู้ประกอบการร้านขายยาทุกร้านคำนึงถึงคุณธรรมจริยธรรมและความปลอดภัยของประชาชนด้วย รวมทั้งขอให้ประชาชนคนไทยหันมาซื้อยาจากร้านยาคุณภาพหรือร้านขายยาทั่วไปที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายและต้องมีเภสัชกรประจำร้านให้บริการท่านในการแนะนำ ให้ใช้ยาอย่างปลอดภัยเพื่อมิให้ได้รับอันตรายหรือผลข้างเคียงใดๆ จากการใช้ยาเป็นอันขาดเมื่อถามว่ายาดังกล่าวมีต้นตอการผลิตจากที่ไหน ภก.ประพนธ์ กล่าวว่าโคเดอีนนำเข้าจากประเทศเวียดนามส่วนยาเสริมสมรรถภาพทางเพศคาดว่าลักลอบนำเข้ามาตามแนวชายแดน ในขณะที่กาแฟอวดอ้างสรรพคุณลดความอ้วนคาดว่าผลิตในประเทศไทยตอนนี้กำลังสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ผลิตอยู่. ขอบคุณ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่27กุมภาพันธ์2557
Note5:แฉ! ขบวนการเภสัชวิ่งรอกเฝ้าร้านยา-รับจ้างแขวนป้ายชื่อ
แฉ! พบขบวนการรับจ้างเป็นเภสัชกรอยู่หน้าร้านยา เภสัชฯ สสจ.ลำพูนเผยใน กทม.พบคนคนเดียววิ่งเฝ้าทุกร้านที่ไปตรวจ ชี้ผิดกฎหมายชัดเจน แต่พนักงานตรวจมักไม่ค่อยเอาผิด จี้เภสัชกรรุ่นใหม่หากไปทำธุระ หรือหยุดยาว ต้องปิดร้านแบบญี่ปุ่น หรือแจ้ง อย. สสจ. หาเภสัชกรมาอยู่แทนให้ถูกกฎหมาย

ภก.จิระ วิภาสวงศ์ เภสัชกรสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ลำพูน ให้สัมภาษณ์ในงานประชุมสมัชชาเภสัชกรรมไทย “100 ปีวิชาชีพเภสัชกรรมและการศึกษาเภสัชศาสตร์: บทบาทเภสัชกรต่อสังคมไทยในศตวรรษที่ 2” จัดโดยสภาเภสัชกรรม ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์ประสานงานการศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทย และมูลนิธิเภสัชศาสตร์เพื่อสังคม เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ปัญหาของวิชาชีพเภสัชกรรมเรื่องหนึ่งคือ การรับจ้างเภสัชกรแขวนป้ายหน้าร้านยา โดยไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่จริง ซึ่งแต่ละจังหวัดยอมรับว่ามีจำนวนไม่น้อย อย่าง จ.ลำพูน เคยลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อปี 2553 พบมากถึง 60% อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตรวจอย่างเข้มงวดก็พบว่ามีการกระทำผิดน้อยลง ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะกลัวโทษปรับอันน้อยนิด แต่กลัวถูกส่งเรื่องเข้าไปยังสภาวิชาชีพคือ สภาเภสัชกรรม และถูกพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมเป็นเวลา 6 เดือน - 1 ปี ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถทำงานได้เลยเป็นเวลา 1 ปี


แฉ! ขบวนการเภสัชวิ่งรอกเฝ้าร้านยา-รับจ้างแขวนป้ายชื่อ

“การกระทำผิดจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความเข้มงวด ซึ่งบางจังหวัดพบว่าแทบไม่มีการตรวจตราเลย เนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งไม่อยากจับกุมพี่น้องร่วมวิชาชีพกันเอง หรือบางคนก็เป็นครูอาจารย์มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นคือมีผลประโยชน์ของตัวเองรวมอยู่ด้วย คือเปิดร้านเอง แขวนป้ายเองเช่นกัน ขณะที่คนที่ดำเนินการตรวจสอบก็มักจะโดนสวนกลับเยอะ” ภก.จิระกล่าว

ภก.จิระกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องหาเภสัชกรมาอยู่ร้านยาแทน อย่างสมัยก่อนจะเอาเภสัชกรที่เป็นเซลล์แมนละแวกนั้นมาอยู่รับหน้าเวลาพนักงานลงพื้นที่ตรวจ แม้จะดูเหมือนว่ามีเภสัชกรในร้านยาถูกต้อง แต่ความจริงถือว่าผิด เพราะเภสัชกรประจำร้านจะต้องเป็นเภสัชกรที่มีชื่อในใบอนุญาต ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะหยวนให้กับกรณีนี้ แต่ความจริงแล้วผู้ตรวจจะต้องเข้มงวด และไม่ยอม เพราะปัจจุบันทำกันเป็นขบวนการ อย่างการลงพื้นที่ตรวจที่กรุงเทพฯ เมื่อ ธ.ค. 2556 พบว่า มีการรับจ้างมาอยู่หน้าร้าน เมื่อตรวจร้านหนึ่งเจอคนนี้เฝ้าร้าน พอไปตรวจอีกร้านก็เจอคนเดิมมาเฝ้าร้านให้อีก


“จริงๆ กรณีแบบนี้เอาผิดได้ ถือว่าเป็นการหลอกลวง เพราะเพียงแค่มาอยู่รับหน้าเฉยๆ ไม่ได้มาขายยา หรือต่อให้มาขายยาจริงก็ผิด เนื่องจากหากเภสัชกรประจำร้านไม่อยู่ร้าน จะต้องมีการทำเรื่องให้เภสัชกรมาอยู่ร้านแทนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากเป็นร้านยาใน กทม.ต้องแจ้ง อย. และต่างจังหวัดต้องแจ้ง สสจ. และต้องแจ้งล่วงหน้า 7 วัน และกำหนดให้ชัดว่าให้อยู่แทนตั้งแต่วันใดถึงวันใด โดยผู้ตรวจจะต้องเข้มงวด ทำเรื่องส่งสภาเภสัชกรรมเอาโทษทางจรรยาบรรณที่รุนแรงกว่า” ภก.จิระกล่าว

ภก.จิระกล่าวด้วยว่า หากไม่ทำเรื่องหาเภสัชกรมาอยู่ร้านยาอย่างถูกกฎหมาย เห็นควรให้รณรงค์ให้เภสัชกรปิดร้านแบบประเทศญี่ปุ่น เช่น จะไปเสียภาษี ไปกินข้าว ก็ต้องปิดร้านเลย แต่บ้านเราปิดชั่วคราวก็ไม่ยอม เพราะส่วนใหญ่กลัวคู่แข่งได้เปรียบ เลยต้องหาคนหรือจ้างคนมาอยู่ร้าน ซึ่งต่างจากคนรุ่นเก่าอย่างตอนเช้าทำงานเภสัชกรในโรงพยาบาลก็ปิดร้าน พอตอนเย็นเลิกงานจึงค่อยมาเปิดร้านและมาอยู่ร้านจริง แต่ทุกวันนี้ตอนเช้าร้านก็เปิด แต่ตัวไม่อยู่ร้านไปทำงานในโรงพยาบาล

-ขอขอบคุณASTVผู้จัดการออนไลน์
Note6:!!!!!!!!!?????????
ณ ร้านขายยา
"ซื้อยาเด็กโตครับ"
"เด็กอายุเท่าไรล่ะ"
"เอ่อผมกินเองครับ"
"อ๋อเป็นผู้ใหญ่แล้วต้องกินยาผู้ใหญ่ อาการเป็นยังไงล่ะ"
"ก็ไอ"
"ไอมีเสลดไม้"
"มี"
"เสลดสีอะไรล่ะ"
"ขุ่นๆดำ"
"เด๋วจะให้ยาบรรเทาไอกับ ขับเสมหะไปกินนะ"
"จะเอายาเด็กโตอย่างเดียวครับ"
"ไม่ได้ต้องให้ยาผู้ใหญ่ ยาเด็กมันจะอ่อนไป เราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว"
"'งั้นไม่เอาครับ จะเอาแต่ยาเด็กโต"
"!!!!!!!!!!!??????????"

ที่ร้านเดียวกันวันต่อมา
"ขอซื้อยาหน่อยค่ะ"
"รับยาไรดีครับ"
"นี่ค่ะเขาจดใส่กระดาษมา"
"ดิส แทค เล่อ ยาไรอะ เขาป่วยเป็นไรครับ "
"ไม่รูั้ค่ะ เขาฝากมาซื้อ"
"ไม่มีครับ งั้นคราวหน้าช่วยเอาตัวอย่างยามาด้วยนะ"
"ค่ะ"
"!!!!!!!!ยาไรวะ ดิสแทคเล่อ?????

555555555
-dextromethorphan ชาวบ้านบางคนเรียกยา"เด็กโต"
-distaclor =ชาวบ้านบางคนเรียก ดิสแทกเล่อ

Note7:สุดยอดเภสัช
ไปเห็นประกาศรับสมัครเภสัชเข้าทำงานของบริษัทนี้ แล้วสะดุดในความรู้สึกเพราะไม่เคยเห็นประกาศแบบนี้ เป็นอย่างไรเชิญทัศนา!!!!!!
บริษัท เฮลท์ ซัพพอร์ท เฮ้าส์ จำกัด

ร้าน เฮลธิ แมกซ์ ร้านยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (ผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม หมวดยา อาหารเสริม สกินแคร์ และอุปกรณ์เพื่อสุขภาพ)
เภสัชกรคุณภาพ
รายละเอียดของงาน
•รักงานการบริการลูกค้าและงานขาย มีจิตสำนึกในการให้บริการ
•สามารถให้คำปรึกษาด้านยา และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพกับลูกค้า/คนไข้ และน่าเชื่อถือในฐานะผู้ประกอบโรคศิลปะได้ดี
•ดูแลรับผิดชอบงานขาย มีทักษะในการขาย, ปิดการขาย และการให้บริการแก่ลูกค้าได้ดี
•สร้างภาพลักษณ์ที่ดี
และสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้า/คนไข้ได้ตามเป้าหมาย
•มีภาวะผู้นำสามารถสร้างสรรค์ วิธีการนำเสนอคุณค่าแก่ลูกค้า
•มีทักษะในการสื่อสารกับลูกค้า และการประสานงานกับส่วนงานต่างๆ ได้ดี

•ปรับปรุงภาพลักษณ์ของร้านให้สะอาด ดูดี จัดวางสินค้าได้ดี และเหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ

คุณสมบัติผู้สมัคร

•มีใบประกอบโรคศิลปะตัวจริงต้องเก็บไว้ที่บริษัทฯ เท่านั้น
•เป็นสมาชิกเภสัชกรรมชุมชน และเข้าร่วมประชุมทุกครั้งที่มีการจัดประชุม

•มีภาวะผู้นำสูง ชอบการทำงานเป็นทีม มีบุคลิกดี มีมนุษย์สัมพันธ์ดี
•มีทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์
มีความรอบรู้ในธุรกิจค้าปลีก

จำนวน เงินเดือน
4 อัตรา 0

สวัสดิการ
- คอมมิชชั่น/- OT./- โบนัส/- ชุดฟอร์ม
- ท่องเที่ยวในประเทศ & ต่างประเทศ
- ประกันสังคม/- รางวัลพนักงานดีเด่น
- กิจกรรมเลี้ยงฉลองปีใหม่
- เบี้ยขยัน

สถานที่ สุขุมวิท , ศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ
ติดต่อ Email ,โทรศัพท์, เข้ามาสัมภาษณ์ ด้วยตนเอง




บริษัท เฮลท์ ซัพพอร์ท เฮ้าส์ จำกัด
บริษัท เฮลท์ ซัพพอร์ท เฮ้าส์ จำกัด154/2-3 ซอยสุขุมวิท 1 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 E-mail: hr@healthymax.net
กรุงเทพมหานคร 10110
โทรศัทพ์ : 026503535-6
แฟกซ์ : 026503537
อีเมล์ : hr@healthymax.net
เรียกว่ารอบรู้ด้านเภสัชด้านเดียวเอาไม่อยู่ต้องเป็นผู้ติดตามการประชุุมวิชาการของสมาคมทุกครั้ง ต้องมีความรู้ด้านการค้าการขายอื่นๆรวมทั้งคอมพิวเตอร์ด้วย เอ้า!ใครสามารถจัดปาย

Note8:หมิ่นเหม่ผิดจรรยาบรรณไหมถ้าเภสัชไปร่วมงาน
คลินิก...... สกิน ต้องการรับสมัครแพทย์ เภสัชกร ชาย และ หญิง หน้าตาดีบุคลิกดี เป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์
ทำงานแค่วันเดียว ไม่มีข้อผูกมัด ไม่ต้องใช้ใบประกอบโรคศิลป์
สำหรับแพทย์ – หากท่านจบด้านผิวหนัง จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
สำหรับเภสัชกร – หากท่านจบสาขาเครื่องสำอาง จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
ส่งข้อมูลของคุณหมอทุกท่านมาที่ ...........@hotmail.com
1.รูปถ่าย
2.ประวัติ
3.ใบประกอบโรคศิลป์(เพื่อยืนยันในวิชาชีพเท่านั้น)
4.เบอร์ติดต่อกลับ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณ... 081-864-xxxx
ด่วน วันนี้ – 8 เมษายนนี้เท่านั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 03/22/14 เวลา 21:52:21


Note9: คิดได้ไง
- นอกจากการคุมกำหนัด การใช้ยาคุมกำเนิด การจัดให้มีเทศกาลวันหยุดยาวบ่อยๆเพื่อลดจำนวนพลเมืองของประเทศ วิธีนี้ ได้ผลมากด้วย การทำให้คนตายอย่างเป็นกอบเป็นกำด้วยวิธีนี้ไม่บาป เพราะเจตนาดูเหมือนดีต้องการให้ชาวบ้านได้ท่องเที่ยว กลับบ้าน และก็พักผ่อน แต่ประสงค์ร้ายหรือไม่นั่นนะซี แล้วก็ไม่ผิดกฎหมายด้วย จะด่าคนที่คิดลดพลเมืองด้วยวิธีนี้ว่ามันช่างสุดยอดอภิมหาโคตรเลวก็ด่าได้ไม่เต็มที่นัก ถามว่าใครนะช่างคิด แล้วคิดไ้ด้ไง
-แม้กฎหมายแรงงานจะกำหนดให้ชั่วโมงทำงานต่อสัปดาห์ไม่เกิน48ชั่วโมง แต่ก็มีคนคิดวิธีที่จะให้เภสัชทำงานเกิน48ชั่วโมง/สัปดาห์โดยไม่ผิดกฎหมายแรงงาน นั่นก็คือให้ทำงาน6วัน/สัปดาห์ วันละ8ชั่วโมงพัก2ชั่วโมง อีกแบบหนึ่งคือจันทร์ถึงพฤหัสทำงาน10ชั่วโมงพัก2ชั่วโมงวันศุกร์ทำ8ชั่วโมงพัก2ชั่วโมง ความฉลาดของคนคิดวิธีนี้ก็คือการให้พัก2ชั่วโมงตรงนี้แหละดูเผินๆก็เหมือนไม่มีไร ถามว่าหลังจากทานข้าวช่วงพักและจัดการธุระส่วนตัวเสร็จแล้วเราจะไปไหน ใช่บางคนอาจจะมีธุระอื่นๆที่ต้องทำช่วงพักแต่พอเคลียธุระหมดแล้วจะไปไหนล่ะ ก็เช่นกันบางคนร้านอยู่ในห้างอาจจะมีที่ให้เดินดูโน่นนี่นั่นจนหมด2ชั่วโมงแต่นานวันไปก็หมดที่เดิน มันก็ซ้ำซากจำเจ แล้วจะไปไหนต่อ ทั้งหมดทั้งสิ้นก็ต้องใช้เวลาพักที่เหลืออีกประมาณชั่วโมงหรือมากกกว่าชั่วโมงต่อวันกลับมาพักที่ร้าน สัปดาห์นึงก็ต้องมีมากกว่า5ชั่วโมงของเวลาพักที่เราคืนให้ร้านแบบสมัครใจไม่ได้บังคับ เภสัชบางคนก็ทานอาหารที่ร้านเลย ถึงแม้จะมีผู้ช่วยและเป็นเวลาพัก แต่เมื่อมีลูกค้าเข้าร้านหลายคน เภสัชจะนั่งดูดายไม่ออกไปช่วยขายก็กระไรอยู่ ลูกค้าเดินมาถามเราจะบอกลูกค้าว่าเป็นเวลาพักไม่คุยด้วยคงไม่มีใครทำแบบนั้น เรื่องเวลาพักอาจจะพักในเวลาหรือพักแค่ชั่วโมงเดียวก็เพียงพอแล้ว ต้องชมคนที่คิดการพัก2ชั่วโมงวิธีนี้ทำให้ได้เภสัชทำงานเกิน48ชั่วโมง/สัปดาห์แบบสมัครใจไม่ได้บังคับและถูกกฎหมายด้วย เภสัชไทยใจดีจริงๆไม่คิดว่าเขาเอาเปรียบด้วย สงสัยคนที่คิดอาจจะเคยทำงานคิดโปรโมชั่นให้บริษัทมือถือ ถามว่าใครนะช่างคิด แล้วคิดไ้ด้ไง

Note10: เยอะไปปะ!!!!!
มีร้านบางแห่งบอกขอบเขตงานเภสัชได้ละเอียดดีแท้ รวมทั้งเรื่องที่เภสัชต้องทำบัญชีต่างๆเกี่ยวกับยา ขอบอกให้เพื่อนๆเภสัชได้ทราบว่า เภสัชมีหน้าที่"ควบคุมการทำบัญชีต่างๆเกี่ยวกับยา"ไม่ต้องทำเอง ใครทำก็ได้แต่เภสัชต้องตรวจดูให้ถูกต้องแล้วลงนามในช่องผู้มีหน้าที่ปฎิบัติการเท่านั้น เพราะมีบางร้านบอกให้เภสัชทำบัญชีด้วย รวมทั้งยังกำหนดว่าแต่ละเดือนคุณต้องทบทวนความรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ มันก้าวก่ายวิจารณญาณกันเกินไป เภสัชเขาคิดเองได้ว่าเวลาไหนเขาจะทบทวนหรือหาความรู้เพิ่มเติม เรื่องไหนเขาต้องทบทวน เรื่องไหนเขาสนใจ ช่วงนี้มีประเด็นวิชาการอะไรที่ต้องเรียนรู้ ไม่ต้องไปกำหนด เขาคิดเองได้ถ้าเภสัชยังต้องการมีพื้นที่ยืนในยุทธจักรวงการยาเขาต้องหาความรู้ให้กับตัวเองอยู่แล้ว เขาอาจจะทำที่บ้านที่ทำงานหรือที่ไหนก็ได้ที่เขาสะดวก จริงไหม"พี่น้องมวลมหาประชาเภสัช"
:Note 11ควรจะขำดีไหม
ไปอ่านเจอใน"หางาน เภสัชกร Thai Pharmacist Jobs "เขาว่าอย่างนี้
W...... .........(ชื่อคนโพส)
รับสมัครเภสัชกรเฝ้าร้านมีใบหรือไม่มีก็ได้ จ.เชียงใหม่ ทางไป สันกำแพงครับ 086-xxxxxxx

เดี๋ยวนี้เราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องยาแล้วเหรอ แต่เป็นแค่เด็กเฝ้าร้านในความคิดของเจ้าของร้านยา ถ้าจะว่าเขาโพสผิดก็คิดได้ แต่ถ้าจะมองอีกมุมหนึ่งเขาคง"หลุด"ปล่อยความรู้สึกในส่วนที่ปิดบังไว้ ทำให้เราได้รู้ภาพของเภสัชในความคิดส่วนลึกของเจ้าของร้านยาบางคนว่าเป็นอย่างไร เขาอาจจะปฎิเสธในสิ่งที่เขา"หลุด"เคยรู้ใช่ไหมว่าคำพูดแรกที่เผลอพูดออกมานั่นแหละความจริง แต่คำพูดที่สองหลังจากปฎิเสธคำพูดแรกไปแล้ว นั่นได้ขัดเกลาเอาความจริงออกไปแล้วเหลือแต่การจัดฉาก แสดงว่าพวกเราบางคนทำตัวอย่างที่เจ้าของร้านยาบางคน"หลุด"คำพูดนั้นออกมา
แก้ไขล่าสุดโดย เมจิก พี เมื่อ 21 พ.ค. 2014, 22:54, แก้ไขแล้ว 14 ครั้ง.
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51







Re: เบื่อจุงเบย!!! พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

โพสต์โดย เมจิก พี » 05 ต.ค. 2013, 01:32

up :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!! เขาว่า"ผู้ช่วยยังขายยาเก่งกว่าพวกเภสัชอีโ

โพสต์โดย เมจิก พี » 09 ต.ค. 2013, 00:00

ว่าจะปิดกระทู้นี้แต่ขอแถมท้ายอีกนิด ไปเห็นกระทู้นี้ในเวบpharmacy inter เลยเอามาแชร์
ความเห็นที่ 91 (2983206)
แจ้งลบความคิดเห็น
ผู้ช่วยยังขายยาเก่งกว่าพวกเภสัชอีโก้สูงบางรายอีกนะเอามาอยู่ประจำร้านมีแต่จะขูดเลือดขูดเนื้อผู้ประกอบการยิ่งอยู่สันดานยิ่งออกเจอมากับตัวแล้ว
ผู้แสดงความคิดเห็น เกาะสมุย วันที่ตอบ 2013-10-08 20:49:02

อ่านแล้วคงคิดอะไรกันได้พอสมควร
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!! เขาว่า"ผู้ช่วยยังขายยาเก่งกว่าพวกเภสัชอีโ

โพสต์โดย เมจิก พี » 21 พ.ค. 2014, 23:01

ืืืืื :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: Note11
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!! พวกโพสหลอกลวง

โพสต์โดย เมจิก พี » 26 พ.ค. 2014, 15:38

จริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่มีการโพสแบบนี้มานานแล้วแต่ๆไม่มีใครถือสาหาความเพียงแต่อาจจะเสียความตั้งใจ นั่นก็คือ ลงประกาศหาเภสัชทำงาน แต่พอติดต่อไป กลับบอกว่า "อยากได้มาแขวนป้าย" เพราะในเวบนี้เขาห้ามเลยต้องปลอมตัวแอบแฝงมา ล่าสุดที่ได้รับทราบมาก็มี ร้านยาบางแห่งแถวพุทธมลฑลสาย4กับแถวถนนจรัญฯเขตบางพลัดซอยอยู่ตรงข้ามเยื้องๆห้างค้าปลีกขายถูกห้างหนื่ง ฝากบอกเพื่อนๆที่เจอลักษณะนี้ช่วยเอามาโพสบอกเภสัชคนอื่นในกระทู้ที่ประกาศหาเภสัชนั้นเลยก็ดี ขอพูดเลยไปถึงค่าตัวเภสัชที่ยังมีหลายธุรกิจยาล้วนแต่เป็นธุรกิจยาที่มีชื่อเสียงมีหลายสาขาด้วยยังให้ค่าตัวเภสัชพื้นฐานไม่ถึง2หมื่นแต่มีลูกเล่นว่าจะบวกค่าโน่นนี่นั่นให้ เขาจะว่าอย่างไรมันสิทธิ์ของเขา แต่สิทธิ์ของเราคือ เลือกธุรกิจยาที่ให้ค่าตัวเภสัชพื้นฐาน23,000+++บาท/เดือนไม่รวมใบ เข้าใจตรงกันนะ เจ้าของธุรกิจหลายคนชอบเปิดร้านในห้าง แน่นอนค่าเช่าที่เกือบแสนหรือแสน-2แสนกว่าต่อเดือน ค่าเช่าเพิ่มตามยอดขายด้วยในบางแห่ง จึงต้องมากดเงินเดือนทีมงานและกดดันเรื่องยอดขาย โดยตั้งยอดขายแบบต่างๆเหมือนเล่นเกมส์หมาล่าเนื้อ สร้างความหวังให้ทีมงานทำไปให้ถึงเป้าหมายเพื่อให้ได้ Incentive หรือเงินรางวัลต่างๆกรรมจึงตกกับผู้มาซื้อยาและทีมงานที่ต้องดั้นเมฆเพื่อหายอดขาย มันไม่ง่ายดังหวังที่เจ้าของธุรกิจได้มโนให้เราเพ้อตามหรอก เพราะเดี๋ยวนี้ในห้างมีร้านขายยามากกว่า4-5ร้านขึ้นไป ทุกร้านก็ทำอย่างเดียวกันหมดคือปั๊มยอดขาย แล้วเดี๋ยวนี้คนซื้อเขาฉลาดกว่าเดิมมากด้วยโลกแห่งข้อมูลข่าวสารและร้านยาแถวบ้านเขาก็มีเภสัชให้บริการหรือขายในราคาตามตลาดไม่แพงอย่างร้านยาในห้าง ดังนั้นเรื่องการทำยอดจึงไม่ง่าย การหาทำเลค้าขายในห้างมันง่ายสำหรับคนที่ขี้เกียจออกไปสำรวจทำเลข้างนอก ค่าเช่าแพงก็มากดค่าแรงทีมงานไง คิดง่ายดีเนอะผู้บริหารห้องแอร์!!!ทำเลค้าขายนอกห้างหลายแห่งยอดขายใกล้เคียงกับในห้างแต่ค่าใช่จ่ายต่างๆถูกกว่ากันหลายพันเปอร์เซ็นต์ บางแห่งต้องใช้เวลาสร้างลูกค้าบ้าง4-5ปีก็ถือว่าไม่นานแต่หลังจากนั้นก็เก็บเกี่ยวดอกผลกันสบายมือเลยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเช่าและการสร้างยอดขาย รายได้เพิ่มขี้นตามธรรมชาติ อยากทำงานกับผู้บริหารห้องแอร์หน้าขาวผิวใสผมไม่เสียทรงก็ต้องแบกยอดขายกันหลังอานนนนน รายละเอียดอื่นๆไปหาอ่านได้ในกระทู้ UPDATE ค่าตัวเภสัช อยู่ในหน้า10++
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!! เบื่อไม่ได้หลัง25มิถุนาคงหาเภสัชกันวุ่น

โพสต์โดย เมจิก พี » 29 พ.ค. 2014, 03:20

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า หลังจากที่ อย. ได้ออกกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน พ.ศ. 2556 ลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2556 โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 25 มิ.ย. 2557 กลุ่มร้านขายยาที่น่าจะมีผลกระทบมากที่สุดคือ ร้านขายยาประเภท ขย.2 ซึ่งมีอยู่ประมาณ 2,000 กว่าร้านทั่วประเทศ ซึ่งร้านขายยาประเภท ขย.2 เดิมสามารถขายยาสามัญประจำบ้าน ยาทั่วไป โดยที่ไม่ต้องมีเภสัชกรประจำร้านได้ และไม่ผิดกฎหมาย แต่หลังจากกฎกระทรวงดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว ร้าน ขย.2 จะต้องหาเภสัชกรมาประจำร้านให้ได้ มิเช่นนั้น เมื่อถึงปลายปีที่มีการประเมินร้านขายยาทั่วประเทศ ก็จะไม่ผ่านการประเมิน ทำให้ไม่สามารถต่ออายุร้านขายยาได้

นพ.บุญชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ เกณฑ์ปฏิบัติต่างๆ ในกฎกระทรวง ก็เพื่อให้ร้านขายยามีวิธีปฏิบัติที่ดีทางเภสัชกรรม (Good Pharmacy Practice: GPP) ซึ่งกำหนดให้ทุกร้านต้องมีเภสัชกรประจำร้าน มีการแสดงป้ายชื่อพร้อมรูปเภสัชกร ส่วนมาตรฐานด้านสถานที่ อุปกรณ์ และเครื่องมือในการเก็บรักษาคุณภาพยานั้น ที่น่ากังวลคือเรื่องของสถานที่ เนื่องจากกฎกระทรวงบังคับให้ร้านขายยาจะต้องมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 8 ตารางเมตร ดังนั้น ร้านขายยาเล็กๆ อาจมีปัญหาได้ ซึ่งหากจะเปิดร้านต่อก็จำเป็นจะต้องขยับขยายสถานที่


“แม้กฎกระทรวงจะมีผลบังคับใช้วันที่ 25 มิ.ย. 2557 แต่เป็นเฉพาะร้านขายยาเปิดใหม่เท่านั้น ที่ก่อนเปิดร้านจะต้องมีการประเมินว่าผ่านตามเกณฑ์ของกฎกระทรวงหรือไม่ หากไม่ผ่านก็ไม่สามารถขออนุญาตเปิดร้านได้ สำหรับร้านขายยาที่เปิดมาก่อนหน้านี้ก็จะให้ระยะเวลาในการปรับปรุงให้ตรงกับหลักเกณฑ์ GPP ประมาณ 8 ปี แต่จะเป็นการปรับอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เช่น ในเวลา 2 ปีจะต้องปรับปรุงเรื่องสถานที่ ปีที่ 3 4 หรือ 5 จะต้องปรับปรุงเรื่องอะไรต่อไป เช่น เรื่องการควบคุมอุณหภูมิ แสงสว่าง เภสัชกรต้องสวมเสื้อกราวน์ เป็นต้น” เลขาธิการ อย. กล่าวและว่า สำหรับการประเมินร้านขายยาเพื่อต่ออายุนั้น จะดำเนินการช่วงปลายปีของทุกปี โดยจะมีทั้งการลงไปตรวจประเมินแบบที่แจ้งข่าวและไม่แจ้งข่าว เพื่อป้องกันการเตรียมตัว หากไม่ผ่านมาตรฐานก็จะไม่อนุญาตให้ต่อใบอนุญาต
สิ่งที่จะเกิดขึ้น เมื่อมีกฎกระทรวงใหม่นี้

กฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน พ.ศ.2556 ฉบับใหม่นี้ ซึ่งไม่ได้เน้นแต่ ขย. 1 เท่านั้น แต่รวมร้านขายยาทั้งระบบ ทั้ง ขย. 2 ขย. 3 และ ขย.4 ด้วย เป้าหมายคือร้านยาทุกประเภทต้องเป็นสถานปฏิบัติวิชาชีพภายในเวลาที่กำหนดและดำเนินการภายใต้วิธีปฏิบัติที่ดีทางเภสัชกรรมซึ่งมีการกำหนดประกาศโดยความร่วมมือของสภาวิชาชีพทั้งหลาย

สรุปสาระ ของ GPP ฉบับใหม่ มีประเด็นที่สำคัญ ได้แก่

1. ร้านยาทุกประเภทต้องมีผู้ประกอบวิชาชีพ “อยู่ประจำตลอดเวลาทำการ” ไม่ว่าจะเป็น เภสัชกร แพทย์ พยาบาล หรือสัตวแพทย์ สำหรับ ขย.1 จะต้องมีเภสัชกรเป็นผู้ให้บริการด้านยา และเภสัชกรนั้นจะต้องผ่านการประเมินความพร้อมในการให้บริการจากสภาเภสัชกรรมหรือหน่วยงานที่สภาเภสัชกรรมรับรอง


2. ร้านยาที่เปิดขออนุญาตใหม่ หลังบังคับใช้กฎหมายนี้หรืออยู่ระหว่างการขอจะต้องใช้บังคับทันที

3. ร้านยาเดิมๆ ที่ได้รับอนุญาตแล้วทุกร้าน ทุกประเภทจะต้องปรับปรุงเข้าสู่ระบบคุณภาพแบบขั้นบันได ภายในระยะเวลาไม่เกิน 8 ปีหรือตามที่ รมต. กำหนด หรืออาจกำหนดเป็นพื้นที่ตามความเหมาะสม

4. ร้านยาทุกร้านต้องผ่านเกณท์ GPP โดยมีผู้ตรวจประเมินคุณภาพตาม GPP ที่อาจมาจากใช้องค์กรภายนอกหรือองค์กรวิชาชีพที่ได้รับการรับรองตามข้อตกลง หมายความว่าคนที่มาตรวจร้าน อาจไม่ใช่เจ้าหน้าที่ อย. หรือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเดี่ยวๆต่อไปอีก

5. ร้านยาขายส่งสามารถขอใบอนุญาตแยกประเภทขายส่งและขายให้แก่ ผู้ประกอบวิชาชีพ สถานพยาบาล ผู้รับอนุญาตขายปลีกซึ่ง GPP จะแตกต่างจากขายปลีก (ถ้าขายปลีกด้วย อาจไม่ต้องขอขายส่ง )

6. ต้องมีการสงวนพื้นที่บริการ ให้คำปรึกษาและแนะนำการใช้ยาติดต่อกันไม่น้อยกว่าแปดตารางเมตร

7. จัดสภาพส่วนบริการและคลังให้เหมาะสมกับการรักษาคุณภาพยา (อุณหภูมิ ความร้อน แสงแดด) ต้องเก็บยาภายในอุณหภูมิที่กำหนดและความสะอาด ที่สนับสนุนคุณภาพที่ดีของยา

8. ถ้าร้านเปิดบริการยาวนานกว่าเวลาที่เภสัชกรปฏิบัติการต้องปิดบัง ปิดพื้นที่ขายยายาที่ต้องส่งมอบโดยเภสัชกร จะไม่มีการขายยาอันตราย หรือยาควบคุมพิเศษนอกช่วงเวลาปฏิบัติการของเภสัชกร หรือในระหว่างที่ไม่มีเภสัชกรเป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการ

ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงตัวอย่างขั้นต้น ซึ่งทุกท่านสามารถ ติดต่อขอรายละเอียดได้จาก หน่วยงานที่ท่านติดต่ออยู่

ผลทางกฎหมายของ GPP

GPP ในรูปแบบเดิม คือโครงการร้านยาคุณภาพ เป็นโครงการโดยสมัครใจไม่มีสภาพบังคับ ใครจะสมัครก็ได้ แต่เมื่อ GPP ปรากฏในร่างกฎหมายใหม่ทั้งสองฉบับ ก็จะมีสภาพบังคับตามกฎหมาย


เมื่อร่างกฎหมายทั้งสองฉบับผ่านกระบวนการออกเป็นกฎหมายใช้บังคับแล้ว

ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ร้านขายยาทุกร้านจะต่อใบอนุญาตง่ายๆไม่ได้แล้ว เพราะว่า “ทุกร้าน” ต้องผ่านเกณฑ์การประเมิน

1. วิธีการที่ดีทางเภสัชกรรม หรือ GPP…หรือไม่ก็เกณฑ์

2. ร้านยาคุณภาพ อย่างใดอย่างหนึ่ง

โดยต้องแนบใบรับรอง GPP ที่ออกโดยสมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย)

นี้ไปพร้อมกับเอกสารอื่นๆ เมื่อยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตเมื่อสิ้นปี หากไม่มีเอกสารนี้ จะไม่ได้รับการพิจารณาต่ออายุใบอนุญาตขายยา ซึ่งก็เท่ากับต้องปิดร้านโดยปริยายนั่นเอง

ขอขอบคุณ utaiacademy.wordpress.com/2014/01/04/
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!! เบื่อไม่ได้หลัง25มิถุนาคงหาเภสัชกันวุ่น

โพสต์โดย eedy » 01 มิ.ย. 2014, 18:14

พี่ก้อเป็นเจ้าของกิจการค่ะ สิ่งที่โพสต์ก้อโพสต์ตามจริงนะ ไม่ได้ใช้ข้อความสวยเก๋ เเต่สิ่งที่เจอคือเหมือนน้องๆ(บางคน)จะช้อบปิ้งงาน พอดีว่าติดลูกค้า พอน้องโทรมาก้อรับเเละโทรกลับ
ภายใน10นาที เเต่น้องกลับถามพี่ว่า"ขอโทษนะคะ พี่ชื่ออะไร ร้านไหนค่ะ..."ดีนะที่ไม่ถามพี่ว่าเสนอมาเท่าไหร่...
อยากถามน้องๆเหมือนกันค่ะ ที่ขออัตราเงินเดือนสูงลิ่ว สวัสดิการต้องดีอย่างโน้นอย่างนี้ น้องทำอะไรให้กับร้านพี่สมกับเงินเดือนที่จ่ายหรือเปล่าค่ะ
eedy
 
โพสต์: 32
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มิ.ย. 2011, 09:16

Re: เบื่อจุงเบย!!! เป็นผู้ช่วยเภสัชดีกว่าเป็นเภสัช จริงดิ???

โพสต์โดย เมจิก พี » 20 มิ.ย. 2014, 02:39

จริงไม่จริงคิดกันเอาเอง ทำไมล่ะ ง่ายๆเลยการจะมาเป็นผู้ช่วยเภสัช จบอะไรมาก็เป็นได้ อาจจะไม่ต้องเรียนเยอะแค่จบ ม.3หรือ ม.6 แล้วไปอบรมกับสถาบันบางแห่งที่ อย.หรือหน่วยงานของรัฐไม่เคยรับรองหลักสูตร อบรมประมาณ1-2เดือน แต่ไม่ได้อบรมทุกวัน อาทิตย์นึงประมาณ2-4วัน พอจบหลักสูตรก็ได้ใบประกาศของที่่นั้นเอาไว้โชว์เจ้าของร้านยาได้แล้ว บางคนก็ไม่ได้อบรมแต่มาทำงานหน้าร้านไปเรื่อยๆ เจ้าของร้านสอนบ้าง เภสัชสอนบ้าง ผู้ช่วยเภสัชสอนบ้าง ครูพักลักจำบ้าง ปีสองปีก็กลายเป็นผู้ช่วยเภสัชเต็มตัวแล้ว ไม่ต้องไปถามถึงความลึกซึ้งทางวิชาการหรอกอันนี้ต้องยกไว้ แต่ขายยา เฝ้าร้าน ไปธนาคาร สั่งของ เรียงของ ลงบาร์โคด คีย์คอม และอื่นๆทำได้สารพัด ที่สำคัญพวกนี้ทำงานได้นานกว่าเภสัช เภสัชเดี๋ยวเข้าเดี๋ยวออก ดังนั้นเส้นทางการเป็นผู้ช่วยเภสัชไม่ยากเลย แต่เงินเดือนปัจจุบันนี้ใกล้เคียงหรือมากกว่าเภสัชบางคนเสียอีก555555+++อาจจะเริ่มที่8-9พันสำหรับผู้ช่วยมือใหม่ แต่ที่ชำนาญงานก็เริ่มที่ประมาณ15,000-25,000บาทแล้ว อีกอย่างการจะมาเป็นผู้ช่วยไม่ต้องสอบospe และmcq นั่นหมายถึงแม้ไม่มีใบประกอบแต่ผู้ช่วยดูเหมือนจะหางานง่ายกว่าเภสัชที่ไม่มีใบประกอบ ง่ายๆเลยค่าจ้างถูกกว่า ชั่วโมงทำงานต่อวันทำได้มากกว่า ทำโน่นนี่นั่นได้สารพัดเหมือนตัวช่วยเอนกประสงค์(ยกเว้นเป็นผู้ช่วยเมีย ) และใน1ร้านมักจะมีผู้ช่วย1คนหรือมากกว่าแต่มักจะมีเภสัชแค่1คนน้อยมากที่จะมีเภสัชมากกกว่า1คนต่อ1ร้าน
ผู้ช่วยเภสัช(ความจริงควรจะเรียกว่า"ผู้ช่วยเจ้าของร้านหรือผู้ช่วยหัวหน้างาน"เพราะไรเหรอ ก็ในกรณีที่ผู้ช่วยและเภสัชกรเป็นลูกจ้างทั้งคู่ ผู้ช่วยก็จะทำหน้าที่ช่วยเภสัชกร ตามjob descriptionที่เจ้าของร้านหรือหัวหน้างานกำหนดมาเท่านั้น ถ้าเภสัชขอให้ช่วยในงานนอกเหนือจากที่ถูกกำหนดมาแม้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องทางยา ผู้ช่วยก็จะทำบ้างไม่ทำบ้างหรือไม่ยุ่งเลยก็มี จึงขอเรียกพวกผู้ช่วยว่า "ผู้ช่วยเจ้าของร้านหรือหัวหน้างาน") ต้องยอมรับว่าพวกผู้ช่วยมักจะอยู่กันมานานจึงดูอาวุโสทั้งอายุและประสบการณ์งาน และยังต้องเป็นพี่เลี้ยงให้เภสัช(ที่หมุนเวียนเข้าออกในร้านกันบ่อยๆ)ในเรื่องเกี่ยวกับงานหน้าร้าน เภสัชวัยละอ่อนจึงดูเหมือนน้องเหมือนลุูกของผู้ช่วย(เจ้าของธุรกิจนิยมรับเด็กเภสัชจบใหม่วัยละอ่อน)ถามว่าผู้ช่วยเหล่านี้จะเชื่อถือศรัทธาในตัวเภสัชแค่ไหนคงคิดได้ไม่ยาก เรื่องยาเขาไม่รู้ลึกแต่เรื่องการขาย การเงิน การสั่งยา และอีกหลายเรื่องในร้านเขาก็ทำได้ดี เจ้าของธุรกิจหลายคน(รวมทั้งเจ้าของธุรกิจที่เป็นเภสัชด้วย )ไว้ใจผู้ช่วยมากกว่าเภสัชที่จ้างมานะจะบอกให้ ดังนั้นเภสัชหลายๆคนที่ยังรับเงินเดือนไม่ถึง2หมื่นบาทต่อเดือน ยังมีความสุขกันดีใช่ไหมครับ
อย่างไรก็ตามการคุ้มครองดูแลผู้บริโภคเรื่องยา(อาหารเสริม เสริมอาหารและเวชสำอางค์) การค้นคว้าและผลิตยาดีมีคุณภาพ การจัดการเรื่องยาในสถาบันสา'สุข การทำงานร่วมกับบุคคลากรทางแพทย์ และอื่นๆที่เกี่ยวกับยาและสารเคมีที่มีผลต่อร่างกายมนุษย์(และสัตว์) ก็ยังคงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของเภสัชที่ต้องทำให้ดี
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!! เป็นผู้ช่วยเภสัชดีกว่าเป็นเภสัช จริงดิ???

โพสต์โดย เมจิก พี » 18 ส.ค. 2014, 01:08

เดี๋ยวจะหาว่า"มโน"หรือปล่าว เรื่องเงินเดือนผู้ช่วยเภสัชที่เทียบเท่าเงินเดือนเภสัชแล้ว วันนี้จะนำประกาศหาผู้ช่วยเภสัชมาแสดงให้ดู ใครสนใจไปสมัครได้เลย เขาไม่ได้ฝากประกาศ แต่ต้องการเอามาให้ดู เพื่อให้เภสัชหลายๆคนที่ยังยอมรับเงินเดือน(ไม่รวมใบประกอบฯ)ไม่ถึง2หมื่นหรือ2หมื่นต้นๆ(บางคนอาจจะบอกว่าถ้ารวม ค่าหยิบ ค่าเชียร์ ค่าโน่นนี่นั่น มันก็ใกล้เคียงนะ แต่มันเอาแน่นอนในแต่ละเดือนได้หรือไม่) คงไม่เรียกร้องให้เจ้าของธุรกิจยาเพิ่มเงินเดือน มันเป็นไปได้ยากสสสส แต่จะถามน้องๆและเพื่อนๆเภสัชมนุษย์เงินเดือนและไม่มีกิจการของตัวเอง จะคอยฟ้าคอยฝนไปอีกนานแค่ไหน ถึงยังทนทำอยู่กับกิจการที่กดค่าตัวเรา หรือคิดว่ามีงานทำดีกว่าไม่มี ถ้าทุกคนรวมหัวกันไม่ไปสมัครเข้าทำงานกับกิจการที่กดค่าตัว เขาหาคนไม่ได้ก็จะขึ้นค่าตัวให้เอง มีให้เห็นบ่อยๆที่ประกาศรับเภสัชในเวบนี้3-4เดือนไม่ได้เภสัชเพราะให้เงินเดือน"โคตรunder" แต่เมื่อเร็วๆนี้เห็นประกาศupเงินเดือนเภสัชขึ้นมาหน่อย พอดูได้ ดังนั้นพวกเราไม่ต้องกลัวว่าถ้าไม่ไปสมัครเดี๋ยวจะไม่มีงานทำ ไม่ต้องกลัวเลย รวมตัวกันไม่ไปสมคร เขาต้องปรับค่าตัวแน่เพราะกิจการเขาไปต่อลำบาก เมื่อนั้นเราค่อยติดต่อไปใหม่ได้งานทำกันทุกคนแน่ ที่สำคัญพวกเราบางคนชอบทำตัวเป็น"มนุษย์ป้า"ยังแตกแถวไปสมัครกับกิจการที่กดค่าตัวพวกเรา ก็คงต้องให้เขากดค่าตัวต่อไป!!!
***เห็นประกาศรับเภสัชของบางกิจการ คนประกาศเรียกเจ้าของกิจการว่า"เจ้านาย"กันเลยทีเดียว โอ้โฮ!!!!!หญ่ายยยยโตจริงๆ เจ้าของกิจการสมัยนี้หรือใหญ่โตมานานแล้วแต่ผมไม่รู้55555555555555 เอ้าเพื่อนๆน้องๆใครอยากมีเจ้านายหรืออยากมีคนรู้จักเป็นเจ้านายก็ลองไปติดต่อสมัครกันดูนะ555555555555555(Victory Monument)



รับสมัคร ผู้ช่วยเภสัชกร เงินเดือน 16,000-25,000 บาท



รับสมัครผู้ช่วยเภสัชกร
มีประสบการณ์ในการทำงานร้านขายยามาก่อน

สามารถดูแลร้าน ความเรียบร้อยของร้านขายยาได้ เช่น ความสะอาดร้าน ชั้นยาได้ ดูแลสินค้าวันหมดอายุได
ทำงาน 6วัน หยุด1วันต่อสัปดาห์
วันหยุดมีให้ในวันเทศกาลสำคัญ
เงินเดือน16,000-25,000บาท ตามความสามารถ (ตามตกลง)
สนใจติดต่อได้ที่ 081-1011086
ถ้าเริ่มงานแล้วผ่านโปร ทางร้านจะมีค่าทีพักให้ฟรีค่ะ


ผู้ตั้งกระทู้ eve :: วันที่ลงประกาศ 2014-08-17 17:43:52

รับสมัคร ผู้ช่วยเภสัชกร เงินเดือน 15,000-25,000 บาท

คุณสมบัติ -บุคลิกดี ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ มีมนุษย์สัมพันธ์รักงานขายและงานบริการ สามารถเรียนรู้เนื้อหาวิชาการทางการแพทย์ได้บ้าง

การศึกษา -ม.6ขึ้นไปหรือเทียบเท่า
-มีประสบการณ์การทำงานร้านขายยามาก่อน

สถานที่ทำงาน 1.ซอยสามัคคี ประชาชื่น เมือง นนทบุรี

2.เกษตร ตัดนวมินทร์ นวมินทร์

3.ซอย บิ๊กซีติวานนท์ เมืองนนทบุร๊

4.ซอย มิสทีน รามคำแหง

ดูแลความเป็นระเบียบของชั้นวางสินค้าที่ได้รับมอบหมาย บริการลูกค้าให้เกิดความประทับใจ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับ ยา อาหารเสริม และเวชสำอาง ให้กับลูกค้า ดูแลเรื่องความสะอาดทั่วไปของร้าน ดูแลเรื่องวันหมดอายุของสินค้า

สามารถติดต่อได้ที่ 086-3248624,02-7292822



ผู้ตั้งกระทู้ arty :: วันที่ลงประกาศ 2014-08-17 17:23:23
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!! อุ๊ตะ!!!พยาบาลจะมาคุมร้านแล้ว เภสัชตกงานแ

โพสต์โดย เมจิก พี » 15 ก.ย. 2014, 01:14

เห็นเขาลงในบางเวบว่า"พรบ.ยาใหม่จะให้พยาบาลทำหน้าที่แทนเภสัชได้(ผู้โพสหมายถึงการอยู่ร้านยาแทนเภสัช)"จริงเท็จอย่างไรไม่รู้ เด๋วคงมีผู้รู้มาชี้แจง(แต่ผมเข้าใจว่า น่าจะเป็นการโยนหินถามทางของผู้ที่ตั้งกระทู้นี้หรือต้องการหาประเด็นให้เภสัชทะเลาะกับพยาบาลโดยต่างฝ่ายก็มีคนสนับสนุน ก็เป็นได้) ก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยดังที่คัดลอกมาให้ดู แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันการทำหน้าที่ของพวกเราเป็นอย่างไร มันถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น การอ้างจำนวนเภสัชไม่พอคงไม่ใช่แล้วในปัจจุบัน ร้านยาหลายๆร้านก็ไม่อยากที่จะมีเภสัชไปทำงานอย่างจริงจังด้วยเหตุผลทางธุรกิจ อย่างไรก็ตามแม้เขาจะจ้างแค่3ชั่วโมงเราก็ต้องไปทำงานครับ
ความเห็นที่ 10 (3008510)

แจ้งลบความคิดเห็น

เห็นด้วยคะ

ก็ให้ระบุไปเลยว่าร้านนี้ขายยาโดย พยาบาล หรือ เภสัช จะได้เป็นทางออกของผู้ซื้อด้วย
ผู้แสดงความคิดเห็น ทางออก วันที่ตอบ 2014-09-14 23:34:32


ความเห็นที่ 9 (3008508)

แจ้งลบความคิดเห็น

มีคนถามก็ดีแล้ว

ผมเห็นด้วย เพราะเภสัช ก็ไม่หน้าจำเป็นกับร้านยาเลย การที่เภสัชมาคุมร้านยาทำให้ราคายาแพงขึ้นมากโดยที่ไม่จำเป็น

ตัวอย่าง เช่น ยาไทลินอลในราคาจริงแค่ 5-7 บาท แต่เมื่อมีเภสัชกรมาคุม ราคาขึ้นไปถึง 10-12 บาท ถามทำไมถึงแพงขนาดนี้ เพราะว่าเภสัชที่มาคุมร้านเงินเดือนไม่ต่ำกว่า3-4หมื่น บาท แล้วถามว่าการที่หยิบยาตามที่ลูกค้าบอก ทำไมถึงต้องเป็นเภสัชหยิบ ในเมื่อคนทั่วไปก็หยิบได้

แล้วถามว่าเวลามีลูกค้าเข้ามาไม่สบาย เภสัชจะจ่ายยาได้อย่างไรในเมื่อเภสัชก็ตรวจไม่ได้เหมือนหมอ คนที่สั่งยาก็คือหมอขนาดหมอยังไม่สามารถบอกได้100%เลยว่าจ่ายยาให้ให้คนไข้คนไหนได้โดยคนนั้นคนนี้แพ้ยาหรือไม่แพ้ยา คนที่รู้ว่าตัวเองแพ้ยาอะไร ก็คือคนที่เคยถูกหมอจ่ายยานั้นมาแล้วทั้งนั้น แล้วขอถามว่า ตามกฏหมายแล้วหมอจ่ายยาได้หรือไม่ก็ไม่ได้ทั้งที่เป็นคนตรวจ หมอฟันก็จ่ายยาไม่ได้ตามกฎหมาย

ถามว่าร้านหมอทั่วไปมีเภสัชหรือไม่ ร้านหมอฟันมีเภสัชหรือไม่ แล้วมีบางท่าน บอกถ้าให้พยาบาลจ่ายยาแล้วเหมือน เอา ปกศสูงมาคุมงาน

แทนวิศวะ คิดได้ไง ตัวเองจ่ายยาได้อย่างเดียวอยู่แต่ในห้องยา กับพยาบาลตรวจได้ฉีดยาได้ เย็บแผลได้ ถ้าเป็นผมนะให้พยาบาลจ่ายดีกว่า

คนส่วนใหญ่มาซื้อยาเขาก็บอกชื่อยากันเป็นส่วนใหญ่ กระอีแค่หยิบยาให้ต้องใช่เภสัชผมว่าเหมือนเอาซามูไรมาแล่ปลามากกว่า

ผมขอถามหน่อยมีใครบ้างที่ที่เป็นโรคหัวใจหรือโรคร้ายแรงต่างแล้วมาหายากินเองไม่มีครับเขาต้องหาหมอมาแล้วทั้งนั้นเขาอาจจะยาหมดหรือลืมเอามาเขาถึงมาหาร้านขายยาขนาดตัวยาเดียวกันคนละยี่ห้อเขายังไม่เอาเลย จะบอกให้

ทุกคนก็ต้องการยาถูกๆกันทั้งนั้น ถ้าคุนให้เภสัชขายยารับรองได้ค่ายาที่มีขายตามร้านทั่วไปต้องแพงมาขึ้นอย่างแน่นอน รวมถึงร้านหมอเล็กทั่วไปก็จะหายไปหมดจะไม่มีร้านหมอที่รักษาถูกๆอีกต่อไป รวมถึงอานามัยต่างๆทั่วประเทศด้วย

ผมเห็นด้วยครับที่ให้พยาบาลจ่ายยาได้





เรื่องจริงครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้หวังดี วันที่ตอบ 2014-09-14 23:05:24


ความเห็นที่ 8 (3008503)

แจ้งลบความคิดเห็น

ดีดี เห็นด้วยสุดๆ
ผู้แสดงความคิดเห็น kk วันที่ตอบ 2014-09-14 22:17:31


ความเห็นที่ 7 (3008495)

แจ้งลบความคิดเห็น

สะใจ??? ความคิดนี้ออกจากสมองคนมีการศึกษารึเปล่านะ
ผู้แสดงความคิดเห็น a วันที่ตอบ 2014-09-14 15:18:36


ความเห็นที่ 6 (3008489)

แจ้งลบความคิดเห็น

ตอบความคิดเห็นที่1 ....ความคิดต่ำมากนะคะ


ผู้แสดงความคิดเห็น เภสัชกรชั้น 1 วันที่ตอบ 2014-09-14 10:35:34


ความเห็นที่ 5 (3007917)

แจ้งลบความคิดเห็น

ถ้ามีการอบรมเกี่ยวกับตัวยาเพื่อเพิ่มทักษะความรู้ ก็ ดอเคนะครับ เพราะปัจจุบันเราต้องยอมรับว่าบุคคลากรร้านยาในบ้านเรายังขาดอีกมาก
ผู้แสดงความคิดเห็น ร้านยา วันที่ตอบ 2014-09-02 16:25:47


ความเห็นที่ 4 (3007916)

แจ้งลบความคิดเห็น

เห็นด้วยไหม ให้ ปกศ สูง คุมงานแทนวิศวะ
ผู้แสดงความคิดเห็น กดหก วันที่ตอบ 2014-09-02 16:01:35


ความเห็นที่ 3 (3007887)

แจ้งลบความคิดเห็น

คุณคิดได้แต่ว่าสะใจ เคยสงสาร ผู้ป่วยกันบ้างมมั้ย มีมนุษยธรรมกันบ้างมั้ยค่ะ ได้รับยาจากคนที่ไม่ได้เรียนยามาอ่ะ อันตราย ถ้าเป็นครอบครัวคุณเข้าร้านพวกนั้นที่ไม่มีเภสัข คุณยินดีใช่มั้ย
ผู้แสดงความคิดเห็น sine วันที่ตอบ 2014-09-01 23:35:52


ความเห็นที่ 2 (3007854)

แจ้งลบความคิดเห็น

กฎหมายใหม่ หรือ พรบ ยาใหม่จะให้พยาบาลคุมร้านได้เหมือนเภสัช ถ้าได้ร้านยาจะรอดตาย
ผู้แสดงความคิดเห็น ร้านยาสะใจเภสช วันที่ตอบ 2014-09-01 09:24:07


ความเห็นที่ 1 (3007853)

แจ้งลบความคิดเห็น

เห็นเภสัชกร. ดิ้นพล่าน. ถ้าได้ก็สะใจ
ผู้แสดงความคิดเห็น ร้านขายยา วันที่ตอบ 2014-09-01 09:20:46



ความเห็นที่ 14 (3008564)

แจ้งลบความคิดเห็น

เด็กจัดของ ยังไงก็เป็นเด็กจัดของอยู่ดี

เห็นคนอื่นเป็นเต่า แล้วตัวเองเป็นอะไรไม่เห็นบอก สงสัยจะเป็นลูกเต่า
ผู้แสดงความคิดเห็น เภสัชชั้น 1 ข้างท้าย วันที่ตอบ 2014-09-15 23:16:11


ความเห็นที่ 13 (3008549)

แจ้งลบความคิดเห็น

เต่าถาม...เต่าตอบ



เต่าก็ยังคงเป็นเต่า...
ผู้แสดงความคิดเห็น เภสัชกร ชั้น 1 วันที่ตอบ 2014-09-15 17:40:50


ความเห็นที่ 12 (3008539)

แจ้งลบความคิดเห็น

เห็นด้วย

กับคนที่นับยาจ่ายยาอยู่ในห้องเล็กของโรงบาลไม่เคยออกมาเจอกับคนไข้ไม่เคยอยู่ข้างๆหมอเวลาตรวจจะไปจ่ายยาให้คนไข้ได้ไงพยาบาลจ่ายยาหน้าจะดีกว่าด้วยซ้ำไป
ผู้แสดงความคิดเห็น ความจริงวันนี้ วันที่ตอบ 2014-09-15 14:27:51


ความเห็นที่ 11 (3008518)

แจ้งลบความคิดเห็น

เห็นด้วย ล้านเปอร์เซนต์ ครับ พยาบาล เกษียณ พยาบาลต่างจังหวัด จะได้จ่ายยาได้ ทำร้านขายยาได้ จะได้ช่วยเหลือคนไข้ แออัด ล้นโรงพยาบาล กรุณาอย่าเห็นแก่ตัวครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น เสวก งามชุติมาวงศ์ วันที่ตอบ 2014-09-15 10:00:34
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!! พรบ.ยาฉบับใหม่ มนุษย์ลุงมนุษย์ป้าทำออกมาไ

โพสต์โดย เมจิก พี » 08 ต.ค. 2014, 00:54

ร่างพรบ.ยาฉบับใหม่ เภสัชกรพร้อมใจ ร้องยี้!!!!กันทั่วประเทศ
สืบเนื่องจากการที่มีการผลักดันร่าง พรบ.ยา ฉบับใหม่เพื่อใช้ทดแทนฉบับปี 2510 แต่กลับพบว่าร่างฉบับใหม่นั้น มีสาระสำคัญที่ผิดเพี้ยนไปจากหลักวิชาการอย่างมากจนไม่สามารถยอมรับได้ กลุ่มเภสัชกรภาครัฐจึงรวมตัวกันแสดงออกในแนวทางอารยะขัดขืน แสดงสัญลักษณ์ไม่ยอมรับสาระใน ร่าง พรบ.ยาฉบับใหม่ ที่ถูกเรียกว่า ฉบับลักไก่ละเลยประชาชน
ประเด็นสำคัญที่มีความบกพร่องในร่าง พรบ.ยา ที่สำคัญได้แก่ การเปิดโอกาสให้วิชาชีพสุขภาพนำยาที่ขึ้นทะเบียนแล้ว มาผสมทำยาที่เป็นสูตรตำรับของตนเองได้ โดยไม่ต้องขอ อย. ไม่ต้องเปิดเผยสูตรยา แสดงว่า หากมีการนำเอายา 2 ชนิดมาผสมกัน ยกตัวอย่างเช่น นำยาพาราเซตามอลมาผสมยาสเตียรอยด์แล้วบดใส่แคปซูลสีสวย จ่ายให้ผู้ป่วย ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ โดยไม่ผิด พรบ.ยา เพราะยาทั้งสองชนิดดังกล่าวต่างก็ผ่านการรับรองจาก อย.แล้ว อีกทั้งยังไม่ต้องระบุส่วนประกอบของยาในฉลาก ซึ่งขัดต่อหลักการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างร้ายแรง

อีกประเด็นที่สำคัญที่เป็นความบกพร่องที่สำคัญคือ ประเด็นที่ ร่าง พรบ.ฉบับนี้ เปิดช่องทางให้สามารถโฆษณายาหรือคุณสมบัติของยาอันตรายได้นั้น เป็นการเปิดช่องทางกฎหมายที่ขัดกับหลักสากล ยามีทั้งประโยชน์และโทษ ยาอันตรายที่ห้ามการโฆษณาดังที่ปรากฏใน พรบ.ยาปี 2510 นั้นถูกต้องแล้ว การเปิดช่องทางให้โฆษณาได้อย่างเสรี ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อและความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งจะนำไปสู่การบริโภคยาเกินจำเป็น เป็นการส่งเสริมการค้าขายยามากกว่าการคุ้มครองผู้บริโภค

จากทั้งสองกรณี จะเห็นได้ว่า การแก้ไขร่าง พรบ.ยา ฉบับนี้ตกอยู่ภายใต้กระแสทุนกระแสพาณิชย์นิยม ที่เน้นส่งเสริมการขายยาการบริโภคยาเหมือนส่งเสริมการขายขนมเพื่อการทำกำไรสูงสุด ไม่ได้เป็นไปตามหลักของการคุ้มครองผู้บริโภคและความปลอดภัยทางยา จึงไม่แปลกที่เภสัชกรและวิชาชีพสุขภาพได้ลุกขึ้นมาคัดค้านอย่างพร้อมเพรียง และขอชื่นชมทุกกลุ่มต่างๆที่ออกมาคัดค้าน ร่าง พรบ.ยา ฉบับลักไก่ประชาชนอย่างจริงจัง
ความบกพร่องในร่างฉบับนี้มีหลายประเด็น เริ่มตั้งแต่นิยามก็หลงยุคแล้ว ในทางสากลนั้นยาควรแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ยาที่ต้องจ่ายตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น ยาที่จ่ายโดยเภสัชกร และยาที่ประชาชนซื้อหาเองได้ แต่ในร่างใหม่กลับเปิดช่องให้ทุกวิชาชีพสุขภาพจ่ายยาได้และไม่ชัดเจนในขอบเขต ซึ่งอาจนำมาซื่งปัญหาใหญ่ เพราะเมื่อขอบเขตการจ่ายยาของแต่ละวิชาชีพไม่ขัดเจนจนอาจนำมาซึ่งการขายยาจ่ายยาเชิงพาณิชย์จนเกินพอดี โดยละเลยเรื่องความปลอดภัยทางยาต่อประชาชนได้ แก้ พรบ.แล้วต้องแก้ให้ก้าวหน้าขึ้น ไม่ใช่ถอยหลังลงคลอง
การบอกว่าจะอุดช่องโหว่ด้วยประกาศกฏกระทรวงแนบท้าย พรบ. อันนี้รับไม่ได้ ในเมื่อ พรบ.ยังเป็นร่าง แล้วทำไมไม่แก้ไขให้ดีไปเลยครับ
1. ที่ประชุม เภสัชกร สสจ. 76 จังหวัด เห็นชอบการคัดค้านร่าง พรบ.ยาที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ รมว.สธ. ใน 7 ประเด็นที่เครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมเสนอ และทำหนังสือเสนอ อย. ให้พิจารณาเสนอความเห็นต่อ รมว.สธ. ดังนี้
1) เสนอให้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติยาฯ ในประเด็นข้อบกพร่อง 7 ประเด็นที่เสนอ หรือ
2) เสนอไม่ยืนยันร่างพระราชบัญญัติยาฯ และถอนเรื่องไม่นำเสนอเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เนื่องจากมีประเด็นขัดแย้งสูง และให้นำกลับไปพิจารณาใหม่เพื่อให้เกิดความชัดเจนและมีส่วนร่วมจากเภสัชกรและผู้เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่

2. นัดรวมพลเข้าพบ เลขาธิการ อย. และยื่นหนังสือวันที่ 9 ตค.57 เวลา 9.00 น. โดยนัดรวมพลทั้ง เภสัชกร สสจ./รพศ./รพท./รพช. ที่อาคาร 1 ชั้นล่าง ตึกสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ควรมาก่อนประมาณเวลา 8.30 น. การแต่งกายใช้เสื้อกาวน์

3. หากเลขาธิการ อย.ไม่ตอบรับข้อเสนอ ข้อใดข้อหนึ่ง หรือ ตอบรับแต่ไม่ชัดเจน ไม่ยืนยัน ไม่สั่งการให้มีหนังสือเสนอความเห็นไปยัง รมว.สธ. ภายใน 10 ตค.57 ถือว่า อย.ไม่ตอบสนอง จะมีการแถลงข่าวประกาศมาตรการตอบโต้ อย. โดยการไม่ร่วมสังฆกรรมในกิจกรรมทุกกิจกรรมที่ อย.จัด ยกเว้นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ และ ขึ้นป้ายคัดค้านทุกจังหวัด แต่งชุดดำ ถ่ายรูปคัดค้านส่งไปยังสื่อต่างๆ social media

4. ให้ สสจ.ประสานเครือข่ายเภสัชกรในจังหวัดทั้ง รพ./ร้านยา เครือข่ายวิชาชีพอื่น เครือข่ายประชาชน ร่วมคัดค้านโดยการแสดงการประท้วงเชิงสัญลักษณ์ ถ่ายรูปมือกากบาท พร้อมป้ายผ้า อาจแต่งชุดกาวน์หรือชุดดำก็ได้ และเผยแพร่ไปทุกสื่อและ social media ทำพร้อมกันทั่วประเทศ

ขอให้เภสัชกรทั้งมวลรวมตัวเป็นหนึ่งเดียว เพื่อร่วมคัดค้าน ร่าง พรบ.ยา ที่มีผลกระทบต่อความไม่ปลอดภัยในการใช้ยาของประชาชน และสร้างความเสียหายต่อระบบยาและสุขภาพ
หลังจากที่ทีมเภสัชกรทั้งประเทศเคลื่อนไหวคัดค้าน สภาวิชาชีพเภสัชกรรม จึงได้ออกจดหมายเรียนรุัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ทบทวนร่าง พรบ.ยา ฉบับใหม่ แม้ว่าจะมาช้าไปนิดแต่มาช้ายังดีกว่าไม่มา และในไม่กี่วันนี้สภาเภสัชกรรมจะหน้าที่สำคัญที่ยากกว่าการคัดค้าน นั่นคือการทบทวนและเสนอร่างใหม่ให้เป็นไปตามหลักการสากลที่ทางสมาชิกเภสัชกรเรียกร้อง ขอให้สภาเภสัชยืนหยัดในหลักการและเหตุผล อย่าอ่อนไหวไปกับอำนาจ อย่าให้พี่น้องเภสัชกรต้องผิดหวัง เพราะนี่คือโอกาสสำคัญในการสร้างผลงานที่จะจารึกไว้ในแผ่นดิน
แก้ไขล่าสุดโดย เมจิก พี เมื่อ 08 ต.ค. 2014, 01:33, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51


Re: เบื่อจุงเบย!!! พรบ.ยาฉบับใหม่ มนุษย์ลุงมนุษย์ป้าทำออกมาไ

โพสต์โดย เมจิก พี » 10 ต.ค. 2014, 00:27

สรุปผลการประชุมหารือการคัดค้านร่าง พรบ.ยา ระหว่าง ชมรมเภสัขสาธารณสุขจังหวัด มวลมหาประชาเภสัชกร กับ เลขาธิการ อย. วันที่ 9 ตค.57 ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร อย.

1. เลขาธิการ อย. และที่ประชุม เห็นด้วยว่า ร่าง พรบ.ยา ฉบับกฤษฎีกาที่เสนอ รมว.สธ. วันที่ 24 กย.57 ยังมีข้อบกพร่องของบทบัญญัติบางมาตราที่กระทบต่อการคุ้มครองผู้บริโภค และสวัสดิภาพความปลอดภัยในการใช้ยาของประชาชน ซึ่งต้องแก้ไขก่อนยืนยันร่างกฎหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

2. ที่ประชุมเห็นชอบข้อบกพร่องของร่าง พรบ.ยา ที่ต้องแก้ไขอย่างน้อย 8 ประเด็น ตามหนังสือที่ชมรมเภสัชสาธารณสุขจังหวัดและเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมเสนอ ซึ่งต้องแก้ไขให้สอดคล้องกับหลักการของร่าง พรบ.ยาที่เสนอผ่าน ครม.

3. แต่งตั้งคณะทำงานร่วมกับ อย. เพื่อพิจารณาแก้ไขร่าง พรบ. ที่มีข้อบกพร่องในการคุ้มครองผู้บริโภค ตามที่เสนอให้เสร็จภายใน 14 วัน ก่อนเสนอ รมว.สธ. หากมีวิชาชีพหรือกลุ่มใดคัดค้านร่างที่แก้ไขนี้ ก็ให้พิจารณาผ่านที่ประชุมทุกกลุ่ม โดยให้ยึดหลักการของกฎหมายเป็นสำคัญ

ที่มา : ชมรมเภสัชสาธารณสุขจังหวัดแห่งประเทศไทย

พลังแห่งการลุกฮือ 5 วันของกลุ่มเภสัชกรนั้น จะบอกว่าได้ผลเกินคาดก็ว่าได้ ความยากก็อยู่ที่การร่วมร่างแก้กฎหมาย ในขณะเดียวกันก็ต้องดำรงพลังในการคัดค้านต่อไป เพราะเกมส์อาจพลิกใน 30 วันนี้ ใครจะรู้ พลังของอีกฝ่ายที่บิดจนร่าง พรบ.ยา เข้าทางเขาแล้ว เขาคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก สู้ๆครับ ทาเกชิ!!
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!! จ่อถอนทะเบียนยาอมแก้เจ็บคอ ยอดฮิต

โพสต์โดย เมจิก พี » 22 ต.ค. 2014, 01:05

จากกรณีที่มีนักวิชาการด้านเภสัชศาสตร์ เรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ถอนทะเบียนตำหรับยาอมบรรเทาอาการเจ็บคอ ที่มีส่วนผสมของยานีโอมัยซิน และเบซิทราซิน เนื่องจากเป็นยาปฏิชีวนะ แต่ผสมอยู่ในปริมาณน้อย ไม่เพียงพอที่จะฆ่าเชื้อให้หมดไป แต่ในทางกลับกันจะก่อให้เกิดปัญหาเชื้อแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะ และอาจจะส่งผลกระทบให้เกิดการดื้อต่อยาปฏิชีวนะตัวอื่น ๆ ร่วมด้วยนั้น
“ยาตัวนี้ได้มีการอนุมัติขึ้นทะเบียนยามานานมากแล้ว โดยตอนนั้นมีการพิสูจน์ว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง แต่ตอนนี้ วิชาการและวิวัฒนาการทางการแพทย์เจริญก้าวหน้า เมื่อเรารู้แล้วว่ามันไม่เหมาะสม และมีโอกาสทำให้เชื้อดื้อยาก็มีสิทธิเอามาทบทวนได้ และเมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกัน มีข้อมูล มีรายงานการศึกษาวิจัยที่มาสนับสนุนแล้ว ก็ต้องแจ้งเจ้าของผลิตภัณฑ์มาแก้ไขสูตรตำหรับ ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการอยู่หลายสิบรายที่จำหน่ายอยู่ในเมืองไทย ถ้าจะสังเกตจะเห็นว่ามีตำหรับที่ขายดีอยู่ หลายยี่ห้อเหมือนกัน แต่จะยกเลิกการจำหน่ายหรือไม่แล้วแต่มติของอนุกรรมการฯ” ภก.ประพนธ์ กล่าว.

ส่วนเรื่องร่างพรบ.ยาฉบับใหม่ อย.และผู้ที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วนได้มีการประชุมกันไปบ้างแล้ว แต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ผู้สันทัดกรณีชี้ว่า การดึงหลายองค์กรมากเกินไปเข้ามาประชุมอภิปราย ทำให้หาข้อสรุปได้ยากหรือจะเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งของอย.เมื่อมันหาข้อสรุปไม่ได้ก็กลับไปใช้ร่างเดิม เรื่องราวจะเป็นอย่างไรโปรดติดตามต่อไป
ล่าสุด ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับเครือข่ายวิชาชีพที่เกี่ยวข้องถึงร่าง พ.ร.บ.ยาฉบับใหม่ ที่ออกทดแทน พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ซึ่งก่อนหน้านี้เครือข่ายวิชาชีพด้านเภสัชกรรม ออกมาทักท้วงว่าไม่เป็นไปตามหลักการคุ้มครองประชาชนอย่างที่ควรจะเป็น ว่า เบื้องต้นที่ประชุมเห็นชอบให้ยืนพื้นตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ทั้งเรื่องของบทบัญญัติ นิยามศัพท์ การจัดประเภทของยา ทั้งยาอันตราย ยาควบคุมพิเศษ และยาสามัญประจำบ้าน ส่วนเรื่องการสั่งจ่ายยานั้น ยังไม่มีข้อยุติ จะต้องการรับฟังความเห็นจากทุกวิชาชีพ และมีความคิดสอดคล้องกับ 8 ประเด็นที่ทางวิชาชีพเภสัชกรรมเสนอ ในส่วนของเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งต่อจากนี้ไป ในวันที่ 24 ต.ค.นี้ จะเป็นการหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการ และภาคประชาชน เพื่อรวบรวมความเห็นรอบด้าน ก่อนเสนอกลับมายังที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาอีกครั้งหนึ่ง

ด้าน ภก.กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า การหารือวันนี้มีข้อสรุปเบื้องต้น ปรับแก้ 3 ประเด็นหลัก คือ 1. เรื่องประเภทยาออกเป็น 3 ประเภทตามพ.ร.บ.ยา 2510 คือ ยาอันตราย ยาควบคุมพิเศษ และยาสามัญประจำบ้าน 2. เรื่องการจ่ายยาจะยึดหลักการแพทย์เป็นผู้สั่ง และเภสัชกรเป็นผู้จ่ายเพื่อให้เกิดการตรวจสอบซ้ำ และ 3. การผสมยาจะต้องให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรงเป็นผู้ดำเนินการเท่านั้น ยกเว้นบางกรณีระหว่างทำหัตการ แพทย์สามารถผสมยาใช้ได้ แต่ไม่อนุญาตให้ผสมยา 2 ตัว ที่ขึ้นทะเบียนตำหรับแล้วเก็บไว้รอจ่ายให้กับผู้ป่วย เพราะถือว่ามีสถานภาพเป็นยาใหม่ ส่วนอีก 5 ประเด็นที่มีการเรียกร้องให้ปรับปรุงแก้ไขนั้นเป็นเพียงการปรับแก้บางถ้อยคำเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันเท่านั้น.
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

Re: เบื่อจุงเบย!!! จ่อถอนทะเบียนยาอมแก้เจ็บคอ ยอดฮิต

โพสต์โดย เมจิก พี » 24 ต.ค. 2014, 00:54

"รับขนมจีบ ซาละเปา ขนมปัง ชาเขียว ไปทานเพิ่มไหมคะ"
สภาเภสัชกรรมร่วมแสดงสัญลักษณ์ทำท่ากากบาท ไม่เอา พรบ.ยา ฉบับละเลยประชาชน นานๆเราจะเห็นคนที่เป็นระดับผู้อาวุโสของวิชาชีพแสดงออกอย่างจะแจ้งเช่นนี้ จะจริงหรือไม่จริงไม่รู้ว่า หาก พรบ.ยาฉบับทุนนิยมนี้ผ่าน จะทำให้ร้านสะดวกซื้อขาใหญ่เปิดแผนกขายยาในร้านโดยไม่จำเป็นต้องจ้างถึงระดับเภสัชกร เพราะสามารถจ้างวิชาชีพสุขภาพอื่นใดมาขายยาก็ได้ จ้างมาเป็นไม้ประดับตามกฏหมาย และลูกค้าอาจเลือกหยิบยาเองตามชอบใจ แล้วเอาไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ แถมพนักงานอาจถามต่อว่า "ไมรับซาลาเปาสักลูกไว้ทานก่อนทานยาหรือครับ" นี่คือข่าวลือที่ไม่มีใครกล้าออกมายอมรับว่า นี่คือความจริง!!!
เมจิก พี
 
โพสต์: 294
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ย. 2012, 15:51

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง โรบัสต้า

ผู้ใช้งานขณะนี้

New Document