มหาวิทยาลัยนเรศวร
* มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก มีชื่อเล่น ว่า มน.(NU)(มอ-นอ)
* เป็นมหาวิยาลัยที่ร้อนและแดดแรงมากๆที่สุดในสยามประเทศ(ร้อนไปได้ไง ซัมเมอร์ 43 องศาและแดดแรงขนาดมีศูนย์พลังงานแสงอาทิตย์)
* เราเรียกนักศึกษาที่นี่ ว่า นิสิต
* บัตรนิสิตเป็นบัตรที่เราไม่อยากจะให้ใครได้เห็นเพราะรูปนั้นมันนรกมาก ช่างกล้องที่ถ่ายบัตรช่างเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการถ่ายรูปอย่างสูงจริงๆ
* สิงที่นิสิตเคารพบูชาที่สุดคือพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในท่าประทับนั่ง พระหัตถ์ขวาทรงสุวรรณภิงคารหลั่งทักษิโณทก เราเรียกที่นี่ ว่า ลานสมเด็จ
* ลานสมเด็จนี่เองจะมีช่วงคึกคักมากๆที่สุดในรอบปี คือ สอบมิดเทอม และช่วงสอบไฟนอลเท่านั้น
* สิ่งที่นิสิตมักบน สมเด็จเสมอคือ
o วิ่งรอบลานสมเด็จ(เมื่อก่อนเล็กกว่านี้ ปัจจุบันขยายกว้างขึ้น)
o ถูลานสมเด็จ (อันนี้สมเด็จท่านอนุโลมให้เอาเพื่อนมาช่วยถูได้)
o ดอกไม้สีสันสวยงามต่างๆ
o ตุ๊กตาไม้ที่เป็นช้าง ม้า และไก่ชน (เท่านั้น)
* ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัย คือ ดอกเสลา ซึ่งเป็นดอกไม้ศักดิ์สิทย์มากๆ บางคนเรียนมา สี่ปียังไม่เคยเห็นดอกเสลาซะที
* หน้ามหาวิทยาลัย ยังทำนา และเลี้ยงเป็ดอยู่ ถนน หน้ามหาวิทยาลัย บางทีชาวบ้านก็เอาข้าวเปลือกมาตากซะงั้น
* นิสิตมน.เกือบทุกคนต้องรู้จักเจ๊เสริฐ(กะเทยสมรภูมิที่ขายกับข้าวตามสั่ง)
* มน.มีชาไข่มุกของป้าที่อร่อยสุดๆของแคว้นแดนไทย ซึ่งในกรุงเทพยังหากินได้อร่อยไม่เท่า
* ช่วงใกล้รับปริญญาคนสวนของมหาลัยจะมีอิทธิปาฏิหาริย์สามารถเนรมิตพื้นที่และดอกไม้ให้สวยได้ภายใน3-4วัน
* และช่วงรับปริญญานี่เองเป็นช่วงที่น้องหมาสุดรักประจำคณะต้องเก็บตัว
* คณะเราต้องเรียกพี่ยามเท่านั้น ห้ามเรียกลุงยาม แกบอกว่าแก่ไป พี่ก็พอ
* พาหนะที่ใช้มากที่สุด คือ รถ มอเตอร์ไซต์ และรถวิ่งรอบมอ เมื่อก่อนเราเรียกว่ารถส้ม ปัจจุบันมันเป็นรถไฟฟ้าไปซะแล้ว
* ใครขับรถรอบม.ตอนเที่ยงๆถึงบ่าย สาม สิ่งที่คุณได้รับอย่างไม่น่าเชื่อ คือ สีผิวเปลี่ยนได้ทันตาเห็น และคุณจะกลายเป็นลูกครึ่งผมแดง ทั้งที่พ่อแม่คุณเป็นคนไทย
* ตอนที่ยังไม่เป็นหวยบนดิน นิสิตสามารถแอบซื้อหวยได้กับป้าแม่บ้าน
* สะพานลอยหน้ามหาลัยมีไว้ให้มอเตอร์ไซต์หลบฝน และนิสิตไว้หลบแดดตอนรอรถเท่านั้นไม่ได้มีไว้ใช้ข้าม
* มนุษย์เพศชายในคณะมนุษย์ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่น่าสงสัยว่าเป็นมนุย์กึ่งชาย
* มน.มีการแข่งขันประกวดดนตรี เราเรียกมันว่าNU VOICE
* มน. มีระบบ SOTUS เด็กปีหนึ่งต้องผ่านการว้าก และการเข้าห้องเชียร์มาอย่างโชกโชน ซึ่งทางอาจารย์ก็พยายามหาทางควบคุมให้อยู่ใน limit ที่พอควรมาตลอด แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จนกระทั่งเกิดเรื่องนศ.ม.เกษตร ฆ่าตัวตาย เนื่องจากทนไม่ได้กับการรับน้อง
* น้องปีหนึ่งจะต้องแต่งตัวถูกระเบียบ น้องผู้หญิงใส่เสื้อนิสิตที่เชยที่สุด คือเสื้อไม่มีสาบ ติดกระดุมคอ กระโปรงคลุมทรงเอคลุมเข่าสีดำ รองเท้าหุ้มส้นสีดำ ห้ามมีลวดลาย น้องผู้ชายใส่เชิตขาวแขนยาว ผูกไทด์สีเทา กางเกงสแล็ค รองเท้าหนัง
* กระดุมคอและเนคไทด์ของน้องปีหนึ่ง จะได้รับการปลดให้โดยพี่รหัส เมื่อปิดห้องเชียร์เรียบร้อยแล้ว
* ชุดพิธีการของมน.หมายถึง ชุดที่ใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ ซึ่ง คือการแต่งกายถูกระเบียบ แต่เปลี่ยนจากกระโปรงและกางเกงสีดำ เป็นกระโปรงและกางเกงสีเทาแทน
* ช่วงเทอมหนึ่ง น้องปีหนึ่งทุกคนจะได้รับการบอกกล่าวให้ไหว้รุ่นพี่และอาจารย์ที่เดินผ่าน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อรุ่นพี่หรืออาจารย์เดินผ่านหรือขับรถ ผ่านจะมีน้องๆซึ่งแต่งตัวถูกระเบียบไหว้และร้องทักว่า "พี่คะ/ครับ สวัสดีค่ะ/ครับ"
* ช่วงก่อนเปิดเทอม 1 จะมีการจัดค่ายให้น้องๆ ปี 1 มาอยู่รวมกันทำความรู้จักกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน เรียกว่า "begining Camp" โดยน้องปีหนึ่งจะได้รับการบายศรีสู่ขวัญ และผูกข้อมือ
* ครุยมน. เป็นครุยผ้าโปร่งสีขาว มีแถบสีเทา-แสด อันเป็นสีประจำมหาวิทยาลัย มองเผินๆคล้ายกับชุดพระยาแรกนาขวัญ (อันนี้เพื่อนชอบแซว) ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระเทพฯ ในช่วงธ.ค.- ม.ค.
* ช่วงรับปริญญาที่มน. เป็นช่วงที่คึกคัก และทำให้การจราจรติดขัดที่สุด
* ชื่อเดิมของ มน.คือ "มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขต พิษณุโลก"
* ที่นั่งเล่น ออกกำลังกายในมอนอ มี 2 แห่งคือที่โอเอซิสหรือที่เรียกอีกชื่อว่า เทเลทับบี้ ใครนึกไม่ออกจินตนาการถึงสนามหญ้าที่พวกเทเลทับบี้ชอบออกมาเต้น กับอีกแห่ง คือ อ่างเก็บน้ำ ที่นี่มักมีคนไปให้อาหารปลาด้วย
* มีผับที่แทบจะติดรั้วของมหาลัย ประมาณห้าเมตรได้ (toxic)
* ไอติมทอดข้างมอร้าน "กิ่งแก้ว" (เอ๊ะ หรือเปล่า - -*)ป้าคนขายเป็นคนขี้ลืมมากๆ ถ้าไม่จดวให้ป้าแก ป้าแกจะลืมทำ หรือถ้าไม่จด เวลาคิดเงิน ป้าแกจะถามว่า สั่งไรบ้าง เดินไปก้าวนึง ก็จะถามคำถามเดิม เดินอีกก้าว ก็ถามใหม่จนกว่าจะถึงเก๊ะเก็บตังค์ -*-
* ไก่ทอดร้าน กะต๊าก (หรือกะโต๊กนี่แหละ) อร่อยม้ากๆๆ อร่อยกว่า KFC อีก !!!
* มีโลโก้ประจำม.ก็คือ ยุงที่มีมือซ้ายกางร่ม มือขวาครีมกันแดด (ยุงเยอะมากกกกกกก แดดแรงมั่ก )
* รถไฟฟ้าที่วิ่งรอบมหาวิทยาลัยจะเรียกสั้นๆว่า " โดเรม่อน" หรือ "เตาอบเคลื่อนที่ "
* นิสิตหอ ญ(เก่า) ส่วนใหญ่จะรู้จัก " ยามจอย "(ดุมาก)
* ลานสมเด็จจะคึกคักช่วงก่อนสอบ และจะมีควันธูปตลบอบอวนอยู่ตลอดเวลา
* เด็กปี 1 ผู้ญ จะต้องโดน "รองเท้าคัดชูกัด" แทบจะทุกคน
* นิสิตที่รหัส 46-47-48-49 มักจะรู้จัก " พี่โฟน "(แกดังจริงๆนะ)
* แทบจะทุกคนจะต้องได้ไปเรียนที่ตึก MD
* ตลาดนัดทุกวันอังคาร จะเป็น center point ของเด็กมน.จะมีขายทุกสิ่งอย่าง ผักสด, เสื้อผ้า ,สุนัข ฯลฯ และเป็นศูนย์รวมแฟชั่น
* ที่นี่จะขับรถเหมือนเวียดนาม ก็คือ ไม่มีไฟเขียวไฟแดง นึกจะเลี้ยงก็เลี้ยว นึกจะปาดก็ปาด ไฟเลี้ยวไม่เปิด
* ที่นี่จะมีอยู่ 2 ฤดู ก็คือ ร้อน กับ ร้อนอิ๊บอ๋าย.. - -*
* วิศวะชอบไปกินข้าวที่โภชนาคาร เวลาไปกินที่โภนิ จะเจอพวกนี้เยอะมากกก..
* ทางหลังม. ตรงทางแยก ถนนตรงนั้นจะไม่สามารถซ่อมได้ และ สามารถเลี้ยงปลาได้
* -ประตูทางออกตรงคลองหนองเหล็ก ส่วนใหญ่เค้าจะเรียกว่า " ป่าดงดิบ "
* เทเลทับบี้มีไว้ให้ลูกหมาวิ่งเล่น
* ที่ฟิตเนสจะมีพวก กึ่งๆชายกึ่งหญิง ตัวล่ำขาวๆ มักจะเล่นอยู่ประจำ
* อ่างเก็บน้ำมีไววิ่งออกกำลังกาย และ ให้อาหารปลา
* รถไฟฟ้า เปิดประทุน ช่วงเย็น ถ้าคุณจะนั่ง คุณต้องไปขึ้นที่ตรงเก็บรถ
* 7-11 ตรงโภ จะมีไว้ให้นิสิตหญิงใช้เท่านั้น!!
* อ.ผู้ชายที่หน้าตาดีที่สุดของมหาวิทยาลัย อยู่ที่คณะเภสัช หน้าตาดีเป็นจำนวนมาก ด้วย จนไม่น่าเชื่อว่า เป็นศูนย์รวม อ.หน้าตาดีอะไรได้ขนาดนี้ แต่80เปอร์เซนต์ของอาจารย์ที่ว่ามา เป็น.....
* มีลานเทเลทับบี้ อยู่ใกล้หอสมุด
* ตรงลานเทเลทับบี้ เด็ก มน.หลายคนอาจไม่ทราบมีการปลูกต้นไม้ประจำจังหวัดของทั้ง76จังหวัด ปลูกเรียงกัน เป็นแผนที่ประเทศไทย
* บริเวณตลาดหลังมอ เรียกอีกอย่างว่า ตลาดปอยเปต เพราะสภาพไม่ต่างอะไรกับตลาดชายแดน
* แยกวัดใจ ตรงหน้าคณะมนุษย
* ลานสมเด็จ โหดร้ายมากๆ ถ้ารุ่นพี่ให้ไปยืนร้องเพลงคณะตอนเที่ยงตรง
* ก๋วยเตี๋ยวไก่ป้าล้อม มามอนอ แล้วไม่ได้กิน เสมือนว่ามาไม่ถึง (ตอนนี้ยังมีรึเปล่าหว่า เพราะโภ1หายไปแล้ว)
* เด็กรุ่นรหัส43 เป็นรุ่นสุดท้าย ที่เกรดไม่มีประจุ (บีบวก ซีบวก ดีบวก)
* รหัส 43 นอกจากเป็นรุ่นสุดท้ายที่เกรดไม่มีประจุ ยังเป็นรุ่นสุดท้ายที่เวลาตกจะได้ "E" แทน "F" ในรุ่นต่อๆ มา
* รุ่นรหัส43 ยังเป็นรุ่นสุดท้ายด้วย ที่รู้จักการต่อคิวลงทะเบียน หลังจากนั้นลงผ่านเนทหมด
* ร้านข้าวต้มอารมณ์ดี ร้านข้าวต้มหน้ามอ เจ้าอร่อย เจ้าของร้านใจดีด้วย
* รพ.มหาลัย ก่อนเปิดเป็นรพ.ในปัจจุบัน เริ่มแรก เปิดเป็นหอหญิงด้วย
* คณะเภสัชศาสตร์ ม.นเรศวร เป็นคณะเภสัชแห่งแรกในประเทศไทย ที่เปิดหลักสูตร6ปี
* รพ. มหาลัยไม่เคยมีห้องเต็ม
* สภานิสิตมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นสภาแห่งแรกที่จดโดเมนเนมเป็นของตัวเองในชื่อ sapanisit.com
* เป็นมหาวิทยาลัยแห่งเดียว ที่คณะเภสัชศาสตร์เป็นคณะบุกเบิกในการถ่ายภาพและที่คณะเภสัชฯ แห่งนี้ มีห้องมืดล่างอัดภาพขาวดำเป็นของตัวเอง
* ในอดีต ไม่มีหอพักชายภายในตัวมหาวิทยาลัย มีแต่หอพักหญิง
* พระรูปสมเด็จพระนเรศวร ทรงคนโฑด้วยพระหัตถ์คนละข้างกับพระรูปที่อยู่ที่ในตัวเมือง
* เป็นมหาวิทยาลัยที่มีตราสัญญลักษณ์สองแบบ คือองค์สมเด็จไว้สำหรับติดในที่สูง และช้างเจ้าพระยาไชยานุภาพไว้ติดในที่ต่ำ (เช่นหัวเข็มขัด)
* วิดวะมี ร้านอาหารข้างใต้ แต่ไปกินโภ 2 เพราะใกล้ กว่าโภ1ตลาดนัด เป็นที่ทำไว้สำหรับจอดรถ ทั้งมหาลัยแล้วให้ นั่งรถไฟฟ้ามาเรียน แต่โดนประท้วง
* ร้านข้าวใต้ตึก EN อาหารที่ฮิต คือ ข้าวไข่เจียว
* ร้านถ่ายเอกสาร ตาตู้ มี ชีท ของ ทุึกคณะทุกวิชา ที่เรียนที่ตึก EN
* อาจารย์ วิดวะ สามารถแจ้งข่าวการสอน ได้ที่ร้านตาตู้
* เมื่อก่อน รุ่นพี่วิดวะพาน้องไปลองของที่วัดจูงนาง
* ตึกวิดวะก่อนสอบ มีแต่นักศึกษาแพทย์ เอากระดูกมาท่อง
* สมัยก่อนลานสมเด็จ ยังไม่กว้าง แก้บนด้วยวิ่งรอบมอ
* คนที่แก้บนด้วยการถูลานสมเด็จคนแรก เป็นเด็กคณะวิดวะ
* ช่วงก่อนสอบและหลังสอบ ผ้าถูพื้นลานสมเด็จไม่เคยแห้ง
* เด็กวิดวะ ถ้าไม่เข้าครอบครูประจำปี จะเรียนไม่จบ
* คณะวิดวะใช่จะมีชายแท้ หญิงแท้มาเรียน เคยมีกระเทย มาเรียนแล้วเรียนไม่ไหวลาออกไปแปลงเพศ
* ปัจจุบัน เจ๊เสริฐ ขายร้านอาหารตามสั่งทิ้งไปแล้ว
* ร้านเช่าการ์ตูนไทเกอร์ ตอนนี้ไทเกอร์เข้าประถมแล้ว
* ประตูหน้ามอ ใกล้ๆ กับศูนย์วิจัยจะเปิดตอนรับปริญญา
* ก่อนที่จะมีลูกระนาด เคยมี เด็กวิดวะเคยแข่ง มอไซค์รอบมอด้วยความเร็วกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
* มีบางคนเรียนจบแล้วยังไม่รู้ว่า มีประตูออกจากมออีก ตรงคณะวิทยาศาสตร์
* มน.เคยมีเรื่องฆ่าเก็บแต้มด้วยแต่มันก็ผ่านไปแล้ว ซึ่งช่วงนั้นนิสิตผวาและกลัวกันสุดๆ
* ข่าวเรื่องฆ่าเก็บแต้ม ถูกปล่อยโดยหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยก่อน
* ช่วงข่าวฆ่าเก็บแต้ม อธิการบดี คะแนนสูงสุด อาจารย์ รองลงมา