หน้า 11 จากทั้งหมด 14

Re: update ค่าตัวเภสัช update จนระอา

โพสต์โพสต์แล้ว: 06 ส.ค. 2013, 11:58
โดย dreamdream
พอดีว่าจะไปสมัครงาน ร้านยา chian ในห้างนะคะ ประสบการณ์ 7 ปี ควรจะเขียนเงินเดือนตอนสมัครประมาณ เท่าไหร่ค่ะ แล้วถ้าตำแหน่งผู้จัดการควรได้เพิ่มขึ้นอีกกี่บาทค่ะ รบกวนผู้ที่มีประสบการณ์ช่วยแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

Re: update ค่าตัวเภสัช update จนระอา

โพสต์โพสต์แล้ว: 06 ส.ค. 2013, 22:18
โดย เมจิก พี
เสนอไป26,000-30,000บาท ไม่รวมใบฯ ผู้จัดการร้าน35,000-40,000บาทไม่รวมใบฯ
ส่วนเรื่องร้านยาดีๆให้ถือเกณฑ์เงินเดือนไม่รวมใบ25,000บาทup ทำงานไม่เกินเกณฑ์กฎหมายแรงงาน เอาหลักนี้พอเป็นแนวทาง ปลีกย่อยๆอื่นๆก็แล้วแต่แต่ละคน ไม่อยากเอ่ยชื่อบริษัทเพราะไม่ต้องการชี้นำอีกอย่างอาจจะมีมุมมองของแต่ละคนได้หลากหลายจึงขออุเบกขา
ท่านใดที่ต้องการโพสแสดงความคิดเห็น หรือบอกเล่าเรื่องราวต่างๆในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับกระทู้นี้ ให้มาโพสด้วยตัวเองได้เลยครับ จะสะดวกกว่า ขอบคุณทุกๆท่านที่ให้ความสนใจ เมจิก พี

Re: update ค่าตัวเภสัช update จนระอา

โพสต์โพสต์แล้ว: 07 ส.ค. 2013, 12:44
โดย dreamdream
ขอบคุณนะคะ สำหรับคำตอบ พรุ่งนี้จะลองไปสมัครงานดูค่ะ

Re: update ค่าตัวเภสัช update บทสรุป

โพสต์โพสต์แล้ว: 09 ส.ค. 2013, 09:49
โดย เมจิก พี
บทสรุป
ได้UPDATEมาหลายเดือนจนแจ่มแจ้ง
เรื่องค่าแรงประมาณนี้อีกนานแน่
ที่ีunderเร่งขวนขวายอย่าเชือนแช
AEC เป็นตัวแปรอีกไม่นาน

Re: update ค่าตัวเภสัช update บทสรุป

โพสต์โพสต์แล้ว: 12 ส.ค. 2013, 19:20
โดย noohappy
Up date ja

Re: update ค่าตัวเภสัช จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ

โพสต์โพสต์แล้ว: 15 ส.ค. 2013, 15:32
โดย เมจิก พี
จากการสำรวจเมื่อปี54 ของสสช.ดูแล้วคิดอย่างไร ก็เม้นท์กันได้ตามอัธยาศรัย และขอขอบคุณและขออนุญาติคุณAuntira Tirawatwongที่ผมได้แชร์ข้อมูลมา
http://unigang.com/Forum/Topic/11982
อย่าลืมแชร์ต่อคร๊า เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เลือกเรียน ขอบคุณค่ะ
<> รวมข้อมูล AEC ฐานเงินเดือนสาขาเภสัชค่ะ http://unigang.com/Forum/Topic/11982 อย่าลืมแชร์ต่อคร๊า เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เลือกเรียน ขอบคุณค่ะ
เป็นข้อมูลเก่าเพื่อต้องการเปรียบเทียบกับค่าแรงในปัจจุบันที่ได้update กันในกระทู้นี้ ซึ่งต่างจากค่าแรงปี54 ซึ่งเราจะใช้ข้อมูลปี56เป็นฐานข้อมูลในการตัดสินใจเลือกเข้าทำงาน ส่วนใครจะใช้ข้อมูลในอดีตปี54ประกอบการตัดสินใจ ก็คงไม่มีใครไปว่าไร เพียงแต่สงสัยว่าใช้สมองส่วนไหนคิดก็เท่านั้นเอง

Re: update ค่าตัวเภสัช เขาชอบอย่างนั้น

โพสต์โพสต์แล้ว: 21 ส.ค. 2013, 00:57
โดย เมจิก พี
ณ ที่ประชุมสงฆ์เมื่อครั้งพุทธกาล พระสงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กราบทูลถามพระพุทธองค์ว่า เหตุใดพระองค์จึงให้เหล้าเป็นทานแก่ชายผู้เมาสุราคนนั้น และการให้เหล้าเป็นทานนั้นมีอานิสงค์หรือไม่อย่างไร องค์สมเด็จพระบรมครูฯได้ตอบพระสงฆ์สาวกว่า การให้เหล้าเป็นทานไม่มีอานิสงค์ใดๆเลย แต่ถ้าจะให้อย่างอื่นก็จะไม่เต็มความประสงค์ของชายผู้เมาสุราคนนั้น นอกจากเหล้า พระองค์จึงให้เหล้าเพื่อให้เต็มความประสงค์ของชายผู้ติดเหล้าเท่านั้นโดยไม่มีอานิสงค์อย่างอื่นเลย ฉันใดก็ฉันนั้น update ค่าตัวเภสัช ที่นำเสนอข้อมูลค่าตัวเภสัชควรจะได้ขั้นต่ำ23,000บาทนั้น ไม่ได้เติมเต็มความประสงค์ของเพื่อนร่วมวิชาชีพจำนวนหลายหมื่นคนเลย เพราะหลายหมื่นคนนั้นกลับให้ความสนใจอย่างล้นหลามกลับประกาศรับสมัครเภสัชของบางบริษัทที่ให้เงินเดือนไม่ถึง2หมื่น(แต่บอกว่าจะบวกค่าโน่นนี่นั่นเพิ่มให้ อันเป็นเรื่องการหวังน้ำบ่อหน้าหาความแน่นอนไม่ได้)จึงนับเป็นบทเรียนสำคัญที่จขกท.ต้องนำไปปรับปรุงหาข้อมูลว่าบริษัทไหนให้เงินเดือนเภสัชต่ำกว่า2หมื่นมาupdate แทน เพราะเพื่อนร่วมวิชาชีพไห้ความสนใจบริษัทพวกนี้ที่ให้เงินเดือนต่ำกว่า2หมื่นมากกว่า เป็นการเติมให้เต็มความประสงค์ของผู้ที่ต้องการแบบนั้น

Re: update ค่าตัวเภสัช เขาชอบอย่างนั้น

โพสต์โพสต์แล้ว: 22 ส.ค. 2013, 14:03
โดย meepee
ด้วยความเคารพ
ผมว่า RATE ที่แจ้งมา น่าจะเป็น rate ของเภสัชกร โรงพยาบาลเอกชนใช่มั้ยครับ
เท่าที่ทราบ rate ของเภสัชกรในแต่ละสายงาน (โรงพยาบาล, ร้านยา, การตลาด etc.) หรือเอกชน/รัฐบาล/รัฐวิสาหกิจ จะไม่เหมือนกันนะครับ
ดังนั้น น่าจะเทียบเป็นกลุ่มๆไปมากกว่าครับ เพราะถ้าดูเฉพาะตัวเลข โดยไม่ได้ดูปัจจัยอื่นๆประกอบ เภสัชกรหลายๆท่านจะตกใจได้น่ะครับ

Re: update ค่าตัวเภสัช เขาชอบอย่างนั้น

โพสต์โพสต์แล้ว: 22 ส.ค. 2013, 14:13
โดย meepee
ด้วยความเคารพ
ผมว่า RATE ที่แจ้งมา น่าจะเป็น rate ของเภสัชกร โรงพยาบาลเอกชนใช่มั้ยครับ
เท่าที่ทราบ rate ของเภสัชกรในแต่ละสายงาน (โรงพยาบาล, ร้านยา, การตลาด etc.) หรือเอกชน/รัฐบาล/รัฐวิสาหกิจ จะไม่เหมือนกันนะครับ
ดังนั้น น่าจะเทียบเป็นกลุ่มๆไปมากกว่าครับ เพราะถ้าดูเฉพาะตัวเลข โดยไม่ได้ดูปัจจัยอื่นๆประกอบ เภสัชกรหลายๆท่านจะตกใจได้น่ะครับ

Re: update ค่าตัวเภสัช เขาชอบอย่างนั้น

โพสต์โพสต์แล้ว: 23 ส.ค. 2013, 00:11
โดย เมจิก พี
เป็นRateค่าตัวเภสัชของหน่วยงานเอกชน ทั้งร้านยา โรงพยาบาล โรงงาน(บางแห่ง) การตลาด ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นถึงระดับบิ๊ก บางท่านได้มากกว่าที่มาลงไว้ก็มีหลายท่าน ถ้าจะให้ลงแยกเป็นกลุ่ม ๆช่วงเงินเดือนมันก็คล้ายๆกัน และเราต้องการทราบตัวเลขรายได้รวมต่อเดือนว่าเป็นเท่าไรต้องการทราบแค่นั้น ใครจะไปทำงานอะไรปลีกย่อยแล้วได้เงินเท่าไรช่วยแจ้งมาด้วยนั้น ไม่ได้ถามมาและคิดว่าอาจจะจะรบกวนผู้ถูกถามมากไป

Re: update ค่าตัวเภสัช ปัจฉิมลิขิต ขอบคุณที่สนใจ

โพสต์โพสต์แล้ว: 24 ส.ค. 2013, 23:45
โดย เมจิก พี
ข้อมูลในกระทู้นี้เป็นเพียงแนวทางประกอบการตัดสินใจในการเลือกสถานที่เข้าทำงาน แต่ก็อยากให้ทุกท่านได้ค่าตัวไม่น้อยกว่าที่updateไว้ ก็ยังมีอีกหลายท่านเลือกที่ทำงานที่ได้ค่าตัวต่ำกว่าที่บอกไว้ ซึ่งมันก็อาจจะทำให้เจ้าของธุรกิจยึดเป็นบรรทัดฐาน จะทำให้น้องๆหรือเพื่อนๆรุ่นต่อมาเสียโอกาสจากการที่เภสัชคนก่อนไปยอมรับค่าตัวต่ำๆนั้นด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือเห็นแก่ตัวหรือต้องการตัดราคาเพื่อนร่วมวิชาชีพคนอื่นก็สุดจะคาดเดา แต่มันก็ทำให้เจ้าของธุุรกิจไม่ยอมupค่าตัว ถ้าพวกเราร่วมใจกันไม่ไปทำงานในที่ที่ให้ค่าตัวต่ำๆ ในที่สุดเจ้าของก็ต้องupค่าตัวขึ้นมาเอง แล้วพวกเราก็จะได้เฮกันทุกคน แต่เพราะแกะดำในวิชาชีพบางคนมันถึงทำให้ค่าตัวของพวกเรามันไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด
Update ค่าตัวเภสัชภาคพิเศษ ค่าตัวจอมยุทธ์
"จอมยุทธ์"ในที่นี้หมายถึง ผู้มากทั้งฝีมือและประสบการณ์ เรียกว่า"เก๋า"ในวงการ ดังนั้นค่าตัวของพวกท่านจากที่หาข้อมูลมาเป็นดังนี้
=ทั่วๆไป start ที่ 30,000บาทup
=ทำเลท่องเที่ยวหรือที่ที่มีการค้าคึกคัก start ที่35,000บาทup
ขอย้ำว่านี่เป็นตัวเลขเฉพาะเงินเดือนอย่างเดียว ที่ไม่ได้รวมค่าโน่นนี่นั่น
การ"Present"ตัวเองตอนพูดคุยก่อนเข้าทำงานหรือการทำ"Work shop"จะเป็นการพิสูจน์ให้นายจ้างหรือหัวหน้างานได้รู้ว่าท่านเป็น"จอมยุทธ์"ตัวจริงหรือไม่ ฝีมือและประสบการณ์จะทำให้ท่านนำเสนอตัวเองด้วยความเชื่อมั่น บางคนเคยได้เงินเดือนRateนี้จากที่ทำงานเก่าแต่มีเหตุให้ต้องมาทำงานที่ใหม่ท่านคงไม่เอาเงินเดือนน้อยกว่าเดิม แต่ถ้าได้"Present"ตัวเองแล้วนายจ้างหรือหัวหน้างานยัง"กด"ค่าแรงหรือบอกว่าลองทำผลงานให้ดูก่อนสักระยะหนึ่งแล้วค่อยมาว่าเรื่องเงินเดือนกันใหม่ ขอแนะนำว่า"ให้หาที่ทำงานใหม่"ที่ให้เงินเดือนในอัตรานี้ตั้งแต่เริ่มต้นเลยดีกว่า จะไปเสียเวลาหรือคอยความหวังว่านายจ้างหรือหัวหน้างานจะมาพิจารณาเงินเดือนให้เราใหม่ เขาเรียกว่าเสียค่าโง่ เสียชื่อจอมยุทธ์นะจะบอกให้

=ค่าใบประกอบฯ ตอนนี้หลายแห่งก็ให้10,000บาทแล้วใครได้น้อยกว่านี้ลองต่อรองดูแต่อัตราที่เคยบอกไว้ก็ยังใช้ได้อยู่ แหล่งท่องเที่ยวยังเป็นอัตราเดิมคือ12,000-15,000บาท(มีข่าวว่าบางแห่งให้ถึง18,000บาท)
=ค่าP/Tของจอมยุทธ์ 150บาทUp/ชั่วโมง
=*รายได้(หลังหักค่าใช้จ่ายทุกอย่างยกเว้นยังไม่หักภาษี)ของร้านขายยาปลีกทุกขนาดและทั้งส่งและปลีกขนาดเล็กและกลาง จากการสุ่มสำรวจแล้วนำมาประเมินรวมทั้งข้อมูลจากวงใน มีรายได้ต่อเดือนต่อสาขาโดยประมาณดังนี้

*2-30,000ถึง1-200,000บาทและมีจำนวนหนึ่งได้2-5แสนบาท
=*ร้านค้าส่งและปลีกขนาดใหญ่ได้มากกว่า1ล้านบาทต่อเดือนต่อสาขา

*ข้อมูลนี้ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางภาษีอากร
ยังจำได้ไหม...แล้วได้น้อยกว่านี้หรือปล่าว???
ค่าตัวของเรา ขั้นต่ำที่ยอมรับได้
=P/T 120บาท/ชั่วโมง(ย้ำต้อง120บาท/ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ยังมีบางแห่งให้น้อยกว่านี้ประมาณ100-110บาท/ชั่วโมงทั้งที่เจ้าของเป็นและไม่เป็นเภสัช ขอให้น้องๆและเพื่อนๆห่างๆออกมาเพราะนั่นเป็นrateของพยาบาลP/T)
=F/T(ไม่รวมใบฯ) 23,000บาท/เดือน
(จบปริญญาตรี4ปีก็15,000บาทแล้ว แล้วเภสัชเดี๋ยวนี้เรียน6ปี รามทั้งเป็นสายวิทยาศาสตร์การแพทย์ด้วย คุณค่าและความต้องการทางสังคมมันสูงอยู่แล้ว ถ้าตีแบบง่ายๆว่า4ปี15,000 ก็ตกปีละ3,750บาท 6ปีก็22,500บาทแล้วถ้าบวกมูลค่าเพิ่มเกี่ยวกับความต้องการของตลาดล่ะมันก็ต้องมากกว่า22,500บาทขึ้นไปอีกจริงไหม)
=ค่าใบฯ 8,000 บาท/เดือน
=ร้านยาที่น่าสนใจ 25,000 บาทUP/เดือน(ไม่รวมใบฯ)+ทำงานไม่เกินเวลาที่กฎหมายแรงงานกำหนด+โบนัส+ขึ้นเงินเดือนอย่างน้อยปีละ5-10%
=ที่สำคัญเมื่อไรพวกเราจะไม่ตัดราคากันเอง!!!!!
=ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาดู :mrgreen:
กระทู้นี้ๆได้โพสมานานพอสมควรแก่เวลาแล้วจึงขอ"ปิดกระทู้"
หากท่านใดมีข้อมูลใหม่จะมาupdate ก็จัดไป

**********อีกเรื่องที่จะบอกน้องๆและเพื่อนเภสัชกรที่ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนและไม่ใช่เจ้าของกิจการว่า เภสัชกรเป็นผู้ชำนาญการและเป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการ เงื่อนไขการรับเข้าทำงานต้องเป็นเงื่อนไขทางวิชาการ เช่น ต้องการผู้ชำนาญด้านผสมเคมีบำบัด ต้องการผู้ชำนาญเรื่องยาทางระบบประสาท อย่างนี้เป็นต้น เภสัชไม่ใช่พนักงานอ๊อฟฟิตจึงไม่ควรไปยอมรับเงื่อนไขการรับเข้าทำงานแบบพนักงานอ๊อฟฟิต เพราะนั่นจะเท่ากับว่าเราลดเกรดตัวเองลงมาเทียบเท่าพนักงานอ๊อฟฟิต ซึ่งมันอาจจะทำให้ค่าตัวของเราลดตามไปด้วยรวมทั้งเครดิตทางสังคม ใครจะอ้างเหตุผลที่จะใช้เงื่อนไขแบบพนักงานอ๊อฟฟิตในการรับเข้าทำงานมันเรื่องของเขา ถ้าทำได้เราควรจะห่างๆพวกนี้ไว้ แนวคิดของผมคือ การยกระดับหรือสถานะของพวกเราให้สูงขึ้น ส่วนใครที่ไม่เห็นด้วยก็ต่างคนต่างอยู่!!!!!!!!และขอเตือนไว้อีกเรื่องคือหน่วยงานหรือร้านหรือบริษัทไหนที่ประกาศรับเภสัชบ่อยๆ ถ้าจะไปสมัครขอให้ใช้วิจารณญาณให้มากๆหน่อย ท่านที่ติดตามเวบนี้ประจำก็พอจะรู้ว่าร้านไหนบริษัทไหนหรือหน่วยงานไหนที่เป็นอย่างนั้น และที่ยังเห็นอยู่เรื่อยๆคือบางบริษัทจะประกาศตัวเลขเงินเดือนที่อาจจะรวมค่าใบประกอบฯอยู่ในตัวเลขนั้นทำให้ดูว่าเงินเดือนมันเยอะ ขอให้พวกเราถามชัดๆว่าเงินเดือนเท่าไร และค่าใบประกอบฯเท่าไร อย่าให้นายจ้างเหมารวมเพราะมันคนละส่วนกัน เราจะเสียเปรียบ ย้ำต้องแยกเงินเดือนและค่าใบประกอบฯออกจากกัน ให้พวกเราถามให้ชัดเจน(ส่วนเหตุผลว่าทำไมต้องแยกจากกันให้ย้อนกลับไปดูเหตุผลที่ผมเคยเขียนบอกไปแล้วอยู่ในกระทู้หน้า10update ค่าตัวเภสัช New update ตอนที่3) ส่วนเรื่องที่ว่า บางบริษัทเมื่อรับเข้าทำงานแล้ว ต้องไปอบรม(เรียนหนังสือแต่ผมขอเรียกว่า"ล้างสมอง"อีกเป็นเดือนถึงแม้จะมีเงินเดือนให้ในช่วงอบรม) ก็คงเป็นเรื่องที่น่าเบื่อพอสมควรเราเข้าทำงานแล้วเราก็อยากจะปฎิบัติงานเลย ความรู้และประสบการณ์เต็มเปี่ยม แค่บอกกฎกติกาของบริษัทแต่พอหอมปากหอมคอก็พอแล้ว แล้วแต่เพื่อนๆน้องๆจะพิจารณาบริษัทที่ต้องอบรมเป็นเดือนก่อนให้ทำงาน และห้ามคล้อยตามเป็นอันขาดคือ บางหน่วยงานจะบอกเงินเดือนเริ่มต้นไม่ถึง2หมื่น(ประมาณหมื่นแปด ค่าใบฯประมาณหมื่นแต่ห้ามนำมารวมกับเงินเดือนนะเพื่อนๆ)แต่ว่าจะบวกโน่นนี่นั่นให้ อันนี้มันคล้ายขุดบ่อล่อปลา หวังน้ำบ่อหน้า จึงหาความแน่นอนได้ยากในเรื่องรายได้ส่วนที่เพิ่มจากฐานเงินเดือนที่ไม่ถึง2หมื่น(ประมาณหมื่นแปดค่าใบฯประมาณหมื่นแต่ห้ามนำมารวมกับเงินเดือนนะเพื่อนๆ) และถ้าเอาส่วนที่เพิ่มมาบวกกับฐานเงินเดือนเดิมแล้วจะได้ถึง23,000บาท(ไม่รวมใบฯ)หรือไม่ แล้วรายได้ส่วนที่เพิ่มนั้น จะได้สม่ำเสมอทุกเดือนหรือ วุ่นวายจุงเบย หาหน่วยงานที่ได้เงินเดือนเกิน23,000บาท(ไม่รวมใบฯ)แน่ๆดีกว่า เลือกหน่วยงานที่ระบุตัวเลขเงินเดือน(ไม่รวมใบฯ)ชัดๆ ดังนั้นหน่วยงานไหนระบุเงินเดือนที่ต้องบวกโน่นนี่นั่นวุ่นวาย หาความแน่นอนยาก เลี่ยงได้ก็เลี่ยงซะะะะะะะเกือบลืมเล่าสู่กันฟังอีกเรื่องหนึ่ง เพื่อนๆน้องๆหลายคนอาจจะพอทราบแล้วว่าเงินเดือนของผู้ช่วยเภสัช(ความจริงควรจะเรียกว่า"ผู้ช่วยเจ้าของร้านหรือผู้ช่วยหัวหน้างาน"เพราะไรเหรอ ก็ในกรณีที่ผู้ช่วยและเภสัชกรเป็นลูกจ้างทั้งคู่ ผู้ช่วยก็จะทำหน้าที่ช่วยเภสัชกร ตามjob descriptionที่เจ้าของร้านหรือหัวหน้างานกำหนดมาเท่านั้น ถ้าเภสัชขอให้ช่วยในงานนอกเหนือจากที่ถูกกำหนดมาแม้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องทางยา ผู้ช่วยก็จะทำบ้างไม่ทำบ้างหรือไม่ยุ่งเลยก็มี จึงขอเรียกพวกผู้ช่วยว่า "ผู้ช่วยเจ้าของร้านหรือหัวหน้างาน")ตอนนี้เงินเดือนผู้ช่วยที่พอมีประสบการณ์มาบ้าง ไม่น่าจะเกิน3-5ปี ตอนนี้start 2หมื่นแล้วในบางแห่ง ขณะที่หลายๆแห่งผู้ช่วยก็ทำงานจนมีเงินเดือนเกิน2หมื่นไปแล้วเช่นกัน ก็ยอมรับว่าพวกผู้ช่วยมักจะอยู่กันมานานจึงดูอาวุโสทั้งอายุและประสบการณ์งาน และยังต้องเป็นพี่เลี้ยงให้เภสัช(ที่หมุนเวียนเข้าออกในร้านกันบ่อยๆ)ในเรื่องเกี่ยวกับงานหน้าร้าน เภสัชวัยละอ่อนจึงดูเหมือนน้องเหมือนลุูกของผู้ช่วย(เจ้าของธุรกิจนิยมรับเด็กเภสัชจบใหม่วัยละอ่อน)ถามว่าผู้ช่วยเหล่านี้จะเชื่อถือศรัทธาในตัวเภสัชแค่ไหนคงคิดได้ไม่ยาก เรื่องยาเขาไม่รู้ลึกแต่เรื่องการขาย การเงิน การสั่งยา และอีกหลายเรื่องในร้านเขาก็ทำได้ดี เจ้าของธุรกิจหลายคน(รวมทั้งเจ้าของธุรกิจที่เป็นเภสัชด้วย)ไว้ใจผู้ช่วยมากกว่าเภสัชที่จ้างมานะจะบอกให้ ดังนั้นเภสัชหลายๆคนที่ยังรับเงินเดือนไม่ถึง2หมื่นบาทต่อเดือน ยังมีความสุขกันดีใช่ไหมครับ :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:ท้ายสุดสุดท้ายที่จะขอบอกคือ การเข้าทำงานที่ร้านยาในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ห้างเหล่านี้มักมีกฎระเบียบจุกจิกหยุมหยิมมากมายวุ่นวายและฝืนธรรมชาติของการใช้ชีวิตตามปรกติ เช่นห้ามคุยโทรศัพท์โดยเคร่งครัด ห้ามดื่มห้ามทานหน้าร้าน ห้ามเข้าห้องน้ำลูกค้า เป็นต้น บางห้างก่อนเข้าทำงานต้องมีการอบรมกฎเกณฑ์ของห้างก่อนเข้าทำงาน ต้องเสียเงินเข้าอบรมนะไม่ใช่อบรมฟรีและต้องมีผู้จัดการของห้างเซ็นอนุมัติก่อนจึงจะได้เข้าอบรม โดยเจ้าของร้านค้าเช่าต้องส่งลายชื่อพนักงานรวมทั้งเภสัชไปให้เขาพิจารณาก่อน เมื่อได้เข้าทำงานแล้วระหว่างทำงานก็จะมีเจ้าหน้าที่ของห้างคอยตรวจดูพฤติกรรมพนักงานทั้งของร้านค้าเช่าและของห้างเอง ถ้าใครมีปัญหากับห้างเจ้าหน้าที่ห้างก็จะเชิญไปเข้า"ห้องเย็น"ซึ่งมักตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดินลานจอดรถ โดยด้านหน้า"ห้องเย็น"จะเป็นเหมือนห้องทำงานของพนักงานฝ่ายธุรการของห้าง ส่วน"ห้องเย็น"จะแอบอยู่ชั้นในสุด เอาไว้จัดการกับพนักงานของห้างและร้านค้าเช่าที่มีปัญหากับห้าง การกระทำใดที่เกินกว่าเหตุ แล้วเราแจ้งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในเขตนั้นให้มาจัดการกับห้างเลิกคิดได้ เพราะเขาซี้ปึ๊กกับห้าง เพราะเวลาทางการมีงานอะไรที่ต้องออกสู่สาธารณะก็ได้ห้างในพื้นที่นั้นแหละอำนวยความสะดวกในเรื่องสถานที่ที่จะไปออกบู๊ทโชว์ เขาพึ่งพาอาศรัยกันดีจะตายไป แล้วเรื่องอะไรเขาจะมาทำร้ายมิตรของเขา เห็นไหมการทำงานในห้างมีเงื่อนไขและเรื่องราวที่ไม่น่าอภิรมณ์เลย เงินเดือนของเภสัชในห้างก็ไม่ได้วิเศษวิโสไปกว่าเภสัชที่ทำงานนอกห้างและยังมีการห้ามหยุดเสาร์ อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์อีก ดังนั้น ถ้าจะไปทำงานร้านยาในห้างก็โปรดไตร่ตรองให้จงหนัก!!!!!
:ขอแถมท้ายอีกนิด คนขายยาหลายๆร้าน หน้าตาไม่รับแขกเลยตอนที่มีลูกค้าเข้าร้านรวมทั้งการพูดจาก็ไม่ระรื่นหูเหมือนลูกค้าไปรบกวนคนขายยายังไงอย่างงั้นเลย ตัวเภสัชประจำร้านบางคนก็ทำตัวเฉยเมยเย็นชาไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสหรือเป็นกันเองกะลูกค้า แล้วอย่างนี้ชาวบ้านที่ไหนจะกล้าปรึกษาหารือ แต่ถ้ามองในแง่การแข่งขันทางธุรกิจแล้ว ถ้ามีร้านที่มีบริการดีๆทั้งเภสัชและคนขายยาในร้านช่างโอภาปราศรัยด้วยภาษาดอกไม้มาตั้งอยู่ใกล้ๆ ร้านปากสุนัขหน้ายักษ์กะลูกค้าคงอยู่ได้ไม่นาน แต่ก็ยอมรับว่าบางทำเลไม่มีช่่องทางให้เจ้าของธุรกิจหน้าใหม่น้ำใจดีเข้าไปแข่งหรือค่าที่ก็แพงมากจนไม่สามารถไปลงทุนได้ จึงทำให้ร้านปากสุนัขหน้ายักษ์กะลูกค้ายังคงลอยหน้าลอยตาอยู่จวบเท่าทุกวันนี้.....เฮ่อ :redface: :evil:
ิฺ:ว่าจะจบแต่ก็ยังมีประเด็นเล่าสู่กันฟังอีกโดยเฉพาะเพื่อนๆที่ทำงานในหน่วยงานที่มีฝ่ายต่างๆ ถึงแม้เภสัชจะเป็นฝ่ายปฎิบัติการผู้ชำนาญการและ/หรือหารายได้เข้าหน่วยงาน พนักงานหรือหัวหน้างานในฝ่ายต่างๆเขาคงจะไม่ได้ให้เครดิตทางสังคมกับเราเท่ากับลูกค้าที่มาปรึกษาหรือมาซื้อยากับเภสัชกรที่หน้าร้าน ในหน่วยงานเราก็เป็นแค่พนักงานคนหนึ่งเหมือนพนักงานคนอื่น ฝ่ายบุคคลนี่เขารับเราเข้ามา ฝ่ายบัญชีมีเรื่องการเงินเราต้องพึ่งเขา โดยระบบมันเป็นอย่างนั้น แน่นอนเขาไม่ได้จบอย่างเราไม่ไช่รุ่นพี่รุ่นน้องเภสัช ถ้าเรามีเรื่องที่ต้องเกี่ยวข้องกับ2ฝ่ายนี้ เขาดึงเรื่องดันเรื่องของเราให้เร็วให้ช้าได้ แม้เขาจะมีกรอบเวลาทำงาน แต่ในทางเท็คนิคเขาทำได้มีเหตุผลอธิบายได้ถ้าเขาถูกร้องเรียน จริงเท็จอีกเรื่องหนึ่ง ดูเหมือนว่าเราจะมีคนที่ต้องเกรงใจเพิ่มขึ้นอีกหลายคนนะเพื่อนๆ อยากทำงานหน่วยงานใหญ่ก็ต้องทำใจ แต่ทำงานหน่วยงานเล็กๆจะคล่องตัวสบายใจกว่าเงินเดือนไม่ได้แตกต่างหรือดีกว่าด้วยซ้ำอย่าไปฝันเรื่องสวัสดิการที่หน่วยงานใหญ่เขาว่าดีกว่า เราจะได้ใช้หรือเปล่า เรื่องการเจ็บป่วย ประกันโน่นนี่นั่น ได้ไปต่างประเทศฯลฯแต่สิ่งที่ต้องเจอแน่ๆคือพวกที่เราต้องเกรงใจเพราะต้องพึ่งเขาหลายคน บริษัทบางแห่ง ฝ่ายรับเข้าทำงาน พูดมั่นใจมาก"บริษัทแม่อยู่ไกล คุณอยากได้งานไหม อยากได้งานก็ต้องมาสัมภาษณ์ที่บริษัทแม่คนสัมภาษณ์มีคนเดียว(หวงอำนาจปะ)ส่งรีซูมมาก่อนได้ ได้แล้วค่อยไปประจำสาขาในพื้นที่ของผู้สมัคร"เขาก็พูดได้นะสิทธิ์ของเขา แต่โอกาสงานของพวกเราชาวเภสัชที่ไม่ต้องขวนขวายไปสมัครไกลก็ยังมีอยู่อีกมาก
มีร้านบางแห่งบอกขอบเขตงานเภสัชได้ละเอียดดีแท้ รวมทั้งเรื่องที่เภสัชต้องทำบัญชีต่างๆเกี่ยวกับยา ขอบอกให้เพื่อนๆเภสัชได้ทราบว่า เภสัชมีหน้าที่"ควบคุมการทำบัญชีต่างๆเกี่ยวกับยา"ไม่ต้องทำเอง ใครทำก็ได้แต่เภสัชต้องตรวจดูให้ถูกต้องแล้วลงนามในช่องผู้มีหน้าที่ปฎิบัติการเท่านั้น เพราะมีบางร้านบอกให้เภสัชทำบัญชีด้วย รวมทั้งยังกำหนดว่าแต่ละเดือนคุณต้องทบทวนความรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ มันก้าวก่ายวิจารณญาณกันเกินไป เภสัชเขาคิดเองได้ว่าเรื่องไหนเขาต้องทบทวนเรื่องไหนเขาสนใจ ช่วงนี้มีประเด็นวิชาการอะไรที่ต้องเรียนรู้ ไม่ต้องไปกำหนด เขาคิดเองได้ถ้าเภสัชยังต้องการมีพื้นที่ยืนในยุทธจักรวงการยาเขาต้องหาความรู้ให้กับตัวเองอยู่แล้ว จริงไหม"พี่น้อง"
:จะบอกเพื่อนๆและน้องๆอีกว่า ข้อคิด คำแนะนำ สิ่งที่ต้องระวัง และอื่นๆ ผมได้โพสมาค่อนข้างครอบคลุมพอสมควร ถ้าได้เข้ามาดูก่อนไปสมัครงาน ทุกท่านก็จะไม่เสียเปรียบเจ้าของธุรกิจ ก่อนหน้านี้ผมเคยไปโพสบอกเพื่อนๆในกระทู้ของเจ้าของธุรกิจที่มาประกาศหาเภสัชถึงเรื่องที่เพื่อนๆอาจจะเสียเปรียบ จนถูกรุมตอบโต้จากหลายๆผู้ที่ไม่เห็นด้วยในข้อคิดเห็นของผม ดังนั้นผมจึงขอโพสเฉพาะในกระทู้ของตัวเองในเรื่องที่เพื่อนๆควรรู้ก่อนไปทำงาน ขอให้ทุกท่านเรืองรอง ราบรื่น รุ่งโรจน์ ในการทำงานและความเป็นอยู่ จร้า
:ตอนนี้มีน้องเภสัชหลายคนที่เป็นข้าราชการหรือพนักงานของรัฐในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และมีประสบการณ์การทำงานทางด้านสาธารณสุขไม่น้อยกว่า 2 ปี และอายุไม่เกิน 30 ปี มีโอกาสได้ไปเรียนหมอตามโครงการแพทย์แนวใหม่ (New Tract)
โครงการนี้อยู่ในโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท โดยเรียน5ปีที่มหา'ลัยในจังหวัดพิษ'โลก เชื่อว่าเมื่อจบแพทย์แล้ว น้องๆเหล่านี้คงไม่ลืมความเป็นเภสัชกรที่มีในตัวน้องๆก่อนที่จะได้เป็นแพทย์และที่สำคัญ ก็ได้อาศรัยการเป็นเภสัชศาสตร์บัณฑิตจึงได้มาเรียนแพทย์เพียงแค่5ปีต่างจากนักเรียนแพทย์ปรกติ ผลดีของการมีแพทยเภสัช(ขอเรียกเองเป็นการเฉพาะ แต่คนทั่วไปจะเรียกนายแพทย์หรือแพทย์หญิง)ก็คือในอนาคตเมื่อมีแพทยเภสัชเหล่านี้มากขึ้นและมีการเติบโตในสายงาน การทำงานร่วมกันกับเภสัชกรในหน่วยงานต่างๆก็น่าจะได้รับความร่วมมือและสนับสนุนส่งเสริมกันทั้งด้านงานประจำและ การเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เราคงต้องยอมรับ่วาในวงการสา'สุขบ้านเรา หมอมีอำนาจมากกว่าเภสัช จึงอาจเป็นไปได้ว่าในอนาคตอีก5-10ปีข้างหน้าเป็นอย่างเร็ว เภสัชกรอาจจะเติบโตในสายงานได้มากและเร็วกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้ โดยมีพลังแฝงช่วยผลักดันจากแพทยเภสัชเหล่านี้ แม้เราอยากเติบโตด้วยตัวเองนั่นเป็นสิ่งที่ดี แต่ระบบสายงานที่หมอเป็นใหญ่คงยากที่จะไม่พึ่งอำนาจบริหารของพวกหมอ
ไม่ต้องห่วงว่าเภสัชจะขาดแคลน เพราะที่มีอยู่ตอนนี้และที่จบออกมาในแต่ละปีก็มากพออยู่ เพียงแต่การกระจายตัวไม่ทั่วทุกพื้นที่และบางส่วนก็ยังสอบใบประกอบฯไม่ได้
แน่นอนถ้าเภสัชมีการเติบโตที่ดีกว่าเดิมในตำแหน่งหน้าที่การงาน ค่าตัวของเภสัชก็จะ "up" ตามขึ้นไป ค่าตัวเภสัชในภาคธุรกิจอื่นๆย่อมต้องกระเพื่อมเพิ่มตามขึ้นไปหรือหนีห่างเพื่อรักษาคนของตัวเองไว้ นี่ไม่ใช่ความฝันอันเพ้อเจ้อเลื่อนลอย เราคงจะได้เห็นกันในอีกไม่นานเกินคอย

:"เจ้าของร้านเป็นเภสัชเอง"ก็ดูดี เมื่อเภสัชไปทำงานด้วยก็จะเข้าใจวิธีคิด หลักการ อารมณ์ ความรู้สึก การพูดคุยในเรื่องcaseต่างๆและหลายเรื่องๆในแวดวงเภสัชและสา'สุข ในแง่ของรายได้ เภสัชที่ทำงานกับร้านที่เจ้าของเป็นเภสัชเท่าที่ติดตามมาตั้งแต่มกราปี55ถึงปัจจุบัน พบว่า
-F/T(ทุกประสบการณ์ไม่รวมใบ)ส่วนมากให้ที่2หมื่นต้นๆถึง2หมื่นกลางๆ มีบ้างให้2หมื่นกลางๆถึง3หมื่นต้นๆ ส่วนร้านที่ไม่ใช่เภสัชเป็นเจ้าของให้2หมื่นเกือบกลางถึง3หมื่นต้น
-P/Tร้านเภสัชให้ที่100-120บาท/ชั่วโมง มีบ้างให้มากกว่า120 อันนี้พอๆกันทั้งร้านที่เจ้าของเป็นและไม่เป็นเภสัช
-เรื่องเวลาทำงานร้านเภสัช ให้ทำ9ชั่วโมงรวมพัก มีบ้างที่ให้ทำ10-11ชั่วโมง ร้านที่เภสัชไม่ใช่เจ้าของให้ทำ8ชั่วโมงรวมพัก มีบ้างให้ทำ9ชั่วโมงรวมพัก
-ค่าใบประกอบฯร้านเภสัชส่วนมากให้5-7000บาท ร้านที่ไม่ใช่เภสัชส่วนมากให้6-10000บาท
-เรื่องปริมาณงานที่ต้องทำ อันนี้ร้านเภสัชจัดเต็มมีอะไรให้ทำเยอะแยะมากมายบอกว่าเป็นเรื่องทางวิชาการและวิชาชีพ ร้านที่ไม่ใช่เภสัชต้องบอกว่าชิวๆทำการขายและแนะนำปรึกษาไปตามปรกติ

สรุปว่า อยากได้ความรู้ เงินพอประมาณ งานหนัก หรืออยากได้งานสบายเงินค่อนข้างดีแต่มีความรู้พอประมาณ ก็เลือกเอา
-เภสัชด้วยกันน่าจะเป็นต้นแบบในการช่วยยกระดับรายได้เภสัชด้วยกัน ให้เหนือมาตรฐาน เจ้าของร้านที่เป็นเภสัชท่านใดทำอยู่แล้วก็ขอได้รับความขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย แต่เจ้าของร้านหลายท่านที่ยังเป็นNaCl อาจจะติดหูโฆษณา"เค็มแต่ดี" ระวังความดันจะขึ้นรวมทั้งอาจจะStandaloneทั้งร้านทั้งเจ้าของร้านนะพี่น้อง
-ขอย้ำให้น้องๆและเพื่อนๆได้เข้าใจตรงกันว่า ค่าตัวเภสัชที่ได้เคยบอกกล่าวกันไว้ตั้งแต่แรกนั้นรวมทั้งที่ได้สรุปบอกกันอีกครั้งในหัวข้อ"ปัจฉิมลิขิต"ยังเป็นมาตรฐานที่ใช้อยู่และยึดถือเป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกที่ทำงานหรือต่อรองกับเจ้าของธุรกิจได้ ที่ไหนที่ให้น้อยกว่าที่บอกไว้คงรู้นะว่าต้องทำอย่างไร
:อมตะวจี
อมตะวจีที่มักจะได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆเมื่อมีการพูดคุยต่อรองกันเรื่อง"ค่าตัวเภสัช"
"ที่ร้านขายไม่ค่อยดี" แล้วขายวันนึงขายพอได้ค่ากับข้าวหรือเปล่าก็ไม่รู้ ขายไม่ดีแล้วไม่คิดจะเปลี่ยนไปขายอย่างอื่นบ้างหรือ
"เห็นขายดีดีแบบนี้ หักโน่นนี่นั่น แล้วก็ไม่เหลืออะไร" ก็จะไปเหลือได้ยังไง พอหักจนเหลือ คุณเจ้าของร้านก็เอาเข้ากระเป๋าหมด มันก็เลยไม่เหลือมาแบ่งให้ใครนะสิ
"เภสัชคนเก่าก็ให้เท่านี้"ครองแชมป์สุดยอดอมตะวจีมาอย่างต่อเนื่องยาวนานและตลอดไป คุณเจ้าของร้านครับ ตอนนี้ก๋วยเตี๋ยวชามละ30-50กว่าบาทแล้ว ก๋วยเตี๋ยว3บาทเขามีขายที่เดียวที่เชียงใหม่ มาม่าก็ขึ้นราคาไปนานแล้ว แล้วที่ร้านของท่าน ยาขายราคาเก่ามาตั้งแต่เปิดร้านไม่เคยปรับราคาเลยใช่ไหม ดังนั้นค่าตัวเภสัชที่ร้านท่านก็ต้องเท่าคนเก่า
"มาทำดูก่อน3เดือน6เดือนเด๋วค่อยมาคุยกันอีกที"อย่าไป"มโน"ตามเจ้าของร้านแกนะ พอถึงเวลาแกทำลืมทำเงียบ เภสัชจะกล้าเอ่ยปากทวงถามเรื่องปรับเงินเดือนไหม แล้วถ้าแกบอกว่าผลงานยังไม่เข้าตามากนักขอดูต่อไปอีก แล้วเภสัชจะว่ายังไง ถ้าจะให้เขาก็ให้ตั้งแต่แรกเข้าแล้ว ถึงได้บอกว่าอย่าไป"มโน"ตามแกไง
"ที่ร้านมีภาระเยอะ"บอกเจ้าของร้านไปเลย เราก็มีภาระเยอะเหมือนกัน จะให้เราไปช่วยผ่อนภาระแก แล้วใครจะมาช่วยผ่อนภาระเรา(วะ)
:ครบรอบ1ปี
update ค่าตัวเภสัช เราupกันมาจนครบ1ปีแล้วครับพี่น้อง มีพี่ๆน้องๆเพื่อนๆและคนทั่วไปทั้งขาจรและขาประจำแวะเวียนกันเข้ามาviewทุกๆวันใครที่ติดตามก็จะรู้ว่ากระทู้นี้ถอยไปอยู่หน้าไหนแล้ว ไม่ได้ปักหมุดปักธงไหลไปตามธรรมชาติ แต่ถ้าใครจะupdateข้อมูลในแวดวงของตัวเองก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งช่วยจัดมาเลยจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนร่วมวิชาชีพคนอื่น อย่าลืมนะครับมาโพสข้อมูลค่าตัวเภสัชใหม่กันได้ที่กระทู้นี้
และที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งต่อไปอีกนั่นก็คือ เท่าที่ติดตามการรับเภสัชเข้าทำงานของหลายๆที่ในระยะหลังนี้ พบว่าจะรับเข้าทำงานโดยไม่จำกัดเพศและอายุ ขอให้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง หน่วยงานหรือบริษัทห้างร้านต่างๆจะดำรงอยู่ได้ก็ด้วยความรู้ความสามารถในการทำงานของบุคคลากรในที่นั้น การเป็นเพศใดเพศหนึ่งหรือการมีอายุไม่เกินเท่านั้นเท่านี้ไม่ได้ช่วยให้หน่วยงานดำเนินต่อไปได้ ถ้าหน่วยงานประสบภาวะขาดทุนเพศใดเพศหนึ่งหรืออายุไม่เกินเท่านั้นเท่านี้คงไม่ช่วยให้รอดจากการขาดทุนไปได้ ต้องอาศรัยความรู้ความสามารถและประสบการณ์เท่านั้นจึงจะแก้ไขวิกฤตให้ผ่านพ้นไปได้ อย่าห่วงเลยว่าอายุมากหรือเพศxจะต้องจ้างแพง มันต้องดูที่ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ คนอายุน้อยถ้าเจ๋งจริงๆเราก็ต้องจ้างเขาแพงเหมือนกันจะไปกดค่าตัวไว้ เขาก็จะไปอยู่ที่ที่จ่ายค่าตัวยุติธรรม
ขอขอบคุณทุกๆท่านที่แวะเวียนเข้ามาview จะด้วยความ
"ชมชอบ ชิงชัง หรือชาชิน" ก็แล้วแต่อารมณ์ท่านแต่ขอได้รับความขอบคุณจากใจผู้เขียนครับ
:หมิ่นเหม่ผิดจรรยาบรรณไหมถ้าเภสัชไปร่วมงาน
คลินิก...... สกิน ต้องการรับสมัครแพทย์ เภสัชกร ชาย และ หญิง หน้าตาดีบุคลิกดี เป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์
ทำงานแค่วันเดียว ไม่มีข้อผูกมัด ไม่ต้องใช้ใบประกอบโรคศิลป์
สำหรับแพทย์ – หากท่านจบด้านผิวหนัง จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
สำหรับเภสัชกร – หากท่านจบสาขาเครื่องสำอาง จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
ส่งข้อมูลของคุณหมอทุกท่านมาที่ ...........@hotmail.com
1.รูปถ่าย
2.ประวัติ
3.ใบประกอบโรคศิลป์(เพื่อยืนยันในวิชาชีพเท่านั้น)
4.เบอร์ติดต่อกลับ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณ... 081-864-xxxx
ด่วน วันนี้ – 8 เมษายนนี้เท่านั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 03/22/14 เวลา 21:52:21

:เงินเดือน"Super Pharmacist"
มีที่ทำงานหลายแห่ง ประกาศรับเภสัชที่ต้องมีคุวามรู้ด้านอื่นๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านไอที การบริหารจัดการ การตลาด การค้าการขาย ด้านภาษาด้วย แต่เวลาให้เงินเดือนไม่ค่อยแตกต่างจากอัตราเงินเดือนของเภสัชทั่วๆไปเลย ต้องเรียกว่าเอาเปรียบเภสัช ความสามารถพิเศษอื่นๆเหล่านี้มันไม่ใช่ของที่แถมมากับตัวเภสัช ต้องไปเรียนเพิ่มเติม การเรียนต้องใช้เงิน ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความพยายาม สิ่งเหล่านี้เป็นต้นทุนของเภสัชที่เพิ่มเข้ามา เมื่อเขาต้องใช้ความสามารถพิเศษเหล่านี้ก็ต้อง"คิดค่าความรู้แบบจัดเต็มตามปรกติ" ดังนั้นเงินเดือนของเภสัชมากความสามารถ("Super Pharmacist")ต้องเป็นดังนี้
เงินเดือนปรกติอย่างน้อย25,000-30,000บาท
ค่าความรุ้ด้านไอทีอย่างน้อย15,000-20,000บาท
ค่าความรู้ด้านภาษาอย่างน้อย10,000-15,000บาท
ค่าความรู้ด้่านบริหารจัดการอย่างน้อย20,000-25,000บาท
ค่าความรู้ด้านการตลาดการค้าการขายอย่างน้อย10,000-15,000บาท
รวมค่าตัว"Super Pharmacist"คร่าวๆต้องอย่างน้อยเดือนละ80,000-100,000บาทครับมวลมหาประชาเภสัช

ไม่มีอ๊อพชั่น ไม่มีของฝาก ไม่มีอภินันทนาการ ทุกอย่างต้องลงทุน คุณเจ้าของร้านทำธุรกิจคงเข้าใจ หลายๆธุรกิจประกาศหาเภสัชมาหลายเดือนแล้วยังหาเภสัชมาร่วมงานไม่ได้ ผลตอบแทนอาจจะไม่จูงใจ ที่ทำงานไปมาไม่สะดวก หาที่จอดรถยาก ช่วงเวลาในการทำงานไม่เหมาะสม และประวัติเจ้าของร้านอารมณ์แปรปรวน(Bipolar)อย่างนี้เป็นต้น เลิกทีเถอะครับไอ้คำว่า "ต้นทุนต่ำสุด กำไรสูงสุด"แล้วมากดเงินเดือนทีมงาน บีบคอร้านค้าส่ง ค้ากำไรเกินควรกับผู้บริโภค ควรทำธุรกิจด้วยคุณธรรมและยุติธรรมกับทุกฝ่าย ตายไปแล้วเอาอะไรไปไม่ได้ซักอย่างแม้แต่ลมหายใจ นอกจากคุณงามความดีเท่านั้นที่จะเป็นเสบียงในการเดินทางไปสู่สัมปรายภพ

:นอกสายตา???
เคยไปฝึกงานร้านรุ่นพี่ท่านหนึ่งที่เป็นทั้งร้านยาและคลีนิกหมออยู่ในร้านเดียวกันแต่แบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน(พี่เขาจ้างหมอมามีคอนแทคกัน) หมอจะมาตรวจช่วงเย็นทุกวันและเวลาเดียวกัน แต่บางวันก็ไม่มาโดยไม่บอก พี่เขาก็บอกให้คนไข้ที่มานั่งรอตรวจกลับไป เรียกว่ามารอเก้อ บางวันก็มา1ทุ่มกว่า ตรวจแค่2ทุ่มก็รีบกลับ เป็นอย่างนี้เรื่อยมา ก็ไม่เคยเห็นพี่เขาบ่นเขาว่าหรือคุยไรกับหมอในเรื่องนี้ มีแต่กุลีกุจอต้อนรับขับสู้เอาอกเอาใจหมอเป็นอย่างดี อีกเรื่องหนื่งเป็นร้านยากับร้านเกี่ยวกับอาหารการกินอยู่ในบริเวณใกล้กันมีเภสัชหญิงท่านหนึ่งดูแลทั้ง2ร้าน สอบถามได้ความว่าร้านเกี่ยวกับอาหารการกินมีมาก่อนเป็นของครอบครัว ตอนหลังแม่อายุมากและพี่น้องคนอื่นก็ต่างเรียนจบไปทำงานข้างนอก เธอเลยเป็นตัวหลักดูแลต่อไป ปัญหาหลักที่มีก็คือเรื่องแม่ครัว ต้องเอาใจพอสมควร เวลาแม่ครัวเรียกร้องอะไรเธอก็มักโอนอ่อนผ่อนตาม เวลาแม่ครัวจะขอลาออกก็ยื้อกันพอสมควร ไม่อยากให้ออก หรือถ้ารับแม่ครัวใหม่ก็มักรับทุกข้อเสนอของแม่ครัวเพราะแม่ครัวเป็นมือขวาของเธอ เธอก็พอทำครัวได้บ้างแต่จะไปช่วยตอนร้านอาหารมีลูกค้าเยอะเท่านั้น
อยากเห็นเภสัชที่ไปร่วมงานกับร้านที่มีเจ้าของเป็นเภสัชได้รับการปฏิบัติจากเจ้าของร้านอย่างกับหมอหรือแม่ครัวที่ได้นำมาเล่าข้างต้น แต่จริงๆแล้วคงหาได้ยากสสสส เจ้าของร้านมักจะมีระบบหรือข้อกำหนดที่ตั้งไว้เพื่อผลประโยชน์ของร้านอาจผ่อนปรนบ้างเล็กน้อยในบางร้าน ส่วนมากจะไม่ผ่อนปรนอ้างว่าเพื่อรักษาระบบ บางร้านเอาเปรียบแฝงเร้น เช่นให้ทำงานวันละ10ชั่วโมง พัก2ชั่วโมงเท่ากับว่าเราต้องอยู่ร้านต่อวันมากกว่า10ชั่วโมงเพราะตอนพักหลังจากทานอาหารเสร็จเราจะไปไหน อาจจะมีไปโน่นนี่นั่นบ้าง แต่สักพักก็หมดที่ไปหรือหมดธุระ ก็ต้องกลับมาพักที่ร้าน เภสัชบางคนก็ทานอาหารที่ร้านเลย ถึงแม้จะมีผู้ช่วยและเป็นเวลาพัก แต่เมื่อมีลูกค้าเข้าร้านหลายคน เภสัชจะนั่งดูดายไม่ออกไปช่วยขายก็กระไรอยู่ ลูกค้าเดินมาถามเราจะบอกลูกค้าว่าเป็นเวลาพักไม่คุยด้วยคงไม่มีใครทำแบบนั้น เรื่องเวลาพักอาจจะพักในเวลาหรือพักแค่ชั่วโมงเดียวก็เพียงพอแล้ว อย่างที่เคยเขียนไว้ในหัวข้อ"เจ้าของร้านเป็นเภสัชเอง"ร้านที่เจ้าของไม่เป็นเภสัช งานในร้านไม่เยอะและผลตอบแทนโดยเฉลี่ยค่อนข้างดี ช่วงเวลาทำงานหลายๆร้านให้ทำ8ชั่วโมงรวมพัก ร้านเภสัชหลายร้านให้ทำ9ชั่วโมงรวมพัก การเห็นความสำคัญหรือให้เครดิตเภสัช ร้านที่เจ้าของไม่ใช่เภสัชให้เครดิตเภสัช คล้ายๆร้านรุ่นพี่ที่ผมเคยไปฝึกงานให้เครดิตและแคร์หมอ ร้านที่มีเภสัชเป็นเจ้าของบางคนเห็นเภสัชที่มาร่วมงานอยู่ในสายตาไม่มากเท่าเจ้าของร้านที่ไม่ใช่เภสัช น้องๆเพื่อนๆจะเลือกไปทำงานกับเจ้าของร้านแบบไหนคำตอบอยู่ในใจของแต่ละคน
:เงื่อนไขทางกายภาพและความรู้สึกส่วนตัว
ไปสำรวจดูเวบหางานของเภสัชและหาเภสัชทำงานรวมทั้งแขวนป้ายด้วย มีตำแหน่งงานว่างมากมาย ไม่รู้ว่าเภสัชไปอยู่ที่ไหนทำให้มีเจ้าของกิจการออกมาตามหาเภสัชกันวุ่นวาย แต่ก็มีหลายๆกิจการมีเภสัชไปออกันอยู่ตรงนั้นหลายคนสังเกตจากการที่เจ้าของงานมีเงื่อนไขที่ตั้งเป็นกำแพงเพื่อคัดกรองเภสัช (ตรงกันข้ามหลายๆเจ้าของงานขอให้มีเภสัชมาสมัครเถอะรับหมดไม่มีเงื่อนไข) เงื่อนไขก็เดิมๆเป็นเงื่อนไขทางกายภาพและความรู้สึกส่วนตัว เช่นอายุ เพศ เจ้าของร้านเป็นรุ่นน้องไม่กล้ารับรุ่นพี่มาร่วมงานด้วย เป็นอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวไม่เกี่ยวกับว่าทำงานได้หรือไม่ บุคคลิกภาพของผู้จะมาร่วมงานไม่ถูกใจคนให้งาน ก็เป็นอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวไม่เกี่ยวกับว่าทำงานได้หรือไม่อีก เจ้าของงานบางคนบอกเภสัชบ้านอยู่ไกลเลยแทงกั๊กจะรับไว้พิจารณาก่อน เภสัชเขามาสมัครได้เขาก็มีปัญญาหาทางมาทำงานทันจนได้ไม่ต้องไปคิดแทนเขา สงสัยกลัวที่จะต้องจะช่วยเรื่องที่อยู่มันจะเป็นภาระกระเป๋าตัง ไม่รู้ป่านนี้พิจารณาเสร็จแล้วหรือยัง น้องๆและเพื่อนๆครับผมให้หลักอย่างนี้ ไปสมัครกับเจ้าของงานที่เขาแคร์และให้เครดิตเรา เวลาพูดคุยกันก็จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เจ้าของงานมีต่อเรา และเลือกทำกับเจ้าของงานที่ไม่มีเงื่อนไขทางกายภาพและความรู้สึกส่วนตัว ดูที่เขาอยากได้เราไปทำงานโดยมีผลตอบแทนสอดคล้องกับที่เคยบอกไว้
สรุป 1.รับเข้าทำงานเพื่อให้เราได้แสดงฝีมือโดยไม่มีเงื่อนไขไร้สาระ(ใครว่ามีสาระก็งมงายต่อไป)
2.แคร์และให้เกียรติเภสัช(แต่เราต้องทำตัวให้น่าเชื่อถือด้วย)
3.ผลตอบแทนสอดคล้องกับที่เคยบอกไว้

:ปีศาจในคราบนักบุญ
-เนื้อหาเรื่องราวต่อไปนี้ ไปลอกเขามาเพราะถูกใจ จุดมุ่งหมายของคนที่เขียนเรื่องนี้คงต้องการความเป็นธรรม มีเมตตาต่อผู้บ่วยที่เป็นชาวบ้านที่มาหาซื้อยา ส่วนผมขอเพิ่มเติมว่าถ้าคนขายเป็นเภสัชต้องมีจรรยาบรรณด้วย เชิญติดตาม
การขายยาที่จะเล่าเป็นตัวอย่างต่อไปนี้ ต้องบอกว่า คนขายยาที่ดีๆก็ทำแบบนี้แต่คนขายยาที่หวังแต่จะทำยอดขายก็ทำแบบเดียวกัน จึงเป็นเรื่องที่ชาวบ้านต้องตกเป็นเหยื่อคนขายยาบางคน

นายaเดินเข้าไปซื้อยาเรียกหาบางตัวเพื่อมารักษาอาการคล้ายโรคกระเพาะแผงละ5-7บาท คนขายยาที่ดีและไม่ดีบางคนจะทำเหมือนกันแต่ใจคิดไม่เหมือนกัน นั่นคือสอบถามอาการเจ็บป่วยเพิ่มเติม ถ้ามีแนวโน้มจะเป็นโรคกระเพาะจริงก็ต้องมียาเพิ่มเติมในจำนวนที่คนไข้พอจะจ่ายได้คิดง่ายๆไม่ควรเกิน50-60บาทถ้าคิดจะช่วยคนไข้จริงๆหรือถ้าคนไข้ไม่มีเงินจริงๆบางครั้งก็ต้องเป็นการกุศลไป แต่พวกนักทำยอดนอกจากจัดเต็มแล้วยังจัดหนักด้วยค่ายาชิวๆเกินร้อยแน่


นส.bมาซื้อยาแก้ท้องเสียเป็นยาธาตุขวดละ40บาทแน่นอนคนขายยาทั้ง2ประเภททำเหมือนข้างต้น ในเคสนี้ถ้าท้องเสียเนื่องจากติดเชื้อจริงๆยาฆ่าเชื้ออย่างเดียว1แผงกับorsประมาณ4-5ซองยาอื่นที่ไม่จำเป็นตัดไปค่ายาไม่เกิน50บาทพอแน่ยิ่งถ้าท้องเสียแค่แพ้นมหรืออาหารรสจัดยาห้ามถ่ายหริอคาร์บอน1แผงก็ไม่เกิน20บาทถูกกว่ายาธาตน้ำขาวขวดใหญ่บางยี่ห้ออีก แต่ถ้านักทำยอดก็เหมือนเดิมจัดเต็มและหนัก

แม้แต่บางเคสที่เราไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้ในร้านยา เพียงแค่คำแนะนำให้ผู้ป่วยไปโรงพยาบาลหรือบอกชื่อโรงพยาบาลของรัฐที่ชำนาญในโรคของผู้ป่วยก็เพียงพอแล้ว แต่นักทำยอดต้องมีจัดวิตะมิน อาหารเสริมสารพัดเพื่อทำยอดตามเคย นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆน้อยๆที่หลายคนรู้ซึ้งกันดีอยู่แล้วและสามารถแยกแยะได้เองว่าคนขายยาแบบใดคือนักบุญหรือปีศาจในคราบนักบุญ

คนขายในคราบปีศาจบางคนยังมาคุยโม้ถึงความสำเร็จในการขายจนเปิดไปแล้วหลายสาขา ถุย!!!
ผู้ตั้งกระทู้ KC :: วันที่ลงประกาศ 2014-05-15 00:08:45

ผมขอปิดท้ายอีกนิดว่า เจ้าของธุรกิจบางคนมีเหน็บแนมว่าถ้าขายยาไม่ได้ยอดแล้วจะเอากำไรที่ไหนมาจ้างเภสัช ผมขอชี้แจงว่าขายยาตามปรกติมีกำไรเหลือพอที่จะจ้างเภสัชได้และมีเงินเหลือพอดำรงชีพครับและถ้ามีชนิดสินค้าหลากหลายมากขึ้นยอดขายจะมาเองตามธรรมชาติความต้องการของลูกค้าโดยไม่ต้องไปยัดเยียดยาให้เป็นภาระการจ่ายเงินของลูกค้าและการกินยาที่ถูกยัดเยียดมา
:ผู้มีอำนาจ
-ในที่นี้หมายถึง เจ้าของธุรกิจ เจ้าของเงิน ผู้บริหาร หรือคนที่สั่งให้เราซ้ายหันขวาหันได้ หลายๆธุรกิจยาก็จะมีกรอบการทำงาน เป้าหมายและระเบียบปฏิบัติขององค์กรตามที่ผู้มีอำนาจกำหนด แต่ก็มีธุรกิจยาประเภทร้านยาบางแห่ง ปัจจุบันมีแบบนี้หลายร้านที่กำหนดวิธีการทำงานชนิดลงลึกในรายละเอียดวิธีการขายยากับลูกค้าในเคสต่างๆจนสามารถพูดได้ว่า เภสัชที่ไปทำงานด้วยเป็นเสมือนเพียงแค่แขนขาของผู้มีอำนาจในร้านยาเท่านั้นโดยเฉพาะร้านที่มีเภสัชเป็นเจ้าของ ทุกอย่างทุกขั้นตอนในการทำงานและการขายยาเขากำหนดมาหมดแล้ว เราต้องเข้าไปอบรมก่อนจะออกมาทำงาน อาจจะได้คิดตัดสินใจบ้างแต่ไม่บ่อยนักก็อย่างที่บอกไว้แต่แรกว่าเจ้าของร้านที่เป็นเภสัชเขาได้กำหนดวิธีทำงานมาหมดแล้วจากความรู้และประสบการณ์ของเขาจนร่างขึ้นมาเป็นเนื้อหาให้เราได้อบรมก่อนเข้าทำงาน ทุกอย่างเพื่อเป้าหมายคือผลประโยชน์สูงสุดของร้านและการทำงานที่เป็นรูปแบบเดียวกัน แน่นอนเขาเป็นเจ้าของเขาจะทำอย่างไรก็ได้เพราะมันร้านของเขา แต่ก็ยังมีอีกหลายร้านที่ให้อิสระในการทำงานตามวิชาชีพและประสบการณ์ความสามารถของเภสัชแต่ละคนซึ่งมักจะพบได้เป็นส่วนมากในร้านที่ไม่ใช่เภสัชเป็นเจ้าของ ร้านกลุ่มนี้จะแคร์เภสัชมากกกว่าร้านที่เภสัชเป็นเจ้าของเพราะร้านที่เภสัชเป็นเจ้าของเป็นเภสัชเหมือนกันไม่มีไรแตกต่างไม่มีเราเขาก็อยู่ได้ ลูกค้ายังได้ประโยชน์จากเภสัชเหมือนเดิมเพราะเภสัชเป็นเจ้าของ แต่กับร้านที่ไม่ใช่เภสัชเป็นเจ้าของถ้าเภสัชไปทำงานด้วยลูกค้าจะได้ประโยชน์แน่ เจ้าของร้านเขาก็ต้องการเราเพราะเขาไมใช่เภสัช ดังนั้นเขาจึงแคร์เรามาก และไม่มากำหนดโน่นนี่นั่นให้วุ่นวายจนเภสัชไม่มีอิสระทางความคิดและการทำงาน เรี่องการอยู่แบบพี่แบบน้องไม่ต้องมาอ้างกันที่ไหนๆเขาก็อยู่แบบนี้ และถ้าถึงคราวมีปัญหาทางธุรกิจ ความเป็นพี่เป็นน้องก็ช่วยไม่ได้เพราะเจ้าของคงต้องเอาธุรกิจไว้ส่วนพี่หรือน้องเภสัชไปหางานใหม่ทำที่อื่นก่อนนะ55555จะเลือกทำงานกับร้านแบบไหน ถ้าคิดและตัดสินใจได้เอง(มีประสบการณ์จบมาหลายปีแล้ว)หรือยังคิดและตัดสินใจไม่ได้(อาจเพิ่งเรียนจบ)ก็เลือกร้านให้ตรงกับความต้องการนะพี่น้อง
:ตัวถ่วงความเจริญขององค์กร
ชัดๆไม่ต้องเสียเวลาว่าหมายถึงใครอะไรยังไง ตอบแบบฟันเปรี้ยงลงไปเลย ก็คือพวกที่สัมภาษณ์พูดคุยคัดคนเข้าทำงานโดยไม่เคยเห็นหรือให้โอกาสคนที่มาสมัครงานได้แสดงฝีมือเลย และมักจะอ้างวิชาการประสบการณ์หลักการโน่นนี่นั่นแล้วก็สรุปเลยว่าคนนี้เหมาะคนนี้ไม่เหมาะจะมาร่วมงานกับบริษัท ขอเรียกว่าคนสัมภาษณ์พวกนี้"มโน"เอาเองทั้งนั้นจริงก็ได้ไม่จริงก็ได้เพราะมันคือ"มโน" ผู้สมัครหลายๆคนพูดเก่งบ้างไม่เก่งบ้าง เล่าเรื่องหรือลำดับความได้น่าฟังไม่น่าฟังต่างกัน หลายๆเหตการณ์ที่ผู้สมัครเล่าให้ฟังก็จะเล่าแบบสรุปเฉพาะประเด็นบางประเด็นที่คนสัมภาษณ์ฟังแล้วอาจเห็นว่าในเหตุการณ์ที่ผู้สมัครคนนั้นเล่า ผู้สมัครทำไมทำแบบนั้นหรือทำไม่ถูกในความคิดของผู้สัมภาษณ์ ซึ่งความจริงแล้วในเหตุการณ์มักจะมีรายละเอียดปลีกย่อยหรือตัวแปรตัวบังคับที่ทำให้ผู้สมัครต้องทำแบบนั้นในเหตการณ์นั้น และอาจจะเป็นการกระทำที่ถูกต้องก็ได้ซึ่งเมื่อใครอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นก็ต้องทำอย่างนั้น แม้แต่ตัวผู้สัมภาษณ์ แต่การเล่าเรื่องแบบไม่ให้เยิ่นเย้อหรืออาจจะเล่าไม่เก่งทำให้ผู้สัมภาษณ์"มโน"ไปแบบผิดๆ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของการตัดสินใจที่ผิดพลาดของคนสัมภาษณ์ที่ฟังแต่คำบรรยาย ถ้าคนสมัครคนนั้นได้มีโอกาสแสดงฝีมือการทำงานก็ไม่แน่ว่าสิ่งที่เขาทำอาจทำให้เราต้องยอมรับความสามารถในการทำงานแล้วไม่ต้องไปสนใจสื่งที่เขาเคยเล่า องค์กรอยู่ได้ด้วยผลงานครับไม่ใช่เรื่องราวในอดีตของคนมาสมัครงาน ผู้สัมภาษณ์บางคนยังมโนต่อว่า ถ้านิสัยและพฤติกรรมแบบนี้อาจจะทำให้องค์กรเสียหายได้ มโนได้เด็ดขาดจริงๆ คิดไปเรื่อย สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและเพื่อนร่วมงานของแต่ละหน่วยงานมันเหมือนกันที่ไหนเล่า อีกอย่างคนเรามันก็ต้องมีการปรับตัวไปตามสภาพแวดล้อมอยู่แล้ว ดังนั้นการคัดคนที่ได้แสดงฝีมือในการทำงานให้เป็นที่ประจักษ์จึงเป็นคำตอบสุดท้าย ส่วนพวกที่ยึดติดกับคำบรรยายแล้วมโนผิดๆซึ่งมีทั้งพวกหัวหงอกหัวดำ กรรมจะตกกับองค์กรท่านเอง
:ยังมีบางเรื่องที่ไม่ได้โพสในกระทู้นี้ ถ้าสนใจก็ติดตามอ่านได้ในกระทู้"เบื่อจุงเบย...."อยู่ในหน้า 1++.....http://www.pharmacafe.com/board/viewtopic.php?f=15&t=47256&start=45[%2Fb][%2Fcolor][%2Fsize

Re: update ค่าตัวเภสัช ปัจฉิมลิขิต ขอบคุณที่สนใจ

โพสต์โพสต์แล้ว: 01 ก.พ. 2014, 09:35
โดย rx-racer
ดันฮะ

Re: update ค่าตัวเภสัช ปัจฉิมลิขิต ขอบคุณที่สนใจ

โพสต์โพสต์แล้ว: 11 มิ.ย. 2014, 19:53
โดย เมจิก พี
:กระแส"พนักงานอ๊อฟฟิตยังแข็งแรงยิ่ง"
เคยซาๆไปพักหนึ่งเมื่อประมาณก่อนปลายปีที่แล้ว พอมาถึงปีนี้กลับมาแรงอีกครั้งหนึ่งและดูเหมือนจะหนักข้อกว่าเก่าเพราะมีหลายธุรกิจ นิยมในเรื่องการจำกัด เพศและอายุในการรับเข้าทำงาน โดยเฉพาะเรื่องเพศ ด้วยเหตุผลน้ำเน่าเดิมๆ เป็นสินค้าพวกเวชสำอางค์หรือสินค้าเกี่ยวกับผู้หญิง ถ้าเราลองเทียบเคียงกับงานที่มักมีผู้หญิงเป็นเอกเช่นงานครัว เดี๋ยวนี้เชฟเก่งๆก็ผู้ชายทั้งนั้น คงเคยดูเชฟกระทะเหล็กไทยแลนด์ใช่ไหม ก็เห็นชัดว่าเชฟผู้ชายเขาเก่งจริงๆ หรืองานคอสตูมเสื้อผ้าหน้าผม คนจัดการก็เป็นผู้ชายหลายท่านหรือสไตล์ลิสต์และดีไซน์เนอร์เสื้อผ้าผู้หญิงหลายๆคนก็เป็นผู้ชาย ดังนั้นเรื่องเพศไม่ใช่อุปสรรคในการทำงานเลย ถ้าอย่างนั้นหมอสูติทำไมไม่ห้ามผู้ชายเรียน??? อย่ามาอ้างเลยว่าที่ร้านมีแต่ผู้หญิง เคยมีข่าวเภสัชชายปล้ำคนในร้านที่เป็นหญิงไหม ส่วนเรื่องอายุไม่เกินเท่านั้นเท่านี้ เจ้าของร้านบางคนอ้างว่าถ้าเกินต้องขอดูเป็นรายๆไป อันนี้เป็นการพูดนอกรอบในระเบียบการสมัครไม่ได้เขียนไว้ว่าถ้าอายุเกินต้องดูเป็นรายๆไป แต่เจอถามเลยตอบเพื่อให้ตัวเองดูดีแต่จะรับไม่รับถ้ามีคนจ้องจับผิดแกคงรับมั้ง หรือยังไงก็ไม่รับเพราะ
1.กลัวว่าปกครองยาก
2.เงินเดือนน่าจะแพง
3.เกรงใจเพราะเป็นรุ่นพี่
4.หัวหน้าหรือทีมงานอายุน้อย(เลยทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง สกัดกั้นไม่ให้ผู้มีประสบการณ์แต่มีอายุมากกว่าทีมงานเข้ามาทำความเจริญให้บริษัท)
ฯลฯ

เภสัชกรที่เป็นผู้มีหน้าที่ปฎิบัติการ บุคคลิกและการทำงานต้องดูน่าเชื่อถือ ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์(รวมทั้งวาทะศิลป์ด้วย)จรรยาบรรณและคุณธรรม เป็นบุคคลากรที่มีคนยกย่องนับถือในชุมชน เป็นระดับหัวแถวในหน่วยงาน เภสัชกรไม่ใช่พนักงานอ๊อฟฟิต การใช้กฎระเบียบของพนักงานอ๊อฟฟิต(รวมทั้งการใช้พนักงานอ๊อฟฟิตที่ไม่ได้รู้เรื่องวงการยาหรือวงการร้านยามาคัดเภสัชเข้าทำงาน)มากำหนดในการรับเภสัชเข้าทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่่องจำกัดอายุ การกำหนดเพศ(เภสัชกรสามารถเรียนรู้งานชายงานหญิงสินค้าชายสินค้าหญิงและทำได้ดีโดยเพศไม่ใช่อุปสรรค) การเก็บค่ารับประกันความเสี่ยง เป็นต้น มันเป็นเรื่องของการรับพนักงานอ๊อฟฟิต มันต้องใช้กฎเกณฑ์ให้ถูกกับเรื่อง เปรียบเหมือนมีมีด1เล่มใช้หั่นผัก ก็จะใช้ตัดต้นมะม่วงด้วย ตัดผ้าด้วย ตัดสังกะสีด้วยในเล่มเดียวกันแล้วมันถูกไหมล่ะ ไอ้หลักบริหารเดิมๆความคิดเดิมๆที่ไม่แยกแยะว่าใครเป็นใครมันก็ผิดแต่แรกแล้ว มันไม่มีใครแย้งก็เลยจมปลักอยู่ในวงจรอุบาท ไม่มีใครกล้าคิดนอกกรอบ มัวแต่ไปเชื่อไอ้หลักบริหารที่ฝังหัวกันมานาน ไอ้หลักบริหารพวกนั้นถ้ามันดีจริงมันจะบริหารจนเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งได้อย่างไร แล้วยังวิกฤติทางเศรษฐกิจในกรี๊ซอีกล่ะ รวมทั้งวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในอเมริกาด้วย อย่างทีบอกเรื่องการกำหนดอายุ ถามว่าถ้าเราจะติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง หลักสามัญสำนึกง่ายๆ เราอยากติดต่อกับผู้มากประสบการณ์แต่ดูอาวุโสหรือไม่ เวลาญาติผู้ใหญ่ป่วยอยากพบอาจารย์หมอไหม เอารถไปซ่อมอยากได้ช่างเด็กหรือช่างมากประสบการณ์ ประสบการณ์ในแต่ละงานมันต้องใช้เวลาสร้างสม คนมีประสบการณ์และความสามารถมันก็ต้องดูมีอายุ และเมื่อเขายังมีสุขภาพดี มันก็ไม่ใช่ปัญหาในการทำงาน กลับยิ่งทำให้งานดูน่าเชื่อถือในสายตาของประชาชนทั่วไป
ใครที่เห็นด้วยกับกฎระเบียบพนักงานอ๊อฟฟิตก็เป็นสิทธิ์ของท่านเป็นอำนาจของท่านเป็นเรื่องของท่าน
ความจริงยิ่งกว่าจริงอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ใบประกอบโรคศิลป์ที่หลายๆธุรกิจยามึความต้องการเป็นอย่างยิ่ง แต่มันไม่มีความหมายเลยกับเจ้าของธุรกิจที่บ้าคลั่งระเบียบพนักงานอ๊อฟฟิต มีรายชื่อบริษัทพวกนั้นครับไม่แน่อาจจะนำเสนอในโอกาสต่อไป ถ้าเพื่อนๆอายุเกินและ/หรือเป็นเพศชาย เจ้าของธุรกิจเขาไม่เอาเลยครับใบประกอบถ้าเราอายุเกินหรือและเป็นชายครับพี่น้อง เขายึดกฎระเบียบพนักงานอ๊อฟฟิตเป็นใหญ่ครับ ดังนั้นถ้าอยากมีโอกาสงานมากๆผมแนะให้ไปแปลงเพศครับและไปบอกที่เขตหรืออำเภอว่าห้ามเพิ่มอายุในบัตรประชาชน จะได้ไม่แก่เกินที่เขากำหนดครับ55555555555+++
แต่อยากถามเพื่อนๆเภสัชมนุษย์เงินเดือนที่ยังไม่มีร้านของตัวเองว่า ในเมื่อ เจ้าของธุรกิจบางท่านรวมทั้งพวกเภสัชที่ได้ดิบได้ดีแล้วไม่ช่วยupgrade statusของเพื่อนร่วมวิชาชีพ มองเภสัชโดยใช้กฏเกณฑ์พนักงานอ๊อฟฟิต แต่ผู้ที่มาซื้อยามองเราเป็นผู้มีวิชาชีพเรียกเราว่าหมอ(ยา) เพื่อนๆเภสัชอยู่ตรงกลางจะยอมเป็นพนักงานอ๊อฟฟิต หรือเรามีใบประกอบเปิดร้านเองเป็นหมอ(ยา)เต็มตัว ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทุนเปิดร้าน หลายๆสถาบันการเงินมีโครงการsme เพิ่อการนี้อยู่แล้ว จะยอมให้คนพวกนั้นมาใช้กฎระเบียบพนักงานอ๊อฟฟิตกดหัวเราไปถึงไหน

Re: update ค่าตัวเภสัช ปัจฉิมลิขิต ขอบคุณที่สนใจ

โพสต์โพสต์แล้ว: 21 มิ.ย. 2014, 15:59
โดย MyLovelyMommy
ขออัพเดทของเราเพิ่มเติมนะคะ เพราะน่าจะอยู่ในข่ายunder

เราทำงานกับ บ. ฮ อ มาสามปีละค่ะ
สตาร์ทเงินเดือน 20000 ค่าใบ 10000 ก็เป็นที่พอใจในตอนนั้น
แต่เงินเดือนขึ้นปีละ 700 :cry: :cry: :cry: ทำมาปีที่สาม ได้ที่21400 บาท
ค่าใบเพิ่งปรับเป็น 12000
ซึ่งเราต่อรองขึ้นเงินเดือน เขาก็เพิ่มด้วยค่าใบแทนนี่แหละค่า
ที่ทนอยู่ได้เพราะต้องอยู่แลพ่อแม่อยู่กับบ้านโยกย้ายไป ตจว ไม่สะดวก ร้านยาตัวเลือกก็ไม่มี H14

Re: update ค่าตัวเภสัช ปัจฉิมลิขิต ขอบคุณที่สนใจ

โพสต์โพสต์แล้ว: 24 มิ.ย. 2014, 22:24
โดย เมจิก พี
TOP THREE
ในมุมมองและความรู้สึกของพวก HR.และเจ้าของธุรกิจหลายคน เขามองเภสัช ไม่ต่างจากพวก เลขา นักบัญชี เสมียน ช่างเทคนิดต่างๆฯลฯก็คือแค่พนักงาน(ขายยา)คนหนึ่งที่มีความรู้เหมือนพวกช่างรู้เรื่องช่างหรือนักบัญชีรู้เรื่องบัญชี ไม่ได้วิเศษวิโสไปกว่าคนอื่นๆ คุณค่าในสายตาถ้าเทียบกับที่ลูกค้าหรือคนไข้มองเรามันต่างกันราวกับ "ยอดไม้กะใบหญ้า" นี่ถ้าไม่ได้เหล่าเภสัชกรในโรงพยาบาลซึ่งเป็นอีกภาพหนึ่งของเภสัชกรที่ดูมีเกียรติช่วยไว้ ทำให้ภาพลักษณ์ของเภสัชกรยังพอดูได้อยู่ จึงต้องย้อนกลับมาถามพวกเรากันเองว่า คิดว่าพวกเรายังอยู่ในกลุ่ม "TOP THREE" ที่มีแพทย์ ทันตะ เภสัช อยู๋ไหม หรือเราไม่มีอันดับใดๆและเป็นแบบที่พวกHR.มอง เขาอาจจะปฎิเสธด้วยคำพูดก็ได้ว่าเขาไม่ได้มองแบบนั้น แต่สิ่งที่เขากระทำมันเป็นหลักฐานว่าเขามองแบบนั้น แต่ไม่สำคัญอยู่ที่พวกเราต่างหาก ถ้าเราคิดว่าเรายังอยู่ในกลุ่ม"TOP THREE"มีเกียรติเป็นที่นับถือ เป็นบุคคลากรทางการแพทย์ระดับหัวแถวไม่ใช่พนักงานอ๊อฟฟิต ก็ต้องไม่ยอมรับกฏระเบียบพนักงานอ๊อฟฟิต นั่นคือการคัดสรรพวกเราเข้าทำงานต้องดูที่ความรู้ความสามารถความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆโดยไม่มีเรื่องจำกัดเพศจำกัดอายุต้องมีการค้ำประกันฯลฯ ถามอีกครั้งว่าพวกเราพร้อมจะหลุดพ้นจากการคัดสรรเภสัชโดยใช้กฎระเบียบพนักงานอ๊อฟฟิตไหมถ้าพร้อมก็ต้องร่วมใจกันไม่ไปสมัครงานกับบริษัทที่ใช้กฎระเบียบพนักงานอ๊อฟฟิต แต่ถ้าคิดว่าเราก็ไม่ต่างจากพวกเลขา นักบัญชี เสมียน ช่างเทคนิดต่างๆฯลฯก็แล้วแต่ใจท่านครับ